กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๗ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนสิงหาคม ๒๕๖๗

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 10-08-2024, 18:11
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,946
ได้ให้อนุโมทนา: 225,209
ได้รับอนุโมทนา 800,461 ครั้ง ใน 39,365 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๖๗

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๖๗


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 11-08-2024, 00:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๑๐ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ ตั้งแต่ตี ๓ ครึ่ง กระผม/อาตมภาพก็ลงไปยังศาลา ๑๐๐ ปีหลวงปู่สาย วัดท่าขนุน เพื่อนำญาติโยมทั้งหลายที่ตั้งใจมาบวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ รุ่นที่ ๖/๒๕๖๗ ซึ่งเป็นการปฏิบัติธรรมถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมายุ ๙๒ พรรษา แล้วก็ออกบิณฑบาตตามปกติ

เนื่องเพราะว่าวันนี้เป็นวันเสาร์ จึงมีโครงการ "วันเสาร์ใส่บาตรตลาดริมแคว ยลวิถีเมืองท่าขนุน" และเป็นวันที่มีสินค้าที่ระลึกของตลาดริมแควมาจำหน่ายเพิ่มขึ้น ก็คือหมอนอิงลายปูราชินี และหมอนคอลายปูราชินี

ปูราชินีนั้นเป็นสัตว์ประจำถิ่น มีอยู่ที่พุปูราชินี ตำบลห้วยเขย่ง อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรีเท่านั้น ดังนั้น..คำขวัญของอำเภอทองผาภูมิจึงมีว่า พุน้ำร้อนหินดาด ตลาดอีต่อง โบอ่องเจดีย์ ราชินีปูไทย เพลินใจแควน้อย เกินร้อยภูผา งามสุดตาเขื่อนวชิราลงกรณ

กระผม/อาตมภาพเห็นว่า ในส่วนของปูราชินีซึ่งเป็นสัตว์ประจำถิ่น ไม่มีในสถานที่อื่น สามารถที่จะมาดัดแปลงเป็นสินค้าได้ จึงมอบให้กับพระมนูรักษ์ ฐิตคุโณ ซึ่งท่านมีความรู้ในด้านนี้ ติดต่อประสานงานกับทางโรงงาน ให้ผลิตหมอนอิงลายปูราชินี และหมอนคอลายปูราชินี เพื่อมาเป็นสินค้าของชุมชนคุณธรรมต้นแบบวัดท่าขนุน ออกจำหน่ายที่ตลาดริมแควเมืองท่าขนุน สำหรับเป็นที่ระลึกของบรรดานักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นมาอีกอย่างหนึ่ง แล้วรู้สึกว่าจะจำหน่ายดีมาก เนื่องเพราะว่าสั่งมาชุดแรกอย่างละ ๓๐๐ ชิ้น ดูท่าว่าจะหมดภายในวันสองวันนี้เอง..!

เมื่อฉันเช้าแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ได้ทำพิธีบวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรม ให้แก่ญาติโยมทั้งหลายที่สมัครบวชเฉลิมพระเกียรติในรุ่นนี้ หลังจากให้โอวาทแล้วก็ต้องวิ่งไปยังวัดปรังกาสี เพื่อที่จะไปเยี่ยมพระนวกะปฏิบัติธรรมของคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิ ซึ่งอยู่รวมกันปฏิบัติธรรมที่นั่นเป็นจำนวน ๕๓ รูปด้วยกัน เมื่อไปถึง ไม่เพียงแต่พระนวกะจะดีใจที่ได้พบหลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน บรรดาพระวิปัสสนาจารย์ยังดีใจที่หลวงพ่อเล็กมาให้โอวาท เป็นการแบ่งเบาภาระท่านไปเกือบชั่วโมง..!

การที่เราจะพูดในเรื่องของการปฏิบัติธรรมให้เป็นที่น่าสนใจนั้น ไม่ใช่ว่าเราจะยัดแต่เรื่องของการปฏิบัติธรรมลงไป แต่ต้องหยิบทุกเรื่องรอบตัวของเราออกมาพูด แล้วแทรกการปฏิบัติธรรมเข้าไป เหมือนกับยาขมที่ต้องมีการเคลือบน้ำตาลเสียก่อน จึงจะเป็นที่ยินดีรับประทานของผู้คนอย่างไรก็อย่างนั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-08-2024 เมื่อ 03:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 11-08-2024, 00:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เสร็จจากตรงนั้นแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ต้องวิ่งเข้ากรุงเทพฯ เนื่องเพราะว่ามีฎีกานิมนต์ของหลวงพ่อพระธรรมโพธิมงคล (สมควร ปิยสีโล ป.ธ.๙) เจ้าคณะภาค ๒ เจ้าอาวาสวัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร ที่นิมนต์มารับทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันมรณภาพของพระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (อุปเสณมหาเถร) อดีตประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร

ความจริงแล้วกระผม/อาตมภาพได้รับฎีกาให้ไปรับทักษิณานุปทานตอน ๔ โมงเย็น แต่ว่าเมื่อไปถึงเวลาบ่าย ๒ โมงครึ่ง ก็ได้รับการประสานงานจากท่านพระครูสิทธิสรกิจ, ดร. ซึ่งท่านเป็นผู้ดูแลกระผม/อาตมภาพ นำพาไปยังศาลาการเปรียญและให้รับทักษิณานุปทานก่อน เนื่องจากว่าชุดของกระผม/อาตมภาพนั้น ไม่ต้องสวดพระพุทธมนต์ เมื่อรับทักษิณานุปทานเสร็จแล้ว ก็ต้องฝ่ารถที่ติดสาหัส ตั้งแต่ตอนขามาก็ว่าลำบากแล้ว ขากลับนี่ยังลำบากหนักขึ้นไปอีก กว่าจะไปถึงวัดอุทยาน ตำบลบางขุนกอง อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี ก็เกือบจะ ๔ โมงเย็น

หลังจากนั้นพระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ผศ.ดร. เจ้าอาวาสวัดอุทยาน ก็ได้นำกระผม/อาตมภาพดูสถานที่ ในการจัดเตรียมเพื่อรับตรวจในการยกบ้านบางขุนกองนี้ขึ้นเป็นหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ต้นแบบ โดยที่ได้รับความเมตตาจากนางสาวปริศนา ลักษณะกุลบุตร นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบางขุนกอง ที่ให้ใช้ศาลาประชาคมของทางองค์การบริหารส่วนตำบลได้

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น งานทุกอย่างก็ง่ายขึ้น เนื่องเพราะว่าคณะกรรมการตรวจประเมินก็ใช้พื้นที่ช่วงกลาง รอบข้างของศาลาหลังใหญ่มหึมาก็สามารถที่จะตั้งซุ้มนิทรรศการต่าง ๆ ได้ แล้วยังมีที่จอดรถของทางด้านองค์การบริหารส่วนตำบลบางขุนกองที่สะดวกสบายอีกต่างหาก แค่นำเอารถสุขาเคลื่อนที่มาตั้งไว้สัก ๓ คัน ทุกอย่างก็เรียบหรูดูดีแล้ว

อีกประการหนึ่งก็คือ กระผม/อาตมภาพขอร้องให้ท่านนายกฯ ปริศนาว่าเป็นผู้อาราธนาศีล ๕ ด้วยตนเอง เนื่องเพราะว่าท่านเป็นผู้นำท้องถิ่น ถ้าหากว่าอาราธนาศีล ๕ ด้วยตนเองจะเป็นที่น่าเชื่อถือมากว่า "นี่คือหมู่บ้านรักษาศีล ๕" ที่สมควรจะได้รับการยกขึ้นเป็นต้นแบบอย่างแท้จริง ด้วยความที่กระผม/อาตมภาพเป็นกรรมการตรวจประเมินมา ๒๓ จังหวัดในปีที่แล้ว จึงพอที่จะรู้ว่า เมื่อถึงเวลาแล้วคณะกรรมการต้องการเห็นอะไรบ้าง โดยจะมีคำถามต่าง ๆ ที่เตรียมเอาไว้สำหรับบรรดาหัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ซึ่งเกี่ยวข้องอยู่ด้วย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 18-03-2025 เมื่อ 20:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 11-08-2024, 00:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ครั้นเมื่อตรวจงานเสร็จสรรพเรียบร้อย ชี้จุดบกพร่องและสิ่งที่ควรกระทำแล้ว กระผม/อาตมภาพก็เข้าสู่ที่พักกุฏิริมป่าช้า แต่ปรากฏว่ามาเจอเนื้อหาของผู้ที่กล่าวถึงธรรมะอีกแล้วว่า "มหาสติปัฏฐานสูตรนั้น เป็นหนทางเดียวที่จะนำสัตว์ทั้งปวงเข้าสู่ความบริสุทธิ์ อย่างอื่นไม่ใช่"

กระผม/อาตมภาพก็ได้แต่ถอนใจ เนื่องเพราะคำว่า เอกะอายนะ ซึ่งพอถึงเวลาเข้าวิภัตติไปแล้ว กลายเป็นบาลีว่า เอกายโน อะยัง ภิกขเว มัคโค สัตตานัง วิสุทธิยา คือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย นี่เป็นหนทางหนึ่งซึ่งจะนำสัตว์ทั้งหลายเข้าสู่ความบริสุทธิ์

ไม่ว่าจะเป็นพระภิกษุสามเณรของเรา หรือว่าญาติโยมทั้งหลายก็ตาม ต้องเข้าใจว่าภาษาบาลีนั้นไม่ใช่ภาษาพ่อภาษาแม่ของเรา ถ้าหากว่าท่านตีความผิดแม้แต่นิดเดียว สิ่งที่จะได้ หรือว่าจะมี หรือว่าจะเข้าใจ จากบาลีคำนั้น ก็อาจจะผิดเพี้ยนไปไกล

เราเข้าใจแค่ว่า เอกะคือหนึ่ง อายนะคือทาง เมื่อมารวมกันเป็นเอกายนะตามหลักการสนธิของบาลีแล้ว ก็ควรที่จะแปลว่า หนทางสายหนึ่ง ไม่ใช่หนทางสายเดียว
ถ้าเป็นหนทางสายเดียว แล้วองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะแสดงพระธรรมเทศนาไว้ถึง ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ไปทำอะไร ?

แม้แต่ชาดกที่ท่านทั้งหลายเห็นว่าเป็นนิทาน ถ้าหากว่าบุคคลผู้มีปัญญาก็จะเห็นว่า แม้แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เลิศแล้วด้วยประการทั้งปวง ก็ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดเป็นชาติโน้นบ้าง ชาตินี้บ้างไม่รู้จบ แล้วตัวเราที่ไม่มีความสามารถเลิศฟ้าขนาดพระองค์ท่าน จะรอดไปได้อย่างไร ? ก็จะเกิดความเบื่อหน่ายคลายกำหนัด ถอนจิตจากความยึดมั่นถือมั่น

เนื่องเพราะว่าแม้แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังต้องเป็นอย่างนั้น ขึ้นชื่อว่าเราจะไม่เป็นนั้นไม่มี เมื่อถอนจิตจากการยึดมั่นถือมั่นมา ก็ขึ้นอยู่กับบุญกุศลเดิม และดวงปัญญาแห่งตนในขณะนั้นว่า จะสามารถเข้าถึงมรรคถึงผลในระดับไหน ไม่ว่าจะเป็นพระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี หรือว่าพระอรหันต์


แม้แต่ในมหาสติปัฏฐานสูตรเองที่ประกอบไปด้วยตอน ที่ภาษาบาลีใช้คำว่าปัพพะ ซึ่งทุกปัพพะนั้น ถ้าหากว่าท่านตั้งใจปฏิบัติก็เข้าถึงมรรคถึงผลได้ทั้งหมด ไม่จำเป็นต้องศึกษาครบถ้วนสมบูรณ์ทุกขั้นตอนก็ได้ เนื่องเพราะว่าทุกตอนหรือว่าทุกปัพพะนั้น พระองค์ท่านจะปิดท้ายด้วยคำว่า นะ จะ กิญจิโลเก อุปาทิยะติ คือเราจักไม่ยึดถืออะไร ๆ ในโลกนี้ ในเมื่อไม่ยึดถือ สามารถปล่อยวางได้หมด การที่ท่านทั้งหลายจะเข้าถึงมรรคถึงผลก็ย่อมเป็นไปได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-08-2024 เมื่อ 03:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 11-08-2024, 00:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น..ขอร้องเถอะท่านนักวิชาการทั้งหลาย ถ้าหากว่าจะแปลคำนี้ กรุณาแปลว่า เป็นหนทางหนึ่งซึ่งจะนำสัตว์ทั้งหลายเข้าสู่ความบริสุทธิ์ ไม่ใช่ไปฟันธงเด็ดขาดว่า "ต้องทางนี้ทางเดียวเท่านั้น ทางอื่นไม่มีทางที่จะเข้าถึงได้" นั่นเป็นเรื่องของบุคคลที่ปัญญาวาสนาน้อย ไม่สามารถที่จะปรับเอาหลักธรรมต่าง ๆ ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มาก่อให้เกิดประโยชน์แก่ตนเองได้ ก็จะต้องไปทื่อ ๆ ตรง ๆ แค่เส้นทางเดียว

แต่บุคคลที่มีความชาญฉลาด ท่านสามารถใช้กรรมฐานทุกกอง ในการที่จะปรับให้เข้ากับสิ่งที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแยกแยะออกมาในมหาสติปัฏฐานสูตร ก็คือกรรมฐานกองใดก็ตามจะสามารถเข้าถึงมหาสติปัฏฐานสูตร ไม่ว่าจะในส่วนของกาย ส่วนของเวทนา ส่วนของจิต หรือว่าส่วนของธรรมทั้งสิ้น ไม่เช่นนั้นแล้วองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะไปตรัสไว้มากมายขนาดนั้นทำอะไร ? ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ท่านทั้งหลายถ้าไปยืนยันว่าเป็นทางเดียว ไม่มีทางอื่นอีก เท่ากับว่าท่านกำลังเป็นมิจฉาทิฏฐิ และกำลังยัดเยียดความเป็นมิจฉาทิฏฐิให้แก่บุคคลอื่น ๆ อีกด้วย..!

ดังนั้น..เราทั้งหลายจึงควรที่จะพยายามศึกษาและปฏิบัติในเรื่องของธรรมะให้เข้าถึงอย่างแท้จริง เวลามีอะไรไม่ดีไม่งามเกิดขึ้น จะได้ช่วยแก้ไขแก้ต่างให้กับพระพุทธศาสนาได้ จึงจะสมกับที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ฝากภาระของพระพุทธศาสนานี้เอาไว้กับพุทธบริษัททั้ง ๔

ในปัจจุบันนี้ อุบาสกบริษัทและอุบาสิกาบริษัท ซึ่งก็คือญาติโยมชายหญิงทั้งหลายนั้น มักจะลืมภาระหน้าที่ของตนเองไปบ้าง มักจะปฏิบัติหน้าที่ "เลยธง" ไปบ้าง ก็คือบางท่านก็ถึงขนาดมาสอนพระว่าต้องทำอย่างนั้น ต้องเป็นอย่างนี้ ถึงจะเป็นพระภิกษุสงฆ์ที่ดี กระผม/อาตมภาพเองเห็นแล้วก็เหนื่อยใจ ในเมื่อเราจะเป็นอุบาสกอุบาสิกาที่ดีอย่างไร ก็ควรที่จะศึกษาคุณสมบัติของอุบาสกอุบาสิกา ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ชัดเจนเสียก่อน ท่านจึงสามารถที่จะปฏิบัติหน้าที่ของตนได้อย่างเต็มกำลัง

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๑๐ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-08-2024 เมื่อ 03:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 22:52



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว