กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๗ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนสิงหาคม ๒๕๖๗

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 19-08-2024, 19:46
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,946
ได้ให้อนุโมทนา: 225,209
ได้รับอนุโมทนา 800,461 ครั้ง ใน 39,365 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๖๗

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๖๗


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 19-08-2024, 22:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๑๙ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ เป็นวันจันทร์ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๙ ถ้าทั่วไปแถวนี้เขาเรียกกันว่าสารทลาว ปกติแล้วถ้าหากว่าเป็นวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๙ ตามจันทรคติของไทย ก็จะตรงกับสารทจีนด้วย เพียงแต่ว่าสารทจีนปีนี้เร็วกว่าสารทลาวไป ๑ วัน

โดยเฉพาะปฏิทินจันทรคติของจีนนั้นจะเดินช้ากว่าไทยอยู่ ๒ เดือน ดังนั้น..สารทจีนจึงเป็นวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๗ แต่ตรงกับขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๙ ของไทยบ้าง ก่อนวันหนึ่งบ้าง หลังวันหนึ่งบ้าง ส่วนสารทไทยนั้นต้องรออีก ๑ เดือน เนื่องเพราะว่าสารทไทยนั้นจะตรงกับสิ้นเดือน ๑๐ ก็คงประมาณเดือนครึ่ง ไม่ใช่ ๑ เดือน

คราวนี้ที่กล่าวถึงตรงนี้ก็เพราะว่า พระภิกษุของเราจำพรรษามา ๑ เดือนแล้ว เราต้องถามตัวเองว่า ๑ เดือนที่ผ่านมาเราได้อะไรบ้างหรือยัง ? เวลาทำวัตร เราก็มีการพิจารณาอยู่บ่อย ๆ ว่า "วันคืนล่วงไป ๆ เราทั้งหลายทำอะไรกันอยู่ ?" "ตัวเรามีคุณวิเศษบ้างหรือไม่ ? เพื่อที่จะไม่เก้อเขินเมื่อเพื่อนสหธรรมิกไต่ถาม"

เรื่องพวกนี้ถ้าว่าไปแล้วในที่อื่นจะเป็นเรื่องยาก เนื่องเพราะว่าการไปปฏิบัติกรรมฐานนั้นกลายเป็นแปลกแยกจากสังคม เพราะว่าวัดส่วนใหญ่ในปัจจุบันนี้ ถ้าไม่ไปเน้นในเรื่องการเรียนพระปริยัติธรรมก็ไม่เอาอะไรเลย..!

ในเมื่อวัดท่าขนุนของเราเน้นในเรื่องของการปฏิบัติธรรมด้วย เราทั้งหลายก็อย่าได้ปล่อยเวลาให้ล่วงไปเปล่า ๆ เนื่องเพราะว่าทุกลมหายใจของเรานั้นก็คือความตายที่รออยู่ หายใจเข้าไม่หายใจออกก็ตายแล้ว หายใจออกไม่หายใจเข้าก็ตายอีกเช่นกัน..!

แล้วปัจจุบันนี้ยังมีความรู้ผิด ๆ พลาด ๆ ที่บรรดาผู้ที่คิดว่าตนเองรู้ นำมาสั่งสอนอีกต่างหาก ถ้าเราพลาดไปเชื่อเข้าก็จะหลงทางออกจากความดีไปเลย
อย่างที่มีพระมหาท่านหนึ่งวางตัวเป็นผู้รู้ในด้านพระพุทธศาสนา มีผู้ถามว่า "ถ้าพระอุปัชฌาย์ต้องอาบัติปาราชิก การบวชพระจะเป็นพระหรือไม่ ?"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-08-2024 เมื่อ 02:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 19-08-2024, 22:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ท่านบอกว่าการบวชพระจะเป็นพระหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับวัตถุสมบัติ คือตัวผู้บวช มีคุณสมบัติครบถ้วนหรือไม่ ? กรรมวาจาสมบัติ การสวดญัตติถูกต้องหรือไม่ ? ปริสสมบัติ จำนวนบุคคลที่กำหนดให้อยู่ในสังฆกรรมนั้นครบถ้วนหรือไม่ ? สีมาสมบัติ ได้อยู่ในสีมาที่สมมติถูกต้องแล้วหรือไม่ ? เหล่านี้เป็นต้น

ท่านอธิบายว่า ถ้าปริสสมบัติในมัชฌิมประเทศ กำหนดเอาไว้ว่าอย่างต่ำต้องมีพระ ๑๐ รูป ถ้าเป็นปัจจันตประเทศอย่างต่ำต้องมีพระ ๕ รูปอยู่ในสังฆกรรมนั้น ถ้าหากว่ามีพระครบถ้วน ต่อให้พระอุปัชฌาย์ต้องปาราชิกก็บวชสำเร็จเป็นพระได้ ถ้ามีพระไม่ครบถ้วน การบวชนั้นก็ไม่สำเร็จเป็นพระ ฟังดูแล้วถ้าคนไม่มีความรู้ก็จะเชื่อตามนั้นเลย แล้วปัจจุบันนี้ความเชื่อนี้มีมากเป็นพิเศษ

ท่านทั้งหลายต้องเข้าใจว่า ในเรื่องของสังฆกรรมนั้นเป็นเรื่องของสงฆ์ที่เป็นอุปสัมบัน คือผู้ที่มีศีลเสมอกัน โดยเฉพาะสังฆกรรมในการอุปสมบทนั้นสำคัญที่สุด เป็นถึงญัตติจตุตถกรรม ก็คือสวดประกาศ ๑ ครั้ง สวดอนุสาวนาหรือที่เรียกง่าย ๆ ว่าสวดญัตติ ๓ ครั้ง รวมเป็น ๔ ครั้ง

ถ้าหากว่าพระอุปัชฌาย์หรือว่าพระรูปใดรูปหนึ่งในสังฆกรรมนั้น ต้องอาบัติปาราชิกหรือว่าสังฆาทิเสส ก็แปลว่าคุณสมบัติไม่ครบถ้วนต่อการเป็นอุปสัมบัน เพราะว่าเป็นผู้มีศีลน้อยกว่า ในเมื่อมีผู้ที่มีศีลน้อยกว่าไปอยู่ข้างในสังฆกรรมนั้น แล้วจะเรียกว่าสังฆกรรมได้อย่างไร ? เพราะว่าสังฆกรรมเป็นเรื่องของสงฆ์หรือว่าอุปสัมบัน บรรดาท่านที่อ่านตำราแล้วตีความเอาเอง และอาจจะตีความเข้าข้างตัวเอง ปัจจุบันนี้มีมาก และจะชักพาให้คนหลงเชื่อตามนั้นไปด้วย

ส่วนอีกรายหนึ่งก็ถือว่าเป็นยูทูบเบอร์เลย ท่านบอกว่า "การที่จะไปไหว้เจดีย์ ไปไหว้ต้นโพธิ์ที่อินเดียมีประโยชน์อะไร ? เพราะถ้าหากว่ามีประโยชน์จริง พวกคนอินเดียที่นอนอยู่ใต้ต้นโพธิ์เลย ป่านนี้ก็ร่ำรวยกันหมดแล้ว" นี่ก็ฟังดูเหมือนจะใช่

แต่ว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ยูทูบเบอร์ท่านนั้น
กำลังกล่าวตู่พระพุทธเจ้า เพราะว่าแม้พระองค์ท่านยังกล่าวว่า ถ้าหากว่าสิ้นพระองค์ท่านไปแล้ว สังเวชนียสถานทั้ง ๔ คือสถานที่ประสูติ ตรัสรู้ แสดงปฐมเทศนา และปรินิพพาน เป็นสถานที่ซึ่งพุทธศาสนิกชนพึงไปกราบไหว้เพื่อเป็นเครื่องระลึกถึง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-08-2024 เมื่อ 02:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 19-08-2024, 22:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

คราวนี้สถานที่ประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน ตลอดจนแสดงปฐมเทศนานั้น อันดับแรก ถ้าหากว่าเราไปกราบไหว้บูชา สิ่งที่จะได้ก็คือการปฏิบัติกรรมฐานกองที่ใหญ่ที่สุด ก็คือพุทธานุสติ ระลึกถึงพระพุทธเจ้า ธัมมานุสติ ระลึกถึงพระธรรม สังฆานุสติ ระลึกถึงพระสงฆ์ แล้วท่านไปกล่าวว่าไม่มีประโยชน์อะไรเลย..!

ประการที่สอง เรื่องนี้บางท่านสัมผัสได้ บางท่านสัมผัสไม่ได้ คือสถานที่ซึ่งมีพระอรหันต์ท่านบรรลุมรรคบรรลุผลที่นั่น โดยเฉพาะจอมพระอรหันต์อย่างองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พลังงานความดีที่หลงเหลืออยู่บริเวณนั้นสูงมากเป็นพิเศษ ใครตั้งใจไปปฏิบัติธรรมที่ตรงนั้น แทบจะไม่ต้องควบคุมจิตของตนเองเลย

เพราะว่ากระแสพลังงานที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือว่าเหล่าพระอรหันต์ท่านทิ้งเอาไว้ จะโยงจิตของเราให้เข้าถึงสมาธิได้รวดเร็วมาก จิตสงบลงได้มาก และอาจจะสงบลงทันทีทันใดเลยก็ได้ แล้วหลังจากนั้น เราจะใช้ความสงบระงับนั้นไปก่อให้เกิดปัญญาเพื่อพิจารณาธรรมอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับเราเอง


ในเมื่อท่านเองไปกล่าวเพราะอาศัยคำสวดที่บอกว่า มนุษย์เป็นจำนวนมากเมื่อขาดที่พึ่ง ก็วิ่งไปหาต้นไม้บ้าง ภูเขาบ้าง เจดีย์บ้าง กราบไหว้บูชาเพื่อขอเป็นที่ระลึก นั่นไม่ใช่ที่พึ่งอันเกษม ไม่ใช่ที่พึ่งอันอุดม หากแต่การระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ต่างหากจึงเป็นที่พึ่งอันเกษม เป็นที่พึ่งอันอุดม

ท่านเองไปเอาท่อนแรกมา แล้วก็บอกกล่าวแก่ผู้ติดตามของท่าน โดยที่ไม่ได้ดูท่อนต่อไปว่าสิ่งที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสเอาไว้นั้น ก็เพื่อให้กำลังใจของคนได้มีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่ระลึกถึง เป็นเครื่องยึด

เมื่อได้ฟังท่านกล่าวแล้ว กระผม/อาตมภาพก็รู้สึกสงสารมาก เพราะพบมามากต่อมากด้วยกันแล้วว่า
บุคคลที่กล่าวตู่พระพุทธเจ้า ตำหนิพระพุทธ ตำหนิพระธรรม ตำหนิพระสงฆ์ โดยปราศจากความยั้งคิด ในภายหลังต้องได้รับทุกข์รับโทษอย่างไร..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-08-2024 เมื่อ 02:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 19-08-2024, 22:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แล้วโดยเฉพาะเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ท่านทั้งหลายอย่าได้ไปเถียงด้วย เพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสเอาไว้ชัดเจนว่า บุคคลทั้งหลายนั้นไม่ควรกล่าวคำพูดอันเป็นเหตุให้เถียงกัน เนื่องเพราะว่าคำพูดอันเป็นเหตุให้เถียงกันนั้นย่อมทำให้พูดมาก บุคคลที่พูดมาก จิตใจย่อมฟุ้งซ่าน บุคคลที่ฟุ้งซ่าน จิตใจย่อมห่างจากสมาธิ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้เพียงนี้ แต่กระผม/อาตมภาพอยากจะบอกว่า เมื่อห่างจากสมาธิก็ขาดสติ สิ้นคิด ไปกล่าวตู่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า..!

ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายพบเข้า ก็ต้องรักษาใจของตนให้ดี อย่าไปโกรธ ไปเกลียด ไปชังใคร หากแต่ต้องมองเห็นว่า "สัตว์โลกทั้งหลายย่อมเป็นไปตามกรรม" ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เราที่รู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด ก็บอกกล่าวกับบริษัทบริวารของเราไป

ส่วนท่านเองไปเผยแพร่แนวคิดผิด ๆ แม้กระทั่งจะฉันอาหารเวลาดึก ๆ ดื่น ๆ ก็บอกว่าฉันได้ ถ้าลักษณะอย่างนั้นก็แปลว่าท่านเก่งเกินพระพุทธเจ้าไปแล้ว ยกท่านไว้เถอะ พวกเราทั้งหลายก็ปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า หรือว่าปฏิบัติตามคำสอนของครูบาอาจารย์ ที่ท่านยึดถือพระไตรปิฎกหรือวิสุทธิมรรคเป็นหลัก เพื่อป้องกันไม่ให้เราหลงออกนอกลู่นอกทางแบบนั้น

โดยเฉพาะนักปฏิบัติธรรมทั้งหลาย ทุกคนจะมีช่วงเวลาหนึ่งที่อยากจะสอนคนอื่น กระผม/อาตมภาพขอยืนยันว่านั่นไม่ใช่ความคิดของเรา หากแต่เป็นการดลใจของกิเลสมาร เพราะไปเห็นว่าการสอนคนอื่นนั้น จะทำให้มีบริวารมาก มีชื่อเสียง มีลาภยศ

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ล้วนแต่เป็นบ่วงมารที่จะร้อยรัดตัวเราให้ตกอยู่ในวัฏสงสารทั้งสิ้น ถ้าหากว่ากำลังใจของท่านยังอยู่ในระดับนั้น แปลว่าคุณสมบัติยังไม่เพียงพอที่จะไปสอนใคร สอนไปก็เหมือนกับ "คนตาบอดขี่ม้าตาบอด" มีแต่จะพากันลงเหวลงห้วย ตายทิ้งเสียเปล่า ๆ..!


สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันจันทร์ที่ ๑๙ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-08-2024 เมื่อ 02:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 22:49



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว