กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #161  
เก่า 29-04-2012, 09:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,786
ได้ให้อนุโมทนา: 152,275
ได้รับอนุโมทนา 4,421,840 ครั้ง ใน 34,376 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : สำหรับผู้ที่เคยได้สมาธิขั้นต้นตั้งแต่ขณิกสมาธิขึ้นไป ยังมีโอกาสตกนรกอีกไหมครับ ?
ตอบ : ตก ๑๐๐ % ต่อให้ได้ฌาน ๔ แล้วก็มีโอกาสตกนรก ถ้าหากว่าไม่สามารถที่จะทรงอยู่ในสมาธินั้นในวาระก่อนที่จะตาย หรือว่าไม่ได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามศีลตามธรรม โลกียอภิญญานั้นจะเปรียบไปแล้วไม่ได้ห่างจากขอบนรกเลย พร้อมที่ลงได้ตลอดเวลา ยิ่งมีความสามารถสูงกว่าคนอื่นแล้วทะนงตน ใช้ความสามารถนั้นไปในทางที่ไม่ถูกต้อง ไม่สมควร ก็ยิ่งสั่งสมกรรมพาตนเองลงนรกได้ง่ายยิ่งขึ้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-05-2012 เมื่อ 04:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 192 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #162  
เก่า 30-04-2012, 08:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,786
ได้ให้อนุโมทนา: 152,275
ได้รับอนุโมทนา 4,421,840 ครั้ง ใน 34,376 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "มีญาติโยมหลายคนถามปัญหาเรื่องการธุดงค์ในป่าคอนกรีต อยากจะบอกญาติโยมว่า การถามปัญหาอย่าใส่อคติเข้าไปด้วย ถ้าเราใส่อคติเข้าไปด้วยคำถามก็อาจจะผิดเพี้ยนและได้รับคำตอบที่ไม่ถูกต้อง เพราะอาตมาตอบตามที่ถาม ถามผิดก็ได้รับคำตอบผิดไปด้วย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-05-2012 เมื่อ 04:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 176 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #163  
เก่า 30-04-2012, 08:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,786
ได้ให้อนุโมทนา: 152,275
ได้รับอนุโมทนา 4,421,840 ครั้ง ใน 34,376 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การเกิดต้องเกิดเพราะกรรม ชาติแรกไม่มีกรรมแล้วเกิดขึ้นมาได้อย่างไรครับ ?
ตอบ : มี...จะใช้คำว่าเกิดเพราะความบังเอิญได้ไหม ? สมมติว่าไฮโดรเจน ๒ อะตอมบังเอิญมาชนกับออกซิเจน ๑ อะตอม จะเกิดเป็นน้ำ การเกิดของคนก็แบบนั้นแหละ ธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ อากาศ วิญญาณมารวมกันก็ยังไม่เป็นคน จะเป็นคนได้ต่อเมื่อมีธาตุรู้อีกตัวหนึ่งมาชนเข้าไปพอดี

ถาม : แล้วคำว่าบาปแปลว่าอะไรครับ ?
ตอบ : บาปแปลว่าความชั่ว เพราะฉะนั้น..ทำอะไรที่ชั่วก็บาปทั้งนั้นแหละ

ถาม : ถ้ามีการกระทำที่ทำไปแล้ว คนอื่นทุกข์ใจแต่ว่าเราไม่ได้ตั้งใจ จะเป็นบาปหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : เป็น...มากน้อยก็เป็น ถ้าขาดเจตนาก็บาปน้อย ถ้ามีเจตนาก็บาปมาก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-05-2012 เมื่อ 04:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 173 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #164  
เก่า 30-04-2012, 09:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,786
ได้ให้อนุโมทนา: 152,275
ได้รับอนุโมทนา 4,421,840 ครั้ง ใน 34,376 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การที่เทวดาช่วยคนเป็นบุญหรือไม่ครับ ?
ตอบ : เทวดาช่วยคนถือเป็นหน้าที่ เพราะถ้าไม่มีกรรมเนื่องกันมาท่านก็ไม่ช่วย ส่วนช่วยแล้วจะได้บุญหรือไม่ก็ดูเจตนาของท่าน ถ้าหากว่าจิตของท่านประกอบด้วยความสงเคราะห์เป็นปกติ มีพรหมวิหารเป็นปกติ ก็เป็นการเสริมส่วนบุญของท่านด้วย แต่ถ้าหากว่าทำตามหน้าที่ไปเฉย ๆ ก็เหมือนอย่างกับปฏิบัติงานที่ตนเองได้รับผิดชอบให้สำเร็จไปเท่านั้นเอง

ถาม : ถ้าเราแผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวรโดยที่ไม่ระบุ เขาจะได้รับหรือเปล่าครับ?
ตอบ : ถ้าเขาอยู่ในรัศมีที่เราแผ่เมตตาถึงก็ได้รับทุกคน แต่ถ้าการอุทิศส่วนกุศลบางอย่างต้องจำเพาะเจาะจง ถ้าพูดอย่างนี้บางทีคุณอาจจะงง ๆ การแผ่เมตตาเหมือนกับเขาอยู่ที่ร้อนแล้วเราเอาร่มไปให้เขา แต่การอุทิศส่วนกุศลนั้นคนหิวแล้วเราเอาอาหารไปให้เขา ถ้าคนหิวอยู่เราเอาร่มไปให้เขา ๆ จะได้ประโยชน์ไหม ? ก็อาจจะเย็นขึ้นมาหน่อย แต่เขาก็ยังหิวอยู่เหมือนเดิม

ดังนั้น..การแผ่เมตตาถ้ากำลังของคุณถึงก็ได้ทุกคน แต่อุทิศส่วนกุศลขึ้นอยู่กับเวรกรรม ขึ้นกับการที่เราระบุหรือไม่ระบุจำเพาะเจาะจงไป

ถาม : ถ้าเราไม่จำเพาะเจาะจง ?
ตอบ : ถ้าไม่จำเพาะเจาะจง ท่านที่ไม่มีกรรมเนื่องกันมา ไม่ใช่ญาติ ไม่ใช่คนที่เราระบุออกชื่อ ก็อดไป
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-05-2012 เมื่อ 04:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 175 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #165  
เก่า 30-04-2012, 09:11
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,786
ได้ให้อนุโมทนา: 152,275
ได้รับอนุโมทนา 4,421,840 ครั้ง ใน 34,376 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เตือนโยมว่า "คราวหน้าอุ้มพระพุทธรูปให้น่าหวาดเสียวน้อยกว่านี้หน่อย นี่คุณเล่นหิ้วคอพระมาเลย"

ถาม : ขอถามเรื่องการปฏิบัติครับ
ตอบ : นี่แหละคือการปฏิบัติธรรม ถ้าใจละเอียดขึ้นก็จะไม่หิ้วพระมาอย่างนี้

ถาม : การปฏิบัติจำเป็นต้องหาเวลาแยกตัวไปปฏิบัติที่วัดไหมครับ ?
ตอบ : ไม่จำเป็น...การปฏิบัติถ้าทำได้ในชีวิตประจำวันจะสำคัญกว่าอะไรทั้งหมด เพราะว่าเรื่องของหลักธรรมจำเป็นที่จะต้องประยุกต์ใช้ได้ในชีวิตจริง ถ้ายังไม่ผ่านการทดสอบจากชีวิตจริงอย่าเพิ่งเชื่อว่าเราทำได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-05-2012 เมื่อ 04:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 176 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #166  
เก่า 30-04-2012, 09:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,786
ได้ให้อนุโมทนา: 152,275
ได้รับอนุโมทนา 4,421,840 ครั้ง ใน 34,376 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การบรรลุมรรคผล..?
ตอบ : ของเก่าต้องสั่งสมมามากพอและหลักการปฏิบัติในปัจจุบันต้องถูกต้องด้วย ถ้าสองส่วนรวมกันถึงจะมีโอกาส ถ้าหากว่าขาดส่วนใดส่วนหนึ่งไปการบรรลุมรรคผลก็ไม่มี คุณสั่งสมบุญมาเต็มที่ แต่ปฏิบัติผิดไปจากหลักที่แท้จริง ก็ไปไม่ตรงทาง คุณไม่มีกำลังบุญ แต่ไปปฏิบัติตรงทาง ก็เหมือนกับคนไม่ได้พกเสบียงไป เดินทางไปไม่สุดทางก็อดตายเสียก่อน

ถาม : การภาวนาพิจารณา ถ้าไม่ถึงฌานจะมีโอกาสสำเร็จไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าสามารถสะสมต่อเนื่องกันได้สัก ๑๒๐ ปีโดยไม่ขาดช่วงอาจจะมีสิทธิ์บรรลุ..! เพราะว่าถ้ากำลังไม่ถึงปฐมฌานขึ้นไปก็ไม่พอตัดกิเลส

ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : ปฏิบัติไปด้วยพิจารณาไปด้วย ถ้ากำลังถึงจะได้ตัดไปเลย ไปทำให้จริงเท่านั้นแหละ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-05-2012 เมื่อ 04:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 176 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #167  
เก่า 30-04-2012, 09:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,786
ได้ให้อนุโมทนา: 152,275
ได้รับอนุโมทนา 4,421,840 ครั้ง ใน 34,376 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พวกผีจองเวรที่ต้องการตัวตายตัวแทนแล้วไปเกิดมีไหมครับ ?
ตอบ : ไม่มี...ไม่ใช่การจองเวร แต่ว่ามีผีอยู่ประเภทหนึ่งมีกรรมที่ทำให้เขาต้องติดอยู่ตรงนั้น ถ้ามีบุคคลมาตายแทนตรงจุดนั้นเขาถึงจะหลุดพ้นไปได้ ไม่ได้หมายความว่าเขาไปลากคนมาตายแทน แต่คนถึงที่ตายตรงนั้นพอดี เพราะวาระเขามาถึง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-05-2012 เมื่อ 04:44
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 178 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #168  
เก่า 30-04-2012, 09:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,786
ได้ให้อนุโมทนา: 152,275
ได้รับอนุโมทนา 4,421,840 ครั้ง ใน 34,376 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : นอกจากการห้ามฆ่าสัตว์แล้วทำไมไม่ห้ามกินสัตว์ด้วย เพราะเป็นการสนับสนุนทางอ้อม ?
ตอบ : ถ้าหากว่าคุณไปสั่งเขาทำจะเป็นการสนับสนุน ถ้าหากว่าคุณไม่ได้สั่งเขา อย่างไรเขาก็ทำอยู่แล้ว ทำไมพระพุทธเจ้าไม่ห้าม ? เพราะว่าคนไม่ใช่สัตว์กินพืช อย่างไรส่วนของเนื้อยังมีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิต เพียงแต่ว่าให้เป็นปวัตตะมังสะ คือเนื้อสัตว์ที่เขาค้าขายกันทั่วไป ถ้าเป็นอุทิสมังสะ ไปเจาะจงสั่งเมื่อไรก็เฮงเมื่อนั้น

เราไม่กินเนื้อสัตว์ เขาก็ยังฆ่ากันอยู่อย่างนั้น ครอบครัวเราไม่กินเนื้อสัตว์ เขาก็ยังฆ่ากันอยู่อย่างนั้น เมืองเราทั้งเมืองไม่กินเนื้อสัตว์ เขาก็ยังฆ่ากันอยู่อย่างนั้น เพราะฉะนั้น..คุณไม่สามารถจะแก้ไขการดำรงชีวิตของมนุษย์ได้ แต่ว่าสามารถที่จะสร้างกรรมให้น้อยที่สุดได้

หรือจะเอาอย่างทิเบตก็ได้ สมัยก่อนทิเบตไม่กินเนื้อสัตว์ รอจนกระทั่งสัตว์ตายก่อนถึงจะเอามาเป็นอาหาร แต่พอตอนหลังพวกอิสลามเข้าไปอยู่ในทิเบตจึงมีการฆ่าสัตว์ คนทิเบตก็ไปเอาเนื้อที่เขาฆ่าแล้วมากินได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-05-2012 เมื่อ 04:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 176 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #169  
เก่า 30-04-2012, 09:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,786
ได้ให้อนุโมทนา: 152,275
ได้รับอนุโมทนา 4,421,840 ครั้ง ใน 34,376 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : คนธรรมดาถือศีล ๒๒๗ ข้อ ต่างกับพระไหมครับ?
ตอบ : ต่างมาก..ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปถือ ถนนธรรมดามีหลุมอยู่ ๕ หลุม เดินหลบซ้ายเลี่ยงขวาก็พ้นแล้ว เสือกทะลึ่งไปเดินถนนที่มี ๒๐๐ กว่าหลุม ก็หาเรื่องตกนรก..!

ถาม : แล้วถ้าผมคิดจะถือศีล ๒๒๗ ข้อ ?
ตอบ : บ้าตั้งแต่เริ่มคิดจะถือแล้ว ยกเว้นบุคคลที่ปฏิบัติตัวเป็นตาผ้าขาว ในลักษณะของติตถิยปริวาส ศึกษาเพื่อที่จะบวช อย่างนั้นก็ซ้อมถือไปได้ ถ้าคนทั่ว ๆ ไป ถือศีล ๒๒๗ ข้อ เขาเรียกว่าสร้างความเดือดร้อนให้กับตัวเอง เพราะเวลาศีลขาดเรามักจะจิตใจเศร้าหมอง ตายตอนนั้นก็ลงนรก แล้วศีลมากขนาดนั้นโอกาสศีลขาดก็ยิ่งมาก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-05-2012 เมื่อ 04:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 172 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #170  
เก่า 30-04-2012, 09:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,786
ได้ให้อนุโมทนา: 152,275
ได้รับอนุโมทนา 4,421,840 ครั้ง ใน 34,376 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ที่ท่านบอกว่าบวชแล้วได้อานิสงส์เลย ผมสงสัยว่าอานิสงส์มาจากไหน ?
ตอบ ประการแรก..เรางดเว้นสิ่งที่เคยทำชั่วด้วยกาย วาจา ใจ เพราะโดนตีกรอบด้วยศีลจำนวนมาก แปลว่าโดนบังคับให้ทำความดี อานิสงส์มหาศาลก็เกิดขึ้น ประการต่อไป..ถ้าเราบวชแล้วศึกษาปฏิบัติธรรมตามคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สามารถทำตนให้เข้าสู่ความเป็นพระอริยเจ้าได้นั่นยิ่งเป็นผลานิสงส์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

ประการต่อไป..เมื่อศึกษาธรรมเข้าใจลึกซึ้งแล้วนำไปเผยแผ่ต่อ เป็นประโยชน์ต่อชนหมู่มาก ก็ยิ่งเป็นผลานิสงส์ที่ยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีก ประการต่อไป..เราจะเป็นบุคคลที่ชักนำเอาพ่อแม่ญาติพี่น้องเข้ามาสู่พระศาสนา เพราะว่าตามปกติแล้วคนทั่ว ๆ ไป ถ้าไม่มีคนคุ้นเคยจะไม่ค่อยเข้าวัดเข้าวา ในเมื่อมีเราซึ่งเป็นญาติอยู่ในวัด แม้เขาจะตั้งใจไปหาเรา แต่ก็เริ่มให้เขาเข้าวัดทำความดีได้ ดังนั้นว่า..การบวชที่มีอานิสงส์ยิ่งใหญ่ ไม่ใช่บวชเฉย ๆ แต่บวชแล้วต้องปฏิบัติดีด้วย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-05-2012 เมื่อ 04:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 178 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #171  
เก่า 30-04-2012, 09:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,786
ได้ให้อนุโมทนา: 152,275
ได้รับอนุโมทนา 4,421,840 ครั้ง ใน 34,376 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เมื่อลงไปใช้กรรมในนรกแล้ว ทำไมไม่ reset เศษกรรมที่เหลือทั้งหมด ?
ตอบ : ก็เพราะว่านรกมีไม่มากพอที่จะเก็บรายละเอียดกรรมทั้งหมด รายละเอียดของกรรมยังมีเขตของเปรต อสุรกาย สัตว์เดียรัจฉาน และมนุษย์ ที่เราจะต้องมารับกรรมไปตามลำดับ ในนรกเป็นส่วนของเงินต้นเท่านั้น ส่วนที่เหลือก็คือดอกเบี้ยที่ทบต้นเข้ามา

ถาม : การเกิดเป็นคนเป็นการใช้หนี้ของเศษกรรมหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : เป็น..แต่เราไม่รู้ตัวเองต่างหาก ป่วยก็เกิดจากเศษกรรมปาณาติบาตไม่ใช่หรือ ? ข้าวของสูญหายก็เศษกรรมจากอทินนาทาน เราใช้หนี้อยู่ตลอดแต่ไม่รู้ตัว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-05-2012 เมื่อ 04:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 171 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #172  
เก่า 30-04-2012, 10:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,786
ได้ให้อนุโมทนา: 152,275
ได้รับอนุโมทนา 4,421,840 ครั้ง ใน 34,376 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การเจริญพรหมวิหาร ๔ ทำอย่างไรครับ ?
ตอบ : ความตั้งใจที่ประกอบไปด้วยน้ำใสใจจริง ว่าเรารักผู้อื่นเสมอตัวเรา เห็นเขาได้รับความลำบากเดือดร้อนก็ต้องการช่วยเขาให้พ้นทุกข์ เห็นเขาได้ดีก็พลอยยินดีที่เขาอยู่ดีมีสุข และท้ายสุดถ้าหากว่าไม่สามารถช่วยเหลือได้ก็ปล่อยวาง ยอมรับว่าเป็นกฎของกรรม เมื่อสามารถที่จะทรงกำลังใจนี้ได้แล้ว ก็ให้เจริญภาวนาต่อไปเพื่อความมั่นคงด้วย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-05-2012 เมื่อ 04:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 175 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #173  
เก่า 30-04-2012, 15:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,786
ได้ให้อนุโมทนา: 152,275
ได้รับอนุโมทนา 4,421,840 ครั้ง ใน 34,376 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "มีคนลืมข้าวของไว้ที่วัดหลายชิ้น ชิ้นแรกเป็นพระเลี่ยมทอง อาตมาไม่อยากได้ทองหรอก แต่อยากได้พระ ขอให้เจ้าของลืมไปเลยทีเถอะ..! เพราะว่าพระองค์นี้ถ้าไปปล่อยในท้องตลาดก็ราคาล้านบาทขึ้นไป ชิ้นที่ ๒ เป็นวัตถุมงคลที่เอาไปเข้าพิธี ๑ ลัง เขาตั้งใจทิ้งหรืออย่างไรก็ไม่รู้ ไม่มีใครไปเอาคืนสักที ๑ ลังเต็ม ๆ น่าจะสะสมกันมาหลายปีเลย ชิ้นที่ ๓ เป็นกระเป๋าเงิน ในกระเป๋าไม่มีอย่างอื่นเลยมีแต่เงิน เป็นธนบัตรล้วน ๆ ตอนนี้เริ่มขึ้นราแล้ว เพราะเก็บไว้ปีกว่าแล้ว เมื่อไรจะไปรับคืนโปรดแจ้งให้ทราบด้วย

สำหรับพระเป็นเรื่องลำบาก ถ้าหากว่าข้าวของตกหล่นอยู่ในวัด พระเดินผ่านแล้วไม่เก็บ ผ่านไปกี่รูปก็โดนปรับอาบัติทุกรูป เก็บไว้เพื่อประโยชน์แก่ตัวเองก็ไม่ได้ ต้องรักษาไว้จนกว่าเจ้าของจะมาเอาคืน สมัยอาตมาทำหน้าที่รับญาติโยมเข้าพักที่วัดท่าซุง มีตู้ ๕ ชั้นส่วนตัวอยู่ ๔ ใบเพื่อใส่ของพวกนี้ ใส่จนฝุ่นจับหนาเป็นคืบ แต่ไม่ค่อยมีคนไปทวงคืนทั้ง ๆ ที่ประกาศอยู่ทุกครั้งเวลาที่วัดมีงาน แสดงว่าท่านทั้งหลายเหล่านั้นปฏิบัติธรรมแล้วเข้าถึงจริง ปล่อยวางได้ อะไรหายแล้วหายเลย ค่อยหาใหม่ น่ายินดีและน่าโมทนาด้วย แต่ลำบากพระสิ..!

ตอนนี้น่าจะ ๒๐ กว่าปีแล้ว ไม่รู้ว่าพระเจ้าหน้าที่รุ่นหลัง ๆ ยังเก็บรักษาไว้หรือเปล่า ? ต่อไปน่าจะมีพิพิธภัณฑ์ของสูญหายเมื่อไปวัด ทำแสดงไว้เลยว่าเก็บไว้เมื่อวันเดือนปีที่เท่าไร แล้วก็ให้ลูกหลานไปดูว่าของใครเก่ากว่ากัน แต่คาดว่าคนจะแกล้งลืมอีกเยอะ เพราะอยากมีชื่อเข้าพิพิธภัณฑ์..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-05-2012 เมื่อ 04:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 168 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #174  
เก่า 30-04-2012, 16:05
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,786
ได้ให้อนุโมทนา: 152,275
ได้รับอนุโมทนา 4,421,840 ครั้ง ใน 34,376 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"มีโยมลืมหนังสือของหลวงวิจิตรวาทการไว้ที่บ้านวิริยบารมี เรื่องนี้อาตมาอ่านมาตั้งแต่สมัยยังลุยห้องสมุดอยู่ ชอบใจมากเพราะว่านางเอกใจถึง นางเอกสมัยก่อนมักจะนุ่มนิ่ม อยู่ในลักษณะรอพระเอกขี่ม้าขาวมารับตัวไป แต่นางเอกเรื่องนี้ไล่ยิงผู้ชายเลย..! ถูกใจมากเพราะมาผิดยุค ยุคสมัยรัชกาลที่ ๗ - ๘ นั้นส่วนใหญ่เขารอคุณชายมาบ้านทรายทอง อันนี้ไม่ต้องรอคุณชายหรอก แล้วที่ชอบใจก็คือเขาตั้งชื่อตัวละครว่า เมตตา กรุณา มุทิตา ปราณี ไมตรี เอ็นดู ได้ยินชื่อก็เข้าท่าแล้ว

หนังสือของหลวงวิจิตรวาทการเป็นหนังสือที่น่าอ่านมาก รู้สึกว่าเรื่องที่ได้รับการสร้างเป็นภาพยนตร์ แต่ไม่ประสบความสำเร็จน่าจะเป็นเรื่องศึกบางระจัน เพราะเขียนให้พม่าเป็นพระเอก ขอบอกว่าในหมู่คนเลวก็มีคนดี ในหมู่คนดียิ่งมากไปด้วยคนเลว ดีชั่วไม่สามารถที่จะระบุได้ชัดเจนเพราะเป็นการกระทำที่เป็นไปตามกรรมเท่านั้น คำว่าดีชั่วเป็นสิ่งที่สมมติขึ้นมา เพื่อสามารถระบุได้ว่าการกระทำเหล่านั้นเป็นไปในลักษณะไหน

ถ้าในสายตาของบุคคลที่เข้าถึงธรรมจริง ๆ จะไม่มีคนดี ไม่มีคนเลว มีแต่คนที่กำลังเป็นไปตามกรรม สามารถสงเคราะห์ได้ก็สงเคราะห์ สงเคราะห์ไม่ได้ก็ปล่อยวาง นี่คือพรหมวิหาร ส่วนใหญ่พวกเราเมตตากรุณาล้นเกิน แต่ดันไปขาดตัวอุเบกขา อุเบกขาพระพุทธเจ้าให้พวกเราไว้เพื่อป้องกันไม่ให้บ้า พอเมตตาเกินประมาณอยากจะไปช่วยเขา แต่ช่วยไม่ได้ก็คลุ้มคลั่งเอง กลายเป็นไปแบกเรื่องคนอื่นมาไว้เต็มบ่า

ที่ขำที่สุดมีคุณมหาประโยค ๙ รูปหนึ่งได้รับการอนุเคราะห์สงเคราะห์จากญาติโยมในลักษณะคอยอุปัฏฐากให้ความช่วยเหลือ จนกระทั่งเรียนจบเปรียญธรรม ๙ ประโยคก็ถือว่าสูงสุดในยุคนั้น วันหนึ่งญาติโยมที่เคยให้การสงเคราะห์ก็มานั่งบ่นว่าสามีตายแล้ว ตัวเองต้องเลี้ยงลูกเล็ก ๆ อยู่ ไม่มีใครช่วยเหลือกิจการ บ่นไปบ่นมาคุณมหาก็เลยสึกไปช่วยเลี้ยงลูก

แค่ช่วยเลี้ยงแต่ลูกจริง ๆ ไม่ได้ยุ่งไม่ได้เกี่ยวอะไรเลย พูดง่าย ๆ ก็คือไปเลี้ยงลูกเพื่อให้เขาทำงาน พอลูกโตเริ่มเข้าเรียนมหาวิทยาลัยคุณมหาก็กลับมาบวชใหม่ คนอย่างนี้ก็มีด้วย..! สุดยอดมนุษย์จริง ๆ เขาดีจนอาตมาอายเลย เขาไม่รู้หรอกว่าที่คุณผู้หญิงเธอไปพิไลรำพัน เธอต้องการให้ไปทำหน้าที่อื่นด้วย คุณมหาอยู่แต่ในวัด ด้วยความพาซื่อก็ไปช่วยเลี้ยงลูกอย่างเดียวจริง ๆ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-08-2012 เมื่อ 02:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 170 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #175  
เก่า 01-05-2012, 11:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,786
ได้ให้อนุโมทนา: 152,275
ได้รับอนุโมทนา 4,421,840 ครั้ง ใน 34,376 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : สงสัยช่วงที่นักศึกษาออกมาประท้วง ที่จะมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นคอมมิวนิสต์ ?
ตอบ : ทฤษฎีคอมมิวนิสต์เป็นไปไม่ได้ตามหลักพระพุทธศาสนา เพราะเขาต้องการให้ทุกคนเสมอภาคกัน พูดง่ายคือมีกินมีใช้เท่า ๆ กัน ช่วงนั้นมีความแตกต่างระหว่างคนจนกับคนรวยอย่างชัดเจน โดยเฉพาะมีการเอาเปรียบของข้าราชการและพ่อค้า ก็เลยทำให้เกิดการปลุกระดมชาวบ้านขึ้นมาว่า ถ้าเป็นคอมมิวนิสต์แล้วทุกอย่างก็จะเสมอกัน รวยเท่ากันหมด เราลองคิดว่า ถ้าคนทำบุญมาไม่เท่ากัน แล้วจะรวยเท่ากันได้อย่างไร ?

ต่อสู้กันตั้งแต่ปี ๒๕๐๘ มาสิ้นสุดลงราวปี ๒๕๒๔ เพราะว่านโยบาย ๖๖/๒๓ ออกมา รับผู้กลับใจมาเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย พูดง่าย ๆ ว่าถ้าไม่ใช่ผู้ที่ก่อคดีอาญา ฆ่าเจ้าหน้าที่หรือประชาชนจนมีหลักฐานชัดเจน ก็อภัยให้หมด จะมีการช่วยเหลือเรื่องที่ทำกินและมีเงินกองทุนให้ เราจะเห็นว่า จริง ๆ แล้วปัญหาการเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง

อย่างประเทศจีน ถ้าเติ้งเสี่ยวผิงไม่ปรับนโยบายใหม่ ป่านนี้ประเทศล่มจมไปแล้ว เพราะว่าคนส่วนใหญ่ไม่ทำงาน เห็นว่าไม่ทำก็ได้เท่ากัน นอนเฉย ๆ กินเงินกองกลางไปเรื่อย แล้วก็ไปบังคับเอากับระดับล่าง ๆ ให้ทำงาน เติ้งเสี่ยวผิงจึงปรับนโยบายใหม่ นับว่าปรับตัวทัน รุ่นต่อ ๆ มาก็มีการพัฒนาขึ้น อย่างรุ่นของ จ้าวจื่อหยาง จูหรงจี เปิดประเทศมากขึ้น กลายเป็นคอมมิวนิสต์ทุนพัฒนา ไม่ยอมรับคำว่าทุนนิยม ปัจจุบันนี้จีนก็เจริญอย่างที่พวกเราเห็น

ส่วนในเรื่องของการเดินขบวนของนักศึกษานั้น เกิดจากการที่บ้านเราปกครองด้วยเผด็จการทหารมานาน พอนักศึกษาเรียนรู้มากเข้า ก็ต้องการระบอบประชาธิปไตย แต่จริง ๆ แล้วบ้านเรายังไม่สมควรเป็นระบอบประชาธิปไตย บ้านเราควรจะเป็นราชาธิปไตย ก็คือไม่ใช่สมบูรณาญาสิทธิราชย์ที่พระราชามีอำนาจเด็ดขาดคนเดียว เป็นราชาธิปไตยในลักษณะว่าพระราชาอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ แต่ว่ามีสิทธิ์มีเสียงในการชี้นำประเทศ ถ้าหากว่าได้พระราชาอย่างในหลวงรัชกาลที่ ๙ ประเทศชาติจะเจริญมาก

แต่คราวนี้ว่ารัฐธรรมนูญกำหนดให้พระองค์ท่านอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ เรื่องของการชี้แนะอะไรต่าง ๆ ก็ต้องโดนตีกรอบ ในหลวงจึงต้องทำโครงการพระราชดำริของพระองค์ท่านไปเรื่อย ๆ ซึ่งก็เท่ากับว่าต้องเหนื่อยเองเต็ม ๆ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-05-2012 เมื่อ 02:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 165 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #176  
เก่า 01-05-2012, 11:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,786
ได้ให้อนุโมทนา: 152,275
ได้รับอนุโมทนา 4,421,840 ครั้ง ใน 34,376 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อนักศึกษาต้องการที่จะได้ประชาธิปไตยก็มีการแสดงออก แต่ว่าคนที่เป็นเผด็จการอยู่ไม่อยากสูญเสียอำนาจ ความต้องการจึงสวนทางกัน เมื่อไม่อยากสูญเสียอำนาจจึงมีการปราบปรามนักศึกษา ท้ายสุดก็อยู่ไม่ได้ ต้องเผ่นออกนอกประเทศไป โดนยึดทรัพย์ไป นั่นเกิดขึ้นเมื่อ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖

อีกประมาณ ๓ ปีต่อมา ฝ่ายเผด็จการที่โดนขับไล่ออกไปก็กลับมา แต่กลับมาแบบวางแผนมาดี ก็คือบวชเณรเข้ามา แต่ว่านักศึกษารู้ทันจึงมีการเดินขบวนขับไล่กันใหม่ เหมือนปัจจุบันที่คุณทักษิณจะกลับบ้านแล้วมีคนคอยขวางอยู่ จะว่าไปแล้วในช่วง ๖ ตุลาคม ปี ๒๕๑๙ นั้น ถ้าหากว่าฝ่ายเผด็จการไม่ต้องการอำนาจคืน ก็จะไม่เกิดเหตุการณ์นองเลือด

แต่คราวนี้เขาต้องการอำนาจคืนจึงมีการใส่ไฟ ปล่อยข่าวว่าพวกนักศึกษาไปเอาคอมมิวนิสต์ญวนมาฝึกการรบแบบกองโจร ซ่อนตัวอยู่ข้างในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จึงเอากำลังทหารเข้าไปปราบปราม อยู่ในลักษณะของการออกข่าวข้างเดียว เพราะว่าคุมสื่อมวลชนอยู่

เหมือนปัจจุบันนี้ที่เขาใส่ความกันเรื่องผังล้มเจ้า ว่าจะมีการล้มล้างพระมหากษัตริย์ เอาชื่อคนนั้นคนนี้โยงกันให้มั่วไปหมด แล้วก็หาความจริงไม่ได้ หรือเรื่องของชายชุดดำที่แฝงอยู่ในกลุ่มเสื้อแดง ปรากฏว่าถึงเวลาออกไปปราบปรามจนตายกันเกือบร้อย ไม่มีคนชุดดำเลย มีแต่ชาวบ้านธรรมดา อย่างเก่งก็ถือหนังสติ๊ก เรื่องทำนองนี้เป็นปฏิบัติการทางจิตวิทยา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-05-2012 เมื่อ 02:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 155 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #177  
เก่า 01-05-2012, 12:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,786
ได้ให้อนุโมทนา: 152,275
ได้รับอนุโมทนา 4,421,840 ครั้ง ใน 34,376 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ช่วงนั้นเขามีการกระตุ้นอารมณ์ร่วมของชาวบ้าน โดยแต่งภาพศพที่แขวนคออยู่ให้หน้าตาเหมือนกับองค์รัชทายาท ชาวบ้านก็ยิ่งโกรธแค้นกันใหญ่ จึงสนับสนุนราชการให้จัดการขั้นเด็ดขาดกับพวกนักศึกษา ก็เลยมีการยกกองกำลังเข้าไปถล่มมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พวกนักศึกษาก็ต้องหนีเข้าป่า ในเมื่อสู้กันในเมืองไม่ได้ก็เลยหนีเข้าป่า จับอาวุธต่อต้านรัฐบาลอยู่หลายปี ลองคิดดูว่าจาก พ.ศ. ๒๕๑๙ ถึง พ.ศ. ๒๕๒๔ ตั้งกี่ปี ? ฆ่ากันเท่าไร ? สูญเสียงบประมาณและผู้คนไปเท่าไร ?

ตอนปี พ.ศ. ๒๕๓๕ ก็อยู่ในลักษณะนี้ เขาปฏิวัติแล้วตอนแรกก็ยังอาย ๆ อยู่ ไม่กล้าเป็นนายกรัฐมนตรี ไป ๆ มา ๆ พอโดนยุ มีความรู้สึกว่าตนเองมีอำนาจอยู่ในมือ หัวหน้าปฏิวัติจึงขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี ชาวบ้านรับไม่ได้ก็มีการประท้วง ราชการก็เอากำลังทหารจะไปปราบชาวบ้านอีก แต่ว่าทหารตำรวจส่วนหนึ่งไม่ให้ความร่วมมือ อย่างเช่นทหารเรือ แม้ว่ายกกำลังออกไปก็จริง แต่พอชาวบ้านหนี ทหารก็เปิดทางให้

นอกจากนี้ก็มีการปล่อยข่าวเป็นปฏิบัติการทางจิตวิทยาว่า ชาวบ้านสนับสนุนเขามาก ใครไม่เชื่อให้ออกมาดูว่าชาวบ้านทั้งกรุงเทพฯ ให้การสนับสนุนคณะปฏิวัติ ถ้าเราโง่ไปออกดูก็แปลว่าออกไปสนับสนุนเขาไปโดยปริยาย

เรื่องของข่าว ถ้าเราฟังดูจะต้องใช้สติสัมปชัญญะให้มากเข้าไว้ ถ้าใครยึดคุมการข่าวหรือสื่อมวลชนเอาไว้ได้ จะเป็นฝ่ายชนะเสียส่วนมาก มีอยู่ครั้งเดียวที่ฝ่ายยึดคุมการข่าวไม่สามารถชนะได้ ก็คือช่วงเมษาฮาวาย ปี ๒๕๒๔ ตอนนั้นจะไปโทษใครไม่ได้หรอก ต้องบอกว่าคนสั่งการไม่เคยชินกับการเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา เพราะเขาเป็นเจ้านายเอาแต่สั่งอย่างเดียว ให้เอาพลทหารไปคุมป๋าเปรม

ตอนนั้นป๋าเปรมแต่งชุดพลเอกเต็มขั้น เดินออกมาจากบ้านหน้าตาเฉย ด้วยความเคยชินว่านี่คือเจ้านายใหญ่ พลทหารที่ไหนจะกล้าไปขวาง ป๋าเปรมขึ้นรถได้ก็ออกไปโคราช กลับบ้านตัวเองได้ก็เหมือนมังกรลงทะเล ตอนนั้นมีพลตรีอาทิตย์ กำลังเอก คุมทางด้านนั้นอยู่ เอาสถานีวิทยุของค่ายทหารที่โคราชมาออกข่าวต่อสู้กับทางด้านคณะปฏิวัติ

ในเมื่อเขาไม่สามารถที่จะจับตัวป๋าเปรมซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีได้ และในหลวง พระราชินี และองค์รัชทายาทก็ได้รับการคุ้มครองป้องกันจากอีกฝ่ายหนึ่งไปแล้ว ทำให้ชาวบ้านไม่สนับสนุน พวกปฏิวัติก็เลยกลายเป็นกบฏ เพราะทำการไม่สำเร็จ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-05-2012 เมื่อ 02:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 161 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #178  
เก่า 01-05-2012, 12:19
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,786
ได้ให้อนุโมทนา: 152,275
ได้รับอนุโมทนา 4,421,840 ครั้ง ใน 34,376 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ช่วงนั้นอาตมาเรียนจบแล้ว เพิ่งจะออกรับราชการใหม่ ๆ คำสั่งแต่งตั้งให้ออกรับราชการลงนามโดย พล.อ.สัณห์ จิตรปฏิมา รองผู้บัญชาการทหารบก ตอนนั้นท่านเป็นหัวหน้าคณะปฏิวัติ อาตมาใจหายวาบเลย รีบวิ่งไปถามเจ้านายว่า "นี่ผมจะโดนไปด้วยหรือเปล่าครับ ?" เจ้านายบอกว่าไม่เกี่ยวกัน อะไรก็ตามที่สั่งการก่อนการปฏิวัติรัฐประหาร ถือว่ามีผลตามกฎหมายไปแล้ว

แล้วคำสั่งก็ออกมาว่า ถ้าคณะปฏิวัติหลบหนีมาทางด้านนี้ ขอให้ทำการควบคุมตัวไว้ ทหารอย่างพวกเราก็ได้แต่ตั้งท่าไปอย่างนั้น คิดว่าถ้าพวกเขามาก็ต้องปล่อยเขาไป เพราะเป็นเจ้านายเป็นลูกน้องกันมาก่อน ท้ายสุดเขาก็หนีไปอยู่พม่า ช่วงนั้นรอบ ๆ บ้านเราส่วนใหญ่ก็อยู่ภายใต้การปกครองแบบเผด็จการทหาร เขาย่อมรู้ว่า สักวันถ้าอยู่ไม่ได้ ก็ต้องหนีไปพึ่งคนอื่น เมื่อคนอื่นเขาหนีมาพึ่ง ก็ต้องช่วยเขาไว้หน่อย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-05-2012 เมื่อ 02:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 157 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #179  
เก่า 01-05-2012, 12:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,786
ได้ให้อนุโมทนา: 152,275
ได้รับอนุโมทนา 4,421,840 ครั้ง ใน 34,376 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เหรียญทำน้ำมนต์ของหลวงพ่อทองลอก?
ตอบ : ไปปิดทองใหม่ แล้วก็เสกใหม่ด้วยอิติปิโสฯ ๑๐๘ จบ นะมะพะทะ ๑๐๘ จบ อิติปิโสฯ สวากขาโตฯ สุปฏิปันโนฯ ด้วยนะ ไม่ใช่อิติปิโสฯ อย่างเดียว ใช้เวลาประมาณ ๓ ชั่วโมงก็เรียบร้อย เอาไปใช้ได้ใหม่
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-08-2012 เมื่อ 02:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 162 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #180  
เก่า 01-05-2012, 12:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,786
ได้ให้อนุโมทนา: 152,275
ได้รับอนุโมทนา 4,421,840 ครั้ง ใน 34,376 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "งานกฐินปลดหนี้ครูบาเหนือชัย เตรียมเงินไปนะ อาตมาจะเอาของในย่ามส่วนตัวนี้ ไปเปิดประมูลที่วัดถ้ำป่าอาชาทอง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-05-2012 เมื่อ 02:52
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 161 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 07:02



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว