กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๗ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกันยายน ๒๕๖๗

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 02-09-2024, 18:02
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,946
ได้ให้อนุโมทนา: 225,209
ได้รับอนุโมทนา 800,461 ครั้ง ใน 39,365 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒ กันยายน ๒๕๖๗

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒ กันยายน ๒๕๖๗


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 03-09-2024, 00:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๒ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ กระผม/อาตมภาพเดินทางไปยังวัดหนองโพ ถนนเพชรเกษม หมู่ที่ ๙ ตำบลหนองโพ อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี เพื่อไปบรรยายธรรมให้กับบรรดาเจ้าพนักงานของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ซึ่งได้รับการบรรจุใหม่ และต้องเข้ารับการอบรมก่อนที่จะแยกย้ายไปรับตำแหน่งกันทั่วประเทศ

ด้วยความที่ไปถึงช่วงเช้าเขาทำพิธีเปิดเสร็จพอดี ยังได้พบกับท่านชุติญา แก้วมณี รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ คนคุ้นเคยกันเข้ามาทักทาย ถามว่า "หลวงพ่อจำหนูได้ไหมคะ ?" ก็เลยต้องบอกว่า "รอง ผอ. ชุติญา" ทุกคนถึงจะเชื่อว่ากระผม/อาตมภาพไม่ได้จำได้แค่หน้า หากแต่จำชื่อได้ด้วย

เรื่องพวกนี้บางทีท่านทั้งหลายก็อาจจะสงสัย โดยเฉพาะคนใกล้ชิด เนื่องเพราะว่าเห็นกระผม/อาตมภาพทักทายคนโน้นคนนี้ แล้วบางคนก็บอกว่า "ไม่ได้เจอหน้ากันมา ๓๐ กว่าปีแล้ว" กระผม/อาตมภาพจึงได้บอกชื่อบอกนามสกุลให้ไป แล้วสร้างความสงสัยให้กับผู้คนว่า "จำได้อย่างไรขนาดนั้น ?" กระผม/อาตมภาพก็บอกไม่ถูกว่าจำได้อย่างไร หากแต่ว่าพอเห็นหน้าก็จะมีข้อมูลให้ระลึกถึงทันที เหมือนกับว่าข้อมูลทั้งหลายเหล่านี้ได้รับการจัดเก็บอยู่ในสมอง เมื่อถึงเวลาต้องการรู้เรื่องใด เรื่องนั้นก็จะถูกส่งขึ้นมาให้เป็นการเฉพาะในทันที

หลายท่านที่เป็นลูกศิษย์ เมื่อได้ยินกระผม/อาตมภาพบรรยายธรรม ตลอดจนกระทั่งสอนหนังสือในสารพัดเรื่อง ยังถามว่า "หลวงพ่อจำได้อย่างไรมากมายขนาดนั้น ?" กระผม/อาตมภาพตอบไปว่าไม่ได้จำ เนื่องเพราะว่าตอนอ่านจำได้แล้ว หลังจากที่จำได้แล้ว ก็ไม่ทราบว่าสมองจัดระบบอย่างไรในการเก็บข้อมูลเหล่านั้น รู้แต่ว่าถ้าต้องการเรื่องเหล่านั้นเมื่อไร ข้อมูลส่วนนั้นก็จะไหลมาเทมาเอง

เมื่อไปถึงในช่วงเช้า ท่านอาจารย์พระมหาสมคิด อตฺถสิทฺโธ ป.ธ. ๗ รองเจ้าคณะอำเภอโพธาราม เจ้าอาวาสวัดหนองโพ เพื่อนร่วมรุ่นพระอุปัชฌาย์ ก็เลยฉวยโอกาสให้กระผม/อาตมภาพนำบรรดาผู้เข้ารับการอบรมปฏิบัติธรรมในช่วงเช้า ซึ่งกระผม/อาตมภาพนั้นอยากจะบอกว่า ถ้าทำอย่างนี้แล้ว วันนี้ท่านจะได้เป็นหุ่นยนต์ไปทั้งวัน..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-09-2024 เมื่อ 03:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 03-09-2024, 00:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

คำว่า "ได้เป็นหุ่นยนต์ไปทั้งวัน" ก็คือ เมื่อบุคคลปฏิบัติธรรมจนจิตสงบแล้ว ก็ไม่อยากที่จะหลุดออกจากความสงบอันนั้น เนื่องเพราะว่าดื่มด่ำอยู่กับความสุขความเยือกเย็นใจในธรรมที่ตนเองปฏิบัติได้ ไม่อยากจะที่พูดหรือว่าทำอะไรให้จิตของตนเองหลุดจากสภาพนั้น ถ้าหากว่ามีความจำเป็นที่จะต้องทำ ก็ต้องขยับเขยื้อนไปทำแบบช้า ๆ เนื่องเพราะว่ายังขาดความชำนาญอยู่ จึงดูเหมือนกับหุ่นยนต์ก็ไม่ปาน..!

แต่ในเมื่อตารางเขากำหนดเอาไว้ดังนี้ กระผม/อาตมภาพก็ต้องคล้อยตามตารางเขาไป นำปฏิบัติธรรมไปจนถึง ๑๑ โมงกว่า แล้วก็พากันไปฉันเพล อิ่มแล้วความจริงจะเป็นการปฏิบัติธรรมต่อในช่วงบ่ายเป็นเวลา ๑ ชั่วโมงครึ่ง กระผม/อาตมภาพอยากจะบอกว่า ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติกำหนดตารางมา โดยที่ขาดความเข้าใจธรรมชาติของผู้ปฏิบัติธรรมยังไม่พอ ยังกำหนดเวลามามากเกินไปอีกด้วย

สภาพจิตของบุคคลในปัจจุบันนี้ ถ้าสามารถรองรับการปฏิบัติธรรมได้ต่อเนื่องถึง ๑ ชั่วโมงก็ถือว่าสุดยอดมากแล้ว และการปฏิบัติธรรมในช่วงบ่ายนั้น หลังจากรับประทานอาหารกลางวันมา ก็มักจะพากัน "เมาอาหาร" หลับเสียเปล่า ๆ กระผม/อาตมภาพจึงขอปรับตาราง แลกเวลากับท่านอาจารย์พระมหาสมคิด ก็คือให้กระผม/อาตมภาพบรรยายก่อน หลังจากนั้นท่านอาจารย์พระมหาสมคิดค่อยนำปฏิบัติธรรม ทุกคนจะได้นอนหลับกันอย่างสบายในคืนนี้ เพราะว่าเมื่อปฏิบัติธรรมเสร็จก็ปล่อยเลิกพอดี เนื่องเพราะว่าหมดตารางในช่วงบ่ายแล้ว

เมื่อตกลงกันแล้ว กระผม/อาตมภาพจึงขึ้นบรรยายก่อน โดยที่บอกกล่าวกับท่านทั้งหลายเหล่านั้นว่าความบังเอิญไม่มีในโลก คนเราจะได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ได้พบพระพุทธศาสนา ได้ฟังธรรมแล้วน้อมนำมาปฏิบัตินั้นเป็นของยากมาก ๆ ท่านทั้งหลายต้องสร้างบุญสร้างบารมีมาพอเพียง จึงจะได้เกิดมาเป็นมนุษย์แบบนี้ และโดยเฉพาะท่านทั้งหลายที่ต้องมาเพื่อสนองงานพระพุทธศาสนา

เมื่อสอบถามว่ามีผู้ใดที่ถือศาสนาอื่นบ้าง ปรากฏว่ามีคริสต์คาทอลิกมา ๑ ท่าน จึงได้บอกว่าในเรื่องของศาสนากับการทำงานนั้นเป็นคนละส่วนกัน เรามีความเคารพในพระศาสนาอย่างไร เราก็ปฏิบัติไปตามความเชื่อของเรา แต่ว่าหน้าที่การงานนั้น เราก็ปฏิบัติไปตามความรับผิดชอบของเรา ถ้าเป็นอย่างนี้ ถึงจะเรียกว่าเป็นบุคคลที่สามารถนำเอาหลักธรรมในศาสนามาใช้งานได้อย่างแท้จริง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-09-2024 เมื่อ 03:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 03-09-2024, 00:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

และโดยเฉพาะหลายท่านที่เกิดมา บางทีก็ยังไม่เข้าใจเสียด้วยซ้ำไปว่าพระพุทธศาสนาคืออะไร จึงต้องท้าวความตั้งแต่พระรัตนตรัย ซึ่งเกิดขึ้นแล้ว องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสในอริยมรรคมีองค์ ๘ ที่สรุปลงมาเป็นศีล สมาธิ ปัญญา

ทั้ง ๆ อริยมรรคมีองค์ ๘ นั้น เริ่มจากปัญญา ศีล และสมาธิ แต่ว่าโบราณาจารย์ท่านกล่าวให้ฟังง่าย ๆ
ตามลำดับความยากง่ายของการปฏิบัติ จึงกล่าวเป็นศีล สมาธิ และปัญญา เนื่องเพราะว่าศีลนั้นควบคุมกาย วาจาให้เรียบร้อย สมาธินั้นควบคุมทั้งกาย วาจา และความคิด คือใจของเรา ส่วนปัญญานั้น เมื่อควบคุมทุกอย่างอยู่ในความสงบแล้ว จะก่อให้เกิดความรู้แจ้ง ซึ่งยากลำบากขึ้นไปเป็นขั้น ๆ เขาจึงได้เรียกว่าศีล สมาธิ ปัญญา

ส่วนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรานั้น ทรงตรัสรู้อริยสัจ ๔ ก็คือทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค

ทุกข์นั้นก็คือสิ่งยากลำบากที่เราต้องทนด้วยกาย ด้วยใจ

สมุทัยคือสาเหตุที่ทำให้เกิดความทุกข์ทั้งหลายเหล่านั้น

นิโรธคือความทุกข์ทั้งหลายเหล่านั้นได้ดับลง

มรรคก็คือหนทางที่จะดับทุกข์


ถ้าท่านทั้งหลายฟังดูแล้วอาจจะเห็นว่า "ทำไมจัดเรียงลำดับได้สับสนมาก ?" ทำไมถึงไม่เป็นสมุทัย ก็คือเหตุทำให้ทุกข์เกิด แล้วก็ดำเนินไปตามมรรคเพื่อดับทุกข์ เมื่อดับทุกข์ได้ นิโรธก็จะบังเกิดขึ้น ?

เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าการจัดเรียงลำดับของอริยสัจ ๔ นั้น จัดเรียงตามปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในใจของทุกคน ก็คือเมื่อความทุกข์เกิดขึ้น ทุกคนก็รู้แต่ทุกข์อย่างเดียว ดิ้นรนหาทางออกทุกวิถีทาง จึงได้พบว่าทุกข์เกิดจากสาเหตุอะไร ครั้นเมื่อเปะปะไป สามารถทำให้ความทุกข์นั้นสงบลงได้ ก็รู้สึกว่านี่คือนิโรธ แล้วนิโรธมาได้อย่างไร ? ถึงจะไปมองหา แล้วก็พบว่ามาจากมรรคนั่นเอง จึงได้เรียงว่าทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ตามอาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับใจของเรา

ถ้าเราไม่มีความชำนาญตรงนี้ ทั้ง ๆ ที่เป็นเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เมื่อคนมาสอบถาม เราไม่สามารถที่จะตอบได้ก็ต้องบอกว่า "เสียภูมิ" ซึ่งคนในปัจจุบันนี้ใช้คำว่า "เสียฟอร์ม" คือหมดสภาพ หมดรูปร่างนั่นเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-09-2024 เมื่อ 03:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 03-09-2024, 00:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ครั้นบรรยายเสร็จสรรพเรียบร้อยแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ขอตัวเดินทางไปยังวัดมหาธาตุ วรวิหาร จังหวัดเพชรบุรี เพื่อขออนุญาตค้างที่นี่ เนื่องจากว่าเจ้าอาวาสก็คือเจ้าคุณพระวชิรวาที, ดร. (กล้า วีรรตโน) อดีตพระครูวาทีวรวัฒน์, ดร. เพื่อนร่วมรุ่นปริญญาเอก เพื่อนร่วมรุ่นพระอุปัชฌาย์ และเลขานุการรุ่นของกระผม/อาตมภาพนั่นเอง เหตุที่ต้องมาค้างที่นี่เพราะว่าพรุ่งนี้ต้องวิ่งไปทำการตรวจยกหมู่บ้านศีล ๕ ต้นแบบที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เท่ากับว่าเราเดินทางมาครึ่งทางแล้ว พรุ่งนี้ก็ไม่ต้องวิ่งตาลีตาเหลือกมากมายนัก

แต่ว่าท่านเจ้าคุณใหม่ของเราก็มีงานทางด้านนอก โดยเฉพาะเป็นครูบาอาจารย์ของวิทยาลัยสงฆ์เพชรบุรี แล้วยังต้องรับแสดงพระธรรมเทศนา หรือว่าบรรยายธรรมตามสถานที่ต่าง ๆ ถ้าเราดูตามสมณศักดิ์เดิมของท่านก็คือพระครูวาทีวรวัฒน์ คือผู้ที่ทำความเจริญอย่างประเสริฐด้วยคำพูด ก็แปลว่าเป็นพระนักเทศน์นั่นเอง

แต่ว่าถึงท่านจะไม่อยู่ ก็ยังสั่งให้บริษัทบริวารช่วยจัดสถานที่ในศาลานางสาวอัมพร บุญประคอง ให้เป็นที่พัก ซึ่งอาคารหลังใหญ่โตมหึมานั้น กระผม/อาตมภาพพักอยู่ในส่วนที่หลวงปู่แคล้ว - พระเทพสุวรรณโมลี (แคล้ว อุตฺตโม ป.ธ. ๗) อดีตเจ้าอาวาสท่านเคยพักมาก่อน ส่วนน้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) แยกย้ายไปพักอีกที่หนึ่งซึ่งเขานำไป ไม่ทราบเหมือนกันว่าใกล้ไกลขนาดไหน ?

กระผม/อาตมภาพรีบทำการตรวจแก้บันทึกการประชุมคณะกรรมการสภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิ ครั้งที่ ๔/๒๕๖๗ กำลังแก้ไขจวนจะเสร็จเรียบร้อยอยู่แล้ว ก็รู้สึกว่าเจ้าคุณน้องท่านมาอยู่หน้าประตูนี่เอง เมื่อเปิดโทรศัพท์ดู เห็นว่ากำลังส่งรูปเข้ามาว่า "มาถึงแล้ว" แต่ไม่กล้าเคาะประตู กระผม/อาตมภาพจึงเปิดประตูออกไปรับการกราบจากท่าน ซึ่งท่านเองก็เพิ่งจะเหนื่อยกลับมา คุยกันไม่นานก็ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปพักผ่อน กระผม/อาตมภาพเองมาบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนวันนี้ เสร็จแล้วก็จะต้องไปทำหนังสือเกี่ยวกับการประชุมคณะกรรมการสภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิ ครั้งที่ ๕/๒๕๖๗ ต่อไป

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันจันทร์ที่ ๒ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-09-2024 เมื่อ 03:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 23:05



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว