กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #101  
เก่า 18-09-2014, 15:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,781
ได้ให้อนุโมทนา: 152,265
ได้รับอนุโมทนา 4,421,624 ครั้ง ใน 34,371 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวถึงการพุทธาภิเษกเมื่อวันที่ ๓๐ สิงหาคมว่า "การพุทธาภิเษกวัตถุมงคลครั้งนี้ ปรากฏว่าวัตถุมงคลหลัก ๆ เป็นวัตถุมงคลหลวงปู่สายวัดท่าขนุน หลวงปู่สายท่านมรณภาพปีเดียวกับหลวงพ่อวัดท่าซุง ระยะเวลาไล่เลี่ยกัน ช่วงทำบุญ ๑๐๐ วัน อาตมาก็วิ่งอยู่ ๒ วัดคือวัดท่าซุงกับวัดท่าขนุน สวดพระอภิธรรมที่วัดท่าซุงเสร็จประมาณ ๒ ทุ่มครึ่ง วิ่งมางานทำบุญเช้าที่วัดท่าขนุน เสร็จแล้ววิ่งกลับมาทำงานต่อที่วัดท่าซุง ถามว่าไกลมากไหม ? ไปกลับก็ราว ๆ ๗๐๐ กิโลเมตรต่อวัน แต่โยมจะเห็นหน้าอยู่วัดท่าซุงทุกวัน ก็ไม่คิดว่าออกจากวัดไป เพราะออกไปตอนกลางคืน

เนื่องจากว่าวัตถุมงคลหลัก คือ รูปหล่อและเหรียญรุ่น ๑๐๐ ปีหลวงปู่สาย ตอนพุทธาภิเษกกราบขอบารมีพระ พรหม เทวดาและครูบาอาจารย์ หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า "ในเมื่อเป็นรูปหลวงพ่อสาย แกก็ไปขอหลวงพ่อสายสิ" เลยต้องกราบขออนุญาตหลวงปู่สายให้ช่วยพุทธาภิเษกรูปหล่อของท่านเอง

ไม่ทราบว่าหลวงปู่สายท่านดำดินมาท่าไหน โผล่ขึ้นมากลางกองวัตถุมงคลจนเต็มองค์ แล้วสมเด็จองค์ปฐมก็สวมลงไปทับลงไปอีกชั้นหนึ่ง จากนั้นองค์ของสมเด็จองค์ปฐมก็ขยายจนเต็มโบสถ์ แล้วขยายออกไปด้านนอกโบสถ์ เพราะว่ามีญาติโยมรออยู่นอกโบสถ์เยอะมาก ขยายออกไปยังวัตถุมงคลที่ญาติโยมนำมาเข้าพิธี โดยเฉพาะวัตถุมงคลของอาจารย์โต หรือคุณนวศรี ที่ขนไปถึงก่อน ๑ วัน จอดรถรออยู่หน้าโบสถ์

ปรากฏว่าพอเต็มที่แล้ว อาตมามองที่กองวัตถุมงคล เห็นมีอยู่หน่อยหนึ่งไม่มีรัศมีในลักษณะของวัตถุมงคลที่ปลุกเสกแล้ว จึงกราบเรียนถามพระว่าเป็นเพราะอะไร หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านตอบแทนพระว่า "พวกนอกคอกครูบาอาจารย์ ไม่รู้จะไปสงเคราะห์มันทำไม" อาตมาเองก็ไม่รู้ เพียงแต่สงสัยว่านอกคอกแบบไหน

มารู้ภายหลังว่ามีคนแอบเอาวัตถุมงคลยัดเข้าไปในโบสถ์ ทั้ง ๆ ที่ได้สั่งห้ามแล้ว บอกแล้วว่าถ้าเป็นวัตถุมงคลส่วนตัวให้เอาไว้ด้านนอก เพราะข้างในไม่มีที่ให้วางแล้ว เขาก็พยายามที่จะยัดเข้าไป เอาไปซ้อนไว้ด้านบน กลายเป็นว่าเข้าไปแล้วไม่ได้ดี ขณะที่คนอยู่ข้างนอกได้หมด

ถือว่าเป็นบทเรียนสำหรับบุคคลที่ทำอย่างนั้นว่า ต่อถ้าไปสั่งอะไรให้ทำเช่นนั้น เรื่องของพระ เรื่องของเทวดา ท่านพูดอะไรครั้งเดียว ถ้าหากเราไปฝืน ท่านก็จะไม่สงเคราะห์ให้ อาตมาเจอมาเองหลายครั้งแล้ว เรื่องของการฝืนไม่ใช่เรื่องสนุก ไม่ใช่เรื่องโก้เก๋เท่ระเบิด เราอาจจะคิดว่าเรารั้นแล้วเราจะได้ดีกว่าคนอื่นเขา..ไม่ใช่ ถ้าหากรั้นในการปฏิบัติธรรม อย่างเช่นว่าทำไม่ได้ กูจะเอาให้ได้ อย่างนี้โอกาสเจริญมีมาก แต่ถ้าคำสั่งครูบาอาจารย์แล้วไปรั้น โอกาสที่จะเจริญมีน้อยมาก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-09-2014 เมื่อ 02:05
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 218 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #102  
เก่า 19-09-2014, 05:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,781
ได้ให้อนุโมทนา: 152,265
ได้รับอนุโมทนา 4,421,624 ครั้ง ใน 34,371 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "จะบอกให้ญาติโยมฟุ้งซ่านล่วงหน้า...ในอีกระยะหนึ่งข้างหน้า พอถึงเวลาที่สภาพจิตละเอียดมากกว่านี้ สามารถที่จะจับได้ถึงอนุภาคของพลังงานต่าง ๆ ที่ไหลเวียนอยู่ทั่วจักรวาลอนันตจักรวาล การพุทธาภิเษกของพระ จะใช้อำนาจจิตของตัวเองดึงเอาธาตุพลังทั้งหลายเหล่านี้บรรจุอยู่ในวัตถุ ก่อให้เกิดพลังงานในการป้องกัน ในการรักษาต่าง ๆ ฉะนั้น..ยังมีสิ่งให้พวกเรายึดติดอีกหลายระดับเลย ค่อย ๆ ทำไป ยังมีอะไรให้สนุกอีกเยอะ ค่อย ๆ ทำไป รู้ตัวเร็วก็หลุดเร็วหน่อย รู้ตัวช้าก็ติดกันนานหน่อย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-09-2014 เมื่อ 09:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 197 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #103  
เก่า 19-09-2014, 05:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,781
ได้ให้อนุโมทนา: 152,265
ได้รับอนุโมทนา 4,421,624 ครั้ง ใน 34,371 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "อะไรที่มันงอก ๆ กินแล้วระวังโรคเก๊าท์ไว้ด้วย สารอาหารต้องเต็มที่เขาถึงงอกได้ ก็พอ ๆ กับการกินอาหารทะเล หรือกินไก่ อาตมาไม่ได้ตำหนิวิทยาศาสตร์ แต่ตำหนิคนที่เอาวิทยาศาสตร์ไปใช้ อย่าง...(น้ำผลไม้สกัดเข้มข้น)...ใช่ไหม ? ที่เอาน้ำผลไม้หลายอย่าง แต่ละอย่างล้วนแล้วแต่ดี ๆ ผสมกัน ระวังไว้ด้วย..ถ้าใครแพ้ กินเข้าไป จะคันคะเยอไปทั้งคืน

เขาทำในห้องวิจัยว่า น้ำผลไม้อย่างนี้ดีอย่างนี้ ๆ เขาก็เอาหลาย ๆ อย่างที่ดี ๆ มารวม ๆ กัน แต่เขาไม่เข้าถึงเรื่องของธาตุต่าง ๆ สารต่าง ๆ ที่มีการหักล้างกัน มีการหนุนเสริมกัน ถ้าหักล้างกันก็จะเป็นพิษ ถ้าหนุนเสริมคุณภาพจะรุนแรงมากกว่าปกติ แล้วเรากินเข้าไปโดยไม่รู้ เพราะวิทยาศาสตร์เขาว่าดี แต่ดีแค่ไม่กี่คน คนที่ร่างกายไม่ดีนี่จะแย่ไปเลย

ฉะนั้น..เราต้องเชื่อพระพุทธเจ้าว่ามัชฌิมาปฏิปทา ทุกอย่างต้องพอเหมาะพอดี มากเกินไปก็ไม่ดี น้อยเกินไปก็ไม่ดี เรื่องของวิทยาศาสตร์บางทีเขาคิดว่าตัวเองเป็นพระเจ้า ค้นพบอย่างนั้น ค้นพบอย่างนี้ ท้ายที่สุดสิ่งที่ค้นพบมา เอามาใส่รวมกันเมื่อไรก็บรรลัยหมด โบราณเขายังใช้คำว่า "ลางเนื้อชอบลางยา" คนบางคนเหมาะกับยาบางอย่าง ป่วยด้วยโรคเดียวกัน คนนี้กินยาตัวนี้หาย แต่ทำไมอีกคนกินไม่หาย ?

คนป่วยด้วยโรคเดียวกัน คนละเพศก็มีความต่างแล้วในการให้ผลของยา คนละขนาดน้ำหนักตัว คนละอายุ ก็มีความต่างกัน หมอโบราณจึงจัดยาตามธาตุ ตามลักษณะ ตามอายุ แต่ว่าปัจจุบันหมอฝรั่งมาถึง อย่างนี้กินหาย ก็ใส่เข้าไปอย่างเดียว แล้วเขาไม่สงสัยหรือว่าโรคอีโบล่า ทำไมบางคนเป็นแล้วหาย บางคนเป็นแล้วตาย ?"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-09-2014 เมื่อ 09:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 190 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #104  
เก่า 19-09-2014, 05:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,781
ได้ให้อนุโมทนา: 152,265
ได้รับอนุโมทนา 4,421,624 ครั้ง ใน 34,371 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : วิธีการทอดกฐินกับวิธีการทอดผ้าป่า ?
ตอบ : กฐินสำหรับพระพุทธเจ้าท่านอนุญาตให้ว่า ในแต่ละปีพระรูปไหนมีผ้าเก่าจะได้มีผ้าไว้เปลี่ยน ส่วนผ้าป่านั้น ท่านเอาไว้เพื่อให้พระที่แสวงหาผ้าอยู่ จะได้นำไปเย็บเป็นจีวรใหม่ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะทำแบบไหน ผ้าป่าสามารถทอดได้ตลอดเวลา แต่กฐินจำกัดเวลา ทอดได้ปีละแค่ครั้งเดียว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-09-2014 เมื่อ 09:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #105  
เก่า 19-09-2014, 05:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,781
ได้ให้อนุโมทนา: 152,265
ได้รับอนุโมทนา 4,421,624 ครั้ง ใน 34,371 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวกับโยมที่นั่งรอทำบุญถวายสังฆทานว่า "นึกถึงผู้ตายให้เขามาโมทนานะจ๊ะ ทำบุญให้คนตายต้องรีบทำให้เร็วที่สุด ไม่ใช่นั่งรอใจเย็น ๆ เขายิ่งลำบาก เขายิ่งต้องการไว ๆ "
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-09-2014 เมื่อ 09:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 195 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #106  
เก่า 19-09-2014, 05:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,781
ได้ให้อนุโมทนา: 152,265
ได้รับอนุโมทนา 4,421,624 ครั้ง ใน 34,371 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : มัชฌิมาปฏิปทา ?
ตอบ : มัชฌิมาปฏิปทาไม่มีมาตรฐาน ๕๐ เปอร์เซ็นต์ ของแต่ละคนไม่เท่ากัน เป็นไปตามปัญญา ตามกำลังบารมีของแต่ละคนที่สั่งสมมา ในเมื่อมัชฌิมาปฏิปทาไม่มีมาตรฐาน ๕๐ เปอร์เซ็นต์ เราจึงต้องพยายามปรับให้เหมาะสมกับเรามากที่สุด

ถาม : มัชฌิมาปฏิปทาของแต่ละคนจะรู้ได้อย่างไร ?
ตอบ : ต้องหามุมของตัวเอง ไม่มีใครสามารถบอกได้ เพราะแต่ละคนไม่เท่ากัน แรก ๆ ทำให้เข้มข้นไว้ก่อน พอถึงเวลาเคยชินแล้วเราผ่อนจะพอดี ไม่ใช่ว่าแรก ๆ ทำตามสบาย แล้วพอผ่อนเมื่อไรก็ยาน ไม่ได้เรื่องไม่ได้ราว

ถ้าเราเข้มแข็งกว่า ก็จะสามารถไปถึงจุดหมายปลายทางได้เร็วกว่า เหมือนคนที่แข็งแรงเดินทาง ย่อมได้ระยะทางที่มากกว่าและไปถึงจุดหมายปลายทางได้เร็วกว่า
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 19-09-2014 เมื่อ 12:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 183 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #107  
เก่า 19-09-2014, 05:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,781
ได้ให้อนุโมทนา: 152,265
ได้รับอนุโมทนา 4,421,624 ครั้ง ใน 34,371 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ทำบุญไปแล้วสามีจะได้รับไหม ?
ตอบ : ต้องถามสามี อย่าไปถามคนอื่น ถ้าไปถามคนอื่นเดี๋ยวจะเดือดร้อน อาตมาเจอมาหลายคนแล้ว ไปถามหมอดูว่าทำบุญไปแล้วสามีจะได้รับไหม ? หมอดูก็บอกไม่ได้รับ ต้องทำอย่างโน้นอย่างนี้ เสียเงินอีกเยอะแยะ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-09-2014 เมื่อ 09:09
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 182 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #108  
เก่า 19-09-2014, 05:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,781
ได้ให้อนุโมทนา: 152,265
ได้รับอนุโมทนา 4,421,624 ครั้ง ใน 34,371 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : แฟนนั่งกรรมฐานแล้วมีเรื่องเข้ามาเยอะขึ้นครับ ?
ตอบ : ถ้าเขาไม่นั่งกรรมฐาน อุปสรรคจะหนักกว่านั้นอีก เรื่องของ ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นเรื่องของบุญใหญ่ ถ้าบุญใหญ่มาถึง กรรมก็จะตามได้น้อย ถ้ารู้จักทำให้สม่ำเสมอกรรมก็จะตามไม่ทัน ยังโชคดีที่รู้จักทำสมาธิ ไม่อย่างนั้นถ้ามามากกว่านั้นก็จะรับไม่ไหว

ฉะนั้น..กลับไปทำให้เยอะกว่าเดิม ถ้าไม่ทำจะจุกกว่านี้อีก หลายคนมักจะเข้าใจผิด คิดว่าพอเข้าวัดปฏิบัติธรรมแล้วเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นมาก โปรดทราบว่าถ้าไม่เข้าวัดปฏิบัติธรรม จะเจอหนักกว่านั้นอีก

ภาษิตจีนเขาบอกว่า "ขี้แตกแล้วค่อยขุดส้วม" ถึงจะไม่ทันกาลก็ขุดไปเถอะ งวดหน้าอย่างไรก็มีส้วมไว้ใช้แล้ว ถึงวันนี้ไม่ทันก็ขุดไปก่อน ตั้งหน้าตั้งตาขุดเอาไว้ การเข้าวัดปฏิบัติธรรมก็เหมือนกัน เรามาในจังหวะที่โชคดีมาก ๆ แล้ว เข้าวัดแล้วค่อยเดือดร้อน ถ้าเดือดร้อนตั้งแต่ก่อนเข้าวัด เราจะไม่มีบุญกุศลอะไรไว้ผ่อนกำลังของกรรมที่เข้ามาเลย

ฉะนั้น..ถึงเวลาให้ตั้งหน้าตั้งตาทำความดีไประยะหนึ่ง พอกำลังความดีเพียงพอ สามารถที่จะหนีห่างได้ กรรมก็ตามไม่ทัน ถ้ารู้จักทำให้สม่ำเสมอ ก็จะสามารถหนีต่อไปได้อีกระยะหนึ่ง เรื่องของความดีความชั่วไม่สามารถหักล้างกันได้ แต่ถ้าทำความดีมาก ๆ ท่านเปรียบว่ามีน้ำทะเลอยู่แก้วหนึ่ง ถ้าเราเทน้ำจืดลงไปมากเข้า น้ำทะเลก็หายเค็มไปเอง ฉะนั้น..ต้องเร่งทำความดีให้มากกว่านี้ ไม่อย่างนั้นเราก็จะต้องมาบ่นว่าน้ำทะเลเค็มปี๋ เป็นเพราะเข้าวัดแน่ ๆ เลย..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-09-2014 เมื่อ 09:11
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #109  
เก่า 19-09-2014, 05:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,781
ได้ให้อนุโมทนา: 152,265
ได้รับอนุโมทนา 4,421,624 ครั้ง ใน 34,371 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พระพุทธเจ้าท่านบิณฑบาตทุกเช้าไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าดูในพระไตรปิฎก ต่อให้รับนิมนต์ไปฉันในบ้านหรือในวัง พระองค์ท่านก็เอาบาตรไป ก็แปลว่าพระองค์ท่านรับบาตรทุกวัน

ถาม : แล้วเวลามีนิมนต์ใหญ่ ๆ อย่างเศรษฐีนิมนต์ทุกวัน ท่านจะเดินบิณฑบาตไหมครับ ?
ตอบ : ปกติพระองค์ท่านก็ไม่ได้เดินบิณฑบาตทั่วไป แต่ไปโปรดเฉพาะคน เพียงแต่ว่าถ้าเขานิมนต์ไป พระองค์ท่านก็จะส่งบาตรไปให้คนนั้น ให้เขาจัดอาหารใส่บาตรให้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-09-2014 เมื่อ 09:12
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 182 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #110  
เก่า 19-09-2014, 05:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,781
ได้ให้อนุโมทนา: 152,265
ได้รับอนุโมทนา 4,421,624 ครั้ง ใน 34,371 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้าเราต้องภาวนาคาถาเม สักมุกขาฯ ให้เรามีอำนาจมหาสะท้อนอยู่ในตัวตลอดเวลา ต้องภาวนาวันละกี่จบ ?
ตอบ : จนกำลังใจทรงตัวก็ใช้ได้แล้ว สมาธิสูงด้วยยิ่งดี
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-09-2014 เมื่อ 09:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #111  
เก่า 19-09-2014, 05:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,781
ได้ให้อนุโมทนา: 152,265
ได้รับอนุโมทนา 4,421,624 ครั้ง ใน 34,371 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลาเราถวายบังคมพระพุทธเจ้า เรานั่ง แต่ทำไมเทวดา พรหม ถึงยืน ?
ตอบ : ปกติแล้วเทวดาเขาแสดงความเคารพด้วยการยืน แม้แต่คนในสมัยนั้นก็แสดงความเคารพด้วยการยืน ดังนั้น..ถ้าใครไม่กลัวเมื่อยก็ยืนไปเถอะ..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-09-2014 เมื่อ 09:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #112  
เก่า 19-09-2014, 09:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,781
ได้ให้อนุโมทนา: 152,265
ได้รับอนุโมทนา 4,421,624 ครั้ง ใน 34,371 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "พรุ่งนี้ (๘ กันยายน ๒๕๕๗) เป็นวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐ พวกคนไทยในพม่าเขาทำบุญวันสารทกันพรุ่งนี้ คราวนี้คนไทยในพม่าเขาพูดภาษาเหมือนกับภาษาลาว เพราะเป็นภาษาไทยโบราณ พวกอยู่ตามตะเข็บชายแดนเขาเลยเรียกกันง่าย ๆ ว่าสารทลาว แต่สารทไทยนิยมทำสิ้นเดือนสิบ ช้ากว่าเขาไปครึ่งเดือน ถ้าพรุ่งนี้อาตมาอยู่วัด ก็รับกระยาสารทเป็นโอ่งเลย สมัยก่อนพอกระยาสารทเหลือมาก หลวงพ่อโต วัดระฆัง ถึงได้เอาไปผสมทำพระสมเด็จ

เดี๋ยวนี้ตรุษไทย สารทไทย คนไม่ค่อยจะรู้จักกันแล้ว สมัยก่อนตรุษก็ต้องกวนกาละแมทำข้าวเหนียวแดง พอมาสารทไทยก็กวนกระยาสารท แต่ปัจจุบันนี้เขารู้จักแต่สารทจีน สารทจีนเลยมาแล้ว เพราะว่าสารทจีนตรงกับเดือน ๗ ของจีน ตรงกับเดือน ๙ ของไทย ถ้าวันพร้อมกันก็จะตรงกับขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๙ แต่คราวนี้ของจีนบางทีเขานับก่อนวันหนึ่ง หลังวันหนึ่ง ส่วนสารทลาว ขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๑๐ ก็ตรงกับไหว้พระจันทร์ของจีน ไหว้พระจันทร์ตรงกับกลางเดือน ๘ ของจีนเขา ของเราเวลาเร็วกว่าจีน ๒ เดือน ก็เป็นกลางเดือน ๑๐

สมัยก่อนบรรดากษัตริย์ที่มีบุญญาธิการมาก ๆ จะมีการปรับเปลี่ยนชะตาบ้านเมืองด้วยการลบศักราช กำหนดวันเดือนปีเอาใหม่ ก็เลยทำให้วันเดือนปีไม่ตรงกัน อย่างพระนางเจ้าจามเทวีทำพิธีลบศักราช ทำให้วันเวลาเร็วขึ้น ๒ เดือน ฉะนั้น..กลางเดือน ๑๒ ของพวกเรานี่ ทางด้านเหนือเป็นเดือนยี่แล้ว เวลาเราลอยกระทงกัน ทางเหนือเขาเลยเรียกว่างานยี่เป็ง วันเพ็ญ เดือนยี่

ท่านลบศักราชเพราะว่าต้องการจะหลอกขุนหลวงวิลังคะ นัดแนะว่าให้สู่ขอ กำลังของตัวเองยังไม่พร้อมที่จะรบ ก็นัดว่าถึงเวลาให้มาขอวันนั้น เดือนนั้น ปีนั้น พอขุนหลวงวิลังคะกลับไปเตรียมตัว ทางด้านนี้ก็ทำพิธีลบศักราช ประกาศให้บรรดาประเทศราชต่าง ๆ รู้กันทั่ว ยกเว้นขุนหลวงวิลังคะไม่บอก พอเขายกขันหมากมาถึงก็บอกว่า เป็นกษัตริย์ทำไมผิดสัญญา เลยมาตั้งนานเท่าไรแล้ว ขุนหลวงวิลังคะไล่ให้คนไปสืบทีละบ้านทีละเมือง ทุกบ้านตอบเหมือนกันหมดว่าวันนี้ เดือนนี้ ปีนี้ เพราะท่านทำการลบศักราชแล้วตั้งวันเดือนปีใหม่

เป็นวิธีเอาตัวรอดที่สวยมาก แต่ขุนหลวงวิลังคะไม่ยอม ท้ายสุดก็ยกทัพมารบด้วย มารบด้วยตอนนี้ไม่กลัวแล้ว เพราะพร้อมแล้ว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-09-2014 เมื่อ 09:19
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #113  
เก่า 19-09-2014, 09:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,781
ได้ให้อนุโมทนา: 152,265
ได้รับอนุโมทนา 4,421,624 ครั้ง ใน 34,371 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พิธีไหว้พระจันทร์ของจีนนี่มีผลไหมครับ ?
ตอบ : การไหว้พระจันทร์สมัยก่อนนี่เป็นของคนจีน อย่าลืมว่าถ้าเรานึกถึงเทวดาองค์ใดองค์หนึ่งด้วยความเคารพ ก็จะมีเทวดาที่มีศักดานุภาพ หรือว่ามีความสามารถใกล้เคียงกับต้นตำรับที่เขาเคารพนับถือ มารับหน้าที่นั้น ก็มีผลอยู่ จัดเป็นเทวตานุสติได้

รู้สึกว่าตั้งแต่อเมริกาไปเหยียบดวงจันทร์นี่ การไหว้พระจันทร์ไม่ขลังแล้วนะ ลดความขลังไปเยอะ กลายเป็นการค้ามากกว่า ขายขนมไหว้พระจันทร์กัน..ใช่ไหม ? เดี๋ยวนี้ฝรั่งรู้จักมูนเค้กกันทั่วไปแล้ว แต่ว่าปีนี้เห็นเขาปรับหลายรูปแบบ มีบางคนทำขนมไหว้พระจันทร์หน้าตาเหมือนซาลาเปา ผ่าออกมาข้างในก็ไส้ทุเรียนไข่เค็มนั่นแหละ บางรายหน้าตาเหมือนขนมไหว้พระจันทร์แต่สีแปลก ๆ พอลองชิมดูรสชาติขนมฝรั่งชัด ๆ เลย ก็ดัดแปลงกันไปเรื่อย ถ้าอย่างไหนได้รับความนิยมก็ติดตลาด ขายดีไป

ญี่ปุ่นเขามีแต่ขนมโมจิ เพราะเขาเห็นว่าในดวงจันทร์มีกระต่ายกำลังตำขนม สมัยอาตมาเด็ก ๆ ขนมโมจิบ้านเราเขาเรียกกะลอจี๊ เป็นแป้งข้าวเหนียวที่เหนียวหนับเลย แล้วมาคลุกพวกถั่วพวกงากับน้ำตาล เด็ก ๆ ชอบกินมาก พวกนั้นขว้างติดข้างฝาไว้ได้ไม่หล่นหรอก เหนียวหนับเลย แล้วเขาเอามาดัดแปลง มีไส้ มีรสโน้นรสนี้ เมืองไทยเราดัดแปลงขนมโมจิจนญี่ปุ่นจำหน้าไม่ได้แล้ว มีหลายรสเหลือเกิน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-09-2014 เมื่อ 09:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 175 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #114  
เก่า 19-09-2014, 09:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,781
ได้ให้อนุโมทนา: 152,265
ได้รับอนุโมทนา 4,421,624 ครั้ง ใน 34,371 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ทำไมคนจีนเขาจะมีวันไหว้ต่าง ๆ เยอะมากครับ ?
ตอบ : สมัยก่อนพวกภัยธรรมชาติมีเยอะมาก ก็เลยทำให้เขาเกิดความเชื่อขึ้นมาว่า เกิดจากการบันดาลของเทพเจ้า อย่างเทพเจ้าแห่งดิน เทพเจ้าแห่งน้ำ เทพเจ้าแห่งลม เทพเจ้าแห่งไฟ เทพเจ้าภูเขา คนจีนเขาเลยต้องกำหนดวันขึ้นมาเพื่อทำความเคารพเทพเจ้า เพื่อสร้างความพอใจแก่ท่าน แล้วท่านจะได้บันดาลให้เรือกสวนไร่นาอุดมสมบูรณ์

จะว่าไปแล้วก็คือต้องการจะเอาตัวรอดนั่นเอง จึงอ่อนน้อมถ่อมตนต่อธรรมชาติ พยายามไม่เบียดเบียนธรรมชาติ กลายเป็นจุดเริ่มต้นของศาสนานั่นแหละ เพราะว่าเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวทางใจ เพียงแต่ว่าไม่ครบองค์ประกอบของศาสนา มาระยะหลังพอมีศาสดาประกาศหลักคำสอนขึ้นมา มีคนเชื่อถือปฏิบัติตาม มีสถานที่ทำพิธีกรรม องค์ประกอบศาสนาถึงได้ครบถ้วน ถ้าไม่มีศาสดา ไม่มีคำสอน ไม่มีผู้เชื่อฟังและปฏิบัติตาม ไม่มีสถานที่ทำพิธีกรรม สิ่งเหล่านี้มีไม่ครบ เขาถือเป็นแค่ลัทธิเท่านั้น

อย่างลัทธิคอมมิวนิสต์ ลัทธิคอมมิวนิสต์มีศาสดาคือคาร์ล มาร์กซ์ มีผู้เชื่อถือและปฏิบัติตาม มีหลักคำสอน แต่ไม่มีสถานที่ประกอบพิธีกรรมแบบศาสนสถาน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-09-2014 เมื่อ 09:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 172 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #115  
เก่า 19-09-2014, 09:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,781
ได้ให้อนุโมทนา: 152,265
ได้รับอนุโมทนา 4,421,624 ครั้ง ใน 34,371 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การสร้างพระพุทธรูปไว้ที่วัดกับไว้ตามสถานที่ราชการ จะได้อานิสงส์เหมือนกันไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าเอาอานิสงส์การสร้างในตอนแรกได้เหมือนกัน แต่ถ้าจะเอาอานิสงส์ระยะยาวที่มีคนไปเคารพกราบไหว้บูชา ในวัดจะได้เปรียบกว่า เพราะเป็นสถานที่ ๆ คนเขาเข้าไปเป็นปกติอยู่แล้ว เราสร้างไว้ข้างนอกนี่ ถ้าเขาไม่ได้ผ่านไปตรงนั้น ก็คงไม่มีโอกาสได้ไปกราบไหว้

ถาม : ผู้บริหารมีโครงการว่าจะไปสร้างไว้ริมทะเล แล้วมีศาลเสด็จในกรมหลวงชุมพร ?
ตอบ : ไม่มีความเห็นอะไร ถ้าเป็นไปได้ก็ให้หันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก หรือว่าทิศเหนือให้ได้ก็แล้วกัน

ถาม : หันไปตะวันออกเฉียงเหนือครับ
ตอบ : ก็ยังดี
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-09-2014 เมื่อ 09:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 177 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #116  
เก่า 19-09-2014, 13:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,781
ได้ให้อนุโมทนา: 152,265
ได้รับอนุโมทนา 4,421,624 ครั้ง ใน 34,371 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "การปล่อยชีวิตสัตว์ที่เขาจะฆ่าแน่ ๆ เป็นการตัดเคราะห์กรรมและเป็นการต่ออายุด้วย หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านสั่งอาตมาว่า "แกเป็นทหารมาทุกชาติ ออกรบฆ่าเขาไว้มาก กรรมเก่าที่ตามมาทันจะทำให้ป่วยบ่อย ให้ไปปล่อยสัตว์ อย่างเช่น ปลาที่เขาขายไว้สำหรับฆ่า เดือนละตัวสองตัว แล้วจะบรรเทากรรมตรงนี้ลงได้"

อาตมาก็อวดรู้ กราบเรียนหลวงพ่อท่านไปว่า
การปล่อยปลาเป็นการต่ออายุ ในเมื่อผมไม่ต้องการอายุยืนอยู่แล้ว ผมจะปล่อยไปทำไมครับ ?” ท่านบอกว่า “แกอย่าเพิ่งเข้าใจผิด การปล่อยชีวิตสัตว์ที่เขาจะฆ่า จะเป็นการต่ออายุก็ต่อเมื่อเรามีอุปฆาตกรรมเข้ามาในช่วงนั้น ถ้ากรรมหนักที่เราเคยฆ่าคนฆ่าสัตว์ใหญ่ไว้มาถึง อุปฆาตกรรมจะตัดรอนถึงขนาดเสียชีวิต"

ท่านบอกว่า "ถ้ามีอุปฆาตกรรมเข้ามาอย่างนั้น จะเป็นการต่ออายุ แต่ถ้าไม่มีอุปฆาตกรรมเข้ามา การที่เราปล่อยเขา ทำให้เขามีชีวิตรอด ได้รับความสุข ได้รับความสะดวกสบาย ต่อไปเราทำอะไรก็จะสะดวกสบายไปด้วย"

เมื่อทราบดังนั้นอาตมาก็ปล่อยตามที่ครูบาอาจารย์สั่ง จำได้ว่าปล่อยเดือนแรกคือวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๒๙ มาถึงป่านนี้ก็เกือบ ๓๐ ปีถ้วนแล้ว ปล่อยมา ๒๙ ปี นับชีวิตไม่ถ้วน เพราะว่าไม่ได้ปล่อยทีละตัวสองตัว ไปเห็นตาปริบ ๆ อยู่ก็เหมาหมด มีอยู่เที่ยวหนึ่งที่ปล่อยได้สะใจที่สุด คือ ไปเจอปลาดุกอยู่ปีบหนึ่งเลยซื้อมาปล่อย อาตมาไม่รู้หรอกว่ากี่ร้อยตัว เป็นลูกปลาดุกตัวเล็ก ๆ แน่นไปทั้งปีบเลย โห..เขาอุตส่าห์ไปช้อนลูกครอกตัวเล็ก ๆ มาขายได้ ปลาขนาดปกติอาตมาก็ซื้อ แถมลูกปลาดุกนั่นอีกปีบหนึ่ง ต้องบอกว่าบ้านเรากินล้างกินผลาญ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-09-2014 เมื่อ 13:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 172 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #117  
เก่า 19-09-2014, 13:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,781
ได้ให้อนุโมทนา: 152,265
ได้รับอนุโมทนา 4,421,624 ครั้ง ใน 34,371 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ทำไมพญานาคจึงปรากฏมากกว่าพญาครุฑครับ ?
ตอบ : เวลาครุฑมาเขาไม่ได้ทิ้งร่องรอยไว้ พญานาคมายังมีรอยให้เห็น มีคนบอกว่าเดี๋ยวตรงโน้นก็มีรอยพญานาค ตรงนี้ก็มีรอยพญานาค ไม่มีคนบอกว่ามีรอยพญาครุฑสักที ครุฑก็คือนกใหญ่ ที่มีขนาดใหญ่มาก ตามตำราเขาบอกว่าขยับปีกทีหนึ่งบินไปได้ ๑ โยชน์ (๑๖ กิโลเมตร)

คนจีนก็มีนกเผิง นกเผิงนี่เขาบอกว่ากางปีกโบยบินที่หนึ่งสามารถไปได้รอบโลก ก็แสดงว่าการรู้เห็นเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ คนสมัยก่อนเขารู้เห็นคล้าย ๆ กัน เพียงแต่ว่าเรียกไม่ค่อยจะตรงกันเท่านั้น เรียกกันไปคนละอย่างสองอย่าง แต่ว่าลักษณะที่อธิบายก็คือแบบเดียวกัน ในเมื่อเป็นเช่นนี้ถ้าสรุปไว้ค่อนข้างจะปลอดภัยหน่อยก็คือเชื่อว่ามี แต่ถ้าให้เชื่อเต็มที่ก็คือขอเห็นด้วยตัวเองสักที


ถาม : ยูเอฟโอนี่ใช่ครุฑไหมครับ ?
ตอบ : คนละเรื่องเดียวกัน ยูเอฟโอเป็นของมนุษย์ต่างดาว เอาเป็นอันว่าที่เขาถ่ายมายังไม่มีหน้าตาเป็นพญาครุฑก็แล้วกัน พญาครุฑเขตประจำของท่านอยู่รอยต่อระหว่างชั้นจาตุมหาราชกับเขาพระสุเมรุ คราวนี้ในเมื่อที่ประจำของเขาอยู่ตรงนั้น การเข้าออกก็อยู่บริเวณนั้นประจำ ส่วนพญานาคนั้นทางเข้าออกมีอยู่ทั่วโลก ก็เลยปรากฏตัวให้เราเห็นได้มากกว่า ถ้าของเขาบังคับว่าต้องมีทางเหมือนกับไปตามถนน คนก็เลยได้เห็นรถยนต์ คราวนี้พญาครุฑเปรียบไปเหมือนเครื่องบิน เรากว่าจะได้เห็นสนามบินก็โน่นแหละ หลายจังหวัดกว่าจะมีสักที่ ก็เลยกลายเป็นว่าพวกเราจะสัมผัสกับพญาครุฑได้น้อยกว่า ถ้าอยากเห็นก็แถวหน้าธนาคาร มีทุกที่แหละ..! ระยะนี้เห็นเขาฮิตเหรียญพญาครุฑกัน แล้วต้องปิดทองด้วยนะ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-09-2014 เมื่อ 02:21
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 175 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #118  
เก่า 19-09-2014, 13:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,781
ได้ให้อนุโมทนา: 152,265
ได้รับอนุโมทนา 4,421,624 ครั้ง ใน 34,371 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ความจริงครูบาอาจารย์ท่านสอนคาถาบางบทไว้ เกี่ยวกับมหาอำนาจพญาครุฑ แต่คราวนี้การที่เราอยู่ ๆ จะไปสร้างเหรียญมีรูปพญาครุฑ ก็เกี่ยวข้องกับเรื่องของในหลวง เพราะว่าตราครุฑเป็นตราแผ่นดิน ก็เลยอย่าไปแตะดีกว่า เห็นหลายสำนักเขาทำกัน ทำเฉย ๆ ไม่มีปัญหา ถ้ามีใครหมั่นไส้แล้วเขาฟ้องขึ้นมานี่ซวยจริง ๆ ขนาดไม่มีเรื่องเขายังสามารถโยงเข้ามาเป็นผังล้มเจ้าได้ ขืนบังอาจใช้ตราครุฑนี่เสร็จแน่

ถาม : รูปพญาครุฑตามหน้าสถานที่ราชการต่างจะมีเทวดารักษาไหมคะ ?
ตอบ : ถ้าผ่านการอธิษฐานจิตของครูบาอาจารย์มาก็จะมี เห็นว่าบางทีเขาอัญเชิญตราครุฑขึ้น ก็นิมนต์หลวงปู่หลวงพ่อที่เขาเคารพมาทำพิธีให้ ถ้าประเภทนั้นจะมีเทวดารักษา แล้วหลายที่ก็ดุเสียด้วย โดยเฉพาะพญาครุฑที่กองสลาก

ถาม : เขาจัดอยู่ประเภทไหนครับ ?
ตอบ : เป็นเดรัจฉานกึ่งทิพย์ อยู่ริมเขตของชั้นจาตุมหาราช

ถาม : อยู่ในการปกครองของท่านไหนครับ ?
ตอบ : ถ้าผู้ปกครองโดยตรงก็ไม่มี แต่ว่าถ้าเทวดาที่มีศักดานุภาพขอร้องให้ช่วยอะไรหรือทำอะไร เขาก็เต็มใจทำให้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-09-2014 เมื่อ 13:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 176 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #119  
เก่า 19-09-2014, 13:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,781
ได้ให้อนุโมทนา: 152,265
ได้รับอนุโมทนา 4,421,624 ครั้ง ใน 34,371 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่อง "นางไพร" ที่คุณทองทิว สุวรรณทัตเขียน เป็นเรื่องเกี่ยวกับเรื่องของผู้หญิงชาวป่าคนหนึ่ง ที่มีอำนาจจิตเหนือสัตว์ป่าทุกชนิด เก็บตัวเงียบ ๆ อยู่กับบ้าน แต่ถ้ามีช้างตกมันหรือว่ามีสัตว์ป่าเข้ามาอาละวาดในหมู่บ้าน ถ้าเธอไปถึงสัตว์นั้นจะสงบหมดเลย ต้องเรียกว่าเป็นกรรมวิปากชาฤทธิ์ ฤทธิ์ที่เกิดโดยวิบากกรรม ติดตัวมาตั้งแต่เกิด

แบบเดียวกับหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ ท่านยืนยันตรงกับหลวงพ่อวัดท่าซุง หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่าช้างทุกตัวมีผีคุม หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพท่านบอกว่า ช้างทุกตัวมีเทวดารักษา ซึ่งก็คือข้อมูลเดียวกันนั่นแหละ ฉะนั้น..หลวงพ่อเดิมท่านบอกว่า ถ้าจะคุยกับช้างให้รู้เรื่อง ให้แผ่เมตตาให้เทวดาที่รักษาช้างก่อน ถ้าแผ่เมตตาให้เทวดาที่รักษาเสร็จแล้ว คราวนี้จะคุยอะไรกับช้างก็ว่าไปเถอะ

ท่านบอกว่าถ้าสมาธิถึง ๆ นี่ต่อให้ช้างตกมันก็คืนสติกลับมาได้ เพราะว่าเทวดาที่คุมอยู่ท่านช่วย หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านถึงได้บอกว่าช้างนี่พูดรู้เรื่องทุกตัว อาตมาไปลองมาแล้ว อยู่กลางป่ากลางดง คุยกันรู้เรื่องจริง ๆ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-09-2014 เมื่อ 14:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 178 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #120  
เก่า 19-09-2014, 14:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,781
ได้ให้อนุโมทนา: 152,265
ได้รับอนุโมทนา 4,421,624 ครั้ง ใน 34,371 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : บางทีเวลาไปเจอช้าง แล้วเขามาหมอบมาทักนี่ เพราะเนื่องกันมาใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ถ้าตัวเมตตาของเราสูงจริง ๆ เทวดาที่รักษาช้างท่านก็จะยินดีที่จะช่วยสงเคราะห์ แล้วก็อีกอย่างก็คือว่ามีบุญมีกรรมเนื่องกันมา บางทีเหมือนอย่างกับว่าเจอหน้ากันแล้วจำได้

ถาม : เราแผ่เมตตาแล้วช้างได้ยิน ?
ตอบ : ไม่ใช่ช้างได้ยินหรอก เทวดาหรือผีได้ยิน ในเมื่อได้ยินก็ เอ้า...ช่วยไปจัดการหน่อยซิ หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ ต้องบอกว่าเป็นบูรพาจารย์สายตรงของวัดท่าขนุน เพราะว่าหลวงปู่สาย วัดท่าขนุนไปบวชกับท่าน เรียนวิชากับท่าน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 20-09-2014 เมื่อ 05:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 180 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 04:04



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว