กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๗ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนสิงหาคม ๒๕๖๗

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 03-08-2024, 19:48
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 500
ได้ให้อนุโมทนา: 3,308
ได้รับอนุโมทนา 24,997 ครั้ง ใน 988 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๖๗

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๖๗



แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย พิชวัฒน์ : 03-08-2024 เมื่อ 20:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 03-08-2024, 23:17
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๓ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ พระใหม่ถ้าหากว่าใครยังแสดงอาบัติปากเปล่าไม่ได้ ให้พยายามปิดหนังสือ อย่าไปคิดอาศัยหนังสือ เพราะว่าถ้าเราคิดอาศัยหนังสือแล้วสมองจะไม่จำ ส่วนท่านที่นั่งเก้าอี้แทนที่จะนั่งอาสนะ ถ้าไม่ใช่เจ็บไข้ได้ป่วยประเภทแข้งขาหัก เพียงแต่ว่านั่งแล้วรู้สึกลำบากเพราะว่าเส้นสายยึด ขอให้พยายามนั่งให้ได้ เนื่องจากมีแต่ผลดีกับตัวเองทั้งนั้น ถ้าเรานั่งเก้าอี้ต่อไปเดี๋ยวก็จะเหมือนกับพวกฝรั่ง

ทุกวันนี้เวลาเห็นคนเอเชียนั่งยอง ๆ ฝรั่งจะงงมากว่านั่งได้อย่างไร ? เพราะว่าพวกเขาไม่เคยชิน เนื่องเพราะว่าพวกเราถึงเวลานั่งส้วมส่วนใหญ่ก็จะเป็นแบบนั่งยองอยู่แล้ว แต่ฝรั่งไม่สามารถที่จะทำได้ เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า เขาเคยชินกับการนั่งโถชักโครก ทำให้เส้นสายไม่ยืด ที่อนาถที่สุดก็คือภาพในสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ ที่บรรดาเชลยศึกฝรั่งชาติต่าง ๆ โดนกวาดต้อนมาสร้างทางรถไฟสายมรณะ ต้องเอาไม้ไผ่มาตอกเป็นแนวยาว ๆ ให้สูงจากพื้นขึ้นมา เพื่อที่จะนั่งหย่อนก้นข้างบนนั้นแล้วถึงจะถ่ายได้ ถ้าเราไม่ฝืนตัวเองบ้างก็แปลว่ากำลังใจยังไม่เพียงพอ แค่ความลำบากยังไม่ฝืนทำ ไม่ต้องไปคิดถึงว่าการที่จะคิดเข้าถึงมรรคผลด้วยการเอาชีวิตเข้าแลกแล้วเราจะกล้าทำ..!

ส่วนของมหาจุก (พระมหาอินทรปกรณ์ ฐิตสุโภ ป.ธ.๔) ที่ไปช่วยงานอบรมที่วัดปรังกาสี ต่อไปถ้ามีงานประเภทนี้มาอีก ให้พาพรรคพวกเพื่อนฝูงไปบ้าง คนไหนสนใจเรื่องนี้พาไปช่วยงานสัก ๒ - ๓ รูปก็ได้ เป็นการฝึกฝนคนของเราให้เคยชิน และไปเก็บเอาเทคนิคดี ๆ ในการอบรมมาใช้ในงานของเราเอง เห็นใครที่เขาสามารถอยู่กับเด็ก ๆ ได้แบบลื่นไหล ทำอะไรดึงความสนใจของเด็กได้โดยตลอด ให้พยายามศึกษาเทคนิคเหล่านั้น แล้วเอามาลองทำดู ต่อให้ไม่ใช่ตัวตนของเราอย่างแท้จริง แต่ถ้าหากว่าทำได้ก็จะช่วยให้การอบรมไม่น่าเบื่อ

อย่างวันนี้ในช่วงเช้า กระผม/อาตมภาพไปที่วิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีศรีไพบูลย์ เพื่อร่วมพิธีปิดการอบรมกรรมฐานของพระนวกะคณะสงฆ์ ๕ อำเภอ ไปถึงหยิบไมค์ลอยได้ก็เล่าเรื่องต่าง ๆ ไปเรื่อย จากที่ผู้คนไม่สนใจที่เข้าจะเข้ามานั่งที่ ถึงเวลาพอได้ยินเรื่องน่าสนใจก็เข้ามานั่งฟังเอง จนกระทั่งถึงเวลา ๐๘.๓๐ น. ท่านพระครูสุทธจิตคุณ เจ้าอาวาสวัดสวนมะม่วง พระอุปัชฌาย์ร่วมรุ่นของกระผม/อาตมภาพ ซึ่งทำหน้าที่เป็นพระวิปัสสนาจารย์อยู่ ถึงขนาดปรารภว่า "วันนี้พระนวกะเข้าห้องประชุมพร้อมเพรียงกันที่สุด"

เทคนิคพวกนี้ กระผม/อาตมภาพใช้ทุกครั้งในการอบรมกรรมฐาน ก็คือจะไม่บังคับให้เข้าห้องอบรม จะไม่เสียเวลาเรียกให้เข้าห้องอบรม แต่ว่าจะเล่าเรื่องน่าสนใจต่าง ๆ ในพระพุทธศาสนาให้ฟังไปเรื่อย ในเมื่อไม่ไปเน้นการปฏิบัติ ไม่ไปเน้นวิชาการ พระท่านไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ตนเองจะต้องไปเครียด ฟังแล้วสนุกก็มากันเอง ถ้าหากว่าพวกเราศึกษาเทคนิคต่าง ๆ ในการอบรมเด็กไว้ ถึงเวลาก็สามารถไปปรับใช้กับผู้ใหญ่ได้อีกด้วย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-08-2024 เมื่อ 02:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 03-08-2024, 23:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หลังจากนั้นแล้ว กระผม/อาตมภาพก็เดินทางไปยังวัดอินทาราม (หนองขาว) หมู่ที่ ๑ ตำบลหนองขาว อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อร่วมในงานเปิดการประชุมอบรมพระนวกะคณะสงฆ์อำเภอท่าม่วง

ปรากฏว่าได้รับความเมตตาจากพระเดชพระคุณพระเทพปริยัติโสภณ, ดร. (ปัญญา วิสุทฺธิปญฺโญ ป.ธ.๙) เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ให้กระผม/อาตมภาพแซงหน้ารองเจ้าคณะจังหวัดขึ้นไปบรรยายก่อน โดยที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชวิสุทธาภรณ์ (ทองดำ อิฏฺฐาสโภ ป.ธ.๖) วัดพระแท่นดงรังวรวิหาร และพระเดชพระคุณพระโสภณกาญจนาภรณ์ (ทอมสันต์ จนฺทสุวณฺโณ ป.ธ.๔) รองเจ้าอาวาสวัดไชยชุมพลชนะสงคราม (พระอารามหลวง) นั่งรอไปก่อน

หลวงพ่อเจ้าคณะจังหวัดท่านพูดถึงอานิสงส์ของเมตตา ๑๑ อย่างด้วยกัน ตั้งแต่ สุขังสุปะติ สุขังปะฏิพุชฌะติ ก็คือหลับก็เป็นสุข ตื่นก็เป็นสุข แล้วท้ายที่สุดก็ไปลงที่พรัหมะโลกูปะโค โหติ ฯ ก็คือถึงตายไป ถ้ากำลังใจเกาะเมตตาอยู่ก็ไปเกิดในพรหมโลกเป็นอย่างน้อย

กระผม/อาตมภาพก็เลยต่อยอดยืนยันกับพระนวกะท่านว่า ถ้าอยู่ที่ไหนอยากจะอยู่สุขอยู่เย็นและปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นสถานที่แปลกไปจากปกติก็ดี ในป่าช้า ในป่าลึก ที่เต็มไปด้วยสัตว์ร้ายหรือภูตผีก็ตาม ขอให้พระใหม่พยายามหัดท่องบท "กรณียเมตตสูตร" หรือว่า "บทเมตตาใหญ่" ก็ได้ ตั้งใจกำหนดจิตถึงท่านทั้งหลายที่รักษาบริเวณนั้นว่า "เรา
แค่มาอาศัยปฏิบัติธรรมชั่วครั้งชั่วคราว ไม่ได้มายึดเป็นเจ้าของ ถ้ามีความดีใดที่เราทำตรงนี้แล้วเป็นบุญเป็นกุศล ก็ขอให้ทุกท่านได้อนุโมทนา เราจะได้รับประโยชน์รับความสุขเท่าไร ขอให้ท่านทั้งหลายได้รับส่วนบุญเหล่านั้นด้วย"

ถ้าทำอย่างนี้ ต่อให้อยู่ในป่าช้าหรือว่าอยู่กลางดงสัตว์ร้าย กระผม/อาตมภาพขอยืนยันว่าปลอดภัย เพราะว่าอานุภาพของบทกรณียเมตตสูตร หรือว่าบทเมตตาใหญ่ก็ตาม มีอยู่ข้อหนึ่งที่ว่าเทวะตา รักขันติ ก็คือเทวดารักษา ก็แปลว่าถ้าเราท่านทั้งหลายทำแบบนี้ อยู่ที่ไหนก็ปลอดภัย หลับก็เป็นสุข ตื่นก็เป็นสุข แล้วถ้าหากว่าทำจนเป็นปกติ ก็แปลว่ากำลังใจของเราทรงในเมตตาเป็นปกติ ตายลงไปอย่างไม่มีก็ไปพรหมโลก

โดยเฉพาะบทกรณียเมตตสูตรนี้ พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ถ่ายทอดให้กระผม/อาตมภาพเป็นบทแรก ๆ หลังจากที่อนุญาตให้ออกธุดงค์ โดยปกติแล้วทางวัดท่าซุงก็ปฏิบัติตามพระวินัย คือถ้าหากว่าภิกษุพ้น ๕ พรรษาไปแล้ว ถึงจะได้ "นิสัยมุตตกะ" ออกห่างครูบาอาจารย์ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-08-2024 เมื่อ 02:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 03-08-2024, 23:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แต่กระผม/อาตมภาพนั้น ปีแรกสอบนักธรรมชั้นนวกภูมิและนักธรรมชั้นตรี ซึ่งต่างจากสมัยนี้ที่สอบครั้งเดียว ปีที่ ๒ ไม่ได้สอบนักธรรมชั้นโท เพราะว่าไปคอยดูแลหลวงปู่มหาอำพัน - ท่านเจ้าคุณพระภาวนาปัญญาวิสุทธิ์ (อำพัน อาภรโณ บุญ-หลง) วัดเทพศิรินทราวาส ที่ท่านป่วยหนัก ปีที่ ๓ สอบได้นักธรรมชั้นโท ปีที่ ๔ สอบได้นักธรรมชั้นเอก

เมื่อได้นักธรรมชั้นเอกแล้ว พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านบอกว่า "ความรู้ความสามารถของแกพอที่จะคุ้มครองตัวเองได้แล้ว อนุญาตให้ออกธุดงค์ได้" ก็เลยกลายเป็นพระรูปเดียวที่ยังไม่ครบ ๕ พรรษาแล้วได้รับอนุญาตให้ออกธุดงค์ แล้วท่านก็ถ่ายทอดคาถาต่าง ๆ ที่ใช้ประกอบในการธุดงค์ อย่างเช่นว่าบทบารมี ๓๐ ทัศ ต่อด้วยนะโมพุทธายะ ท่านบอกว่าให้ภาวนาเป็นประจำจนกำลังใจทรงตัว ใครจะทำไสยศาสตร์มาขนาดไหนก็ตามจะสลายตัวหมด

ถ้าหากว่ามีคนนำข้าวปลาอาหารมาถวาย เราเองไม่มั่นใจว่าจะปลอดภัยหรือเปล่า ให้ภาวนาพระคาถาบารมี ๓๐ ทัศ ต่อด้วยนะโมพุทธายะ ทำน้ำมนต์พรมอาหารเหล่านั้นก่อน ถ้าไม่เปลี่ยนสภาพก็แปลว่าเป็นของปกติ สามารถที่จะฉันได้

แต่กระผม/อาตมภาพเป็นคนขี้เกียจเสมอ อะไรที่ครูบาอาจารย์บอกก็มักจะแหกคอก ใช้วิธีภาวนากำหนดภาพพระครอบลงไปในวงอาหารเลย หมดเรื่องหมดราวไป..! เสียเวลาไปทำน้ำมนต์ให้เขาระแวงด้วย เพียงแต่ว่าเราจะต้องภาวนาจับภาพพระเป็นปกติ จนกระทั่งมั่นใจแล้วก็ภาวนาคาถา พร้อมกับกำหนดภาพพระครอบลงไป

คาถาอีกบทหนึ่งก็คือคาถาที่ท่านเรียกว่าตวาดป่าหิมพานต์ แต่ว่าไม่เหมือนกับตวาดป่าหิมพานต์ในตำราทั่วไป เพราะท่านใช้บทภะสัมสัมวิสะเทภะ ใน อิติปิ โสฯ ๘ ทิศ ให้ใช้ตอนที่เราขึงสายอัพโภกาส หรือว่าตอกหลักยึดกลด ถ้าเป็นกลดสมัยเก่าหลังใหญ่สูงประมาณ ๒ - ๓ เมตร จะต้องมีเชือกยึดเพื่อไม่ให้ล้ม สมัยนี้ส่วนใหญ่เป็นกลดแขวน ก็ให้ภาวนาตอนแขวนกลด เพื่อป้องกันอันตรายต่าง ๆ ที่จะเข้ามาในบริเวณนั้น

หรือถ้าหากว่าใครยังไม่มั่นใจก็เสกก้อนหิน หรือว่าก้อนดินด้วยพระคาถา อิติปิ โสฯ ๘ ทิศ กลั้นใจโยนออกไปทิศละก้อน แต่ควรที่จะอธิษฐานว่าให้หมดอานุภาพเมื่อได้อรุณแล้ว ไม่อย่างนั้นถ้าหากว่ากำลังใจท่านทรงฌานได้สักระดับหนึ่ง บริเวณนั้นจะกลายเป็นเขตหวงห้าม ที่บรรดาเทวดาชั้นล่าง ๆ หรือว่าภูตผีปีศาจจะเข้าไม่ได้ เพราะว่าถ้ากำลังใจของเราถ้าทรงปฐมฌานได้จะเทียบเท่ากับพรหม ๓ ชั้นแรก ซึ่งจะมีอานุภาพเหนือกว่าเทวดาอย่างเช่นว่ารุกขเทวดา หรือภุมมเทวดา เป็นต้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-08-2024 เมื่อ 02:52
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 03-08-2024, 23:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แล้วก็ยังมีพระคาถาอีก ๒ บท ท่านให้เสกอาหาร ก็คือ "พุทธังมัดจิต ธัมมังมัดใจ ศัตรูทั้งหลายวินาศสันติ" และ "พุทธังมัดจิต ธัมมังมัดใจ โรคภัยทั้งหลายวินาศสันติ" โดยให้ภาวนานึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีพระนามว่าพระพุทธกัสสปและท้าวเวสสุวรรณ ผู้นำพระคาถามามอบให้ ท่านบอกว่าเสกอาหารทุกครั้ง สามารถที่จะทำลายพวกไสยศาสตร์หรือยาพิษที่แฝงมาได้ แล้วขณะเดียวกัน ใครรับอาหารส่วนที่เหลือไปกินไปใช้ต่อ ก็เท่ากับเป็นยารักษาโรคไปด้วย

ดังนั้น..เรื่องพวกนี้ ถ้าหากว่าเราจะศึกษา ท่านให้ตั้งขันครู ประกอบไปด้วยบัวขาว ๕ ดอก เทียนขาว ๕ เล่ม ธูป ๕ ดอก แล้วก็เงิน ๕ บาท หลังจากที่ไหว้ครูแล้ว เงินให้เอาไปใช้ในด้านสังฆทาน เลือกเอาวันพฤหัสบดีข้างขึ้นมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ตั้งขันครูขออนุญาตเจ้าของพระคาถาทุกรูปทุกองค์ว่า ขออนุญาตศึกษาและใช้พระคาถานี้ ขอให้มีอานุภาพสูงสุดเท่าที่จะพึงมีพึงได้

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ถ้าเราศึกษาเอาไว้ ที่กระผม/อาตมภาพมั่นใจที่สุดก็คือ ผลนั้นทำให้เรามีความมั่นใจตัวเองมากขึ้น ไม่ใช่ในเรื่องผลที่พระคาถาจะสำแดงให้เกิด แต่เป็นการที่ว่าเราทั้งหลายเมื่อใช้แล้วจะเกิดความมั่นใจมากขึ้น มีความกล้าหาญมากขึ้น โดยเฉพาะถ้าพวกเราทั้งหลายคิดเป็น จะเข้าถึงอำนาจของพระคาถาได้มากกว่าคนอื่นเขา อย่างเช่นบทนะโมพุทธายะ ที่อ้างพระบารมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึง ๕ พระองค์ ต่อให้พระองค์เดียวก็กินไม่ไหวใช้ไม่หมดแล้ว เล่นมาทีเดียว ๕ พระองค์เลย..!

ท่านทั้งหลายลองคิดดูว่า ในขณะที่โลกมืดมนด้วยอวิชชา ไม่มีใครสามารถมองเห็นเหมือนดั่งคนตาบอด แล้วองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงใช้ปัญญาญาณอันแก่กล้า แหวกทะลุอวิชชาทั้งหลายเหล่านั้นออกไปได้ ต้องใช้พลังของ ศีล สมาธิ ปัญญา ที่มากมายมหาศาลขนาดไหน ? มีใครสักกี่คนที่จะทำแบบนั้นได้ ? อานุภาพเล็กน้อยเพียงเท่านี้ก็ไม่มีใครสามารถเทียบได้แล้ว แล้วเรายังไปอ้างนามพระพุทธเจ้าถึง ๕ พระองค์ อานุภาพก็คูณ ๕ เข้าไป ไม่ต้องคิดอะไรมากก็เอาแค่นี้ ท่านก็จะยืนอยู่ในลักษณะที่เหนือกว่าทุกสรรพสิ่งแล้ว

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เราจะเกิดความมั่นใจ ทำให้พระคาถาต่าง ๆ ขลังขึ้นมาโดยอัตโนมัติ เพียงแต่ว่าคิดให้เป็น พิจารณาให้เป็น แล้วเรื่องทั้งหลายเหล่านี้เราจะใช้งานได้ดีกว่าคนอื่นเขา มีโอกาสก็ให้ทำการไหว้ครู แล้วก็ไปซักซ้อมดูว่าผลจะเป็นอย่างไร

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๓ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-08-2024 เมื่อ 02:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 22:44



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว