กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๗ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกันยายน ๒๕๖๗

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 06-09-2024, 19:56
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 500
ได้ให้อนุโมทนา: 3,308
ได้รับอนุโมทนา 24,997 ครั้ง ใน 988 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๖ กันยายน ๒๕๖๗

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๖ กันยายน ๒๕๖๗


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 07-09-2024, 00:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๖ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ กระผม/อาตมภาพไปทำหน้าที่ในการตรวจประเมินยกหมู่บ้านเขาดิน หมู่ที่ ๑ ตำบลเขาดิน อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี ขึ้นเป็นหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ต้นแบบ โดยไปตรวจประเมินกันที่วัดเขาดิน ซึ่งวัดเขาดินนี่ก็เป็นวัดที่ค่อนข้างจะอัศจรรย์อยู่มาก อันดับแรกก็คือทางด้านอุโบสถของวัด อยู่ในเขตอำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี แต่ด้านพื้นที่ใช้สอย ตลอดจนกระทั่งศาลาตรวจประเมิน อยู่ในเขตอำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี ทั้ง ๆ ที่วัดมีพื้นที่แค่ ๖ ไร่ แต่คร่อมอยู่ ๒ อำเภอ..!

แล้วก็มีการสร้างวัดออกไปในรูปแบบวัดญี่ปุ่น มีเสาโทริ มีอะไรต่อมิอะไรออกไปในรูปแบบของวัดนิกายเซน แต่ว่าเป็นไปเพื่อการ "เรียกแขก" มากกว่า ก็คือไม่ได้ทำเพื่อความสงบระงับ แต่ว่าทำไปเพื่อสนองกิเลสคน ซึ่งอยากมี "จุดเช็คอิน" ในการถ่ายรูป ก็ต้องแล้วแต่อุบายของใครว่าจะดึงคนเข้าวัดกันแบบไหน ? เข้าวัดแล้วจะได้ประโยชน์อะไรไปบ้าง ?

เมื่อทำการตรวจประเมินเสร็จแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ฝากใบคะแนนไว้กับ ดร.พระครูทวี - พระครูศรีรัตนาภิวัฒน์, ดร. (ทวี รตนเมธี ป.ธ. ๖) เจ้าอาวาสวัดพระลอย รองเจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งถือว่าเป็น "เจ้าของที่" เหมือนกัน เพียงแต่ว่าท่านเป็นคณะกรรมการในการตรวจยกหมู่บ้านศีล ๕ ต้นแบบ และเป็นผู้ช่วยเลขานุการของคณะกรรมการด้วย จากนั้นก็วิ่งกลับมา ๔ ชั่วโมงเพื่อมามองหน้าโยมทั้งหลายอยู่ตรงนี้..! ถ้าใครคิดว่าอายุ ๖๖ ปีแล้วยังทำได้แบบนี้ก็ทดลองดู ไม่รู้จะขาดใจตายลงไปวันไหน..?!

ก่อนอื่นก็ขอขอบพระคุณและเจริญพรขอบคุณทุกท่าน โดยเฉพาะคณะของหลวงพ่อเอ (พระมหานันทวัฒน์ เขมธมฺโม ป.ธ. ๖) วัดปากน้ำภาษีเจริญ ที่มาช่วยจัดบายศรีไหว้ครูให้ ซึ่งบายศรีในปัจจุบันนี้ก็ราคาสูงมาก ถ้าขนาดอย่างที่ญาติโยมเห็นนี่ไม่ถึงแสนก็น่าจะตกแปดเก้าหมื่น..! แต่ว่าท่านอาจารย์มหาเอกับคณะศิษย์รับเป็นเจ้าภาพมาหลายปีแล้ว

ส่วนพระภิกษุของเราตลอดจนกระทั่งแม่ชีและโยมวัด ก็มีการจัดประชุมแบ่งสรรหน้าที่รับผิดชอบกัน ซึ่งพรุ่งนี้เช้ามืดจะต้องเข้าประจำที่ทั้งหมด โดยเฉพาะในส่วนของการจราจร ถ้าขาดความคล่องตัวอย่างเดียว รับรองได้ว่า "นรกแตก" ดังนั้น..ญาติโยมทุกท่าน ถ้าหากว่าจอดรถเข้าที่แล้วก็ไม่ต้องขยับ จนกว่างานเป่ายันต์รอบแรกตอน ๑๐ โมงเช้าเสร็จลง ไม่เช่นนั้นขยับไปก็เดือดร้อนทั้งตัวเองและคนอื่นเสียเปล่า ๆ..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-09-2024 เมื่อ 02:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 07-09-2024, 00:29
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถ้าจะเดินทางระหว่างหน้าวัดและในวัด เขามีรถตู้ให้อย่างน้อย ๓๒ คัน ขึ้นฟรีทุกคัน ถึงเวลาเขาก็จะขับวนไปหย่อนพวกเราลงที่หน้าวัด ซึ่งเป็นที่จอดรถส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นฝั่งลานธรรมสมเด็จองค์ปฐม ๒๑ ศอกก็ดี ทางด้านสำนักงานเทศบาลตำบลท่าขนุนก็ตาม เราได้ประสานงานขอที่จอดรถเอาไว้แล้ว ส่วนใครที่หมดท่าจริง ๆ ก็จอดข้างถนนยาว ๆ ไปเลย ถึงสังขละบุรีได้ยิ่งดี เดินออกกำลังมาถึงที่นี่คงเป็นลมตายไปเสียก่อน..!

แม้กระทั่งวันนี้ก็ยังมีคนถามว่ามีที่พักเหลือหรือเปล่า ? เขาคงไม่ทราบว่าหลังจากที่กระผม/อาตมภาพได้รับคำสั่งว่า "เป่ายันต์เกราะเพชรได้" ประกาศไปแล้ว ในวันรุ่งขึ้นที่พักก็เต็มหมดแล้ว ดังนั้น..คนที่รู้แกวส่วนใหญ่ก็จะจองรถกับทางด้านชมรมโมทนาบุญ เว็บพลังจิต หรือไม่ก็เว็บเพจกิฟท์จังพลังเวทย์ เพราะว่าเขาเหล่านั้นจะมีการจองที่พักเอาไว้แล้ว

ความจริงกระผม/อาตมภาพจะสร้างหอพักภายในวัดสัก ๓ หลัง ๕ หลังก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ว่าถ้าทำแบบนั้น
ภาระหนักจะตกอยู่กับวัด แล้วประการต่อไป รายได้จะไม่กระจายสู่ชุมชน ดังนั้น..ถ้าหากว่าทางวัดไม่มีที่พัก บรรดาบังกะโล โรงแรม โฮมสเตย์ หรือรีสอร์ต เขาก็จองเต็มกันหมด เต็มไปยันสังขละบุรี ไทรโยค และบางส่วนของอำเภอเมืองด้วย ก็คือบางคนยอมอยู่ไกลเพื่อความสะดวกเวลาเดินทาง ไม่ใช่เสี่ยงดวงมาเพื่อความแออัดยัดเยียดกันอยู่โดยไม่มีที่ให้นอน ส่วนของวัด..ถ้าใครจะนอน ฝนไม่ตกก็ตามใต้ต้นไม้ตามอัธยาศัย เราแถมมาลาเรียให้ด้วย..!

ทองผาภูมินี่ถือว่าเป็นดงมาลาเรีย เพราะว่าพี่น้องมอญพม่าเยอะมาก แล้วคนทั้งหลายเหล่านี้ก็เก็บเงินทุกบาททุกสตางค์เพื่อตนเองและครอบครัว ดังนั้น..เจ็บไข้ได้ป่วย เขาไม่เสียเวลารักษาให้หาย ซื้อยากินแค่พอลุกทำงานได้เขาก็ไปทำงานกันแล้ว..! กระผม/อาตมภาพข้ามไปฝั่งพม่าเห็นแล้วจะเป็นลม ยาแก้มาลาเรียแผงละ ๑๒ เม็ด เขาตัดขายทีละเม็ดสองเม็ด..!

กระผม/อาตมภาพไปต่อว่าเภสัชกรว่า "กินไม่ครบโดสก็รักษาโรคไม่ได้ คุณรู้อยู่แล้วทำไมถึงตัดขายแบบนี้ ?" เขาบอกว่า "คนซื้อต้องการแค่นั้น ถ้าจะขายทั้งแผง เขาไม่ซื้อก็ขายไม่ได้" เพราะว่าตอนช่วงนั้นยาตัวนี้ถือว่าราคาแพง คือเม็ดละ ๗๐ บาท ถ้าเป็นสมัยนี้ ๗๐ บาท ก็ตกเป็นเงินพม่าราว ๆ ๗,๐๐๐ กว่าจั๊ต เพราะว่าบาทหนึ่งแลกได้ประมาณ ๑๐๐ กว่าจั๊ตแล้ว..!

ต้องบอกว่ารัฐบาลพม่าเก่งมาก ปี ๒๕๒๔ กระผม/อาตมภาพอยู่ชายแดนไทยพม่า เงินไทย ๒ บาท แลกเงินพม่าได้ ๑ จั๊ต ก็คือเงินพม่าใหญ่กว่าเราเท่าตัวหนึ่ง รัฐบาลทหารบริหารประเทศมาจนถึงปัจจุบัน เงินไทย ๑ บาทแลกเงินพม่าได้ ๑๐๐ กว่าจั๊ต เงินพม่าเล็กกว่าเรา ๑๐๐ กว่าเท่า..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-09-2024 เมื่อ 02:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 27 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 07-09-2024, 00:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เรื่องพวกนี้ต้องบอกว่าอย่าหวังพึ่งรัฐบาล ไม่ว่าจะในประเทศไหนก็ตาม เราต้องยึดหลักธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ อัตตาหิ อัตตโน นาโถ ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน ถ้าสามารถทำการเกษตรอย่างที่วัดท่าขนุนทำต้นแบบเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นแปลงผักสวนครัวรั้วกินได้ หรือว่าแปลงเกษตรสาธิตเศรษฐกิจพอเพียงตามรอยศาสตร์พระราชา หรือแปลงเกษตรสาธิตโคกหนองนาในพระราชดำริ ต่อให้ไม่มีเงินไม่มีทองเราก็มีกิน

เพียงแต่ว่าพวกเราเคยชิน เคยชินกับการเอาเงินไปให้เศรษฐี ต้องบอกว่าน่าชื่นใจมาก ทุกคนมีใจเสียสละ มีจาคานุสติเป็นปกติ..! ก็คือเอาสตางค์ไปเข้าร้านสะดวกซื้อ เพื่อช่วยให้เศรษฐีรวยยิ่ง ๆ ขึ้นไป ไข่ไก่ต้มเองกับบ้านอย่างเก่งก็ฟองละ ๓ บาท วิ่งไปซื้อที่เขาต้มแล้วในร้านสะดวกซื้อ เจอไปฟองละ ๖ บาท..! แต่กูจะเอาอย่างนั้นเพราะว่าสะดวกดี กล้วยหอมซื้อทั้งหวีไม่กี่สิบบาท ไปซื้อในร้านสะดวกซื้อผลละ ๘ บาท ได้ยินแล้วจะเป็นลม..!

ตอนที่เปิดบ้านเติมบุญใหม่ ๆ กระผม/อาตมภาพเคยนั่งแท็กซี่ แล้วเขามีรถไฟฟ้าสายสีม่วงผ่านบริเวณนั้น ถามคนขับแท็กซี่ว่ามีผลกระทบต่อรถแท็กซี่หรือเปล่า ? คนขับแท็กซี่บอก "ไม่มีหรอกครับ ตราบใดที่รถไฟฟ้าไปส่งคนถึงประตูบ้านไม่ได้ผมก็ยังไม่เดือดร้อน เพราะว่านิสัยคนไทยขี้เกียจครับ สองเสาไฟฟ้าก็หาเรียกมอเตอร์ไซค์รับจ้างแล้ว ถ้ารถไฟฟ้าวิ่งไปส่งถึงหน้าประตูบ้านไม่ได้ รถแท็กซี่ยังหากินได้ตลอดเวลา" กระผม/อาตมภาพพิจารณาดูแล้วก็จริงของเขา..!

เมื่อไรคนไทยเราจะขยันเสียบ้าง ? จะได้ช่วยประหยัดได้มากขึ้น เพราะว่าสิ่งที่เราจ่าย อย่างเช่นว่าค่ารถมอเตอร์ไซค์รับจ้างทีละ ๒๐ บาท ๕๐ บาท รวม ๆ กันแล้วมากทีเดียว มากพอ ๆ กับซื้อหวยทุกงวดนั่นแหละ..! แต่พวกเราไม่ค่อยจะคิด เพราะว่าอันดับแรกก็คือ ไม่เคยทำบัญชีรายรับรายจ่าย ในเมื่อไม่ทำ ไม่เห็นรายจ่ายเราจะไม่รู้สึกกลัว แล้วก็ใช้เงินแบบไม่คิดกันต่อไป ถึงเวลาก็เดือดร้อนต้องไปเป็นหนี้บัตรเครดิตบ้าง เป็นหนี้นอกระบบบ้าง เป็นหนี้ไฟแนนซ์บ้าง ทั้ง ๆ ที่พระพุทธเจ้าก็ตรัสไว้ชัดเจนว่า อิณาทานัง ทุกขังโลเก การเป็นหนี้เป็นทุกข์ในโลก แต่เราก็ไม่ค่อยรู้สึกรู้สากัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-09-2024 เมื่อ 02:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 26 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 07-09-2024, 00:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถ้าใครมีที่มีทาง สามารถปลูกอะไรที่สามารถกินได้ก็ปลูก ๆ เอาไว้บ้าง เพราะว่าสภาวะโลกเราแย่ขึ้นทุกวัน สงครามทำให้ข้าวของแพงทุกอย่างและหายากขึ้น บวกกับภาวะโลกร้อน ทำให้เกิดภัยพิบัติภัยธรรมชาติต่าง ๆ แม้กระทั่งญี่ปุ่น ตอนนี้ก็ไม่มีข้าวจะกิน..! ต้นเหตุเกิดจากคนไทย "แบน" เกาหลีแล้วแห่ไปเที่ยวญี่ปุ่นแทน ทำให้ญี่ปุ่นมีข้าวไม่พอกิน ต้องเอามาขายให้กับนักท่องเที่ยวจนตัวเองไม่มีจะกิน..! คนละเรื่องกันก็กลายเป็นเรื่องเดียวกันได้ ถ้าตราบใดที่เรายังต้องพึ่งพานายทุน หรือว่าซื้อเขากิน ต่อให้มีเงินซื้อก็จะต้องแพงขึ้นไปเรื่อย ๆ

พระภิกษุสามเณรของเรานี่แหละเป็นบุคคลที่ต้องสำนึกก่อนเพื่อน แต่ไม่ค่อยคิดกัน ถึงเวลาบิณฑบาตมาได้เลือกฉันอีกต่างหาก ทั้ง ๆ ที่ญาติโยมกว่าจะซื้อขาวปลาอาหารมาใส่บาตรได้ ชุดหนึ่งก็ ๗๐ - ๘๐ บาท มีแค่ข้าวถุง กับข้าวถุง น้ำถ้วยหนึ่งเท่านั้น พูดง่าย ๆ ว่าค่าแรงขั้นต่ำ ๓๐๐ บาทใส่บาตร ๓ รอบหมดแล้ว แต่เราไม่เห็นความเดือดร้อนของญาติโยม เพราะว่ามองแต่ตัวเอง ก็คือไปบิณฑบาตกลับมาก็ฉัน แล้วลองคิดดูว่าคนที่เขาทำงานด้วยความเหนื่อยยาก ต้องสละเงินทองไปซื้อข้าวปลาอาหารมาถวาย ถึงเวลาถวายมาแล้วยังเลือกฉันอีก คนเห็นเขาจะคิดอย่างไร ?

ยังโชคดีที่วัดเราข้าวปลาอาหารที่เหลือ เรานำไปให้คนป่วยติดเตียงบ้าง ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ บ้าง บรรดาทหารตำรวจที่อยู่เวรยามบ้าง พวกข้าวสารอาหารแห้งก็มอบให้กับโรงเรียนต่าง ๆ ดังนั้น..จึงไม่ได้ทิ้งขว้างเหมือนกับที่อื่นเขา เพราะว่าส่วนที่เหลือนอกจากนั้นก็ไม่พอเลี้ยงหมาที่มีอยู่เกือบ ๒๐๐ ตัว..! แต่ละวันต้องหุงข้าวหม้อมหึมาเผื่อหมาด้วย ที่บิณฑบาตมาแบ่งสันปันส่วนให้คนแล้ว เหลือไม่พอให้หมากิน..!

ดังนั้น.. เรื่องของทางโลกเขาลำบากและเดือดร้อน พระเราต้องตระหนัก และถ้าสามารถช่วยชาวบ้านได้เท่าไรก็ต้องช่วยเท่านั้น ไม่ใช่ทำตัวเป็นนายชาวบ้านแล้วเสวยสุขอยู่ฝ่ายเดียว คนอื่นเขาหวังบุญหวังกุศลจากเรา ทำอย่างไรที่เราจะเป็นพระให้มากที่สุด เพื่อถึงเวลาญาติโยมทำบุญแล้ว จะได้บุญได้กุศลมากที่สุด ก็ขอฝากไว้เป็นข้อคิดสำหรับทุกท่าน

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๖ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-09-2024 เมื่อ 02:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 22:54



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว