กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๗ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนเมษายน ๒๕๖๗

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 01-04-2024, 19:33
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,577
ได้ให้อนุโมทนา: 217,016
ได้รับอนุโมทนา 748,839 ครั้ง ใน 36,476 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๗

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๗


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 02-04-2024, 00:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,749
ได้ให้อนุโมทนา: 152,177
ได้รับอนุโมทนา 4,420,373 ครั้ง ใน 34,339 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๑ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ ตอนนี้สามเณรภาคฤดูร้อนของวัดท่าขนุนเริ่มจะอยู่ยาก เนื่องเพราะว่าทางมูลนิธิโพธิปัญญา เขาทำโครงการหน่อโพธิปัญญาสู่พุทธภูมิ มาเล็งเอาสามเณรวัดท่าขนุน อยากจะได้ไปเที่ยวอินเดีย เพราะว่าพวกเรา "ผักชีโรยหน้า" ได้สวยมาก

เขาเห็นว่าสามเณรวัดท่าขนุน ไม่ว่าจะยืน จะนั่ง เป็นระเบียบเรียบร้อยไปหมด ก็เลยอยากได้สัก ๒๐ รูปไปร่วมโครงการ ก็คือช่วงปลายเดือนเมษายนกับต้นเดือนพฤษภาคม เขาจะมีการบวชอีกรอบหนึ่ง เพื่อร่วมปฏิบัติธรรมแล้วก็คัดตัว หลังจากนั้นเดือนตุลาคมก็จะส่งไปอินเดีย

กระผม/อาตมภาพบอกกับผู้ติดต่อมาว่า "สามเณรวัดท่าขนุนมีไม้เรียวเป็นเครื่องกำกับ" เขาตกใจ ถามว่า "มีตีเด็กด้วยหรือ ?" บอกว่า "มี..ตีจริง ๆ ด้วย" วัดท่าขนุนยังเชื่อความศักดิ์สิทธิ์ของไม้เรียวอยู่..! ดังนั้น..สามเณรทุกรูป ก่อนที่จะมาบวชต้องรู้อยู่แล้วว่าทำผิดทำพลาดเมื่อไรก็โดน..! ไม่ถึงสามวันก็จะเรียบร้อยเป็นผ้าพับไว้ แต่เสียดายที่เรียบร้อยได้ไม่ตลอด

คราวนี้พวกเราจะยืน จะนั่ง จะเดินจงกรม พอถ่ายรูปออกไป เขาเห็นว่าสวย ก็เลยอยากได้ แปลว่ายังไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของสามเณร..ใช่ไหม ? แต่
กระผม/อาตมภาพได้บอกไปแล้วว่า "สามารถที่จะมาดูด้วยตนเองได้ แต่ถ้าต้องการสามเณร ให้ติดต่อกับพ่อแม่สามเณรโดยตรง" และโดยเฉพาะสามเณรของเราส่วนหนึ่งเป็นเด็กที่ไม่มีบัตรไทย ถ้าถึงขนาดจะพาไปอินเดีย น่าจะไปกันไม่ได้ หรือเขาอาจจะมีวิธีการอย่างไรก็ต้องแล้วแต่เขา ทางวัดแค่อนุญาตให้มาดู ชอบใจใครต้องไปขอกับพ่อแม่เอาเอง

สมัยนี้เรื่องของสื่อโซเชียลเร็วแล้วก็แรงมาก เราเพิ่งจัดโครงการบวชนี่เป็นแค่วันที่สองเท่านั้น กลายเป็นที่จับตาดูของที่อื่นแล้ว เพราะว่าส่วนใหญ่แล้วเขาจะปล่อยสามเณรตามใจ ไม่มีการปฏิบัติธรรม ไม่มีการเรียนวิชาการ ไม่มีการทัศนศึกษา ก็เลยค่อนข้างที่จะเละเทะ ฟังดูแล้วของเราก็น่าภูมิใจนะ..!

แต่หลวงพ่อกลัวอยู่อย่างเดียว ถ้าเขารับไปปีนี้ แล้วปีหน้าเข็ด..! ไม่เอาอีกเลย..ใช่ไหมเณร ? รับไปปีเดียวแล้วไม่รับอีกนี่เสียชื่อนะ ความจริงการไปประเทศอินเดียช่วงเดือนตุลาคมน่าจะลำบากหน่อย เพราะว่าอากาศเริ่มหนาว แต่ถ้าหากว่าพ่อแม่คนไหนเต็มใจให้ลูกไป เดี๋ยวก็คงจะไปติดต่อกันเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-04-2024 เมื่อ 02:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 02-04-2024, 00:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,749
ได้ให้อนุโมทนา: 152,177
ได้รับอนุโมทนา 4,420,373 ครั้ง ใน 34,339 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

คราวนี้มากล่าวถึงเรื่องที่ว่า ตอนนี้สื่อต่าง ๆ ทำให้เรื่องราวไปได้เร็วมาก แล้วหลายสื่อก็ไร้จรรยาบรรณสิ้นดี อย่างเช่นว่าเหตุเกิดที่วัดไหนก็ตาม จะใช้คำว่า "วัดดัง" กระผม/อาตมภาพอยู่ในวงการสงฆ์มาเกิน ๔๐ ปีแล้ว ยังไม่รู้จักวัดนั้นเลย แต่เขาก็บอกว่า "วัดดัง"

เมื่อวานนี้มีพาดหัวข่าวว่า "ถูกพระข่มขืนเมียจนกระทั่งมีลูก แล้วสึกมาขอลูกคืน แถมยังข่มขู่จะทำร้ายสามีเดิมอีก..!" กระผม/อาตมภาพได้ยิน หรือได้เห็นพาดหัวแล้วอยากจะทุบให้สักที ก็เขาสึกออกมาแล้ว ดันใช้คำว่า "พระ" จะเรียกว่า "อดีตพระ" หรือจะเป็น "ไอ้ทิด" อะไรก็ได้ ซึ่งจะตรงกับความเป็นจริงมากกว่า แล้วบุคคลนั้นก็ทำงาน น่าจะเป็นมูลนิธิกู้ภัยอะไรสักอย่างหนึ่ง เมื่อไปขอลูกคืน แล้วก็ยังมีการข่มขู่สามีเก่าเขาอีก..!

ในเรื่องที่บอกว่าพระไปข่มขืนผู้หญิงจนตั้งท้อง กระผม/อาตมภาพไม่ค่อยเชื่อหรอก เนื่องเพราะว่าการจะข่มขืนผู้หญิงเป็นเรื่องยากสุด ๆ ถ้าไม่ใช่ทุบกันจนหมดสภาพแล้วข่มขืนไม่ได้หรอก เหมือนอย่างกับที่เขามีตัวอย่าง ที่ทนายซักถามฝ่ายโจทก์ว่า "ผู้ชายที่คุณบอกว่าข่มขืน ตัวใหญ่ขนาดนั้น น้ำหนักร้อยกว่ากิโลกรัม
ทับอยู่ข้างบนคุณไม่แบนเสียก่อนหรือ ?" แล้วผู้หญิงก็บอกว่า "หนูเป็นฝ่ายอยู่ข้างบน"..!

ศาลตัดสินให้ผู้หญิงที่เป็นโจทก์แพ้ เพราะผู้ชายอยู่ข้างล่าง ไม่สามารถที่จะข่มขืนผู้หญิงที่อยู่ข้างบนได้ ดังนั้น..เรื่องนี้ไม่ว่าจะเกิดขึ้นในลักษณะไหนก็ตาม แต่ถ้าหากว่าสื่อออกไปในลักษณะนั้น ที่เสียหายก็คือพระศาสนา

แล้วอีกเรื่องหนึ่ง ที่บรรดาเพื่อนฝูงส่งมาก็คือ ได้ยินว่าเป็นภาพยนตร์ซีรีส์ชุด "สาธุ" บอกว่าสร้างได้ดีมาก ปอกเปลือกวงการพุทธพาณิชย์อย่างถึงแก่น ดาราก็เล่นดีถึงบทบาททุกคน กระผม/อาตมภาพก็ได้แต่นั่งเซ็ง เพราะเพื่อนฝูงเขาไม่รู้ว่ากระผม/อาตมภาพไม่ดูหนัง ไม่ดูละคร มาตั้งแต่ปี ๒๕๒๖ แล้ว มาถึงปีนี้ก็ ๔๑ - ๔๒ ปีเข้าไปแล้ว แล้วจะให้กูไปดูซีรีส์ มันน่า "โบก" ไหม..?!

ที่ขำที่สุดก็คือก่อนหน้านั้นที่วัดเรายังมีสามเณรอยู่ ก็คือ "เจ้าหนูผี" "เจ้าชายเล็ก" ซึ่งไอ้ชื่อพวกนี้ ต้องบอกว่าพระเขาเรียกกันจนกระทั่งลืมชื่อจริงไปแล้ว ช่วงนั้นมีโยมที่ถวายจอแอลซีดี สำหรับคอมพิวเตอร์ขนาด ๒๒ นิ้วมาให้กระผม/อาตมภาพใช้งาน ไอ้เจ้าเณรสองรูปก็วนไปวนมาอยู่รอบข้าง ปกติไม่ได้เห็นหัวหรอก วันนั้นประมาณว่าหลวงพ่อจะเรียกใช้อะไรบ้าง พอไม่เรียกใช้ก็เล่นกันอยู่ใกล้ ๆ ไม่ไปไหน
จนกระผม/อาตมภาพก็ยังแปลกใจ

จนกระทั่งใกล้เพล ทั้งสองเณรก็ออกจากสำนักงานเจ้าอาวาสไป กระผม/อาตมภาพได้ยินไปคุยอยู่ด้านนอก บอกว่า "หลวงพ่อไม่ดูหนังจริง ๆ ว่ะ พวกเราอดดูกันเลย" ก็คือเขาเห็นจอคอมพิวเตอร์ใหญ่ ๆ น่าจะฉายหนังได้อย่างสะใจมาก ก็จะมาขอร่วมดูด้วย เฝ้าอยู่เกือบครึ่งวัน ไม่เห็นหลวงพ่อดูอะไรเลย นอกจากพิมพ์งาน..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-04-2024 เมื่อ 02:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 02-04-2024, 01:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,749
ได้ให้อนุโมทนา: 152,177
ได้รับอนุโมทนา 4,420,373 ครั้ง ใน 34,339 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ท่านทั้งหลายที่อยู่กันเก่า ๆ ก็จะเห็นว่า ทันทีที่เป็นเจ้าอาวาส กระผม/อาตมภาพก็ประกาศกฎเหล็กเลยว่า "วัดท่าขนุนห้ามมีทีวี" เพราะว่าทั้งสามเณร แม่ชีและเด็กวัด ไม่ทำงานทำการอะไรทั้งนั้น นอนเฝ้าหน้าจอกันหมด แล้วจากวันนั้นจนบัดนี้ วัดเราก็ไม่มีทีวี แต่ว่าช่วงหลังโทรศัพท์มือถือมีมากขึ้น ก็มีคนดูหนังจากโทรศัพท์มือถือ อันนั้นต้องบอกว่าเขาทำตัวเขาเอง ก็คือเรารู้อยู่ว่า เรื่องพวกนี้ไม่ใช่เรื่องที่พระเราควรจะทำ

ต่อให้เป็นหนังทั่วไป หรือว่าหนังสารคดีก็ตาม ก็เป็นความบันเทิงประเภทหนึ่ง ซึ่งเหมือนกับยาพิษ พอเรารับเข้าไปแล้ว ก็อยากจะรับอีก สิ่งที่เราพยายามสร้างสมมา จะเป็นศีล เป็นสมาธิ เป็นปัญญา ก็พังบรรลัยหมด..! แล้วพอท้ายสุดก็จะฟุ้งซ่านอยู่ไม่ได้ หรือไม่ก็อย่างหลายวัด คือดูหนังโป๊กันครึกครื้นไปเลย..!

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น การที่กระผม/อาตมภาพตัดไฟตั้งแต่ต้นลม ก็คือไม่ให้มีโทรทัศน์ไปเลย เรื่องนี้ถ้าหากว่าไปบอกกล่าวข้างนอก ทุกวัดก็จะงงกันหมด เพราะว่าหลายวัดมีโฮมเธียเตอร์ด้วย..! มีอยู่วัดหนึ่งมีสามเณรเรียนบาลีนักธรรมอยู่ ๒๐ กว่ารูป มีจอคอมพิวเตอร์ให้สามเณรเล่นเกมส์กันทุกรูป ครบถ้วนเลย เปิดเป็นห้องเกมส์โดยเฉพาะ กระผม/อาตมภาพก็ไม่ได้คัดค้าน อยากจะทำอะไรก็ทำไป นั่นวัดของคุณ คุณมีอำนาจ แต่ถ้าเป็นวัดผมไม่มีอย่างนี้..!

เรื่องพวกนี้ท่านทั้งหลายต้องเข้าใจว่า เรื่องของพระธรรมวินัย ถ้าเราตึงไว้ก่อน ถึงเวลาหย่อนก็จะพอดี แต่ถ้าหากว่าไปหย่อนแต่แรก พอเราผ่อนก็จะยาน ความเป็นระเบียบวินัยก็จะไม่มีเหลือ..!

ท่านจะเห็นว่าหลายต่อหลายแห่งที่เป็นสำนักเรียน พระภิกษุสามเณรเขากินอาหารเย็นกันเป็นปกติ ครูบาอาจารย์ใช้คำว่า "พระเรากินอาหารเย็น แค่ต้องอาบัติปาจิตตีย์เท่านั้น กินให้อิ่มแล้วไปปลงอาบัติ ก็จบแล้ว..!"
ลักษณะนี้คือการสอนลูกศิษย์ให้เป็นมิจฉาทิฏฐิ..!

การที่เราละเมิดในสิ่งที่พระพุทธเจ้าห้าม ไม่ผิดนั้นไม่มี และโดยเฉพาะความผิดที่หนักที่สุดก็คือ รู้แล้วขืนทำ พูดง่าย ๆ ว่าใจด้านหน้าด้าน รู้ว่าผิดก็ยังจะทำ ลักษณะอย่างนั้น คุณอยู่ต่อไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะว่าเดี๋ยวก็ไปละเมิดอาบัติที่หนักกว่านั้นได้

ดังนั้น..ในเรื่องของการขัดเกลาตนเอง อย่าได้ผ่อนเป็นอันขาด จะผ่อนปรนก็ผ่อนปรนกับคนอื่น แต่ให้เข้มงวดกับตนเอง อยู่คนเดียว ทำตัวเหมือนอย่างกับอยู่ต่อหน้าเพื่อนฝูงทั้งวัด คือต้องระมัดระวังไว้เอาไว้ อย่าละเมิดศีล อยู่กับเพื่อนฝูงทั้งวัด ต้องทำตัวเหมือนกับอยู่คนเดียว คือทรงสมาธิอยู่กับความสงบให้ได้ ถ้าใครทำไม่ถึงตรงนี้ ขอบอกว่าอยู่ยาก..!

ส่วนสามเณร
กระผม/อาตมภาพไม่ได้หวังอะไรหรอก แค่บุญกุศลที่ตัวเองได้เดินจงกรม ได้ภาวนา ได้สวดมนต์ทำวัตร ได้บิณฑบาต ได้ช่วยทำความสะอาดวัด สิ่งทั้งหลายเหล่านี้จะเป็นการขัดเกลาในเบื้องต้น และเป็นบุญกุศล ต่อไปถ้าหากว่าสึกหาลาเพศไป อย่างน้อยผลบุญนี้ก็ช่วยให้ทางชีวิตของตนเองสะดวกกว่าคนอื่น

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันจันทร์ที่ ๑ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-04-2024 เมื่อ 02:44
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 43 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 04:49



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว