กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๗ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมกราคม ๒๕๖๗

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 26-01-2024, 18:07
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,599
ได้ให้อนุโมทนา: 219,376
ได้รับอนุโมทนา 766,675 ครั้ง ใน 37,529 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๖๗

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๖๗


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 27-01-2024, 00:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๒๖ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ กระผม/อาตมภาพเดินทางออกจากที่พักตั้งแต่ตี ๔ เพื่อตรงไปยังบ้านปางโม่ หมู่ที่ ๘ ตำบลปิงโค้ง อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ตามที่ได้รับนิมนต์จากท่านพันแสน อคฺคธมฺโม เจ้าอาวาสวัดศิลาวาส (ปางโม่) หรือในชื่อเก่าคือวัดป่าเจริญธรรม ให้มาทำการบวงสรวงพุทธาภิเษกรูปเหมือนพระสีวลีทรงม้า

ตอนแรกกระผม/อาตมภาพก็ยังสงสัยอยู่ว่า "ท่านพันแสนนี้คือใคร ?" เมื่อไปถึงปรากฏว่าเป็นบุคคลที่คุ้นเคยกัน คือท่านเคยอยู่ที่สำนักสงฆ์ถ้ำป่าอาชาทอง เป็นหนึ่งในบรรดาศิษย์ที่ครูบาเหนือชัย โฆสิโต "พระขี่ม้า" หรือในอีกฉายาหนึ่งก็คือ "นักบุญแห่งขุนเขา" ได้ฟูมฟักท่านขึ้นมา

เมื่อไปถึง นอกจากท่านพันแสนและคณะศิษย์อีก ๘ - ๙ รูปแล้ว ก็ยังมีหลวงพ่อนิล (พระครูวินัยธรธวัชชัย ชาครธมฺโม) ประธานที่พักสงฆ์อาศรมศรีชัยรัตนโคตร ตำบลพังขว้าง อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร มาอยู่ด้วย แสดงว่าทางด้านท่านพันแสน ได้นิมนต์เอาบุคคลในสายซึ่งขึ้นไปช่วยงานครูบาเหนือชัย
มาในงานนี้ด้วย

เมื่อไปถึง กระผม/อาตมภาพก็ต้องวิ่งหาห้องน้ำก่อนเพื่อน เพราะว่าอากาศที่นี่แค่ ๑๖ องศาเซลเซียส ซ้ำยังมีฝนพรำลงมาในบางจังหวะการเดินทางอีกต่างหาก ทำให้อาการมาลาเรียลงกระเพาะกำเริบ ออกจากห้องน้ำมาแล้ว เข้าไปยังที่ซึ่งท่านพันแสนจัดให้เป็นที่พัก ปรากฏว่าด้านในนั้นมีหอก ดาบ ง้าว ทวน ต่าง ๆ จำนวนมากเต็มไปหมด กระผม/อาตมภาพเห็นแล้วก็รู้สึกแปลกใจ เพราะว่ามีทั้งใบเก่าทำด้ามใหม่ หรือว่าด้ามเก่าตีใบขึ้นมาใหม่

ท่านพันแสนบอกว่าก่อนบวชท่านมีความรู้ทางด้านโลหะศาสตร์อยู่เล็กน้อย และสนใจเรื่องเกี่ยวกับอาวุธโบราณ จึงได้ศึกษาเอาไว้ จนกระทั่งเมื่อมาอยู่ที่นี่ เห็นว่าสามารถที่จะนำให้ญาติโยมทั้งหลายทำเป็นอาชีพได้ จึงพยายามสอนให้เขาทั้งหลายเหล่านั้น ในการตีอาวุธขึ้นมาจากโลหะ ในการทำด้าม ทำฝัก ทำรัดด้าม ทำหุ้มฝัก ไม่ว่าจะเป็นโลหะ หรือว่าในส่วนของพลาสติก หรือว่าที่สมัยนี้เรียกกันว่า "พีวีซี" เป็นต้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-01-2024 เมื่อ 02:19
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 27-01-2024, 00:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

กระผม/อาตมภาพจึงได้ชื่นชมบรรดาสิ่งที่ท่านได้สร้างขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นดาบเมือง หรือว่า หอก แหลน หลาว ดาบหลังม้า ดาบจีน ดาบไทยเลียนแบบญี่ปุ่น เป็นต้น เห็นว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าทำได้ในฝีมือระดับนี้ ก็เรียกว่าพอที่จะอวดคน พอที่จะจำหน่ายเป็นสินค้าที่ระลึกได้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะทุกเล่มนั้น เป็นของทำมือ ที่เรียกกันว่า "แฮนด์เมด"

แต่ได้ตักเตือนไปว่า
งานส่งเสริมอาชีพของชาวบ้านนั้นเหนื่อยยากมาก อย่างที่กระผม/อาตมภาพทำ อันดับแรกเลย เราต้องไปเสาะหาว่ามีใครที่เป็นช่างฝีมือแบบนี้บ้าง เมื่อได้ตัวมาแล้วก็ยังต้องดูว่า สิ่งที่ท่านจะทำนั้น เราต้องลงทุนในส่วนใดบ้าง หลังจากที่ผลิตชิ้นงานออกมาแล้ว ยังต้องหาตลาดให้อีกด้วย อย่างเช่นที่วัดท่าขนุน ในระยะแรกก็หาตลาดให้ โดยการเปิดให้มาจำหน่ายในวัดเวลาที่วัดมีงาน เพราะว่าการส่งเสริมอาชีพนั้น ถ้าหากว่าส่งเสริมให้ทำแล้ว แต่ไม่มีตลาดให้จำหน่าย เขาไม่สามารถจะจำหน่ายเป็นรายได้ ก็จะทำให้เขาหมดกำลังใจที่จะทำต่อ
เมื่อจัดหาตลาดให้แล้ว ก็ยังมีปัญหาว่าไม่มีผู้คนรู้จักตลาด กระผม/อาตมภาพก็ต้องมาช่วยทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ ไม่ว่าจะทางสื่อโซเชียลก็ดี ทางแผ่นป้ายโฆษณา หรือว่าทางเว็บไซต์ก็ตาม เมื่อมีการโฆษณาแล้ว ก็ยังต้องมีการจัดงาน เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวมาเดินตลาด การจัดงานก็ไม่ใช่เฉพาะสินค้าของเรา จึงต้องร่วมมือกับทางเทศบาล เวลาจัดงานจะได้ดึงความสนใจของบุคคลได้มากขึ้น

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ จึงทำให้ต้องขยายงานให้กว้างออกไป โดยเริ่มจากการไปขอพื้นที่ราชพัสดุ ซึ่งทางสถานีตำรวจภูธรทองผาภูมิครอบครองอยู่ ขออนุญาตในการรื้อสิ่งปลูกสร้างที่หมดอายุออก แล้วสร้างเป็น "ร้านค้าชุมชนคุณธรรมต้นแบบวัดท่าขนุน"

ต่อมาเมื่องานกว้างออกไป คือได้ส่งเสริมในการทำอาชีพต่าง ๆ ของชาวบ้านจนครบทั้ง ๗ ตำบลในอำเภอทองผาภูมิ ก็ต้องขยายงานออกมา ด้วยการสร้างตลาดริมแควเมืองท่าขนุน เมื่อสร้างแล้วก็ต้องดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาบริเวณนั้น ตอนแรกก็ทำโครงการ "หิ้วตะกร้า นุ่งผ้าไทย นั่งแคร่ไม้ ใส่บาตรพระทุกวันอาทิตย์" ซึ่งนักท่องเที่ยวสายบุญเป็นจำนวนมากนิยมมาร่วมงานกัน ทำให้ร้านค้าชุมชนคุณธรรมต้นแบบวัดท่าขนุน สามารถที่จะยืนหยัดจนผ่านภาวะวิกฤตมาได้

ครั้นเมื่อมีเงินทุนสำรองเพียงพอที่จะยืนด้วยตนเองได้แล้ว กระผม/อาตมภาพก็มาสร้าง "ตลาดริมแควเมืองท่าขนุน" แล้วบรรดาคณะกรรมการ ซึ่งกระผม/อาตมภาพแต่งตั้งให้รับผิดชอบตลาดริมแควเมืองท่าขนุนนั้น ก็ทำโครงการ "วันเสาร์ใส่บาตรตลาดริมแคว ยลวิถีเมืองท่าขนุน" ขึ้นมา เมื่อมีทั้งวันเสาร์และวันอาทิตย์ ก็สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งหลาย ซึ่งปกติแล้วมีที่ใดใหม่ ๆ แปลก ๆ หรือว่ามีมุมเหมาะ ๆ ที่จะถ่ายรูปตนเองในลักษณะที่เรียกว่า "เซลฟี่" ได้ ท่านทั้งหลายเหล่านี้ก็จะแห่กันไปทันที ทำให้เป็นการโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้กับเราไปในตัว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-01-2024 เมื่อ 02:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 27-01-2024, 00:29
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ปัจจุบันนี้ไม่ว่าจะเป็นโครงการ "วันเสาร์ใส่บาตรตลาดริมแคว ยลวิถีเมืองท่าขนุน" ก็ดี โครงการ "หิ้วตะกร้า นุ่งผ้าไทย นั่งแคร่ไม้ ใส่บาตรพระทุกวันอาทิตย์" ก็ตาม นับว่าติดตลาดแล้ว และทำให้ชุมชนคุณธรรมต้นแบบวัดท่าขนุนนั้น ได้รับการยกย่องให้เป็น ๑ ใน ๑๐ สุดยอดชุมชนคุณธรรม ตามโครงการเที่ยวชุมชนยลวิถี ปี ๒๕๖๖ และทางกระทรวงวัฒนธรรม ยังได้นำเข้าสู่โครงการอารามภิรมย์อีกด้วย

โดยเฉพาะโครงการอารามภิรมย์นี้จะต้องมีความเหมาะสมทั้ง ๔ ด้าน อย่างเช่นว่าด้านสถานที่ ด้านการท่องเที่ยว ด้านการประสานงานระหว่าง บ้าน วัด โรงเรียนและส่วนราชการ ตลอดจนกระทั่งด้านใฝ่หาความสงบ มีการปฏิบัติธรรม ซึ่งวัดท่าขนุนมีครบถ้วนทั้ง ๔ ด้าน และเป็นอารามภิรมย์ที่เดียว แห่งเดียว ของอำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี

กระผม/อาตมภาพเห็นว่า สิ่งต่าง ๆ ถ้าปล่อยให้เป็นไปตามนี้ แม้ว่าจะยืนหยัดได้แล้วก็ตาม แต่เราก็ควรที่จะเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว ซึ่งหลั่งไหลไปยังสังขละบุรีเป็นประจำ แม้ว่าที่พักของสังขละบุรีในวันธรรมดา คืนหนึ่งก็อยู่ที่ ๑,๕๐๐ บาท ถ้าเป็นวันหยุดก็ถึง ๒,๕๐๐ - ๓,๐๐๐ บาท ทั้ง ๆ ที่ราคาห้องพักในอำเภอทองผาภูมินั้น คืนหนึ่งประมาณ ๖๐๐ บาท ไม่เกิน ๘๐๐ บาท ก็หาพักได้แล้ว แต่นักท่องเที่ยวอยากจะไปร่วมโครงการใส่บาตรที่ "สะพานมอญ" หรือสะพานอุตตมานุสรณ์ ก็ยอมจ่ายแพง เพื่อที่ไปพักที่อำเภอสังขละบุรี ซึ่งต้องเดินทางขึ้นเขาลงห้วยไปอีก ๘๐ กว่ากิโลเมตร

กระผม/อาตมภาพจึงได้ปรึกษาหารือ ร่วมมือกับทางเทศบาลตำบลทองผาภูมิ ซึ่งในขณะนั้น ผู้นำก็คือท่านประเทศ บุญยงค์ ตลอดจนกระทั่งเมื่อท่านประเทศถอนตัวไปลงการเมืองสนามใหญ่ ก็คือสมัครลงผู้แทนราษฎร ทางด้านผู้มาใหม่ ก็คือท่านศราวุธ ศรีทันดร ก็ยังให้ความร่วมมือสืบมา ทั้งยังมีการสนับสนุนจากท่านจิตรกร ว่องประเสริฐ นายกเทศมนตรีตำบลท่าขนุน และท่านสมเกียรติ นาคศรีโภชน์ ซึ่งใส่หัวโขนหลายหัว หัวหนึ่งก็คือรองนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลท่าขนุน อีกหัวหนึ่งก็คือรองประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิ ยื่นมาเข้ามาช่วยเหลือ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-01-2024 เมื่อ 02:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 27-01-2024, 00:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

กระผม/อาตมภาพจึงได้ทำโครงการสร้างสะพานแขวนหลวงปู่สายหลังใหม่ โดยที่มีการออกแบบไปแล้ว แต่ว่าไม่เป็นที่ถูกใจคณะกรรมการ ทั้งที่แบบนั้นทางการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยออกแบบให้ฟรี แต่ทางคณะกรรมการตำหนิว่า แบบนั้นออกมาแข็งกระด้างเกินไป ไม่เหมาะสมที่จะเป็นสะพานแขวนเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ ในโอกาสเจริญพระชนมายุ ๗๒ พรรษา จึงได้มีการออกแบบใหม่

เมื่อทำขึ้นมาแล้ว เราจะมีสะพานแขวนใหม่ ซึ่งโอ่อ่าอลังการ สมกับพระเกียรติยศ โดยที่กระผม/อาตมภาพได้รับคำแนะนำจากพันเอกวิเชียร ถิ่นวัฒนากูล ผู้ทรงคุณวุฒิของสภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิ ให้นำเอาปฏิมากรรมงานไม้ไผ่เข้ามาประกอบด้วย

ซึ่งกระผม/อาตมภาพก็ต้องรอให้ทางด้านสะพานใหม่นี้สร้างเสร็จลง แล้วถึงจะได้ติดต่อทางผู้ที่มีความสามารถเกี่ยวกับปฏิมากรรมไม้ไผ่นี้ มาทำการออกแบบหัว กลาง และท้ายสะพาน ด้วยวัสดุไม้ไผ่ ซึ่งทางอำเภอทองผาภูมินั้นมีมาก และมีสัญลักษณ์ ๗๒ พรรษา พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวอยู่ด้วย ก็จะกลายเป็นสถานที่โอ่อ่าอลังการ เป็นจุดเช็คอินอีกจุดหนึ่งของอำเภอทองผาภูมิ เชื่อว่าจะสามารถดึงนักท่องเที่ยวให้อยู่กับทองผาภูมิมากขึ้น เพราะว่ามีแหล่งท่องเที่ยวที่คุ้มค่ายิ่งขึ้น

แต่ว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้นั้น เมื่อเราทำไปแล้ว ก็จะเหนื่อยยากเป็นพิเศษ จึงทำให้เป็นเรื่องที่ต้องอดทน อดกลั้น ต่อสู้ไป
ด้วยกำลังใจที่หวังก็คือถ้าชาวบ้านเขาอยู่ดีกินดีแล้ว ก็จะได้มีอารมณ์เข้ามาศึกษาปฏิบัติธรรม เพื่อความสงบชีวิตของตน เมื่อเป็นบุคคลที่มีศีล มีธรรม ก็จะได้สมกับคำว่า ชุมชนคุณธรรม นั่นเอง

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๒๖ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-01-2024 เมื่อ 02:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 05:57



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว