กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๗ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนสิงหาคม ๒๕๖๗

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 08-08-2024, 19:50
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,946
ได้ให้อนุโมทนา: 225,209
ได้รับอนุโมทนา 800,461 ครั้ง ใน 39,365 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๖๗

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๖๗


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 09-08-2024, 00:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๘ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ พรุ่งนี้พระนวกะของคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิก็จะเริ่มปฏิบัติธรรมประจำปี คราวนี้ในระยะเวลาหลายวันนั้น ควรที่จะเป็นเวลาที่เรากอบโกยสิ่งต่าง ๆ ให้กับตัวเองให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ไม่ใช่ว่าเขาสอนไม่ถูกใจ แล้วเราก็เอากิเลสไปปะทะด้วย ก็คือเกิดความไม่พอใจขึ้นมา เกิดการต่อต้าน ซึ่งจะมีแต่โทษมากกว่าประโยชน์

การปฏิบัติธรรมประจำปีนั้นเกิดจากพระเถระระดับสูง ที่ท่านเห็นว่าในปัจจุบันนี้ ส่วนใหญ่พระใหม่ของเราบวชเข้ามาแล้ว ก็ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ต้องใช้คำว่า "ส่วนใหญ่" เนื่องเพราะว่าส่วนน้อยอย่างของวัดเราที่บังคับเรียน บังคับทำวัตร สวดมนต์ เจริญกรรมฐานนั้นไม่ค่อยมี ท่านก็เลยกำหนดต้องให้มีการปฏิบัติธรรมประจำปี ซึ่งหลายแห่งก็ทำแค่พอพ้นหน้าไป ไม่ให้ผู้บังคับบัญชาตำหนิได้เท่านั้น

แต่ว่าพวกเราอย่าเป็นเช่นนั้น ต้องถือว่าเป็นโอกาสอันดีงามที่เราจะกอบโกยสิ่งดี ๆ ให้กับตัวเองให้มากที่สุด เพราะว่าต่อให้อยู่วัด กระผม/อาตมภาพก็ไม่ได้บังคับให้พวกท่านปฏิบัติธรรมตลอด ๒๔ ชั่วโมง แต่ว่าในงานปฏิบัติธรรมจะมีพระวิปัสสนาจารย์คอยควบคุมอยู่ ซึ่งไม่ใช่แค่ทำวัตรเช้าทำวัตรเย็นเท่านั้น หากแต่ว่าเป็นการปฏิบัติธรรมเกือบทั้งวัน

แต่หลายท่านไม่คุ้นชินกับรูปแบบที่เขานำมาสอนพวกเรา ขอเรียนถวายว่า "อย่าโง่" ก็คือในการเดินจงกรม เขาต้องการความพร้อมเพรียงอยู่แล้ว เราก็เดินจงกรม ๖ ระยะตามเขาไป แต่พอนั่งภาวนา ครูสอนอะไรเราก็ทำตามแบบที่เราถนัด เท่านั้นก็หมดปัญหาแล้ว..!

ส่วนทางด้านวัดพุทธมณฑลอรัญญิกาวาส หลวงพ่อมณฑล (พระครูสุชาตกาญจนโกศล) ท่านไม่อยู่ ได้ข่าวว่าไปไม่สบายอยู่ต่างประเทศด้วย ก็แปลว่าปลัดแป๊ะ (พระปลัดวินัย ชาคโร) จะต้องรับผิดชอบ เข้าไปคอยดูแลเอาไว้ สัก ๑๐ วัน ครึ่งเดือน เข้าไปทำความสะอาดใหญ่สักรอบก็ได้ เพียงแต่ว่าการเข้าออกจะลำบากหน่อย ก็คือถ้าไม่มีรถขับเคลื่อน ๔ ล้อ โอกาสที่จะได้ขุดได้เข็น ก็คงจะพอ ๆ กันกับสำนักสงฆ์ถ้ำโป่งช้าง..!

โดยเฉพาะรถขับเคลื่อน ๔ ล้อของเรา มีแต่คนใช้งานแล้วก็ไม่ได้มีการซ่อมบำรุง จนกระทั่งระบบพังบรรลัยหมดแล้ว ก็คือกระผม/อาตมภาพทอดธุระตั้งแต่ครั้งแรก เพิ่งจะนำไปติดตั้งเบาะญี่ปุ่น ตลอดจนกระทั่งเครื่องปรับอากาศด้านหลัง กลับมาวันนั้นเบาะก็ขาดวันนั้น ก็เพราะว่าไอ้คนใช้ดันปัญญานิ่ม ทะลึ่งเอาเก้าอี้ไปตั้งเพื่อที่จะได้นั่งสบาย เก้าอี้ก็เลยเจาะเบาะเสียขาดหมด..! หลังจากนั้นจะทำอะไรก็เชิญ เพราะว่ากระผม/อาตมภาพมีนิสัยก็คือ
ถ้าหากว่าตัดอะไรก็ตัดออกจากใจไปเลย ไม่ได้สนใจที่จะไปดูแลอีก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-08-2024 เมื่อ 02:29
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 09-08-2024, 00:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เรื่องพวกนี้พวกเราเองก็จะต้องพยายามทำให้ได้ ก็คือให้ความผูกพันต่าง ๆ มีกับเราให้น้อยที่สุด ส่วนที่กระผม/อาตมภาพดีใจที่สุดก็คือ ตัดคุณค่าของเงินออกจากใจตัวเองได้ตั้งแต่พรรษาแรก ๆ เพราะว่าโดนเพื่อนทิ้ง..!

ไปรับผิดชอบดูแลศาลาหลวงพ่อ ๔ พระองค์ ซึ่งตอนหลังกลายเป็นศาลาหลวงพ่อ ๕ พระองค์ที่วัดท่าซุง แต่ละงานญาติโยมทำบุญด้วยการเอาเหรียญที่ตนเองภาวนาพระคาถาเงินล้านแล้วหยอดกระปุกไว้ มาทำบุญตามตู้ทำบุญต่าง ๆ รวมแล้วงานหนึ่งก็เป็นล้านเหรียญ..! แล้วเครื่องนับที่มีอยู่ก็เป็นเครื่องรุ่นเก่า ที่มีเหรียญผิดแปลกไปแม้แต่เหรียญเดียวก็จะหยุดทำงาน จนกว่าเราจะไปคุ้ยหาเจอแล้วก็เอาออกมา กระผม/อาตมภาพรำคาญก็เลยใช้วิธีนับด้วยมือ คราวนี้หาคนช่วยไม่ได้ เพราะว่ามีแต่คนคิดว่า "ไม่ใช่ภาระของตน..!"

เพราะว่าในเรื่องของเหรียญนั้น แม้แต่ธนาคารก็คิดว่าไม่ใช่ภาระของตนเอง ต่อให้เรานับไปดีแค่ไหน เขาก็จะไปนับใหม่ แล้วก็คิดค่านับร้อยละ ๒ บาท..!
กระผม/อาตมภาพจึงต้องเช็คก่อน ๑ รอบด้วยการนับจนครบ ปรากฏว่าวันนั้นนับตั้งแต่ประมาณ ๔ โมงเย็นไปเสร็จเอาตี ๒ กว่า..! เป็นเงินแค่ล้านกว่าเหรียญเท่านั้น

ตั้งแต่นั้นมา กระผม/อาตมภาพก็ไม่ได้เห็นคุณค่าของเงินเลย นอกจากเห็นความทุกข์จากเงิน หลายท่านที่ได้ยินกระผม/อาตมภาพเล่าว่าเก็บห้องทีไรก็ได้เงินทุกทีก็เพราะอย่างนี้ เนื่องเพราะว่าถ้ารับกิจนิมนต์มา ก็จะโยนกอง ๆ เอาไว้พอไม่ให้เกะกะ บางทีก็ทับก็ซ้อนกันอยู่เป็นปี ค้นเจอแต่ละทีรู้สึกดีใจที่มีเงินใช้ตั้งเยอะ ถ้าเราสามารถตัดสิ่งต่าง ๆ ออกจากใจได้ในลักษณะอย่างนี้ ความผูกพันจะน้อยลงไปเรื่อย

ญาติโยมหลายท่านก็น้อยใจที่กระผม/อาตมภาพไม่ได้ให้ความใส่ใจเลย เกิดจากสาเหตุสองประการด้วยกัน ประการแรกก็คือครูบาอาจารย์ท่านเคยปรารภว่า "การมีลูกศิษย์ก็เหมือนกับมีเมียน้อยหลายคน เอาใจคนไหนที่เหลือก็จะน้อยใจ"

อีกส่วนหนึ่งก็คือ กระผม/อาตมภาพนั้นสนใจในเรื่องการรักษากำลังใจตัวเองเท่านั้น ไม่ได้สนใจที่จะไปรักษากำลังใจคนอื่น ต่อให้คุณอธิษฐานมาขนาดไหน ก็ใช้คำว่า "เรื่องของมึง..!" ก็คือกระผม/อาตมภาพไม่ได้มีหน้าที่ไปตัดสินชีวิตของใคร ขณะเดียวกันก็ไม่ได้มีหน้าที่ไปรักษากำลังใจของใคร นอกจากช่วยทุบ..! ถ้าเอ็งสามารถรอดไปได้ ก็แปลว่าแกร่งพอที่จะปฏิบัติธรรมต่อ ถ้าไม่รอดก็ถือว่าโดนคัดทิ้งไป..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-08-2024 เมื่อ 02:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 09-08-2024, 01:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ท่านทั้งหลายจะเห็นว่า กระผม/อาตมภาพไม่เสียเวลาไปเคี่ยวเข็ญทุกคนให้ทำวัตร สวดมนต์ เจริญกรรมฐาน หรือบิณฑบาต เป็นหน้าที่ของเราที่ต้องทำอยู่แล้ว ไม่ทำก็เรื่องของมึง..! ถ้าไม่มีอารมณ์ไปสนใจก็แล้วไป ถ้าสนใจเมื่อไร ก็จะได้ฉวยโอกาสไล่ออกจากวัดไปเลย หมดเรื่องหมดราว..! เพราะว่าเราบวชมา ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม จำเป็นที่จะต้องเล่นให้สมบทบาท ในเมื่อหน้าที่ของพระก็คือสวดมนต์ ทำวัตร บิณฑบาต เจริญพระกรรมฐาน แล้วเราไม่ทำจะเป็นพระได้อย่างไร ? วัน ๆ อาศัยแต่เปลือกนอกหลอกกินของชาวบ้านเขาไปเรื่อยก็หาความซวยใส่ตัวเอง..!

ตราบใดที่ท่านยังไม่เห็นนรกด้วยตนเองก็จะไม่รู้สึกกลัว แต่กระผม/อาตมภาพเห็นมาตั้งแต่ก่อนอายุครบ ๒๐ ปี โยมแม่ขอร้องให้บวชปีแล้วปีเล่า ก็ไม่ยอมบวชเพราะว่ากลัว เนื่องจากว่านรกแต่ละขุม บรรดานักบวชลงไปแออัดยัดเยียด แน่นจนเหมือนอย่างกับเปิดกล่องไม้ขีดไฟ แล้วเห็นหัวไม้ขีดอย่างไรอย่างนั้น..! กลัวว่าตัวเองจะต้องลงไปอยู่ตรงนั้น แต่ด้วยความที่ครูบาอาจารย์ขอให้บวชให้ท่าน จึงตัดสินใจที่บวช แต่ก็ตั้งใจจะบวชแค่ ๗ วันเท่านั้น..!

เพียงแต่ว่า ๗ วันที่ตั้งใจเอาไว้ก็คือปิดทางถอยของตัวเองจนหมด ข้าวของเงินทองทุกอย่างสละให้คนอื่นหมด ถ้าหากว่าสึกออกมาเมื่อไรก็ต้องเริ่มต้นจากศูนย์ ในเมื่อปิดทางถอยของตัวเองแล้วคู่ต่อสู้อยู่ตรงหน้า ก็มีอย่างเดียวคือลุยกันให้ตายไปข้างหนึ่ง เพราะว่าทางถอยไม่มี ไม่เหมือนกับหลายท่านที่เปิด "โอเพ่น" ๓๖๐ องศา กูพร้อมที่จะถอยทันที..! บวช ๓ วัน ๗ วันแล้วสึก นึกว่าดี ประเภทนั้นจะได้ดีตรงไหน ? ก็ได้ดีแค่กำไรบุญ ซึ่งเป็นเรื่องของทางโลก ๆ เท่านั้น แต่ว่าในส่วนของธรรมนั้นเข้าถึงยากมาก เพราะกำลังใจของเราไม่เด็ดขาดพอ

ในเรื่องของสมาธินั้นมีแต่ประโยชน์ทั้งสิ้น เนื่องเพราะว่าจะไปเสริมปัญญาของเราให้แหลมคม ว่องไว รู้เท่าทันกิเลส จนกระทั่งสามารถถอนตนเองออกมาได้ แม้กระทั่งทุกวันนี้ ต่างประเทศเขาก็ใช้งานกันเป็นปกติ เราจะเห็นว่านักแม่นปืนชาวตุรกี ถ้าจำไม่ผิดน่าจะชื่อยูซุฟ ดิเคช เดินเข้าไปยิงปืนแบบหน้าตาเฉย แล้วก็หยิบเหรียญเงินไปหน้าตาเฉย โดยที่ไม่ได้ใช้อุปกรณ์ช่วยใด ๆ ทั้งสิ้น นั่นคือลักษณะของคนที่ทรงสมาธิจนกระทั่งเป็นปกติแล้ว ไม่มีอะไรที่กระทบกระเทือนให้หวั่นไหวได้แล้ว ที่ภาษาเด็กรุ่นใหม่เขาบอกว่า "ชิล ๆ"

หรือไม่ก็นักกระโดดสูงชาวยูเครน ก็คือยาโรสลาวา มาอูชิค นอนอยู่ข้างสนามรอกรรมการเรียกไปกระโดด คนอื่นถามว่า "จะชิลไปถึงไหน ?" แต่เขาบอกว่าเขากำลังทำสมาธิ และทำแบบนี้มาตลอด ก็คือถ้าไม่ใช่มองเมฆเพื่อความผ่อนคลาย ก็จะนับเลขในใจไปเรื่อย นั่นคือการภาวนาสร้างสมาธิของตัวเอง แล้วเขาสามารถตัดอารมณ์หลับได้ทุกเวลา พวกเราทำได้ขนาดนั้นไหม ? บางคนฟุ้งซ่านไปครึ่งค่อนคืนยังไม่ยอมหลับเลย..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-08-2024 เมื่อ 02:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 09-08-2024, 01:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่น่าละอายมาก เพราะว่าเขาไม่ใช่นักปฏิบัติธรรม เป็นเพียงผู้เล่นกีฬาเท่านั้น แต่สามารถใช้สมาธิในการเล่น จนกระทั่งสามารถสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติของตัวเองได้ ขณะที่พวกเราได้ชื่อว่าเป็นผู้ปฏิบัติธรรม กำลังที่จะสู้กิเลสยังไม่มี โดยเฉพาะถ้าเป็นนักบวชก็ยิ่งน่าขายหน้าเข้าไปอีก เพราะว่าเป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องศึกษาเรียนรู้ เพื่อที่นำไปสั่งสอนญาติโยมต่อ

บริษัท ๔ ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น ภิกษุ ภิกษุณีเป็นบุคคลที่ไม่ได้ทำงาน มีเวลาในการปฏิบัติธรรมมากกว่า อาศัยการสนับสนุนปัจจัย ๔ จากอุบาสก อุบาสิกาที่มีแต่งานท่วมหัว ไหนจะลูกกวนหัว ไหนจะผัวกวนใจ เวลาปฏิบัติธรรมไม่มี เขาหวังให้พวกเราทำให้เต็มที่ ถ้าชี้ทางออกบอกทางถูกได้ เขาก็จะไปทางลัด ก็คือไม่ต้องไปดิ้นรนไขว่คว้าให้ยากลำบากด้วยตนเอง เนื่องเพราะว่าผู้ที่เคยผ่านทางมาแล้ว ย่อมบอกทางที่ง่ายที่สุดให้กับเขาได้ แล้วเราเองไปรอการสนับสนุนปัจจัย ๔ จากอุบาสกอุบาสิกาอย่างเดียว โดยที่ไม่ได้คิดจะตอบแทนอะไรเลย ก็รู้สึกว่าจะเกินไป..!

จึงเป็นเรื่องที่เราท่านทั้งหลายต้องมีจิตสำนึกว่า เราบวชเข้ามาแล้วต้องทำให้เต็มที่ สะสมบุญกุศลให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ถ้าสึกหาลาเพศไป ต้นทุนตรงนี้จะทำให้ทางชีวิตของเราสะดวกกว่าผู้อื่น แต่ถ้าหากว่าอยู่ต่อไป ผลบุญที่เราสร้างสมไว้จะกลายเป็นบารมี ถึงเวลาญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลายจะมาพึ่งพิง ถ้ากำลังเราไม่พอ ถึงเวลาก็จะตบะแตกเอง..!

ขอฝากเอาไว้ว่าสำหรับท่านทั้งหลายที่ยังไม่มีการไม่มีงานทำ แล้วคิดจะสึกหาลาเพศหลังจากรับกฐินแล้วว่า
"โลกเราจะวุ่นวายไปอย่างน้อย ๓ ปี โอกาสที่จะสึกออกไปแล้วได้งานได้การยากมาก ๆ" รอดูแค่ออกพรรษานี้ ก็จะรู้ว่าฉิบหายวายป่วงกันขนาดไหน ?!! เพราะฉะนั้น""ถ้าหากว่าจะตัดสินใจสึกออกไปให้ลำบากกว่าเวลาอื่นก็ตามใจ แต่ถ้าคิดว่ายังอยู่ต่อไป เพื่อสร้างสมบุญกุศลให้กับตัวเองได้ ก็ทนอยู่ต่อ สถานการณ์ของโลกและประเทศชาติดีขึ้นแล้วเราค่อยสึกหาลาเพศไปก็ยังไม่สาย

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพฤหัสบดีที่ ๗ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 10-08-2024 เมื่อ 00:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 22:57



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว