กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๗ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๗

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 12-02-2024, 17:34
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,659
ได้ให้อนุโมทนา: 216,968
ได้รับอนุโมทนา 748,311 ครั้ง ใน 36,459 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 13-02-2024, 00:19
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,678
ได้ให้อนุโมทนา: 152,056
ได้รับอนุโมทนา 4,417,080 ครั้ง ใน 34,268 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๗ หลังจากฉันเพลแล้ว กระผม/อาตมภาพก็เดินทางไปถวายสักการะพระบรมธาตุหริภุญไชย อุทิศส่วนกุศลถวายแก่เทวดาที่รักษาองค์พระบรมธาตุ และพระแม่เจ้าจามเทวี ซึ่งปกติแล้ว กระผม/อาตมภาพนั้น ถ้าเดินทางมาลำพูน ก็ต้องมาสักการะพระบรมธาตุหริภุญไชย แล้วไปถวายพวงมาลัยดอกมะลิ ที่อนุสาวรีย์พระแม่เจ้าจามเทวี

แต่เนื่องจากวันนี้ มาใกล้เวลางาน จึงใช้วิธีกราบสักการะพระบรมธาตุหริภุญไชย แล้วเข้าไปในวิหารหลวง ซึ่งจัดพิธีมหาจักรพรรดิพุทธาภิเษกรูปหล่อครูบาศรีวิชัย โดยที่กระผม/อาตมภาพได้รับฎีกานิมนต์จากพระเดชพระคุณพระเทพรัตนนายก (จำรัส ทตฺตสิริ ป.ธ.๗) เจ้าคณะจังหวัดลำพูน ประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ด้วยหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา (หมู่บ้านรักษาศีล ๕) หนเหนือ

ครั้นมาถึง ปรากฏว่าผู้ที่มาต้อนรับคือครูบาสมชาย (พระครูบรรพตพัฒนกิตติ์) เจ้าอาวาสวัดดอยติ ซึ่งเป็นที่ตั้งของมูลนิธิครูบาเจ้าศรีวิชัย และได้พบกับครูบากฤษดา สุเมโธ เจ้าอาวาสวัดสันพระเจ้าแดง ซึ่งถามว่ากระผม/อาตมภาพออกมาตั้งแต่เมื่อวานใช่หรือไม่ ? จึงได้บอกว่าเมื่อวานนี้ได้ทำหน้าที่อยู่ที่วัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ วันนี้ถึงได้เดินทางมาที่นี่

อีกสักครู่หนึ่ง พระเดชพระคุณพระเทพรัตนนายกก็มาถึง ได้ทักทายกันไม่กี่คำ ท่านก็ต้องรีบไปถวายการต้อนรับพระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี (ธงชัย ธมฺมธโช) กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะใหญ่หนกลาง องค์ประธานในพิธีครั้งนี้

อีกสักครู่หนึ่ง ท่านอาจารย์อดิเรก อนุตตโร วัดหนองทราย ก็มานั่งอยู่ข้างกัน กระผม/อาตมภาพมองข้ามไปอีกฝั่งหนึ่ง ก็มีหลวงตาม้า (พระอาจารย์วรงคต วิริยธโร) วัดถ้ำเมืองนะ จึงได้แต่ส่งเสียงทักทายและยกมือไหว้ข้ามมณฑลพิธีไป อีกสักครู่ท่านเจ้าคุณพบโชค (พระไพศาลประชาทร วิ.) วัดห้วยปลากั้งก็มาถึงเช่นกัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-02-2024 เมื่อ 03:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 13-02-2024, 00:26
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,678
ได้ให้อนุโมทนา: 152,056
ได้รับอนุโมทนา 4,417,080 ครั้ง ใน 34,268 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อพระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนีได้ทำการจุดเทียนชัยแล้ว ก็เริ่มพิธีการต่าง ๆ ไปตามลำดับ โดยมีการเชิญแขกผู้มีเกียรติจุดเทียนวิปัสสี จุดเทียนน้ำมนต์ที่พระเกจิอาจารย์ทุกรูป จุดเทียนโสฬสญาณ จุดเทียนธาตุทั้ง ๔ พูดง่าย ๆ ว่าจุดคนละ ๑ ต้น จึงทำให้ต้องใช้ระยะเวลาที่ยาวนานมาก

โดยเฉพาะเมื่อได้ยินนามสกุลแล้ว ก็รู้สึกทึ่งมาก เพราะว่ามีทั้ง ณ ลำพูน ณ เชียงใหม่ ณ ลำปาง ณ เชียงตุง และ เชื้อเจ็ดตน ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเชื้อเจ้าของทางล้านนาทั้งสิ้น หลายท่านก็อายุกาลมากจนถึงขนาดต้องถือไม้เท้า หลายท่านที่ดูว่าอายุมากหน่อย ก็น่าจะอยู่ในระดับ ๖๐-๗๐ ปี แต่ก็เป็นที่น่ายินดีว่าเชื้อสายเจ้าทางเหนือยังไม่ได้ขาดช่วงลง โดยเฉพาะนามสกุล ณ เชียงตุงนั้น ก็คือนครเขมรัฐเชียงตุง หรือว่าไทใหญ่ ซึ่งมีการแต่งงานข้ามไปข้ามมาในระหว่างเชียงใหม่ เชียงตุง ลำปาง แพร่ น่าน เหล่านี้เป็นต้น

ทางด้านเชียงตุงนั้น บรรดาเชื้อเจ้าแทบจะไม่เหลือแล้ว
วิชาการบางอย่างที่ต้องอาศัยเชื้อเจ้าเท่านั้นถึงจะสืบสายได้ อย่างเช่นวิชาการสร้างแมลงภู่คำ ตอนนี้ก็เหลือแต่สายพระเท่านั้น เนื่องเพราะว่าพระเราคือศากยบุตรพุทธชิโนรส คือลูกของพระพุทธเจ้า หรือว่าเจ้าชายสิทธัตถะ เท่ากับว่าเป็นเชื้อเจ้าเช่นกัน ดังนั้น..บุคคลที่มีความสามารถในการสืบสายวิชาในการสร้างแมลงภู่คำ ก็แทบจะเหลือแต่ทางด้านพระภิกษุเท่านั้น เพราะว่าฝ่ายฆราวาสแทบจะไม่มีเลย ต้องใช้วิธีบวชเข้ามาสืบสายวิชา แล้วค่อยสึกหาลาเพศออกไปอีกที

ครั้นเมื่อเริ่มพิธี กระผม/อาตมภาพก็สบายใจมาก เพราะว่าเป็นการสร้างรูปเหมือนครูบาศรีวิชัย จึงได้กราบอาราธนาหลวงปู่ครูบาฯ ให้ท่านเสกรูปตัวเอง แต่หลวงปู่ครูบาฯ ท่านขอให้กราบอาราธนาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสียก่อน เนื่องเพราะว่ามีรูปพระพุทธเจ้าที่จะถวายให้กับทางด้านประเทศเนปาล โดยที่ทางนั้นมีรัฐมนตรีของประเทศเนปาลมาร่วมงานด้วย

ทางคณะรัฐมนตรีฝ่ายชาย กล่าวสุนทรพจน์โดยเรียกพระว่า "Venerable" แปลว่าให้เกียรติอย่างยิ่ง แต่ว่าฝ่ายหญิงท่านใช้คำว่า "All Monks" ก็คือพระทั้งหมด ฟังดูแล้วแปลก ๆ หูอยู่เหมือนกัน แต่ก็เป็นเรื่องที่ต้องให้อภัย เพราะว่าบุคคลที่อยู่กับพระก็ไม่แน่ว่าจะใช้คำพูดได้ถูก แม้กระทั่งบ้านเราก็มีที่สับสนกับชีวิต ใช้คำแทนตัวเองว่า "อาตมา" กระผม/อาตมภาพก็เคยเจอมาแล้ว..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-02-2024 เมื่อ 03:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 13-02-2024, 00:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,678
ได้ให้อนุโมทนา: 152,056
ได้รับอนุโมทนา 4,417,080 ครั้ง ใน 34,268 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แม้กระทั่งทุกวันนี้ เวลาบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ก็มีผู้รู้แนะนำว่า กระผม/อาตมภาพควรจะใช้คำว่า "อาตมา" เท่านั้น โดยที่ไม่ได้นึกว่า กระผม/อาตมภาพพูดกับพระภิกษุสามเณรและญาติโยมไปพร้อมกัน จึงต้องใช้ "กระผม" กับพระภิกษุสามเณร และใช้ "อาตมภาพ" กับญาติโยมทั้งหลาย

ในเมื่อท่านรู้ดี หาก เป็นบุคคลที่ "ฉลาดแต่ขาดเฉลียว" ก็ขอให้ท่านโปรดทราบไว้ด้วยว่ากระผม/อาตมภาพนั้นไม่ได้กล่าวกับเฉพาะญาติโยมอย่างเดียว หากแต่ว่า
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุนนั้น ในเบื้องต้นเป็นการอบรมพระภิกษุสามเณรภายในวัดอย่างเดียว มาภายหลังมีผู้นำไปลงในยูทูบ จนกระทั่งเกิดเสียงเรียกร้องขึ้นมา จึงต้องบันทึกอย่างเป็นทางการ สำหรับในการสอนพระภิกษุสามเณร และขณะเดียวกันก็เผื่อแผ่ไปถึงญาติโยมด้วย

เมื่อเสร็จพิธี ซึ่งกระผม/อาตมภาพก็ยังคง "เป๊ะเว่อร์" เหมือนเดิม..! ก็คือทำน้ำมนต์เสร็จ การเจริญพระพุทธมนต์พิธีมหาจักรพรรดิพุทธาภิเษกก็จบลง เมื่อพิธีกรอาราธนาพระเถราจารย์ให้ทำน้ำมนต์พรมในบริเวณพิธี กระผม/อาตมภาพก็สามารถพรมได้ทันที ขณะที่คนอื่นก็ยังคงเสียเวลาทำน้ำมนต์กันอยู่เป็นนาน..!

แล้วก็เป็นเรื่องดี เพราะว่าเมื่อพรมเสร็จแล้ว พระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี ได้ทำการพรมน้ำมนต์และโปรยดอกไม้ถวายเป็นพุทธบูชา กระผม/อาตมภาพสบายใจที่ไม่ต้องทำอะไรในการ "ทับ" พระผู้ใหญ่ เพราะถือว่าเป็นการเสียมารยาท ในขณะที่กำลังบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนนี้ ก็คือช่วงกำลังเดินทางกลับจาดลำพูนไปยังจังหวัดนนทบุรี คาดว่ากว่าจะถึงที่พักคืนนี้ ก็คงประมาณเที่ยงคืน จึงต้องบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนเอาไว้ก่อน

ในขณะเดียวกัน เมื่อเดินทางไปถึงวัดพระธาตุหริภุญไชย ก็มีญาติโยมบางท่านขอถ่ายรูป กระผม/อาตมภาพเองยังทำธุระไม่เสร็จ จึงได้ปฏิเสธไป เพราะว่าในเรื่องของการถ่ายรูปนั้น ท่านอาจจะภูมิใจแล้วก็นำเอาไปอวดคนอื่น กลายเป็นเอากิเลสของตนไปอวดชาวบ้านเสียเปล่า ๆ ถ้าหากว่ามีความรัก ความเคารพกระผม/อาตมภาพอย่างแท้จริง ก็ให้รีบเร่งในการปฏิบัติ ศีล สมาธิ ปัญญา ยกกำลังใจของตนให้สูงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ถ้าอย่างนั้นก็ถึงจะได้ชื่อว่ามีความเคารพรักกันอย่างแท้จริง

แม้กระทั่งอาจารย์อดิเรกที่นั่งติดกันอยู่ กระผม/อาตมภาพก็ยังได้บอกกับท่านว่า "รีบเร่งกำลังใจในการปฏิบัติให้มากที่สุด ไม่เช่นนั้นถ้ามีคนรู้จักมากกว่านี้ ท่านเองจะไม่มีเวลาทำเพื่อตัวเองเลย" ท่านอาจารย์อดิเรกก็ยอมสารภาพว่า "ตอนนี้มีแต่ญาติโยมมารบกวน จนแทบจะหาเวลาส่วนตัวไม่ได้เลยครับ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-02-2024 เมื่อ 03:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 13-02-2024, 00:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,678
ได้ให้อนุโมทนา: 152,056
ได้รับอนุโมทนา 4,417,080 ครั้ง ใน 34,268 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เรื่องนี้กระผม/อาตมภาพเองถือว่าการรักษากำลังใจของตนเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด เรื่องของบุคคลอื่นจะสำคัญขนาดไหนก็ตาม กระผม/อาตมภาพต้องมีเวลาในการรักษากำลังใจของตนเองเอาไว้ก่อน จะไม่ยอมให้ญาติโยมทั้งหลายมารบกวน จนกระทั่งตนเองกำลังตก แล้วก็โดนกิเลสกระหน่ำตีเหมือนสมัยที่บวชใหม่ ๆ อีกแล้ว..!

สมัยนั้นยังดีที่ได้พระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณหลวงตาวัชรชัย (พระราชภาวนาพัชรญาณ วิ.) ซึ่งในตอนนั้นก็คือ "หลวงพี่" ของกระผม/อาตมภาพ ท่านได้เตือนว่า "ไม่เกิน ๒ พรรษาเท่านั้น ของถวายจากญาติโยมท่านคงต้องเอาสิบล้อมาขน..!"

เมื่อได้ยินกระผม/อาตมภาพก็รู้ตัว ตัดขาดจากการที่ญาติโยมทั้งหลายมารบกวน เพราะว่าบุคคลที่ไปวัด ก็ควรที่จะไปกราบหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ไม่ใช่มาเกาะอยู่รอบข้างกระผม/อาตมภาพแบบนั้น แล้วตนเองก็เร่งรัดในการปฏิบัติ ชนิดที่ไม่เห็นแก่กินแก่นอน วันหนึ่งนอนประมาณ ๒ ชั่วโมงเท่านั้น และเป็นการนอนแบบทรงสมาธิด้วย ไม่เช่นนั้นแล้วก็ไม่รู้ว่าจะเอากำลังที่ไหนไปทำงาน

แต่ละวันเมื่อทำหน้าที่ในความรับผิดชอบของตนครบถ้วนแล้ว ก็จะตั้งหน้าตั้งตาเดินจงกรม ภาวนา โดยที่ไม่ได้สนใจเวล่ำเวลาว่าจะดึกดื่นเที่ยงคืนตอนไหนทนง่วงไม่ไหว ก็นอนพักสัก ๒ ชั่วโมง แล้วก็ลุกขึ้นมาปฏิบัติใหม่ จนกว่าจะได้เวลาบิณฑบาต ได้เวลาทำความสะอาดวัด หรือว่าต้องไปเข้าเวรหน้าตึกของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ตอนนั้นก็จะใช้วิธีประคองอารมณ์ของตนเองเอาไว้

แต่ว่ารุ่นพี่หลายท่านก็จับได้ โดยเฉพาะหลวงพ่อโอ (พระครูสมุห์พิชิต ฐิตวีโร) เมื่อเข้ามาพักก่อนที่ห้องเวรหน้าตึกจะฉันเพล ท่านก็มักจะบ่นว่า "ท่านนี่เอาแต่ภาวนาจังเลยนิ" กระผม/อาตมภาพก็ไม่รู้จะเรียนบอกอย่างไร ว่า
ตนเองนั้นเข็ดหลาบจากการที่กิเลสตีกลับ เพราะว่าเราไปเผลอหลุดจากการภาวนา ในเมื่อความสามารถไม่เท่ากับท่าน ไม่สามารถที่จะทรงกำลังใจให้ต่อเนื่องได้ เวลาโดนกิเลสตีกลับ ก็ทุกข์ทรมานมาก จึงรู้สึกเข็ดหลาบ ไม่อยากปล่อยให้กำลังใจหลุดจากการภาวนาไปอีกแล้ว

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ บรรดาท่านที่ปล่อยตัวเองตามสบาย ถึงเวลาโดนกิเลสลากเตลิดเปิดเปิงไปเป็นเดือนเป็นปี ถ้าหากว่าท่านรู้สึกเข็ดเมื่อไร ก็ให้เร่งรัดการปฏิบัติแบบที่กระผม/อาตมภาพเคยทำมาก่อน ไม่เช่นนั้นแล้วอีกไม่นาน ถ้าหากว่ากิเลสมีอำนาจมากกว่า เดี๋ยวท่านก็ต้องสึกหาลาเพศไป หรือว่าถ้าเป็นบุคคลฆราวาส ก็อาจจะเตลิดตามกิเลสไป กว่าจะเลี้ยวกลับมาวัดวาอารามได้อีกที ก็อาจจะหลายปีข้างหน้า หรือว่าจะตายเปล่าไปเสียก่อนก็มี..!

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันจันทร์ที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-02-2024 เมื่อ 03:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 13:01



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว