กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๗ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกรกฎาคม ๒๕๖๗

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 20-07-2024, 18:59
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,938
ได้ให้อนุโมทนา: 225,208
ได้รับอนุโมทนา 800,447 ครั้ง ใน 39,357 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๗

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๗


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 20-07-2024, 23:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,541 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๒๐ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ เมื่อครู่นี้ พวกเราก็ได้ตามประทีปถวายเป็นพุทธบูชาไปเรียบร้อยแล้ว อีกสักครู่จะเป็นการทำวัตรค่ำ หลังจากนั้นก็จะเป็นการเวียนเทียนถวายเป็นพุทธบูชา

คราวนี้ในช่วงนี้ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล ก็แปลว่าการเวียนเทียนอาจจะเจอฝนบ้าง ในเรื่องของเจ้าที่เจ้าทาง หรือว่าพรหมเทวดา ท่านพร้อมที่จะสงเคราะห์ในเรื่องของการบุญการกุศลอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าเราทั้งหลายนั้นจะต้องเข้าใจว่า ท่านช่วยได้แค่ไม่เกินกฎของกรรมเท่านั้น ไม่ใช่ว่าจะช่วยได้ในทุกเรื่อง เพราะว่าการละเมิดกฎของกรรมนั้น บางทีท่านก็ต้องรับโทษเอง ในบางส่วนนั้นดูแล้วก็ไม่น่าจะเป็นโทษ แต่ท้ายสุดก็เป็นจนได้

อย่างเทวดาชั้นผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ได้รับการขอร้องจากผู้ที่เป็นพ่อแม่ ให้ไปตามลูกสาวของตนที่โดนหลอกลวงไปคืนมา ปรากฏว่าต้องเข้าไปตามในสถานขายบริการ ซึ่งสมัยก่อนเรียกกันว่า "ซ่อง" ทั้ง ๆ ที่เข้าไปโดยเจตนาดี เพื่อช่วยเหลือบุคคลที่ได้รับการขอร้องมา แต่กลายเป็นว่าโดนลงโทษกักบริเวณไป ๑๕ วัน..! เนื่องเพราะเทวดาที่เป็นผู้ปกครองบอกว่า ท่านเป็นเทวดาชั้นผู้ใหญ่แล้ว เข้าไปในสถานที่ต่ำทรามแบบนั้น จะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีแก่เทวดาอื่น ๆ ดังนั้น..บางเรื่องถ้าหากว่าท่านช่วยเราจนกระทั่งตนเองเดือดร้อน แบบนั้นถ้าเป็นกระผม/อาตมภาพก็ไม่กล้าขอร้องเหมือนกัน

แต่ญาติโยมจะเห็นว่าส่วนใหญ่ถ้าเป็นงานของวัดท่าขนุน ต่อให้เป็นหน้าฝนขนาดไหนก็ตาม น้อยครั้งที่เราจะต้องหลบต้องหลีกกัน กระผม/อาตมภาพเป็นเจ้าอาวาสวัดท่าขนุนมา ๑๖ ปี เป็นรองเจ้าอาวาสมาอีก ๔ ปี รวมแล้ว ๒๐ ปีเต็ม ย่างเข้าปีที่ ๒๑ เวลาจัดงานมีต้องหลีกให้ฝนแค่ ๒ ครั้ง ก็ประมาณ ๑๐ ปีต่อ ๑ ครั้ง นี่ถือว่าท่านช่วยเต็มที่แล้ว..!

อีกส่วนหนึ่งก็คือวันนี้มีข่าวที่ออกมาเกี่ยวกับพระภิกษุรูปหนึ่ง สอนธรรมผิดเพี้ยนอีกตามเคย ก็คือสอนว่าการที่เราเข้าร้านกาแฟไปสั่งกาแฟมากินนั้น เท่ากับว่าเราปฏิบัติในรูป ในเมื่อเป็นการปฏิบัติในรูปก็แปลว่าเราต้องทรงรูปฌานได้ ซึ่งคำสอนเพี้ยน ๆ เหล่านี้ไปไกลเกินกว่าที่ครูบาอาจารย์ก็ดี องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ตามได้สอนเอาไว้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-07-2024 เมื่อ 03:01
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 26 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 20-07-2024, 23:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,541 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเรื่องของสัทธรรมปฏิรูป คือสิ่งที่ปลอมปนเข้ามาในพระพุทธศาสนานั้น มีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล เนื่องเพราะว่าปุถุชนเหล่านั้นที่เข้ามาอุปสมบทในพระพุทธศาสนา ยังนำเอาความเชื่อและแนวการปฏิบัติในศาสนาเก่าของตนมาสอน แต่ยังดีว่าสมัยนั้นองค์สมเด็จพระชินวรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์ชีพอยู่ จึงสามารถที่จะแก้ไขผิดให้เป็นถูกได้

แต่ครั้นพระองค์ท่านปรินิพพานไปแค่ประมาณ ๑๐๐ ปีเท่านั้น ก็มีคำสอนที่ผิดเพี้ยนไปเป็นจำนวนมาก อย่างเช่นว่า "เหล้าที่มีรสอ่อน สีเหมือนเท้านกพิราบ พระภิกษุสามารถฉันได้" ถ้าหากว่าพิจารณาเข้ากับสมัยนี้ก็น่าจะเป็นไวน์แดง เพราะเขาใช้คำว่า "รสอ่อนและสีเหมือนเท้านกพิราบ"

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ แค่องค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าปรินิพพานไปประมาณ ๑๐๐ ปีเท่านั้น มีพระเถระหลายรูปที่ทันองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและยังมีชีวิตอยู่ อย่างเช่นพระเรวัตตะเถระ เนื่องเพราะว่าท่านอายุยืนถึง ๑๒๐ ปี ขนาดนั้นคำสอนยังโดนตีความผิดเพี้ยนไปมากแล้ว หลังจากนั้นก็ยังมีการยึดมั่นถือมั่นตามที่ครูบาอาจารย์ของตนสอน จนกระทั่งเรียกกันว่า "อาจริยวาท" คือถือคำพูดของอาจารย์เป็นใหญ่ ทำให้มีการแตกแขนงออกไปถึง ๑๘ นิกายด้วยกัน

ถ้าท่านทั้งหลายเห็นว่าในประเทศไทยปัจจุบันนี้ของเรามีหลายนิกาย เอาหลัก ๆ ก็มีดั้งเดิมคือพระภิกษุฝ่ายมหานิกาย พระภิกษุฝ่ายธรรมยุติกนิกาย แล้วก็มีภิกษุจีนนิกาย ภิกษุอนัมนิกาย แล้วก็ยังมีสายการปฏิบัติที่แยกออกไปต่างหาก เพราะว่าผิดกฎหมายไม่ได้รับการยอมรับบ้าง หรือว่าคำสอนผิดเพี้ยนจนกระทั่งโดนทางสายต้นกำเนิดของตนตัดออกจากกองมรดกไปบ้าง..!

พวกนี้ก็มักจะมีคำสอนที่ผิด ๆ เพี้ยน ๆ เพราะยึดถือตามครูบาอาจารย์ของตนเช่นกัน แต่ประเทศไทยในปัจจุบันก็ยังไม่หนักเท่ากับสมัยก่อนนั้นที่แตกออกเป็นถึง ๑๘ นิกาย แต่ว่าบ้านเราก็มีแนวโน้มที่จะเป็นเช่นนั้น เพราะว่าปัจจุบันนี้
ไปถือคำสอนของครูบาอาจารย์ มากกว่าถือคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-07-2024 เมื่อ 03:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 28 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 20-07-2024, 23:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,541 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อย่างเช่นกล่าวว่าหลวงพ่อชา วัดหนองป่าพงสอนอย่างนี้ หลวงตามหาบัว วัดป่าบ้านตาดสอนอย่างนี้ เป็นต้น ไม่ใช่ว่าทั้งสององค์ท่านสอนไม่ดี สอนไม่ถูก แต่กลายเป็นว่าในสิ่งที่ท่านสอนดีสอนถูกนั่นแหละ ถ้าลูกศิษย์ทำไม่ถึงแล้วนำไปอธิบายต่อแบบผิด ๆ ถ้าเนิ่นนานไปก็อาจจะเป็นอาจริยวาท ก็คือยึดถือคำหลวงพ่อชา วัดหนองป่าพงเป็นหลัก ยึดถือคำหลวงตามหาบัว วัดป่าบ้านตาดเป็นหลัก แต่เป็นการยึดที่ผิดไปจากการสอนที่แท้จริงของทั้งสองท่าน เป็นการยึดเพราะว่าบรรดาลูกศิษย์ที่ทำไม่ถึงที่สุดแบบครูบาอาจารย์ ไปตีความผิดเพี้ยนกันไปเอง

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้จะมีมากขึ้นไปเรื่อย ๆ ตามระยะเวลา ดังเช่นเมื่อเช้า ถ้าหากว่าญาติโยมสังเกตจะเห็นว่า กระผม/อาตมภาพก่อนที่จะแสดงพระธรรมเทศนาได้มีการบอกศักราชเสียก่อน ซึ่งเป็นการบอกศักราชแค่ครึ่งเดียวอีกด้วย

ถ้าเป็นสมัยก่อน เขาจะบอกอย่างชัดเจนว่า ปัจจุบันนี้เป็นวันใด เดือนใด ปีใด พระพุทธศาสนาของเรามีอายุกาลล่วงไปแล้วนานเท่าไร ยังเหลืออายุพระพุทธศาสนาอยู่เท่าใด
เพื่อเป็นการเตือนสติ ไม่ให้ญาติโยมทั้งหลายประมาท เพราะว่าเวลาลดน้อยถอยลงไปทุกวัน ถ้าเรายังไม่เร่งการปฏิบัติในศีล สมาธิ ปัญญา จนเกิดประโยชน์แก่ตนอย่างแท้จริงแล้ว เราอาจจะตายเปล่าไปอีกชาติหนึ่ง อยู่ในลักษณะของการ "เสียชาติเกิด" แล้วการตายของเราก็อาจจะอยู่ในลักษณะว่าตกสู่อบายภูมิ ต้องเวียนว่ายอยู่ในกองทุกข์นับกัปกัลป์อนันตชาติ

ดังนั้น..เมื่อได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ได้พบพระพุทธศาสนา ได้ฟังธรรมและน้อมนำไปปฏิบัติ ก็ต้องเร่งรัดเพื่อก่อให้เกิดประโยชน์แก่ตนอย่างแท้จริง ไม่ใช่ประมาทมัวเมาว่าเราอายุยังน้อย เรายังแข็งแรง เราไม่เจ็บไข้ได้ป่วย ถ้าอยู่ในลักษณะอย่างนี้ ปุบปับเป็นอะไรขึ้นมา เราจะคว้าหลักธรรมอะไรไม่ติดเลย

เนื่องเพราะว่าจิตนั้นมีสภาพจำ เราต้องป้อนข้อมูลดี ๆ เข้าไปทุกวัน จิตถึงจะยึดจะเกาะ ไม่ใช่ไม่เคยมีอะไรให้จิตได้กระทำจนเคยชิน ถึงเวลาแล้วจิตจะไปยึดไปเกาะในสิ่งที่ดีเองนั้น เป็นเรื่องที่ยากเป็นอย่างยิ่ง

สภาพจิตของเรานั้นมีการไหลลงต่ำเป็นปกติ ก็แปลว่าเราจะไปยึดเกาะในสิ่งที่ผิดศีลผิดธรรม ละเมิดศีลละเมิดธรรมเสียมากกว่า แล้วก็จะพาให้ตัวเราเดือดร้อน เพราะว่าในเมื่อจิตจดจำในสิ่งที่ไม่ดี เราก็ต้องไปสู่ทุคติ วินิบาต ซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็คือนรกนั่นเอง..!

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุ สามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๒๐ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-07-2024 เมื่อ 03:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 21:21



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว