กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๗ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมีนาคม ๒๕๖๗

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 03-03-2024, 19:46
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,629
ได้ให้อนุโมทนา: 216,942
ได้รับอนุโมทนา 748,031 ครั้ง ใน 36,427 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๗

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๗


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 04-03-2024, 00:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,713
ได้ให้อนุโมทนา: 152,065
ได้รับอนุโมทนา 4,418,873 ครั้ง ใน 34,303 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๓ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ ตื่นเช้าขึ้นมา กระผม/อาตมภาพก็ถึงกับสะดุ้ง เนื่องเพราะว่าบรรดาวัตถุมงคลที่ปลดออกก่อนเดินทางนั้น กลับมาอยู่ในตัวจนครบถ้วนเลย..! ซึ่งจะว่าเป็นการหลงลืมก็ไม่น่าจะใช่

เนื่องเพราะว่าในส่วนของผ้ายันต์เกราะเพชร หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ผ้ายันต์พรหมสี่หน้า ท่านอาจารย์เฮง ไพรวัลย์ ตลอดจนเหรียญรอยพระพุทธบาทหลังท้าวเวสสุวรรณเนื้อเงิน วัดท่าขนุนนั้น กระผม/อาตมภาพได้ใส่ไว้ในกระเป๋าอังสะข้างหนึ่ง

ส่วนพระพิมพ์ทรงครุฑ หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค พระ ๒๕ พุทธศตวรรษเนื้อดิน พระสมเด็จคำข้าว สมเด็จหางหมาก หลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงนั้นอยู่อีกที่หนึ่ง

รูปหล่อลอยองค์สมเด็จองค์ปฐมรุ่น ๒ และพระขุนแผนเนื้อผงอิทธิเจ หลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ อยู่อีกกระเป๋าหนึ่ง

กระเป๋าล่างนั้นประกอบไปด้วยวัวธนู หลวงปู่คำแสน คุณาลงฺกาโร แมลงภู่คำเนื้องา และหนุมานเนื้อเหล็กไหลสุริยันราชา อยู่อีกกระเป๋าหนึ่ง

ส่วนชุดสุดท้ายที่น่าตกใจที่สุดก็คือชุดพวงกุญแจ ซึ่งประกอบไปด้วยปลัดขิก หลวงพ่อขริก วัดสาวชะโงก ปลัดขิกเนื้อนาก - ปลัดขิก เนื้อทองคำ ท่านอาจารย์เฮง ไพรวัลย์ เม็ดพริกคหบดี หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ ดอกจำปีเนื้องา หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ กริชเขาควายเผือกฟ้าผ่าตาย หลวงพ่อโสก วัดปากคลองบางครก ตุ๊กแกน้อยมหาลาภ หลวงปู่ครื้น วัดสังโฆ จิ้งจกน้อย แกะจากงาตัวเล็กสุด ๆ ของหลวงพ่อหน่าย วัดบ้านแจ้ง และสีผึ้งเขียว หลวงพ่อทาบ วัดกระบกขึ้นผึ้ง พร้อมกับกุญแจ ๔ ดอก และส่วนสำคัญที่สุดก็คือมีดพับสวิสอาร์มี่ ที่ลูกเจนนี่ (นางสาวเมธาวี เหลืองถาวรกุล) ซื้อมาฝากตอนที่ไปเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์..!

ของทั้งหมดนี้ กระผม/อาตมภาพตั้งใจปลดออกตั้งแต่ตอนที่ยังไม่เดินทางอยู่แล้ว แล้วยังมองหาว่าจะเอากล่องอะไรใส่ให้เรียบร้อย ท้ายที่สุดก็ตัดสินใจไว้ที่บนตู้หัวที่นอน แต่มาวันนี้ทุกชิ้นกลับมาสถิตอยู่กับตัวจนครบถ้วน..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-03-2024 เมื่อ 01:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 04-03-2024, 00:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,713
ได้ให้อนุโมทนา: 152,065
ได้รับอนุโมทนา 4,418,873 ครั้ง ใน 34,303 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เรื่องพวกนี้ที่ตกใจมากก็คือ ถ้าหากว่าติดตัวมาขนาดนี้ กระผม/อาตมภาพเดินผ่านเครื่องเอ๊กซเรย์ก็ไม่ดัง เจ้าหน้าที่ตรวจลูบคลำไปทั้งตัว ทั้งด้านหน้า ทั้งด้านหลัง ทั้งบน ทั้งล่าง ก็ไม่เจอ ก็แปลว่าเพิ่งจะมาเมื่อคืนนี้เองตอนที่กระผม/อาตมภาพหลับ ก็ต้องกราบขอบพระคุณหลวงปู่ หลวงพ่อและครูบาอาจารย์ทุกท่าน ที่เมตตาตามมาคุ้มครอง แต่เมื่อเล่าให้คนอื่นฟัง มีเสียงคอมเม้นท์มาว่า "ท่านน่าจะอยากเที่ยวบ้าง" จนกระผม/อาตมภาพออกอาการ "น้ำตาจิไหล..!"

สำหรับวันนี้นั้น ในช่วงเช้าอากาศที่เมืองซาปายังอยู่ที่ ๗ องศาเซลเซียส แต่ว่าพวกเราต้องรีบตื่นกันแต่เช้า เนื่องจากวันนี้ต้องเดินทางไปให้ถึงเมืองนิงบินห์ ซึ่งอยู่ห่างไป ๔๐๐ กว่ากิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ ๘ ชั่วโมง แปลว่าเราจะเดินทางจากเหนือลงใต้ แม้ว่าจะเป็นเขตเวียดนามเหนือเหมือนเดิม แต่ว่ายังอยู่ทางด้านใต้ พวกเราจึงต้องตื่นตั้งแต่ตี ๕ วางกระเป๋าให้เรียบร้อยตอน ๖ โมงเช้า แล้วไปรับประทานอาหารด้วยกัน

เมื่อเสร็จสรรพเรียบร้อย รถก็มารับพวกเราเพื่อที่จะไปส่งที่รถบัสใหญ่ แต่ปรากฏว่ามินิบัสคันที่รับกระผม/อาตมภาพและคณะนั้น ต้องวนอยู่ถึง ๒ แห่ง เนื่องเพราะว่าที่จอดรถประจำทั้ง ๒ แห่งนั้นเต็มหมดแล้ว แต่ไม่มีรถของเรา เพราะว่าช่วงนี้เป็นวันเสาร์อาทิตย์ คนขึ้นมาเที่ยวเมืองซาปามากเป็นพิเศษ ต้องวนออกไปจนถึงสวนผักทางด้านนอกเมือง จึงเจอรถของพวกเราอยู่ที่นั่น..!

เมื่อรอจนกระทั่งทุกคนมาพร้อมแล้ว พวกเราก็ออกเดินทาง เป็นการเดินทางที่มีความสุขและสนุกสนานมาก เพราะว่าหยุดทุกชั่วโมง และทุกสถานที่ซึ่งเราหยุดนั้นก็คือร้านขายของที่ระลึก ถ้าเป็นบ้านเราต้องอาศัยห้องน้ำตามปั๊มน้ำมัน แต่ว่าที่เวียดนามนี้ ต้องอาศัยห้องน้ำตามร้านขายของที่ระลึก ซึ่งส่วนใหญ่แล้วรถที่มาจอด ลูกค้าก็ต้องซื้อข้าวของติดมือไปบ้างอยู่แล้ว

กระผม/อาตมภาพเองก็ยังซื้อพวงแขวนที่เป็นรูปองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เจ้าแม่กวนอิม ตลอดจนกระทั่งท่านกวนอู ไปทั้งหมด ๓ ชิ้น ในราคาชิ้นละ ๑๐๐,๐๐๐ ด่อง แม้จะคิดเป็นราคาแล้วว่า อยู่ที่ประมาณ ๑๕๐ - ๑๖๐ บาท แต่ก็ถือว่าซื้อไปเป็นของที่ระลึก เนื่องเพราะว่าญาติโยมทำบุญทุกวัน ทำให้กระผม/อาตมภาพที่แลกเงินเวียดนามมาแค่ ๒,๐๐๐ บาทไทย ตอนนี้กลับมีเงินเวียดนามอยู่ในตัวหลายล้านด่อง..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-03-2024 เมื่อ 01:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 28 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 04-03-2024, 00:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,713
ได้ให้อนุโมทนา: 152,065
ได้รับอนุโมทนา 4,418,873 ครั้ง ใน 34,303 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หลังจากนั้น พวกเราก็สนุกสนานเฮฮากันต่อบนรถ เนื่องเพราะว่าอาหลันนั้น ได้นำเอาสินค้าต่าง ๆ มาเสนอขายด้วย โดยที่บอกว่าเป็นสินค้าจากทางรัฐบาลเวียดนาม ซึ่งมีการรับประกันว่าเป็นของแท้ เพียงแต่ว่าตนเองนั้นจะได้ส่วนแบ่งไปส่วนหนึ่ง เพิ่มเติมจากค่าเป็นมัคคุเทศก์ในการท่องเที่ยว

กระผม/อาตมภาพจึงสั่งเอา "น้ำมันฟักข้าว" ไป ๑๐ ขวด ราคา ๓ ล้าน ๕ แสนด่อง เหตุที่สั่งก็เพราะรู้ว่าสิ่งนี้ดีอย่างไรประการหนึ่ง อีกประการหนึ่งก็คือ ตั้งใจที่จะช่วยอยู่แล้ว เนื่องเพราะว่าอาหลันนั้นขยันขันแข็งมาก ขึ้นรถแล้วคำว่าหลับไม่มี มีแต่คุยจนต้องขอร้องให้เลิกไปเอง..!

แต่ละสิ่งแต่ละอย่างที่เล่าให้ฟังมา ก็มองโลกในแง่ดีทั้งสิ้น อย่างเช่นว่า การที่พวกเราโดนชาวเวียดนามเบียดเสียดเยียดยัด แซงคิวไปสารพัดสารเพ ท่านบอกว่าส่วนใหญ่คนเวียดนามผ่านศึกผ่านสงครามมา แล้วก็ไม่ค่อยได้เรียนหนังสือ ไม่รู้มารยาทสังคม การที่ต้องการอะไร ส่วนใหญ่แล้วก็จะต้องรีบ ไม่เช่นนั้นแล้วก็จะได้ส่วนแบ่งน้อย จึงติดนิสัยในการแย่งชิงมาจนชิน พูดง่าย ๆ ก็คือว่าสภาวะสงครามทำให้เขาต้องเป็นอย่างนี้ พวกเราก็เลยช่วยกันอุดหนุนข้าวของ ซึ่งทำให้คาดว่า บางท่านอาจจะต้องซื้อกระเป๋าเพิ่มในการเดินทางกลับด้วย..!

การแวะครั้งที่สองนั้น พวกเราเข้าห้องน้ำแล้ว ทางร้านเขาก็พาไปแนะนำผลิตภัณฑ์ที่สร้างจากเยื่อไม้ไผ่ ส่วนใหญ่ก็ทำเป็นพวกเสื้อผ้าอาภรณ์ ข้าวของเครื่องใช้ ตลอดจนตุ๊กตา ซึ่งดูคุณภาพแล้วก็ดีสมกับราคาที่ได้คุยเอาไว้

โดยเฉพาะเด็กหนุ่มที่เป็นผู้แนะนำสินค้านั้น แม้ว่าจะพูดภาษาไทยสำเนียงเวียดนามเร็วปรื๋อ แต่ก็ฟังรู้เรื่องดี และที่สำคัญที่สุดก็คือมีอารมณ์ขันมาก ทำให้พวกเราเหมือนกับได้ดูตลกคณะดี ๆ คณะหนึ่งนี่เอง จึงทำให้ทุกคนจะต้องควักกระเป๋าซื้อของไปตาม ๆ กัน แต่กระผม/อาตมภาพก็ไม่ทราบว่าจะซื้อไปทำอะไร นอกจากแนะนำบางคนว่าอย่างโน้นดีให้ซื้อไว้ อย่างนี้ดีให้ซื้อไว้ อย่างไหนที่สามารถลงไปซื้อที่ฮานอยได้ ก็ให้เว้นเอาไว้ เราไปซื้อที่ฮานอยจะได้ของดีกว่า เป็นต้น

แล้วเราก็มาขึ้นทางด่วน ซึ่งทางด่วนนี้เพิ่งจะสร้างก่อนเชื้อไวรัสโควิดระบาด ๑๙ แค่ ๒ ปี ก็แปลว่าสร้างในปี ๒๕๖๐ แล้วหลังจากนั้น เปิดใช้ได้ไม่นานก็ต้องปิดไป เพราะว่านักท่องเที่ยวไม่มี พวกเราจึงมาฉลองกันในการที่วิ่งยาว ๆ บนทางด่วน เมื่อลงมาที่เมือง ๆ หนึ่ง เราแวะที่ร้านอาหารชื่อ Budapest ก็เลยมีการคุยกันแบบตลก ๆ ว่า มื้อนี้เราไปรับประทานอาหารกลางวันกันที่ประเทศฮังการี เพราะว่า Budapest ก็คือเมืองหลวงของฮังการีนั่นเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-03-2024 เมื่อ 01:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 28 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 04-03-2024, 00:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,713
ได้ให้อนุโมทนา: 152,065
ได้รับอนุโมทนา 4,418,873 ครั้ง ใน 34,303 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

กระผม/อาตมภาพชอบใจข้าวปลาอาหารของวันนี้มาก เพราะว่าส่วนใหญ่เป็นผัก และที่แน่ ๆ ก็คือใช้ตะเกียบเสียด้วย ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว คนเวียดนามก็ใช้ตะเกียบ คนไทยที่มาถึงยุคแรก ๆ เรียกหาช้อนไม่ได้ ทำเอาบรรดามัคคุเทศก์ท่องเที่ยวซึ่งรับทัวร์ไทย ท้ายสุดก็ต้องซื้อช้อนสั้นติดตัวเอาไว้คนละ ๒๐๐ - ๓๐๐ อัน เมื่อถึงเวลาก็ส่งให้นักท่องเที่ยวไทยที่ใช้ตะเกียบไม่เป็น แต่กระผม/อาตมภาพนั้นถือว่าเป็นลูกเจ๊กเต็มขั้น จึงกินด้วยตะเกียบคล่องตัวมาก

เมื่ออิ่มเรียบร้อยแล้ว
กระผม/อาตมภาพลงมาเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ใส่มาเป็นชุดกันหนาว เนื่องเพราะว่าอากาศแถวนี้ ๑๗ องศาเซลเซียสเท่านั้น ครั้นถึงเวลา พวกเราก็เดินทางต่อ ตรงเข้าเมืองฮานอย เข้าถึงตัวเมืองปุ๊บ รถก็ติดปั๊บ แต่ว่าเป็นที่อัศจรรย์มาก เนื่องเพราะว่าเลนที่รถของเราอยู่นั้น มักจะเป็นเลนว่างพอดี ก็คือจะมีช่วงว่างอยู่ด้านหน้าประมาณ ๒ - ๓ คันรถให้เราวิ่งไปได้เรื่อย ๆ โดยไม่ต้องชะลอความเร็ว ยังอดนึกกราบขอบพระคุณบรรดาเจ้าที่เจ้าทาง หลวงปู่หลวงพ่อ ที่อนุเคราะห์สงเคราะห์ในครั้งนี้ด้วย

แล้วเราก็มาขึ้นทางด่วนอีกช่วงหนึ่ง ตรงไปยังเมืองนิงบินห์ ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญอีกเมืองหนึ่ง เมืองนี้เป็นเมืองแห่งภูเขาและสายน้ำ โดยเฉพาะมีภูเขาหินปูนเยอะมาก ประเทศเวียดนามมีโรงงานปูนซีเมนต์ทั้งหมด ๘ แห่ง อยู่ที่เมืองนิงบินห์นี้ถึง ๖ แห่งด้วยกัน..! แล้วขณะเดียวกันบริษัทรถยนต์เกาหลีคือฮุนได ก็มาตั้งฐานผลิตที่นี่ด้วย

พวกเราไปถึงท่าเรือตามก๊อก พวกเรามาถึงก็ตอนเย็นมากแล้ว จึงกลายเป็นชุดสุดท้ายที่จะลงเรือพายไปล่องลำน้ำมังกรเหลือง (Hoang Long) กันในวันนี้ เจ้าหน้าที่จึงจัดให้พวกเราลงเรือลำละ ๒ คน ทั้ง ๆ ที่โดยปกติแล้วเขาให้ลง ๔ คน เพราะว่าบรรดาผู้ที่พายเรือนั้น ส่วนใหญ่ก็เป็นคุณย่า คุณยาย คุณป้า คุณอา คุณลุง คุณตา คุณปู่ ซึ่งอยู่ว่าง ไม่มีงานทำ ก็มาพายเรือรับนักท่องเที่ยว บรรดาลูกหลานส่วนใหญ่ก็ไปเข้าอยู่ในโรงงานต่าง ๆ ที่หาเงินได้ง่ายกว่านี้

พวกเราล่องเรือไปชมภูเขาสวย ๆ ที่เขาลือกันว่าเป็น "กุ้ยหลินแห่งเวียดนาม" และลอดถ้ำลอดไปอีกฝั่งหนึ่ง ตลอดสองข้างทางก็มีบรรดาสุสานต่าง ๆ เต็มไปหมด เพราะว่าแถวนี้ฮวงจุ้ยก็อยู่ในลักษณะหลังอิงเขา หน้าหันเข้าหาน้ำทั้งสิ้น

เมื่อพวกเราล่องเรือกลับมาถึงแล้ว ทางด้านมัคคุเทศก์คืออาหลัน ได้นำคณะไปรับประทานอาหารเย็น กระผม/อาตมภาพเองไม่ได้เตรียมการที่จะบันทึกเสียง แต่ไม่ได้รับประทานอาหารเย็นกับเขา มองซ้ายมองขวา ท้ายที่สุดก็เห็นห้องเก็บเบียร์ ซึ่งอยู่ทางด้านหลังร้านอาหาร พอที่จะสงบเงียบอยู่บ้าง จึงแอบมุดเข้ามาเพื่อที่จะบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนอยู่ในขณะนี้..!

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอาทิตย์ที่ ๓ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-03-2024 เมื่อ 01:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 19:18



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว