กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #101  
เก่า 22-07-2012, 17:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,637
ได้ให้อนุโมทนา: 158,515
ได้รับอนุโมทนา 4,488,447 ครั้ง ใน 36,245 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ตอนนั้นลูกแก้วราคาเท่าไรครับ ?
ตอบ : มีราคา ๒๐๐ บาท ๑๐๐ บาท ๓๐ บาท สูงสุดลูกแพร์ใหญ่ก็แค่ ๕๐๐ บาท วันนั้นที่ใจเย็นนี่ไม่ใช่อาตมาแน่เลย ต้องมีครูบาอาจารย์สักองค์หนึ่งเหยียบให้นิ่งสนิท เพราะรายได้เยอะขนาดนั้นขืนไปอาละวาดคงไม่ได้สักบาท

อาตมาคิดว่าถ้าจะทำให้ได้จำนวนมากต้ององค์เล็ก ๆ เอาสักปลายเล็บนิ้วก้อย ถึงเวลาเผื่อเอาไว้ใส่ตลับสีผึ้งได้


ถาม : ถ้าเข้าพิธีเป่ายันต์ฯ ปัจจุบันก็ไม่ต่างกันไม่ใช่หรือครับ ?
ตอบ : ก็ไม่ได้ต่างหรอก แต่ต่างกันตรงที่นั่นเป็นของครูบาอาจารย์

ถาม : พระปิดตาใส่ยานัตถุ์ออกมาสีอะไรครับ สีแดง ?
ตอบ : สีน้ำตาล ถ้าอันไหนไม่ใช่น้ำตาลเข้มก็เป็นเพราะยานัตถุ์หมดอายุแล้ว มีคนถวายท่านมากจนใช้ไม่ทัน ยานัตถุ์ของหลวงพ่อวัดท่าซุงต้องยี่ห้อลูกสาวหมอมีเท่านั้นนะ หมอชิตก็ไม่เอา

สมัยที่หลวงปู่โง่นอยู่ หลวงปู่โง่นก็เป่ายานัตถุ์เหมือนกัน สองท่านก็นั่งคุยกัน “ไอ้คุณกับผมนี่ติดสาวคนเดียวกัน” พวกบรรดาลูกศิษย์ก็สงสัย ถามว่าใครครับ ? “ลูกสาวหมอมี” เขามียานัตถุ์หมอชิตด้วย สถานีขนส่งหมอชิตก็มาจากชื่อร้านขายยาเก่าของหมอชิต
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-07-2012 เมื่อ 02:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 236 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #102  
เก่า 23-07-2012, 12:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,637
ได้ให้อนุโมทนา: 158,515
ได้รับอนุโมทนา 4,488,447 ครั้ง ใน 36,245 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลาบวงสรวงจะต้องย้ายไปทำพิธีที่พระสมเด็จองค์ปฐม ๒๑ ศอกหน้าวัดไหมครับ ?
ตอบ : ไม่ต้องหรอก..จะไปบวงสรวงเฉพาะตอนส่งงานเท่านั้น งานอื่นก็ทำที่เดิม แต่งานจะหนักที่คุณตัวเล็ก เพราะพอถึงวันสำคัญจะตามประทีปรอบ ๆ ลานสมเด็จองค์ปฐมด้วย อย่างน้อยก็ต้องใช้ประทีป ๓,๐๐๐ - ๔,๐๐๐ ดวง ดูซิว่าจะผลิตไหวไหม ?

มีคนเห็นองค์พระแล้วศรัทธา ปวารณาถวายมาสามล้านบาท ที่เหลืออาตมาหาเพิ่มเอง สร้างพระตรงริมถนนก็ดีนะ คนเห็นแล้วศรัทธาก็แวะมาทำบุญ พอดีเขาแวะไปตีกอล์ฟ ผ่านไปเห็นฐานพระตรงหน้าวัด เขาก็แวะเข้าไปถามว่าทำอะไร แค่นั้นแหละ..เขาอยากทำบุญด้วย


ถาม : ใช้งบไปเท่าไรแล้วครับ ?
ตอบ : ไม่รู้เหมือนกัน แค่ฐานก็ลงไปเกือบห้าล้านบาทแล้ว ฐานพระเราตีเข็มหลุมละ ๔ เสา เพราะเขาบอกว่าน้ำหนักพระ ๓๕๐ ตัน

ถาม : อย่างคนที่บอกว่าไปตีกอล์ฟ ผ่านไปเห็นแล้วอยากทำบุญ คนนั้นจะได้อานิสงส์อะไรครับ ?
ตอบ : สงสัยจะถูกล็อตโต้เป็นพันล้าน เพราะเขาไม่ได้ตั้งใจ เขาเห็นแล้วอยากทำ

ถาม : เวลามาที่นี่ผมก็ไม่ได้ตั้งใจเหมือนกันครับ
ตอบ : แล้วจะมาทำไมล่ะ ? (หัวเราะ) แค่ตั้งใจคิดจะมาเจตนาก็แน่วแน่แล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-07-2012 เมื่อ 16:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 235 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #103  
เก่า 23-07-2012, 12:24
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,637
ได้ให้อนุโมทนา: 158,515
ได้รับอนุโมทนา 4,488,447 ครั้ง ใน 36,245 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้าความดีกับความชั่วหน้าตาเหมือนกัน แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าต่างกันตรงไหน ?
ตอบ : ต่างกันตรงที่ผลลัพธ์ของการกระทำ ความชั่วจะชี้ให้เราเดินทางผิดอยู่ตลอด

ถาม : ถ้าเราโดนมารหลอก เราจะรู้ตัวได้อย่างไรครับ ?
ตอบ : จนกว่าจะมีปัญญามากกว่าตอนนั้น ถ้าปัญญายังเท่าตอนนั้นก็เสร็จเขาไปก่อน พอปัญญามากขึ้น ก็จะรู้ว่าตรงนั้นเขาหลอก เมื่อก้าวล่วงพ้นไป เขาก็จะหาสิ่งที่เนียนกว่านั้นมาหลอกใหม่อีก

ถาม : แล้วนี่ผมโดนท่านหลอกอีกหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : โดนเต็ม ๆ กำลังหลอกให้ไปพระนิพพาน ดูซิว่าคุณจะไปได้ไหม ?

ถาม : ถ้าโดนหลอกอยู่ตลอดแล้ว เราจะใช้ปัญญาพ้นจากตรงนั้นได้อย่างไรละครับ ?
ตอบ : ต้องรอวาระกุศลเข้ามา พอวาระกุศลเข้ามา สติ สมาธิ ปัญญาทรงตัว ก็จะเห็นว่าที่เราเดินทางตรงจุดนั้นผิด หรือไม่ก็วาระกุศลเข้ามา ได้รับการทักท้วงจากผู้ที่มีกำลังใจสูงกว่า ซึ่งเห็นว่าเราเดินทางผิด แล้วเราเองก็เพิ่งจะยอมรับเป็นครั้งแรกว่าผิด เพราะก่อนหน้านั้นอกุศลครอบงำอยู่ ไม่เคยยอมรับว่าผิด ก็จะอยู่ลักษณะนี้ไปเรื่อย ๆ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 27-07-2012 เมื่อ 16:52
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 218 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #104  
เก่า 23-07-2012, 12:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,637
ได้ให้อนุโมทนา: 158,515
ได้รับอนุโมทนา 4,488,447 ครั้ง ใน 36,245 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ หรือครับ ?
ตอบ : เป็นมานับชาติไม่ถ้วน เราจะเห็นว่าสำคัญตรงบุญกุศล เพราะฉะนั้น..ถ้าเราสร้างบุญกุศลไว้ไม่ให้ขาดช่วง บุญกุศลหนุนนำอยู่ โดยเฉพาะในเรื่องของศีล สมาธิ ปัญญา ก็เท่ากับเราใส่เกราะ แม้จะออกรบรบโดนอาวุธบ้างก็ไม่ถึงกับบาดเจ็บสาหัสนัก

ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : แค่ดูกำลังใจของเราก็รู้ ยังมีรัก โลภ โกรธ หลงอยู่ไหม ? มีอิจฉา ริษยา อาฆาตพยาบาทอยู่ไหม ? ทั้งที่กำลังใจของเรารู้ว่า เขาทำอย่างนั้นเป็นเพราะอกุศลกรรมชักจูงเขา แต่การกระทำของเขามากระทบกระทั่งเรา เราก็พยายามให้อภัยเขา แต่เนื่องจากว่ากำลังใจเรายังต่ำอยู่ คิดให้อภัยเขาไปพักหนึ่ง เดี๋ยวก็คิดว่า “มันว่ากูนี่หว่า” ตัวโทสะกำเริบขึ้นมาใหม่ ตัวอาฆาตพยาบาทก็ “เดี๋ยวกูจะเอาคืน” ไปเรื่อยแหละ

แต่พอนึกขึ้นมาใหม่ก็ “เออ..อภัยให้เขาเถอะ” จะยื้อกันไปยื้อกันมา จนกว่ากำลังฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะเหนือกว่า ทีนี้ก็จะลากยาวไปเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-07-2012 เมื่อ 17:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 214 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #105  
เก่า 23-07-2012, 12:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,637
ได้ให้อนุโมทนา: 158,515
ได้รับอนุโมทนา 4,488,447 ครั้ง ใน 36,245 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์ใช้ให้ลูกศิษย์ไปเปิดไฟ แล้วกล่าวโยงไปถึงเรื่องฤทธิ์ว่า "ถ้าจะใช้อิทธิฤทธิ์เปิดไฟก็ต้องเจริญปฐวีกสิณให้มาก บังคับอากาศให้แข็งตัวแล้วนึกกดลงตรงสวิทช์ไฟ แต่นี่ใช้ให้คนอื่นไปเปิดให้เป็นบุญฤทธิ์ เมื่อสั่งสมไปถึงระดับหนึ่ง สามารถบอกแล้วมีคนทำให้ อันนี้เรื่องจริงนะไม่ใช่เรื่องขำ

ท่านผู้รู้ถึงได้เปรียบเทียบไว้ว่า อิทธิฤทธิ์สู้บุญฤทธิ์ไม่ได้ แต่บุญฤทธิ์ก็สู้วิบากกรรมไม่ได้ ต่อให้มีบุญมากขนาดไหน ถ้าวิบากเข้ามาถึงก็ต้องเสวยผลนั้นไปก่อน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-07-2012 เมื่อ 17:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 224 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #106  
เก่า 23-07-2012, 12:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,637
ได้ให้อนุโมทนา: 158,515
ได้รับอนุโมทนา 4,488,447 ครั้ง ใน 36,245 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

มีโยมที่ตั้งครรภ์อยู่มาทำบุญ แล้วเอาเข็มกลัดกลัดติดอกเสื้อมา พระอาจารย์จึงกล่าวว่า "ถ้าใกล้คลอดอย่าทำอย่างนั้นนะ โบราณเขาถือ อะไรที่ขมวด ขัด กลัด พวกนี้เขาจะไม่ให้อยู่ใกล้ตัว เพราะกลัวว่าจะคลอดลูกไม่ได้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-07-2012 เมื่อ 17:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 222 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #107  
เก่า 23-07-2012, 13:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,637
ได้ให้อนุโมทนา: 158,515
ได้รับอนุโมทนา 4,488,447 ครั้ง ใน 36,245 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้าวาระบุญของเราจะรวย เรานั่งเฉย ๆ ก็ได้สิครับ ?
ตอบ : ได้..แต่ถ้านั่งอยู่อาจจะมาไม่ถึง เพราะว่าความดีมีหลายองค์ประกอบ พอขาดไปองค์ประกอบหนึ่งก็มาไม่ถึงแล้ว

ถาม : ในเมื่อผมเชื่อมั่นว่า ผมต้องรวยแน่ ๆ ผมก็รอได้
ตอบ : ก็ใช่..แต่คราวนี้อาจจะต้องมีองค์ประกอบหนึ่ง คือต้องทำถึงจะได้ องค์ประกอบอื่นถึงจะมา ในเมื่อองค์ประกอบไม่ครบคุณก็นั่งรอไปสิ

ถาม : กรรมชั่วก็เหมือนกันสิครับ ถ้าเรานั่งเฉย ๆ ก็ไม่ส่งผลเหมือนกันสิครับ ?
ตอบ : ส่ง..ผลของกรรมชั่วมักจะเล็งตรง มาเร็ว ไม่ค่อยแยแสเรื่องอื่น เหมือนกับนิสัยเราตอนทำความชั่วที่ไม่สนใจอะไร ตัดสินใจทำรวดเร็ว แต่เรื่องของกรรมดีต้องอาศัยองค์ประกอบหลายอย่าง ต้องอาศัยเพื่อนกระตุ้น ต้องอาศัยพระเทศน์ ต้องอาศัยกำลังใจที่ใฝ่ดีของเรา เราจึงจะกระทำความดีได้ มีองค์ประกอบเยอะกว่ามาก

ในเมื่อองค์ประกอบมีหลายอย่างกว่า เราทิ้งองค์ประกอบเสียอย่างหนึ่ง อย่างอื่นก็ไม่มาแล้ว ตัวนี้ต้องไปศึกษายถากัมมุตาญาณ ถ้าหากว่าเข้าถึงจริง ๆ จะเห็นว่าละเอียดยิบย่อยมากเลย

ถาม : อย่างนั้นเราก็ต้องขยันอย่างเดียว ?
ตอบ : ขยันอย่างเดียว จะมาหรือไม่มาก็ช่าง ถ้ามาก็ได้กำไร ไม่มาเราก็ได้อยู่แล้วเพราะเราทำเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-07-2012 เมื่อ 17:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 219 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #108  
เก่า 23-07-2012, 13:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,637
ได้ให้อนุโมทนา: 158,515
ได้รับอนุโมทนา 4,488,447 ครั้ง ใน 36,245 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เราป้องกันไม่ให้วาระกรรมส่งผลได้ไหมครับ ?
ตอบ : ได้..ต้องทำความดีใหญ่ให้สม่ำเสมอต่อเนื่องกัน ความดีใหญ่ก็คือศีล สมาธิ ปัญญา ถ้าทำได้ต่อเนื่องกัน กำลังความดีก็ส่งเราห่างจากผลกรรมชั่วไปเรื่อย ๆ ถ้าดีถึงที่สุดก็ตามไม่ทันเลย

ถาม : ถ้าดวงตกเล่าครับ ก็ทำเหมือนเดิม ?
ตอบ : เหมือนเดิม อย่างน้อย ๆ ก็ช่วยบรรเทา อย่าให้ผลกรรมชั่วเกิดเต็มที่ เพราะถ้าผลกรรมชั่วเกิดเต็มที่ เราอาจจะถึงตายเลย

ถาม : แล้วถ้าอยากให้บุญส่งผลเร็ว ๆ เล่าครับ ?
ตอบ : ก็ทำความดีเยอะ ๆ ทำหนัก ๆ แต่ที่เยอะ ๆ หนัก ๆ นี่ไม่ได้หมายถึงในเรื่องของทาน แต่เป็นศีล สมาธิ ปัญญา หรือว่าเป็นสมาธิกับภาวนา ถ้ากำลังใจของเราเข้มข้น สมาธิยิ่งสูงเท่าไร บางทีแค่คิดก็ได้แล้ว พอปฏิบัติไปถึงระยะหนึ่งห้ามคิดนอกลู่นอกทาง เดี๋ยวได้จริง ๆ

ล่าสุดอาตมาคิดจะเปลี่ยนโน้ตบุ๊กให้น้องเล็ก (จิราพร ซื่อตรงต่อการ) เขาทำงาน เพราะว่าของเดิมเก่ามากแล้ว หมดสภาพขนาดทำไปดับไป ก็ปรึกษากันอยู่จนกระทั่งควักเงินเตรียมจะให้เขาไปซื้อ ปรากฏว่าไปค้นในกองสังฆทาน เจอโน้ตบุ๊คมา ๑ เครื่อง เขาถวายมากี่วันแล้วก็ไม่รู้ ไม่ได้ดูหรอก

ถาม : เมตตาท่านคิดให้ผมรวย ๆ บ้างสิครับ
ตอบ : ไม่กล้าคิด..กลัวตัดของตัวเองไปหมด..!

ถาม : การตัดความโลภยากนะครับ ?
ตอบ : เป็นเรื่องปกติ อย่างเราถึงโลภก็ไม่ได้ทำเรื่องผิดทำนองคลองธรรม ตัวคิดอย่างเดียวใคร ๆ ก็คิดได้ แต่อย่าไปลงมือทำก็แล้วกัน ถ้าเราอยากได้ก็ทำให้ถูกต้องเป็นสัมมาอาชีวะ ถ้าทำผิดเมื่อไรก็กลายเป็นมิจฉาอาชีวะ

ถาม : แสดงว่าทุกชีวิตต้องเคยชั่วสุด ๆ มาแล้ว
ตอบ : ส่วนใหญ่ก็เคยเป็นเช่นนั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-07-2012 เมื่อ 17:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 225 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #109  
เก่า 24-07-2012, 11:05
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,637
ได้ให้อนุโมทนา: 158,515
ได้รับอนุโมทนา 4,488,447 ครั้ง ใน 36,245 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "กายกรรม..การกระทำทางร่างกาย วจีกรรม..การกระทำทางวาจา สามารถที่จะระงับได้ง่ายกว่า ส่วนมโนกรรมเป็นของละเอียดจึงระงับได้ยาก แต่เราต้องระงับในลักษณะที่ว่า อยากจะคิดก็คิดไป แต่เราจะไม่พูดและไม่ทำ

ถ้าอย่างนั้นความชั่วก็ไม่ครบองค์ประกอบ จะชั่วได้แค่ใจอย่างเดียว กายกับวาจาไม่ทำ โทษหนักก็ไม่มี มีแค่โทษเบาคือกำลังใจที่เศร้าหมองเอง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-07-2012 เมื่อ 18:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 216 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #110  
เก่า 24-07-2012, 11:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,637
ได้ให้อนุโมทนา: 158,515
ได้รับอนุโมทนา 4,488,447 ครั้ง ใน 36,245 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ผมไปอยู่ต่างประเทศและเพิ่งกลับไทยมาเมื่อไม่นานมานี้ และเห็นว่าพื้นที่รอบ ๆ ข้างตัว แต่ละชีวิตจะคิดอะไรก็ได้ จะปรุงแต่งอะไรก็ได้ ทีนี้ความคิดในตัวเราเอง จะคิดปรุงแต่งอะไรก็ได้ เพียงแต่ว่าเป็นเหมือนธรรมชาติ จิตของเราถ้าเข้าไปยึดมั่นในความหลงความอยาก ก็จะเป็นผลสะท้อน เป็นผลข้างเคียง เป็นอารมณ์ เป็นบทละครยาวมาก มีร้องไห้ เสียใจ
ตอบ : โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส อุปายาส มีครบถ้วนเลย

ถาม : หลวงพ่อฤๅษีก็เมตตาผมหลายอย่างเหมือนกันครับ
ตอบ : ใครก็ตามที่ทำงานเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา หรือว่าตั้งใจปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้น ท่านจำเป็นต้องสนับสนุน เพราะว่าปัจจุบันนี้ท่านทำหน้าที่รักษาการณ์พระพุทธศาสนาอยู่ จะบอกว่าเป็นองค์แทนพระพุทธเจ้าก็ได้ กว่าท่านจะพ้นหน้าที่นี้ยังเหลืออีก ๒๒ ปีเต็ม ๆ

สมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ พระที่ท่านรู้เรื่องเหล่านี้ จะมากราบลาหลวงพ่อเพื่อขอไปพระนิพพาน เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราพูดกันได้ แต่ว่าคนที่ไม่เข้าใจเขาก็หาว่าเราปั้นเรื่องขึ้นมาเชิดชูครูบาอาจารย์


ถาม : ในพื้นที่ต่าง ๆ บนโลก การจะสื่อสารกันได้ ต้องให้บริเวณพื้นที่นั้นรับรู้และตกลงก่อน
ตอบ : โดยมารยาท ไปที่ไหนก็ตามต้องบอกเจ้าของที่ก่อน หลังจากเจ้าของที่เขาตกลงไม่ขัดคอ ทุกอย่างก็จะเรียบง่าย สะดวกสบาย คล่องตัว ถ้าเขาไม่เห็นด้วยเราก็จะสะดุดหัวทิ่มหัวตำ

จริง ๆ แล้วงานทุกอย่างก็เหมือนกัน ในโลกของความเป็นทิพย์เขาไม่ได้แบ่งแยกเขตแดนเหมือนโลกมนุษย์ เขาแบ่งเป็นภพภูมิ ฉะนั้น..ความหยาบละเอียดจึงต่างกัน เขาเห็นชัดว่าใครเป็นใคร อย่างเรานี่เห็นหน้าแต่ก็ไม่รู้จักใจ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-07-2012 เมื่อ 18:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 219 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #111  
เก่า 24-07-2012, 12:05
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,637
ได้ให้อนุโมทนา: 158,515
ได้รับอนุโมทนา 4,488,447 ครั้ง ใน 36,245 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ผมขึ้นไปพม่ามาครับ ไปมา ๗ วัน ประทับใจเจดีย์โบตาทัวที่ย่างกุ้งมากครับ
ตอบ : พม่าเรียกว่าโบตะเทา บรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้าอยู่ ๑ เส้น โบ คือนายทหาร ตะเทา แปลว่าหนึ่งพัน ความหมายก็คือ นายทหารหนึ่งพันนายลงทุนร่วมกันสร้างเจดีย์นี้เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา

ศาลาทางด้านข้างจะมีพระประธานอยู่องค์หนึ่งที่เป็นเนื้อสำริดแก่ทอง องค์นั้นโดนอังกฤษยึดไป ๔๐ กว่าปี กว่าจะได้คืนมา อาตมาไปเมื่อไร พอไหว้พระเกศาธาตุเสร็จก็อยู่ตรงพระประธานองค์นั้นแหละ ไม่ได้ไปไหนไกลหรอก

ภาษาอังกฤษแบบพม่าเขาเขียนอย่างหนึ่ง แต่อ่านอย่างหนึ่ง เพราะฉะนั้นออกเสียงไม่ถูกหรอก จริง ๆ อ่านว่า โบตะเทา ตรง ๆ เลย ตะเทาคือหนึ่งพัน ถ้าตะเต๊า คือ หนึ่งหมื่น อย่างโบอองซาน ท่านนายพลอองซาน นายทหารหนึ่งพันช่วยกันสร้างขึ้นมา


ถาม : ผมประทับใจเจดีย์โบตะเทามากกว่าเจดีย์ชเวดากอง
ตอบ : อยู่ที่เราว่าเราเคยมีความผูกพันมาในสถานที่นั้นมากน้อยอย่างไร อย่างอาตมาเองไปทั่วประเทศพม่าเลย ที่ติดใจที่สุดคือเจดีย์เมียะตะลูนที่เมืองมะกูย มะกูยถ้าเขียนเป็นภาษาอังกฤษออกเสียงมาเกว แต่ความจริงออกเสียงว่ามะกูย

มีโอกาสลองไปดู เป็นเจดีย์ที่ไม่ใหญ่เลย แต่เวลาเราไปเหมือนกับท่านเปล่งแสงออกมาเองได้ อร่ามเรืองไปหมด อยู่กลางแดดร้อน ๆ ไม่รู้สึกร้อนเลย เพราะฉะนั้น..ขึ้นอยู่กับความผูกพันเดิม ๆ ของเรากับแต่ละสถานที่
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-07-2012 เมื่อ 18:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 212 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #112  
เก่า 24-07-2012, 12:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,637
ได้ให้อนุโมทนา: 158,515
ได้รับอนุโมทนา 4,488,447 ครั้ง ใน 36,245 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ได้ไปกราบหลวงปู่เท้าหอมด้วยครับ
ตอบ : ท่านยังอยู่หรือ ? ตอนอาตมาไปท่านอายุ ๙๐ กว่าปีแล้ว อยู่ที่บ้านกงโลง เมืองปินดายะ ต้องขึ้นรัฐฉานไปก่อน จากรัฐฉานถ้าเราวิ่งขึ้นถึงตองยี ต้องนั่งรถย้อนลงมาให้ถึงเมืองปินดายะ แล้วก็ออกไปที่บ้านกงโลง จึงจะเจอท่าน

ตอนที่อาตมาไปคราวนั้นถือว่าไปสาย ปกติเขาบอกว่าท่านรับแขกตอนบ่ายครู่เดียว ปรากฏว่าตอนไปถึงก็ตัดใจว่าเรามาผิดเวลา เพราะไปถึง ๙ โมงครึ่ง ไม่เป็นไร..ขอทำบุญกับท่านก็พอ ควักเงินกำลังหยอดตู้อยู่ ท่านเดินมาข้างหลังเฉยเลย แล้วญาติโยมที่รออยู่ ๑๐ กว่าคนก็ดีใจจนน้ำตาไหล กราบทำบุญกับท่าน หลังจากนั้นท่านเดินกลับ ปิดประตูต่อ ท่านออกมาพบแค่นั้นจริง ๆ ท่านเห็นว่าพวกเรากำลังใจดี ในลักษณะว่าไปเพื่อบุญจริง ๆ จึงออกมาสงเคราะห์
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-07-2012 เมื่อ 18:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 221 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #113  
เก่า 24-07-2012, 12:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,637
ได้ให้อนุโมทนา: 158,515
ได้รับอนุโมทนา 4,488,447 ครั้ง ใน 36,245 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ช่วยอธิบายเรื่องของจักระกลางหน้าผากหน่อยครับ
ตอบ : จริง ๆ ก็ เป็นเรื่องของทิพยจักขุญาณนั่นแหละ เพียงแต่ว่าทางด้านทิเบตเขามีความรู้เกี่ยวกับการแพทย์สูงมาก เขารู้ว่าพวกต่อมไพเนียล ถ้าได้รับการกระตุ้นในระดับหนึ่ง จะช่วยสร้างทิพยจักขุญาณได้ เขาก็เลยใช้วิธีกระตุ้นด้วยการเจาะหน้าผากแล้วฝังสมุนไพรลงไป อาจจะเป็นไปได้ว่า พอได้รับการเจาะแล้วฝังสมุนไพร ทำให้ความรู้สึกไปจับอยู่ตรงนั้นได้ชัดเจนขึ้น แน่วแน่ขึ้น ก็เลยทำให้เกิดตาที่สามขึ้นมาได้

แต่ว่าตาที่สามจริง ๆ ไม่ได้เห็นตรงนั้น ยัง เห็นด้วยใจเหมือนเดิม เพียงแต่ว่าเขาอาศัยการแพทย์มาเสริมเข้าไป ซึ่งก็คือจักระตรงกลางหน้าผากนั่นแหละ

ถาม : กลางหน้าผากจะโล่งไปตลอดใช่ไหมครับ ?
ตอบ : จริง ๆ คนที่สามารถเห็นพวกนี้ได้ไม่ต้องเสียเวลาไปทำหรอก เขาเป็นอยู่แล้ว อินเดียเขาเรียกว่า กุณฑาลินี เขาบอกว่าเป็นแหล่งพลังงานมหาศาล

ถาม : แล้วการที่เราใช้กำลังตัวเอง กับการใช้คาถาของครูบาอาจารย์ ผลก็จะเป็นอีกแบบหนึ่งใช่ไหมครับ ?
ตอบ : จริง ๆ แล้ว สมควรที่จะใช้คาถาแล้วอาราธนาบารมีครูบาอาจารย์ช่วย เพราะไม่อย่างนั้นเท่ากับว่าเราไปฝืนกรรม ผลนั้นจะตกแก่เรา ถ้าหากว่าเราขอบารมีครูบาอาจารย์ ท่านจะได้คอยกันให้หรือไม่ก็รับไปแทน

ถาม : อย่างเวลารับขันครู ?
ตอบ : ใช่..ไม่อย่างนั้นก็รับเละอยู่คนเดียว กระแสกรรมเหมือนกับลูกปืนที่ยิงมา แล้วเราไปยืนขวางจะโดนใคร ? ก็โดนเรานั่นแหละ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-07-2012 เมื่อ 18:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 206 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #114  
เก่า 25-07-2012, 12:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,637
ได้ให้อนุโมทนา: 158,515
ได้รับอนุโมทนา 4,488,447 ครั้ง ใน 36,245 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ช่วยแนะนำวิธีการรู้ด้วยตนเอง ให้เข้าใจชัดเจนหน่อยครับ ?
ตอบ : ไม่มีอะไรหรอก แค่เรากำหนดความรู้สึกว่าอยากรู้เรื่องอะไร แล้วก็ทิ้งความรู้สึกนั้นเสีย จากนั้นก็ภาวนาทรงอารมณ์ให้เต็มที่ คลายออกมาแล้วอธิษฐานขอใหม่อีกทีก็จะเป็นแล้ว แค่นั้นเอง อย่างคุณไม่ต้องเสียเวลาไปฝึกฝนอะไรมากมายแล้ว

ถาม : การรู้นี่ให้รู้ด้วยตัวเองเลยนะครับ ไม่จำเป็นต้องมีนิมิต ?
ตอบ : ให้ระมัดระวังไว้ด้วยว่า ไม่ใช่เฉพาะงานเพิ่มขึ้นเท่านั้น เรื่องก็จะเพิ่มขึ้นด้วย พอเรารับรู้ได้ก็เหมือนกับโทรศัพท์ติดต่อกันได้ ต่อไปเราก็รับเละอยู่คนเดียว

ถาม : คำว่างานเพิ่มขึ้นกับเรื่องเพิ่มขึ้นเป็นอย่างไรครับ ?
ตอบ : อย่างเช่น เขาขอให้ทำนั่นทำนี่ หรือไม่ก็มีเรื่องนั้นเรื่องนี้เข้ามา เรารับรู้มากเกิน บางทีก็ไปแบกเอาไว้แทนจนเครียด

บุคคลบางประเภท ถ้าหากมารขวางตรง ๆ ไม่ให้เขาเข้ามรรคผล คนประเภทนี้จะสู้ตะบันราด เพราะเขารู้ว่าผ่านได้แน่ เขาก็จะไม่ขวางด้วยวิธีนั้น แต่จะดึงให้ไปทำงานชิ้นนั้น ทำงานชิ้นนี้ ซึ่งเป็นงานเพื่อส่วนรวม เป็นอานิสงส์ใหญ่ที่เราเห็นอยู่ จะดึงเราไปทำตลอด จนเราไม่มีเวลาปฏิบัติเพื่อมรรคผลของเราเอง ซึ่งเป็นวิธีขวางของเขาอย่างหนึ่ง เพราะฉะนั้น..ถ้าหากว่าไปรู้เข้า เรื่องพวกนี้จะเข้ามาเยอะ

ถาม : ก็จริงครับ
ตอบ : เขาไม่ได้ขวางเรา เขารู้ว่าถ้าขวางเราสู้ แล้วนิสัยอย่างเรานี่ผ่านได้แน่ เขาก็ใช้วิธี “คนนั้นน่าสงสาร ไปช่วยเขาหน่อย” “สถานที่นี้น่าบูรณะ เกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้าโดยตรง ไปทำเสียหน่อย” ทำเราให้มีงานอยู่ตลอด จนไม่มีเวลาปฏิบัติของเราเอง

ถาม : กรณีอย่างว่า เราต้องละวางดีใช่ไหม ?
ตอบ : ใช่..ถึงเวลาแม้แต่ดีก็ต้องละ

ถาม : การทำอะไร ถ้าเราเองทำทางเดียวเหมือนกับว่าจะมีตัวล่ออยู่ แต่ถ้าขยายไปหลาย ๆ ทางแล้วเราเลือกเอง จะดีกว่าไหมครับ ?
ตอบ : ดีกว่า..แต่ว่าเราต้องไม่ลืมเป้าหมายของเรา ถ้าเราลืมเป้าหมายเดี๋ยวก็โดนจูงไปไกลอีก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-07-2012 เมื่อ 18:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 200 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #115  
เก่า 25-07-2012, 12:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,637
ได้ให้อนุโมทนา: 158,515
ได้รับอนุโมทนา 4,488,447 ครั้ง ใน 36,245 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวกับคณะโยมที่ศึกษาเกี่ยวกับการต่อสู้แบบมวยไชยาว่า "ในเรื่องที่เราศึกษานั้น เป็นมรดกที่เป็นภูมิปัญญาไทย แล้วช่วยกันรักษาเอาไว้ แต่ระยะหลังนี้มีหลายสำนักเกิดขึ้นมา ต่างคนต่างกล่าวหาอีกฝ่ายหนึ่งเป็นของเทียม สำนักของตนจึงเป็นของแท้ จึงสร้างปัญหากันขึ้นมา เพราะฉะนั้น..บางทีเรื่องกิเลสคน เราต้องทำไม่รู้ไม่ชี้ อยากจะว่าอย่างไรก็ว่าไป เราใช้ความจริงเป็นเครื่องพิสูจน์"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-07-2012 เมื่อ 18:05
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 197 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #116  
เก่า 25-07-2012, 13:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,637
ได้ให้อนุโมทนา: 158,515
ได้รับอนุโมทนา 4,488,447 ครั้ง ใน 36,245 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ทำไมเวลาสวดบังสุกุลสะเดาะเคราะห์ จึงให้โยมเอาจิตอยู่ที่นิพพาน ?
ตอบ : กำลังใจเราต้องมุ่งสูงสุดก่อน ถ้าไปไม่ได้สูงที่สุด ก็ยังไปได้มากที่สุด
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-07-2012 เมื่อ 18:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 199 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #117  
เก่า 25-07-2012, 13:17
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,637
ได้ให้อนุโมทนา: 158,515
ได้รับอนุโมทนา 4,488,447 ครั้ง ใน 36,245 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : มีคนประสบอุบัติเหตุกระดูกสันหลังหัก ควรทำบุญอย่างไรเพื่อช่วยให้หายเร็วขึ้นครับ ?
ตอบ : "ให้คนเอาน้ำมันชาตรีของหลวงพ่อวัดท่าซุงมาทาแล้วนวดให้ ส่วนตัวเองภาวนาอิติปิโสฯ ทั้งบทไปเลยก็ได้ ขอบารมีพระท่านสงเคราะห์

น้ำมันชาตรีวัดท่าซุง ถ้าหากว่าจะรักษาโรคให้อธิษฐานแล้วลองทาดูก่อน ถ้ารู้สึกปกติหรือรู้สึกเย็นแสดงว่าโรคนั้นรักษาได้ ถ้ารู้สึกร้อนแปลว่าเกินกฎของกรรม ไม่สามารถที่จะฝืนได้ หลังจากนั้นจะกินหรือทาก็แล้วแต่ ถ้ารู้สึกปกติเหมือนกับน้ำมันทาผิวเฉย ๆ หรือว่ารู้สึกเย็นรักษาได้แน่ แต่ถ้ารู้สึกร้อนไม่ต้องรักษาเลย กรรมนั้นเราจำต้องรับ

เดี๋ยวเอาไว้ตอนอาตมาแก่กว่านี้ จะขออนุญาตพระท่านทำบ้าง หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า ในชีวิตท่านเห็นหลวงปู่ปานกับอาจารย์โภคาทำได้แค่ ๒ องค์เท่านั้น แล้วก็ทำได้คนละครั้งเดียว หลวงพ่อท่านบอกว่าท่านเองท่านไม่แน่ใจ เมื่อพระอนุญาตท่านก็ทำเสียเต็มที่เลย สั่งน้ำมันงาจากโรงงาน ๓๐๐ ปีบ ไปเข้าพิธี

น้ำมันชาตรีดีตรงที่ว่าเติมไปได้เรื่อย ๆ เติมเท่าไรอานุภาพก็ยังเท่าเดิม แต่ให้เอาของเก่าเททับของใหม่ อย่าเอาของใหม่เททับของเก่า ถ้าเอาของใหม่เททับของเก่า จะเหมือนกับเราเอาของไปเทใส่หัวพระ ในเมื่อไม่มีความเคารพท่านก็ไม่สงเคราะห์ให้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-07-2012 เมื่อ 18:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 196 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #118  
เก่า 25-07-2012, 13:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,637
ได้ให้อนุโมทนา: 158,515
ได้รับอนุโมทนา 4,488,447 ครั้ง ใน 36,245 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "การที่เราเอาจิตเกาะพระนิพพาน อยู่ไปนาน ๆ เดี๋ยวพอเคยชินเข้า อารมณ์นั้นก็จะเป็นของเราเอง ฉะนั้น..เกาะนิพพานให้ได้มากที่สุด เพราะเป็นการตัดกิเลสโดยอัตโนมัติ สภาพจิตที่เคยชินกับการปราศจากรัก โลภ โกรธ หลง พอไปนาน ๆ กิเลสไม่สามารถที่จะเกิดได้ กำลังกิเลสถอยลงไปเรื่อย ๆ แล้วท้ายสุดกิเลสก็จะหมดไปเอง นี่เป็นการบรรลุมรรคผลแบบเจโตวิมุติ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-07-2012 เมื่อ 18:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 203 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #119  
เก่า 25-07-2012, 13:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,637
ได้ให้อนุโมทนา: 158,515
ได้รับอนุโมทนา 4,488,447 ครั้ง ใน 36,245 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ตัว "พาวเวอร์" หรือเก่ง ผมเห็นว่ายังแยกออกมาเรื่อย ๆ คือ มันไม่ใช่เรา แต่ตัวอื่นก็ยังมีกิเลสแฝงอยู่อีกเยอะ ?
ตอบ : นั่นแหละตัวกิเลสเลย "ตัวกู ของกู" ภาษาพระเรียกว่า "อหังการ มมังการ"

ถาม : เห็นไปเรื่อย ๆ เป็นธรรมดาหรือครับ ?
ตอบ : เห็น..ควบคุมให้อยู่ รู้ให้เท่าทันก็พอ

ถาม : บางทีมันก็พยายามสร้างเรื่อง
ตอบ : หน้าที่ของเขา เขามีหน้าที่หลอก เรามีหน้าที่หลบหลีก หนีไปให้ได้

ถาม : แล้วมีวิธีหยุดอย่างไรครับ เพื่อให้เกิดความบริสุทธิ์ในการปฏิบัติธรรม ?
ตอบ : รู้เท่าทันแล้วก็วาง วิ่งเข้าหาศีล สมาธิ ปัญญาเป็นหลัก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-07-2012 เมื่อ 18:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 205 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #120  
เก่า 26-07-2012, 08:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,637
ได้ให้อนุโมทนา: 158,515
ได้รับอนุโมทนา 4,488,447 ครั้ง ใน 36,245 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "วันเสาร์ที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ที่จะนำพระบรมสารีริกธาตุและบรรจุของมีค่าที่สมเด็จองค์ปฐม ๒๑ ศอกนั้น พระครูไพโรจนภัทรคุณ วัดสระพัง ท่านถวายพระพุทธรูปทองคำร่วมบรรจุด้วย ๑ องค์ น้ำหนัก ๑๔ บาท ขออนุโมทนาบุญกับท่านด้วย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 26-07-2012 เมื่อ 10:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 223 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 00:58



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว