กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๗ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๗

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 20-02-2024, 17:47
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,642
ได้ให้อนุโมทนา: 216,883
ได้รับอนุโมทนา 747,481 ครั้ง ใน 36,409 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 21-02-2024, 00:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,653
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,416,056 ครั้ง ใน 34,243 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๗ กระผม/อาตมภาพเดินทางไปถึงวัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) ยังไม่ทันจะ ๖ โมงเช้า เกือบ ๆ จะพร้อมกับหลวงพ่อเจ้าคุณแย้ม - พระเดชพระคุณพระธรรมวชิรานุวัตร, ดร. (แย้ม กิตฺตินฺธโร) เจ้าคณะภาค ๑๔ เหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่า ช่วงบ่ายวันนี้กระผม/อาตมภาพต้องไปหาหมอตามนัด ถ้าหากว่าไม่ไปปรากฏตัวในที่อบรมบาลีก่อนสอบเลย บางทีลูกศิษย์ก็อาจจะหมดกำลังใจได้เช่นกัน

เหตุที่กล่าวได้อย่างเต็มปากเต็มคำอย่างนั้นก็เพราะว่า ในปัจจุบันนี้บรรดาพระสังฆาธิการก็ดี ระดับเลขานุการ หรือว่ากองงานเลขานุการ ตลอดจนกระทั่งพระวิทยากร ในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑๔ ก็ตาม ถ้าหากว่าไม่ใช่ลูกศิษย์ก็จะเป็นเพื่อนฝูงกันทั้งนั้น

เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่ากระผม/อาตมภาพนั้น มีโอกาสสอนหนังสือ ทั้งที่วิทยาลัยสงฆ์พุทธปัญญาศรีทวารวดี วัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) จังหวัดนครปฐม วิทยาลัยสงฆ์สุพรรณบุรีศรีสุวรรณภูมิ วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร จังหวัดสุพรรณบุรี และท้ายที่สุดวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีศรีไพบูลย์ จังหวัดกาญจนบุรี เริ่มต้นสอนมาตั้งแต่ปี ๒๕๕๒ แล้วก็เพิ่งจะมาลาออกเมื่อปี ๒๕๖๕ นี่เอง

แต่ขนาดนั้นก็ตาม ชื่อเสียงที่ได้ทำเอาไว้ ก็ทำให้บุคคลที่เคยเรียนอยู่มีความเคารพนับถืออย่างจริงใจ โดยเฉพาะบรรดานิสิตทั้งหลาย จะเห็นกระผม/อาตมภาพเป็นพระวิปัสสนาจารย์ ที่คุมการปฏิบัติธรรมแบบไม่ได้คุม ก็คือเมื่อถึงเวลาแล้ว ทุกคนเต็มอกเต็มใจมาเข้าปฏิบัติเอง

ถึงขนาดพอผ่านไปได้ ๔ วัน ๕ วัน บรรดาพระสังฆาธิการที่มีอายุกาลพรรษามากกว่า มาขอกราบในฐานะครูบาอาจารย์ ออกปากว่า "ท่านอาจารย์ต้องมีอะไรดีแน่เลย โดยปกติพวกกระผมไม่เคยยอมลงให้กับใคร แต่นี่กลับยอมลงให้กับอาจารย์ ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ดุด่าว่ากล่าวอะไรพวกผมเลยสักคำเดียว" กระผม/อาตมภาพก็ไม่รู้จะชี้แจงแสดงเหตุอย่างไร ห้ามปรามท่านที่พรรษามากกว่าไม่ให้กราบ ท่านก็ไม่ยอม บอกว่าขอกราบในฐานะพระอาจารย์..!

บรรดารุ่นหลัง ๆ มา แม้ว่ากระผม/อาตมภาพจะไม่ได้สอนแล้วก็ตาม แต่ว่าชื่อเสียงเกียรติคุณตรงนี้ก็ยังคงอยู่ ดังนั้น..เมื่อได้ยินชื่อพระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. หรือว่าหลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุนมาถึง ทุกคนก็กระตือรือร้นมาต้อนรับ มาแนะนำตัว หรือว่ามากราบไหว้

แม้กระทั่งบางท่าน อย่างเช่นพระครูสังฆกิจจารักษ์ วัดสิงห์ อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐมซึ่งมีชื่อเสียงเลื่องลือในเรื่องหัวแข็ง ไม่ยอมลงให้ใคร แล้วในฐานะที่ท่านอายุมากกว่า แม้ว่าพรรษาน้อยกว่าก็ตาม ท่านก็ยังมากราบมาไหว้ทุกครั้ง จนทำเอาคนแปลกใจเป็นอย่างมาก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-02-2024 เมื่อ 01:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 21-02-2024, 00:29
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,653
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,416,056 ครั้ง ใน 34,243 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เรื่องพวกนี้เป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่า ถ้าท่านทั้งหลายตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติอยู่ใน ศีล สมาธิ ปัญญา อย่างที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนเราเอาไว้ ท้ายที่สุดบุคคลที่กุศลหนุนส่ง ก็จะเห็นดีเห็นงาม และคล้อยตามกันมาเอง ท่านพระครูสังฆกิจจารักษ์ที่กระผม/อาตมภาพเรียกติดปากว่า "พี่กวง" ออกปากว่า "ผมเองได้พี่เล็กเป็นตัวอย่าง ถึงได้กลับมาเป็นผู้เป็นคนอยู่ทุกวันนี้ ไม่อย่างนั้นก็เอาแต่ท้าตีท้าต่อยเขาอยู่ทั่วไป"

เรื่องพวกนี้จะกล่าวไปแล้วก็เป็นความภูมิใจอย่างหนึ่ง แต่ว่าขอถวายความดีนี้ไปถึงครูบาอาจารย์ทุกรูปทุกนาม ที่ได้เมตตาอบรมสั่งสอนมา โดยเฉพาะพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ซึ่งเป็นครูบาอาจารย์ที่รู้จริง ท่านสอนมาทุกอย่าง ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่เราสามารถนำมาใช้การได้ในปัจจุบัน
ดังนั้น..การที่ไปปรากฏตัวแต่เช้ามืด และร่วมการทำวัตรสวดมนต์ด้วย บรรดาผู้เข้าอบรมจะขี้เกียจก็ไม่ได้แล้ว เนื่องเพราะว่าพระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. แกอยู่ถึงวัดท่าขนุน ห่างจากสถานที่นี้ ๒๔๐ กิโลเมตร ถ้าหากว่ารถไม่ติด ก็ใช้เวลา ๓ ชั่วโมงครึ่ง ถ้ารถติดก็อาจจะถึง ๔ ชั่วโมงเศษ แต่ท่านก็เดินทางมาทำวัตรด้วย

บรรดาผู้เข้ารับการอบรมที่ค้างอยู่ที่วัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านเจ้าคุณแย้ม ก็จัดรถรางวิ่งรับส่งหมุนเวียนอยู่ตลอดเวลา จะมีข้ออ้างว่ามาทำวัตรไม่ทัน ก็มีหวังจะโดน "โบก" คว่ำไปเท่านั้น เพราะท่านจะให้เหตุผลว่า "ไอ้ท่าขนุนมันยังมาถึงแล้ว..!" กระผม/อาตมภาพเมื่อฉันเช้าร่วมกับพรรคพวกแล้ว ก็ไปเดินให้กำลังใจบรรดาผู้เข้ารับการอบรมบาลีก่อนสอบ จนได้เวลาพอสมควรจึงขอตัวเดินทางไปตามที่หมอนัด

ส่วนเรื่องอื่นที่อยากจะกล่าวถึงวันนี้ก็คือ ช่วง ๒ - ๓ วันที่ผ่านมานั้น มีข่าวฮือฮาอยู่ในวงการสงฆ์ภาค ๑๔ เรื่องที่หลวงพี่น้ำฝน (พระครูปลัดสิทธิวัฒน์) เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม หัวหน้าคณะพระวินยาธิการประจำคณะสงฆ์ภาค ๑๔ เรียกง่าย ๆ ว่าหัวหน้าตำรวจพระ ในเขตภาค ๑๔ คือจังหวัดกาญจนบุรี สุพรรณบุรี นครปฐมและสมุทรสาคร ได้นำเอาพระวินยาธิการภายใต้สังกัดของท่าน บุกไปจับหลวงตา ๒ ราย ที่ไม่ยอมอยู่อาศัยตามวัด แต่ว่าไปอาศัยบ้านอยู่ และขับรถออกไปบิณฑบาต ทำให้ชาวบ้านที่พบเห็นเสื่อมศรัทธา คาดว่าน่าจะเป็นพระภิกษุปลอม..!

เมื่อไปจัดการตามวิธีการทุกอย่าง ทำการสอบสวนทวนความแล้ว มีอยู่รูปหนึ่งที่ไม่มีเอกสารยืนยันตัวตน น่าจะถือว่าปลอมบวชมา อีกรูปหนึ่งมีเอกสารยืนยันตัวตน แต่พอติดต่อไปทางต้นสังกัด ต้นสังกัดยืนยันว่าออกจากวัดไปหลายปีแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนั้น หลวงพี่น้ำฝนท่านจึงนำไปสึกเสียให้หมดเรื่องหมดราวไป
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-02-2024 เมื่อ 01:52
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 21-02-2024, 00:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,653
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,416,056 ครั้ง ใน 34,243 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เรื่องนี้ไม่ปรากฏออกสื่อต่าง ๆ รู้กันเฉพาะในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑๔ เป็นสิ่งที่กระผม/อาตมภาพดีใจมาก ว่านโยบายของหลวงพ่อเจ้าคุณแย้ม เจ้าคณะภาค ๑๔ นั้น เดินมาถูกต้องแล้ว เพราะว่าท่านให้ทุกจังหวัด ไม่ว่าจะเป็นกาญจนบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม หรือว่าสมุทรสาคร คัดเอาพระวินยาธิการระดับปฏิบัติการ ที่มีความคล่องตัวมาก ๆ จังหวัดละ ๕ รูป ตั้งหัวหน้าคณะประจำจังหวัดของตน ทั้งหมดขึ้นตรงกับหลวงพี่น้ำฝน สถานที่ใดในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑๔ เกิดอธิกรณ์เรื่องราวเกี่ยวกับพระ เกี่ยวกับวัดขึ้นมา พระวินยาธิการกลุ่มนี้ต้องไปถึงทันที

นโยบายที่หลวงพ่อเจ้าคุณแย้มกล่าวเอาไว้ก็คือ "ต้องไปถึงก่อนสื่อมวลชน จัดการเรื่องราวให้สงบเรียบร้อยลงเสียก่อนที่สื่อมวลชนจะเข้าถึง จะได้ไม่มีอะไรเสียหายให้เกิดกับพุทธศาสนาของเรา" ปรากฏว่าจากการดำเนินการช่วงที่ผ่านมา ในเขตปกครองคณะสงฆ์จังหวัดกาญจนบุรี ก็ระงับเรื่องราวให้เสร็จเรียบร้อยลงในเวลาอันรวดเร็ว

ในส่วนของจังหวัดอื่น ๆ อย่างเช่นสุพรรณบุรีนั้น นอกจากคณะพระวินยาธิการ หรือว่าตำรวจพระแล้ว ท่านเจ้าคุณพระสุพรรณวชิรภรณ์ , ดร. (ประไพ ปุญฺญกาโม ป.ธ.๓) เจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งเป็นเพื่อนฝูงของกระผม/อาตมภาพ เรียนมาด้วยกันตั้งแต่ระดับประกาศนียบัตร ยันปริญญาโท ท่านยังเป็นบุคคลที่ตามงานด้วยตนเอง ในฐานะที่มีความแม่นยำในกฎระเบียบและกฎหมายบ้านเมือง จึงกำชับกำชาในการปฏิบัติของพระวินยาธิการ ให้เป็นไปตามพระธรรมวินัยและกฎหมายบ้านเมือง โดยเฉพาะอย่าให้เรื่องราวได้แพร่กระจายออกไป เพราะว่าแม้จะเป็นส่วนน้อยก็ตาม แต่อาจจะเกิดสภาพของ "ปลาเน่าตัวเดียวเหม็นไปทั้งข้อง"..!

ส่วนทางด้านจังหวัดสมุทรสาครนั้น ท่านเจ้าคุณดิเรก - พระมงคลพัฒนาภรณ์ (ดิเรก ปิติทานนฺโท) เจ้าคณะจังหวัดสมุทรสาคร ท่านกำชับกำชาทุกอย่างอยู่ในลักษณะ "ป้องปราม" อะไรที่จะเกิดขึ้น ท่านเองสั่งการป้องกันเอาไว้หมดแล้ว แม้กระทั่งสิ่งที่วัดวาอารามต่าง ๆ อาจจะผิดจะพลาดในข้อกฎหมาย อย่างเช่นว่า ห้ามสูบบุหรี่ ห้ามจำหน่ายสุรายาเสพติดภายในวัด ท่านก็สั่งการให้ทุกวัดติดป้าย ติดสติ๊กเกอร์ให้เห็นอย่างชัดเจน ว่าเป็นเขตปลอดบุหรี่ เป็นเขตปลอดยาเสพติด เป็นเขตห้ามจำหน่ายสุรา เป็นต้น

ส่วนในจังหวัดนครปฐมนั้น พระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณแย้มเองเป็นเจ้าของสถานที่ จึงไม่ต้องกล่าวถึง เพราะว่าเรื่องของความเข้มงวดต่าง ๆ นั้น มีมาตั้งแต่สมัยพระเดชพระคุณหลวงปู่ชุ้น - หลวงปู่พระธรรมเสนานี (ชุณห์ กิตฺติวณฺโณ) อดีตเจ้าอาวาสวัดวังตะกู อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดนครปฐม ท่านเป็นเจ้าคณะจังหวัดนครปฐมอยู่หลายสิบปี ชื่อเสียงในความโหดของท่านเป็นที่เลื่องลือ ขนาดมีชื่อว่า "เสือแห่งวังตะกู..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-02-2024 เมื่อ 01:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 21-02-2024, 00:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,653
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,416,056 ครั้ง ใน 34,243 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในช่วงที่ท่านเป็นเจ้าคณะจังหวัดอยู่ บรรดาพระภิกษุสามเณรที่นอกรีต นอกลู่ นอกทาง ไม่มีใครที่อยากจะเข้าไปในเขตนครปฐม เพราะรู้เลยว่าถ้าหากว่าถึงมือหลวงปู่ชุ้นเมื่อไร ท่านเองมีกฎหมายอยู่แค่ ๒ มาตรา ก็คือมาตรา ๕ บน หรือว่ามาตรา ๕ ล่าง ทันตบเป็นตบ ทันเตะเป็นเตะ..!

กระผม/อาตมภาพยังเรียนถามท่านว่า "หลวงปู่..อายุก็มากแล้ว ไปตบไปเตะมัน เกิดมันสู้ขึ้นมาจะทำอย่างไร ?" ท่านบอกว่า "อันดับแรก ข้าไม่ได้ไปคนเดียว อันดับที่สอง คนชั่วกำลังใจมันสู้ข้าไม่ได้อยู่แล้ว ในเมื่อกำลังใจมันสู้ไม่ได้ โดนผัวะเดียวร่วงลงไป มันก็หมดกำลังใจที่จะสู้ สารภาพแต่โดยดีทุกคน"

ตรงจุดนี้กระผม/อาตมภาพก็เชื่อ เนื่องเพราะว่าพวกเรากล่าวขานกันว่าหลวงปู่ชุ้นท่านมี "นะหน้าเสือ" ความจริงตรงนี้ก็น่าจะเป็นประเภทคาถา "นะจังงัง" หรือ "ตวาดป่าหิมพานต์" เหล่านั้น เพียงแต่ว่าหลวงปู่ชุ้นท่านมีฉายาว่าเสือแห่งวังตะกู ก็เลยกลายเป็น "นะหน้าเสือ" ไปโดยปริยาย ในเมื่อกำลังใจของท่าน นอกจากจะปฏิบัติกรรมฐานอย่างเคร่งครัดแล้ว ความแม่นยำในเรื่องวินัยและกฎหมายต่าง ๆ ของท่านยังเป็นที่เลื่องลือ ความเข้มงวดของท่านเป็นที่รู้กันไปหมด จึงทำให้คนอื่นนั้นไม่มีทางเลยที่จะมีกำลังใจสู้ท่านได้

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น จึงกลายเป็นเรื่อง "ปาปมุต" ก็คือเรื่องนี้หลวงปู่ชุ้น ท่านสามารถใช้มาตราทั้ง ๕ ล่าง และ ๕ บนได้ แต่คนอื่นใช้ไม่ได้ รับประกันว่าใช้เมื่อไร ก็มี "ดราม่า" ออกโซเชียลเมื่อนั้น แต่สมัยหลวงปู่ชุ้นท่านใช้จนกระทั่งทุกคน ทั้งพระภิกษุสามเณรและฆราวาส เห็นเป็นเรื่องปกติ ประมาณว่า "ถ้ามึงเข้ามาทำเลวในเขตนครปฐม ก็สมควรแล้วที่จะโดนอย่างนี้..!"

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ในปัจจุบันคณะสงฆ์ภาค ๑๔ ของเราจึงค่อนข้างที่จะสงบเรียบร้อย และกลายเป็น "ขี้ปาก" ของบรรดาเจ้าคณะภาคอื่น ๆ ที่สนิทสนมกับหลวงพ่อเจ้าคุณแย้ม ถึงขนาดสะกิดกันถามว่า "ภาค ๑๔ มึงจะอยู่เฉย ๆ บ้างไม่ได้หรือ ? พวกข้าเหนื่อยว่ะ..!" แต่ว่าเรื่องพวกนี้ ก็ต้องให้พระผู้ใหญ่ท่านคุยกันไป

กระผม/อาตมภาพเห็นสิ่งที่เจ้านายท่านทำและวางนโยบายเอาไว้ เมื่อปรากฏผลออกมาอย่างเด่นชัด ทั้ง ๆ ที่เราฮือฮากันทั้งภาค แต่ว่าทางโซเชียลอื่นไม่มีเลย ก็แปลว่าเป็นสิ่งที่ท่านสั่งให้ทำนั้น เกิดผลดีแก่คณะสงฆ์อย่างแน่นอน

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอังคารที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-02-2024 เมื่อ 01:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 18:55



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว