กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๗ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมิถุนายน ๒๕๖๗

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 17-06-2024, 19:48
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,946
ได้ให้อนุโมทนา: 225,209
ได้รับอนุโมทนา 800,461 ครั้ง ใน 39,365 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๖๗

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๖๗


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 17-06-2024, 22:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๑๗ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ มีเรื่องวุ่นวายนิดหน่อยที่วิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีศรีไพบูลย์ เป็นการกระทบกระทั่งกันในการทำงาน แต่ถ้าเราคิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย อาจจะกลายเป็นสะเก็ดไฟนิดเดียว แล้วก็เผาผลาญป่าทั้งป่าได้..!

กระผม/อาตมภาพเองจึงต้องเข้าไประงับเรื่อง โดยต้องยกตัวอย่างว่า "แม้แต่ตัวกระผม/อาตมภาพเองก็โดนมาเยอะแล้ว" ก็คือบุคคลในโลกจะมีอยู่ไม่กี่จำพวก แต่จำพวกที่น่ารังเกียจก็คือประเภท "ดีแต่พูด งานไม่ทำ" แล้วแถมยังอยู่ในประเภท "ลูกอีช่างติ" กูติคนอื่นได้ทุกเรื่อง แต่ไม่เคยดูตัวเอง ลูกตัวเองเป็นอย่างไรไม่ดู แต่ไปดูว่าทำไมเพื่อนไม่คุยกับลูก ไม่เล่นกับลูก เรื่องเดียวกันหรือเปล่า..!? ไม่น่าจะเกี่ยวกัน..ใช่ไหม ?

ไม่ว่าจะในขณะที่เป็นฆราวาสหรือมาเป็นพระ ตอนเป็นฆราวาสพวกท่านไม่ได้เห็น แต่ตอนเป็นพระพวกท่านเห็นอย่างชัดเจนแล้วว่า กระผม/อาตมภาพคนเดียวแบกตำแหน่งไว้ ๓๐ กว่าตำแหน่ง ก็อยู่ในลักษณะเดียวกัน ก็คือผู้บังคับบัญชาไม่ว่าจะเป็นฆราวาสหรือพระก็ตาม ถ้าเห็นว่าใช้ใครแล้วได้อย่างใจ ก็อยากจะใช้แต่คนนั้น

ตอนที่ยังอยู่ที่วัดท่าซุง ๔ พรรษาสุดท้ายก่อนที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ จะมรณภาพ เรื่องภายในวัดท่านแทบจะใช้กระผม/อาตมภาพอยู่คนเดียว แล้วก็โดนเหมือนกับอาจารย์ที่วิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีศรีไพบูลย์โดน ก็คือ "มันเป็นเด็กเส้น ทำอะไรก็ไม่ผิด" ซึ่งความจริงเราต้องดูด้วยว่าสิ่งที่เราทำกับสิ่งที่เขาทำนั้นต่างกันอย่างไร ?

พอถึงเวลาเข้าเวรหน้าห้องพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุง กระผม/อาตมภาพก็เปิดหาเพลงฟัง เปิดหามวยดู เปิดหาฟุตบอลดู สนุกสนานจนคนอื่นมาร่วมดูด้วย แต่ถ้าคนอื่นเปิดเมื่อไรก็หัวแตกเมื่อนั้น..! เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะจริง ๆ แล้วกระผม/อาตมภาพกำลังทดสอบกรรมฐานของตนเอง

ในเรื่องของเสียงเพลงนั้น ในชีวิตนี้
กระผม/อาตมภาพแพ้เสียงผู้หญิงอยู่ ๓ คน ก็คือ คุณวงจันทร์ ไพโรจน์ นั่นรุ่นแม่เลย คุณลัดดาวัลย์ ประวัติวงศ์ ท้ายสุดก็คุณสุนทรี เวชานนท์ ฟังแล้วเสียงติดหู สลัดทิ้งไม่ได้ง่าย ๆ จึงใช้วิธีเปิดหาเพลงของทั้งสามคนนี้ฟังแล้วภาวนาสู้ โดยที่พยายามดูว่า วันนี้เราสามารถยืนระยะได้มากกว่าเมื่อวานหรือเปล่า ? แต่เปลือกนอกสำหรับคนอื่นก็คือ "ไอ้ห่..นี่ดูแต่คาราโอเกะทั้งวัน..!"

ถึงเวลามีมวยชกกัน
กระผม/อาตมภาพก็พยายามซ้อมมโนมยิทธิ ดูว่ามวยคู่นี้ใครแพ้หรือชนะ ? ชนะน็อคหรือชนะคะแนน ? ถ้าชนะน็อคเขาชนะกันยกไหน ? แล้วก็เขียนผลการแพ้ชนะเอาไว้ก่อน จากนั้นก็เปิดโทรทัศน์ดูเพื่อพิสูจน์
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-06-2024 เมื่อ 03:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 17-06-2024, 22:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ท่านทั้งหลายต้องเข้าใจว่าโทรทัศน์วัดท่าซุงมีอยู่แค่ ๔ เครื่อง ก็คืออยู่ที่ห้องกรรมฐาน ตึกธัมมวิโมกข์ ๒ เครื่อง อยู่กับพระเดชพระคุณหลวงพ่อเพื่อให้ท่านติดตามข่าวสารบ้านเมือง ๑ เครื่อง อีกเครื่องหนึ่งก็อยู่กับกระผม/อาตมภาพที่เข้าเวร ก็ย่อมมีคนมาเปิดดูในสิ่งที่ตัวเองชอบ แต่ว่าเปิดเมื่อไร พอลงโบสถ์ทบทวนปาฏิโมกข์ หลวงพ่อท่านก็ด่าจมธรณีไปเลย..! "แต่ไอ้ท่านเล็กทำอะไรหลวงพ่อไม่เคยด่า..!"

ถึงเวลามีฟุตบอลก็จะทายผลไว้ก่อนว่าคู่นี้ใครแพ้ใครชนะ ? หรือว่าเสมอ ถ้าชนะก็ชนะกันกี่ลูก ? แล้วก็เขียนผลแพ้ชนะเอาไว้ เปิดฟุตบอลดู ในเมื่อกระผม/อาตมภาพเปิดดูเท่าไรหลวงพ่อไม่เคยว่า แต่พอคนอื่นเปิดดูแล้วโดนด่า ดีไม่ดีก็ไม้เท้าลงกบาลไปเลย..! เขาก็ไปว่ากล่าวกันว่ากระผม/อาตมภาพ "เป็นเด็กเส้น..ทำอะไรไม่เคยผิด..!"

ขนาดลงไปไล่ตีชาวบ้านที่ลงมาหาปลาหน้าวัดก็ยังไม่ผิด..! ชาวบ้านยกขบวนมาเรียกร้องกับท่านเจ้าคุณอนันต์ ตอนนั้นก็คือพระอนันต์ พทฺธญาโณ ตอนนั้นยังไม่ได้เป็นพระครูปลัดด้วย กระผม/อาตมภาพโดนกรรมการสงฆ์สอบสวน แจ้งข้อหาว่าทะเลาะเบาะแว้งกับชาวบ้าน ทำให้วัดเสียชื่อเสียง มีมติให้ขับออกจากวัด..! เมื่อยื่นเรื่องไปเพื่อให้พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านอนุมัติ หลวงพ่อท่านพูดแค่ว่า "มันน่าจะมีคนทำอย่างนี้มานานแล้ว..!"

กรรมการสงฆ์ทั้ง ๑๒ รูปแตกกระจายหายวับไปคนละทิศคนละทาง บางรูปก็ยังเกรงว่ากระผม/อาตมภาพจะอาฆาตพยาบาทมาเอาคืนหรือเปล่า ? อุตส่าห์ "ทำใจดีสู้เสือ" มาพูดมาคุยด้วย ประมาณว่า "ถ้าผมไม่แก่เกินไป ก็จะลงไปพายเรือกับคุณด้วย..!"

ความจริงการจะไล่กระผม/อาตมภาพออกจากวัดง่ายจะตายชัก เพราะว่าพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านให้อำนาจไว้เต็มที่สำหรับคณะกรรมการสงฆ์ ท่านบอกว่าถ้า ๒ ใน ๓ ของคณะกรรมการสงฆ์เห็นว่าท่านต้องออกจากวัด ท่านก็ยินดีที่จะไป..! นี่ดันไม่กล้าตัดสินใจ ไปยื่นเรื่องให้หลวงพ่อท่านตัดสินใจเป็นอันดับสุดท้าย ก็จะเจออย่างนั้นอยู่บ่อย ๆ..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-08-2024 เมื่อ 12:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 17-06-2024, 23:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น..บางอย่างที่กระผม/อาตมภาพบอกไปในกลุ่มไลน์ที่เขากระทบกระทั่งกันว่า "ผมเองโดนมาเยอะแล้ว" ไม่ได้หมายความว่าโดนที่วิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีศรีไพบูลย์อย่างเดียว แต่ว่าโดนมาทุกทิศทุกทาง ประสบการณ์ ๑ รุม ๑๐ ก็เจอมาแล้ว..! เขาพยายามที่จะต้อนให้ตกหลุม แต่กลายเป็นว่ากระผม/อาตมภาพอาศัยวิชาที่หลวงพ่อท่านสอน คือมโนมยิทธิ "ในเมื่อรู้ว่ามึงคิดอย่างไร แล้วยังไปตามมึง กูก็โง่ตายห่..!"

กลายเป็นว่าแทนที่ฝ่ายตรงข้ามจะต้อนกระผม/อาตมภาพให้ตกหลุมได้ กลายเป็นโดนปั่นหัวเสียจนหัวฟัดหัวเหวี่ยง แต่อย่าลืมว่านั่นคือคณะสงฆ์ เสร็จงานเมื่อไรกระผม/อาตมภาพกราบขอขมาทุกครั้ง การขอขมาก็คือ "เรื่องนี้กูจบ ส่วนใครจะแบกก็เรื่องของมึง..!" ตลอดระยะเวลาที่มีการกระทบกระทั่งกัน จะดูกำลังใจตัวเองเป็นหลักว่า มี รัก โลภ โกรธ หลง เกิดขึ้นหรือไม่ ?

ดังนั้น..เมื่อส่งพระเดชพระคุณหลวงพ่อขึ้นมณฑปหลังร้อยวันแล้ว กระผม/อาตมภาพไม่สามารถที่จะอยู่วัดต่อได้ ถ้าอยู่ต่อจะมีปัญหา เพราะว่าเป็นผู้กุมเสียงข้างมากเอาไว้ในมือ เหมือนกับวิปรัฐบาล คนที่เขาต้องการตำแหน่งเขาก็พยายามที่จะแย่งตัว เพราะรู้ว่าเข้าข้างใคร คนนั้นก็ชนะ จึงได้โทรบอกครูบาอาจารย์ ก็คือท่านเจ้าคุณอนันต์ ซึ่งตอนนั้นก็คือพระครูปลัดอนันต์แล้วว่า "ผมอยู่ไม่ได้ ให้ตั้งข้อหาอะไรก็ได้ แล้วขับผมออกจากวัด เพราะว่าพรุ่งนี้ผมจะไปแล้ว"

ท่านก็ออกปากว่า "ถ้าคุณไปแล้วใครจะช่วยผม" ก็เรียนท่านไปว่า "ประคับประคองกันมาจนถึงขนาดนี้แล้ว ถ้าหากยังยืนเองไม่ได้ กระผมก็ไม่รู้ว่าจะช่วยอย่างไรเหมือนกัน ?" แล้วรุ่งขึ้นก็เก็บของออกจากวัดเลย ทั้ง ๆ ที่ท่านบอกว่า "ไปสักเดือนสองเดือนแล้วกลับมาก็ได้" แต่กระผม/อาตมภาพไม่เคยย้อนกลับไปอีกเลย..!

ถ้าย้อนกลับไปก็จะอยู่ในลักษณะเดิม เนื่องเพราะว่าพอออกมาแล้ว หลวงพ่อพระครูปลัดอนันต์ต้องหาพระถึง ๕ รูปไปทำงานที่กระผม/อาตมภาพเคยทำอยู่คนเดียว..!

ดังนั้น..เรื่องพวกนี้ถ้าเกิดขึ้น กระผม/อาตมภาพเข้าใจว่าบรรดาน้อง ๆ ที่วิทยาลัยสงฆ์นั้น กำลังใจยังไม่ได้ระดับที่จะวางลงได้ กลายเป็นเก็บกด เมื่อถึงเวลาเจอ "ฟางเส้นสุดท้าย" เข้าก็ระเบิด จึงต้องยกตัวอย่างตัวเองให้เขารู้ประมาณว่า "แม้แต่อาจารย์เล็กยังโดนมาเยอะ ของเอ็งยังจิ๊บ ๆ..!" แต่ก็พูดมากกว่านั้นไม่ได้ เพราะว่าเราเองลาออกมาแล้ว เขาไม่ดีดออกจากกลุ่มไลน์ ก็ถือว่าให้ความเกรงใจมากแล้ว..!

ดังนั้น..ไม่ว่าเราจะเจอเรื่องดีหรือเรื่องร้ายก็ตาม สิ่งแรกที่ต้องดูไว้ก่อนเลยก็คือกำลังใจของเรา ว่าผ่องใสหรือว่าขุ่นมัว ถ้าหากว่ายินดี เป็นการยินดีมากเกินไปหรือเปล่า ? ถ้าใครที่เคยศึกษาเรื่องสีของจิตก็จะรู้ว่า กำลังใจ รัก โลภ โกรธ หลง แต่ละอย่างนั้น สภาพจิตของเราจะมีสีสันที่ต่างกันไป

ถ้าหากว่าเป็นเรื่องไม่ดีมากระทบ เราเก็บความขุ่นมัวไว้ยาวนานเท่าไร ? สามารถขับไล่ไปในระยะเวลามากน้อยเท่าไร ? ครั้งต่อไปที่เกิดขึ้นเราใช้ระยะเวลาที่น้อยลงหรือมากขึ้น ?

ตราบใดท่านทั้งหลายที่ว่าตนเองเป็นนักปฏิบัติธรรม แต่ไม่รู้จักดูที่ตัวเอง ไม่รู้จักแก้ที่ตัวเอง โอกาสที่จะก้าวหน้ามีน้อยมาก กระผม/อาตมภาพบอกพระพี่พระน้องในวัดท่าซุงสมัยนั้นว่า "ใครวางก่อน สบายก่อน" ไม่รู้เหมือนกันว่าท่านทั้งหลายเหล่านั้นฟังเข้าใจหรือไม่ ?

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันจันทร์ที่ ๑๗ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เถรี)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-06-2024 เมื่อ 03:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 45 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 22:47



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว