กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๗ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมิถุนายน ๒๕๖๗

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 05-06-2024, 18:02
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,946
ได้ให้อนุโมทนา: 225,209
ได้รับอนุโมทนา 800,461 ครั้ง ใน 39,365 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๖๗

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๖๗


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 05-06-2024, 23:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๕ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ กระผม/อาตมภาพอยู่ที่วัดพุถ่องเจริญธรรม ตำบลลิ่นถิ่น อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อมาระงับอธิกรณ์ที่ชาวบ้านได้ร้องเรียนว่า พระครูวินัยธรปาริชาติ ปิยสีโล ได้ทำการรื้อถอนอาคารบางหลัง แล้วไม่ได้สร้างคืนให้ตามที่ได้สัญญาเอาไว้ ส่วนเรื่องอื่น ๆ นั้นก็คงจะมีเพิ่มเติมมาตามประสาของบุคคลที่เริ่มไม่ชอบหน้ากัน..!

แต่ว่าเรื่องแบบนี้ เราจะ "ตั้งธง" เข้าไปว่าใครผิดใครถูก
ไม่ได้ เนื่องเพราะว่าต้องฟังความทั้งสองฝ่ายตามหลักสัมมุขาวินัย ก็คือ ถึงพร้อมด้วยโจทก์ ถึงพร้อมด้วยจำเลย ถึงพร้อมด้วยผู้ตัดสินที่ทรงธรรม ถ้าหากว่าอยู่ในลักษณะอย่างนี้ การระงับอธิกรณ์ คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นในหมู่สงฆ์ ก็จะเป็นไปด้วยความดีความงาม

ระยะนี้เรื่องในอำเภอทองผาภูมิจะว่ายุ่งก็ใช่ จะว่าปกติก็ใช่ เนื่องจากว่าเพิ่งได้ระงับอธิกรณ์ในเรื่องที่สามเณร นั่งสมาธิแล้วกระโดดโลดเต้นไปด้วย ซึ่งทางตัวเจ้าสำนักสงฆ์ก็ยอมย้ายกลับไปต้นสังกัดไปแต่โดยดี

ส่วนอีกวัดหนึ่งก็คือวัดประจำไม้นั้นเป็นที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง เนื่องเพราะว่าพระอธิการบรรเจิด เทวธมฺโม เจ้าอาวาสวัดประจำไม้ เจ้าอาวาสอาวุโสยิ่งของบรรดาเจ้าอาวาสในเขตปกครองคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิ ท่านได้ลาสิกขาไปเสียแล้ว..!

อดีตพระอธิการบรรเจิดนั้น ท่านเป็นบุคคลที่สมถะเป็นอย่างยิ่ง ขอให้ท่านรับตำแหน่งเจ้าคณะตำบล ท่านก็ไม่รับ ขอให้ท่านทำประวัติเพื่อขอเป็นพระครูสัญญาบัตร ท่านก็ไม่ทำ แต่ว่าถ้าหากว่ามีการประชุมคณะสงฆ์เมื่อไร ท่านจะเป็นบุคคลผู้ให้ความเห็น หรือว่าชี้ประเด็นในแต่ละเรื่องได้ถูกต้องแม่นยำเป็นอย่างยิ่ง จึงทำให้ทางพวกเราจำเป็นที่จะต้องเสาะหาเจ้าอาวาสใหม่ไปทดแทนท่าน

ถ้าหากว่าเป็นเจ้าอาวาสใหม่ ก็จะไปตกอยู่ใน "วงจรอุบาทว์" ที่กระผม/อาตมภาพเคยกล่าวเอาไว้ ก็คือว่าถ้าเก่งสู้เจ้าอาวาสเก่าไม่ได้ วัดก็โทรมลงทันตา เพราะว่าชาวบ้านไม่ให้การสนับสนุน แต่ถึงจะเก่งสู้เจ้าอาวาสเก่าได้ เขาก็ยังคงคิดถึงคนเก่า เพราะว่าอยู่ด้วยกันมาหลายสิบปี ถ้าหากว่าเราค่อย ๆ ทำความดีสู้ไป ก็จะสามารถดึงกำลังใจและศรัทธาของญาติโยมเข้ามาได้ทีละน้อย กว่าที่ทุกคนจะเปิดใจศรัทธา บรรดาเจ้าอาวาสใหม่ก็ทำความดีสู้ไปจนกระทั่งถึงระยะท้าย ๆ ของชีวิตอีกแล้ว เมื่อถึงเวลาถ้าหากว่ามรณภาพไป เจ้าอาวาสใหม่มา ก็จะเจอเหตุการณ์แบบเดียวกันนี้อีก..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-06-2024 เมื่อ 01:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 06-06-2024, 00:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

กระผม/อาตมภาพถึงได้เรียกว่า "วงจรอุบาทว์" เพียงแต่ว่าแต่ละเรื่องแต่ละอย่างที่เกิดขึ้น เราต้องรีบดำเนินการให้เสร็จเรียบร้อยลงโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่ด้วยเหตุที่ว่าวันนี้ ทางเจ้าคณะปกครองนัดกันตอน ๕ โมงเย็น กระผม/อาตมภาพที่มาถึงก่อน จึงได้มานั่งบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุน บนศาลาการเปรียญวัดพุถ่องเจริญธรรม ซึ่งจะว่าไปแล้วก็เป็นวัดที่ตั้งขึ้นได้ไม่นาน เนื่องเพราะว่าพระครูวินัยธรปาริชาติ ปิยสีโล นั้นเป็นเจ้าอาวาสรูปที่ ๓ เท่านั้นเอง

ในเรื่องของการอยู่ร่วมกับประชาชนนั้น บางสิ่งบางอย่างเราเองทำไปด้วยตั้งใจจะพัฒนาวัดให้เจริญขึ้น แต่ก็มีบรรดาชาวบ้านบางคนบางพวกที่ไม่เห็นด้วยและคัดค้าน กระผม/อาตมภาพเองที่ได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา ให้ไปทำการพัฒนาวัดมาหลายวัด ซาบซึ้งในเรื่องนี้อย่างดีที่สุด ล่าสุดวัดที่ไปพัฒนาก็คือวัดทองผาภูมิ ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับโรงพยาบาลทองผาภูมิ ซึ่งตอนนั้นหมดสภาพจริง ๆ เพราะว่าเจ้าอาวาสถึงอยู่ก็สักแต่ว่าอยู่เท่านั้น

กระผม/อาตมภาพเข้าไปถึงก็ต้องทำการขนขยะออกจากวัด ๒๐ กว่าคันรถ..! เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่ามีการจัดตลาดนัดกันทุกอาทิตย์ แล้วก็เก็บค่าร้านกันอย่างเดียว ไม่ได้คิดที่จะทำความสะอาดเลย บรรดาขยะต่าง ๆ เกลื่อนกลาดรอบโบสถ์ไปหมด ต้นหญ้าก็สูงท่วมหัวชนิดที่เสือหมอบอยู่ทั้งตัวก็ไม่มีใครเห็น กว่าที่จะดำเนินการให้สะอาดเรียบร้อยได้ ก็ผ่านไป
เป็นเดือนเลยทีเดียว..!

หลังจากนั้นก็ไปดูว่าบรรดาอาคารต่าง ๆ เสื่อมโทรมทรุดโทรมลงไปตามสภาพ โดยเฉพาะห้องน้ำห้องส้วมที่มีอยู่ถึง ๑๐ ห้อง เพราะว่าอยู่ข้างฌาปนสถาน บรรดาบุคคลที่มาเผาศพจำเป็นจะต้องใช้ แต่ว่าทุกส้วมนั้นไม่สามารถที่จะใช้งานได้ เพราะว่าอ่างเก็บน้ำรั่วบ้าง ก๊อกน้ำหักบ้าง โถส้วมแตกบ้าง กระผม/อาตมภาพก็ต้องรีบบูรณะขึ้นเป็นสิ่งแรก และทำการรื้อถอนศาลาเมรุที่ค่อนข้างจะง่อนแง่นไม่แข็งแรงออก แล้วก็ทำใหม่ให้สวยงาม

เมื่อรื้อศาลาไปจนกระทั่งถึงศาลาเก่าซึ่งเก็บของเอาไว้เกะกะรกไปหมด ปรากฏว่าโดนชาวบ้าน ๕ - ๖ คนเดินขบวนมาประท้วงว่า กระผม/อาตมภาพขาดความเคารพอดีตเจ้าอาวาส ที่ได้อุตส่าห์สร้างสิ่งทั้งหลายเหล่านี้เอาไว้ มารื้อทิ้งแบบนี้ เขาไม่เห็นด้วย ขอให้กระผม/อาตมภาพออกจากวัดไป..!

กระผม/อาตมภาพที่จ่ายเงินไปเป็นล้าน ๆ ในการบูรณะวัดใหม่ตามคำสั่งของเจ้าคณะจังหวัดในช่วงนั้น จึงรีบไปด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่ง เนื่องเพราะว่าถ้าอยู่ต่อก็คงจะหมดอีกหลายสิบล้าน เป็นต้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-06-2024 เมื่อ 01:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 06-06-2024, 00:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เรื่องพวกนี้แม้มารู้ทีหลังว่า อดีตเจ้าอาวาสที่อยู่ในช่วงนั้น เกรงว่ากระผม/อาตมภาพจะมาเบียดเอาตำแหน่งของท่าน เพราะไม่เชื่อว่าจะมีใครที่เต็มใจมาทำให้เปล่า ๆ โดยหมดเงินไปมากมายขนาดนั้น จึงไประดมชาวบ้านซึ่งเห็นดีเห็นงาม เพราะว่ามีผลประโยชน์ในเรื่องตลาดนัดด้วยกัน ๖ - ๗ คน มาทำการประท้วงตั้งแต่วันแรก ๆ ที่มาช่วยบูรณะวัดให้ท่าน

กระผม/อาตมภาพก็พยายามที่จะสู้ไปด้วยการคิดว่า ถ้าเราทำทุกอย่างให้สวยงามเรียบร้อยแล้ว เขาทั้งหลายจะเห็นด้วย แต่ลืมนึกถึงกิเลสคนว่า เราไม่คิดแต่คนอื่นเขาคิด เราไม่เอาแต่คนอื่นเขาเอา จึงไปโดนประท้วงขับไล่ เพราะเกรงว่าจะไปเบียดตำแหน่งเจ้าอาวาสเก่าของเขา แล้วทำให้เขาทั้งหลายไม่สามารถจัดตลาดนัด ซึ่งมีแต่ทำให้วัดสกปรกเหมือนเดิมได้ จะทำให้ขาดประโยชน์ของตนเอง จึงพากันมาประท้วง หารู้ไม่ว่ากระผม/อาตมภาพรีบไปด้วยความยินดีทันทีที่เขามาประท้วงเลย..!

หลังจากนั้นไม่นาน เมื่อมาเป็นเจ้าอาวาสวัดท่าขนุนแล้ว ได้ทำการพัฒนาวัดท่าขนุนแทน แล้วชาวบ้านก็ไปด่ากันเองว่า "สมน้ำหน้ามึง แทนที่วัดวาอารามของเราจะสวยงามเหมือนอย่างวัดท่าขนุน มึงเสือกไปขับไล่หลวงพ่อเล็กท่าน ตอนนี้วัดท่าขนุนเหมือนอย่างกับสวรรค์ ส่วนวัดของเราเหมือนกับสลัม..!"

เรื่องนี้ก็แล้วแต่ชาวบ้านเขาจะพูดไป กระผม/อาตมภาพฟังก็เป็นเพียง "ลมผ่านหู" เท่านั้น เพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำไปก็เพื่อความเจริญในพระพุทธศาสนา เป็นการมองภาพใหญ่ มองภาพรวม ว่าไม่ว่าเราจะพัฒนาวัดไหนก็ตาม ก็ช่วยให้พระพุทธศาสนาของเราเจริญมั่นคงขึ้นทั้งสิ้น

หลายต่อหลายแห่งเมื่อทำเสร็จเรียบร้อย บอกลาญาติโยม ก็ยังโดนประท้วงว่า "อุตส่าห์ทำเสียสวยงามแข็งแรงแล้วทำไมถึงไม่อยู่ ?" กระผม/อาตมภาพก็ตอบตามความเป็นจริงว่า "ผู้บังคับบัญชาสั่งให้มาพัฒนาอย่างเดียว ไม่ได้สั่งให้มาอยู่" เหล่านี้เป็นต้น

หลังจากที่มาปักหลักอยู่ที่วัดท่าขนุนแล้ว ทางผู้บังคับบัญชาก็คงจะเกรงใจ เพราะว่าสั่งให้ไปทำมา ๗ - ๘ วัดแล้ว จึงไม่ได้สั่งให้ย้ายไปไหนอีก กระผม/อาตมภาพเองก็เริ่มที่จะเบื่อวัดท่าขนุนแล้วเหมือนกัน เพราะว่าไม่คิดที่จะทำอะไรเพิ่มเติม จึงอาจจะมีการย้ายหนีเอาดื้อ ๆ เพื่อที่จะไปหาที่พัฒนาใหม่ให้หายเซ็งก็เป็นได้..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-06-2024 เมื่อ 01:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 06-06-2024, 00:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แต่คราวนี้ในเมื่อเรื่องเกิดที่วัดพุถ่องฯ ก็ต้องมาฟังความกันทั้งสองข้าง การตัดสินอธิกรณ์นั้น ส่วนสำคัญที่สุดคือการมีสติและการปราศจากอคติ ถ้าหากว่าขาดสติ เราก็จะหลงประเด็นตามเหตุผลที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยกขึ้นมา ดังนั้น..เราต้องมีสติชั่งน้ำหนักทั้งสองฝ่ายว่า เหตุผลของใครมีน้ำหนักกว่ากัน

แล้วประการต่อไปก็คือว่า จะต้องรักษาอารมณ์ของเราให้ปราศจากอคติ โดยเฉพาะถ้าไม่มี รัก โลภ โกรธ หลง ได้ยิ่งดี จะทำให้งานการทุกอย่างตรงหน้าเป็นไปโดยธรรมโดยวินัย ไม่เช่นนั้นแล้วก็อาจจะมีการเข้าข้างกัน จนเสียความยุติธรรม อาจจะทำให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่พอใจก็เป็นได้

แต่ว่าตั้งแต่กระผม/อาตมภาพระงับอธิกรณ์มา แม้แต่เรื่องที่เขาประท้วงตัวกระผม/อาตมภาพเอง อาตมภาพก็ยังยกไมโครโฟนให้เขาทีละคนว่า "ใครมีอะไรอีกให้พูดมาเลย" ตอนนั้นพระครูสุตกาญจนวัฒน์, ดร. ยังเป็นพระมหาปรีชา จิรนาโคอยู่ โกรธเสียจนหน้าดำหน้าแดง บอกว่า "มันด่าอาจารย์แท้ ๆ อาจารย์ยังไปส่งไมโครโฟนให้มันอีก..!" กระผม/อาตมภาพบอกว่า "ใจเย็น ๆ ถ้าเราไม่ให้เขาพูด เราก็จะไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรกับเรา..!"

เมื่อดูอารมณ์ใจตัวเองตอนนั้นแล้วยังรู้สึกดีใจว่านิ่งเป็นพิเศษ ไม่ได้มีความโกรธเกลียดรักชอบใด ๆ ต่อบรรดาผู้ที่มาประท้วงเลย ขอให้เขายกเหตุผลมาให้เพียงพอเท่านั้น เมื่อถึงเวลาฟังเหตุผลแล้ว แม้ว่าจะเป็นเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ก็ตาม แต่เราก็ยอมตามเขาไป เพราะว่ากระผม/อาตมภาพเองก็ไม่ได้คิดที่จะทำงานอะไรให้ตนเองเหนื่อยยากอยู่แล้ว

ในเมื่อมาลงทุนลงแรงหมดเงินไปหลายล้านแล้วโยมไม่ชอบใจ เราก็ไปดีกว่า ไม่ต้องเสียเวลาหาเงินให้เหนื่อยยากอีกต่อไป เรื่องของการมีสติ ปราศจากอคติ โดยเฉพาะรักษากำลังใจให้ผ่องใสไว้ได้ในระหว่างตัดสินความ จึงเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด เพื่อที่เราจะได้ทำทุกอย่างให้เป็นไปโดยบริสุทธิ์ยุติธรรม

สำหรับตอนนี้
กระผม/อาตมภาพขออนุญาตไปฟังอธิกรณ์ที่นี่ก่อน ถ้าหากว่ามีอะไรน่าสนใจ ก็จะได้มาบันทึกให้ทุกท่านฟังใหม่ในวันพรุ่งนี้ สำหรับวันนี้ก็ขอบอกกล่าวแก่พระภิกษุ สามเณรของเรา และญาติโยมทั้งหลายแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพุธที่ ๕ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-06-2024 เมื่อ 01:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 22:55



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว