|
เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป |
![]() |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#141
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : คนพุทธในเมืองไทยน่าจะส่งเสริมกิจกรรมแบบที่อิสลามทำละหมาดทุกวัน หรือสอนธรรมะช่วงเช้าในโรงเรียนแบบโรงเรียนคริสต์
ตอบ : ก็เพราะอย่างนั้นแหละ ความเข้มแข็งของเขาก็เลยมีมากกว่า เพราะเท่ากับเขาได้ภาวนาวันละ ๕ รอบ เราเองเอาแค่สวดมนต์เช้าเย็นยังทำไม่ได้เลย ตื่นไม่ทันบ้าง เหนื่อยเกินไปขอนอนก่อนบ้าง กิเลสชวนให้ขี้เกียจอยู่ตลอด ส่วนเขาถึงเวลาต้องทำ ทุกคนทำเหมือน ๆ กันหมด วันศุกร์วางมือไปมัสยิด ขนาดโรงเรียนไทยพุทธแท้ ๆ ถึงเวลาวันศุกร์ต้องหยุดให้เขาไปสุเหร่า อาตมาลงไปสุไหงโกลกเมื่อไร ถ้าตรงกับวันศุกร์เขาก็จะนิมนต์ไปบรรยายธรรมในโรงเรียน เพราะไม่อย่างนั้นเด็กไทยพุทธจะไม่มีกิจกรรมอะไร เพราะเด็กอิสลามไปสุเหร่ากันหมด ถาม : เคยเรียนโรงเรียนคริสต์เขาก็ให้เด็กสวดมนต์แบบของเขา ส่วนโรงเรียนพุทธไม่บังคับศาสนาอื่นให้สวดมนต์แบบพุทธ ตอบ : เพราะเราอยากไปเรียนกับโรงเรียนคริสต์ เขาก็บังคับเราได้ แต่เขาไม่ได้อยากเรียนกับเรา เราก็บังคับเขาไม่ได้ ถ้าไปบังคับเขาว่า ถึงเวลาต้องมาสวดมนต์ เขาก็ลาออก ที่วัดท่าขนุนก็มี เด็กที่มาเป็นคริสต์ เป็นอิสลาม เวลาเพื่อนเขากราบพระไหว้พระกันก็นั่งเงียบ อาตมาก็สงสัย พอถามจึงรู้ว่าเป็นคริสต์เป็นอิสลาม ก็เลยบอกกับเขาว่าตอนสมัยเด็ก ๆ อาตมาไปสุเหร่า ก็ไปละหมาดร่วมกับเพื่อน ถึงเวลาอาตมาก็เรียนเกี่ยวกับศาสนาคริสต์ทางไปรษณีย์ ทุกศาสนาสอนคนให้เป็นคนดี ไม่ได้ขึ้นอยู่กับหลักธรรมว่าศาสนาไหนต้องสอนเฉพาะคนศาสนานั้น แต่ขึ้นอยู่กับตัวเราว่า ถ้าเห็นสิ่งไหนดีและเป็นประโยชน์ต่อเรา เราก็เก็บเอาสิ่งนั้นมาใช้งาน ถ้าอยู่ ๆ เขาเอาทองคำมากองไว้ตรงหน้า แล้วเขียนว่าศาสนาพุทธ ถ้าเราเป็นอิสลามมาเห็นเราจะเก็บไหม ? ก็แปลว่าในสิ่งที่ดีและเหมาะสมก็สามารถเอาไปใช้งานได้ทั้งหมด เราต้องชี้แจงให้เด็กรู้ แม้กระทั่งครูเขาก็บอกว่า ถ้าเป็นอิสลามเป็นคริสต์ให้นั่งเฉย ๆ ไม่ต้องทำอะไรก็ได้ แต่สำหรับอาตมาแล้วไม่ใช่..ต้องบอกให้เขาเห็นว่าประโยชน์คืออะไร เปิดค่ายพุทธบุตร ๕ วัน วันหลัง ๆ เขาก็สวดมนต์ไหว้พระกับคนไทยนั้นแหละ เพราะเขาก็คือไทย เพียงแต่ว่าเขาถือศาสนาอีกศาสนาหนึ่งเท่านั้น
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 27-08-2012 เมื่อ 06:19 |
สมาชิก 199 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#142
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : กระแสเมตตา...(ไม่ได้ยิน)..
ตอบ : ก็แผ่เมตตาตามปกตินั่นแหละ เพียงแต่ว่าให้เขาบ่อย ๆ ถ้าวันละครั้งไม่พอก็วันละ ๓ ครั้งไปเลย แต่เดี๋ยวจะเจอแบบหลวงพ่อวัดปากคลองมะขามเฒ่า หลวงพ่อวัดปากคลองฯ บอกว่า “เขาโกรธแค้นอาฆาตผม ผมก็ไม่ได้โกรธตอบ ผมถวายสังฆทานอุทิศส่วนกุศลให้เขา ๓ ครั้งเท่านั้นแหละ เขาตายเลย..!” หลวงพ่อวัดท่าซุงก็บอกว่า “นี่ ๆ เดี๋ยวเถอะ..จะปรับปาราชิก ข้อหาฆ่าคนอื่นเขา” ท่านบอกว่าท่านไม่ได้เจตนาหรอก ท่านถวายสังฆทานอธิษฐานให้เขามีความสุขความเจริญ เขารับความดีไม่ไหวอย่างไรก็ไม่รู้ ตายไปเลย ฉะนั้น..แผ่เมตตาให้เขาเยอะ ๆ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-08-2012 เมื่อ 17:38 |
สมาชิก 209 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#143
|
||||
|
||||
![]()
พระอาจารย์อ่านหนังสือเกี่ยวกับคาถาหนังเหนียว แล้วจึงกล่าวว่า "อ่านคาถาแล้วของขึ้น อาตมาทำขึ้นจนชิน พอไปอ่านใหม่แล้วของขึ้น พอของขึ้นขนจะลุกทั้งตัว สมัยก่อนตอนที่เรียนคาถา ครูบาอาจารย์ท่านบอกว่าเมตตาดีที่สุด ท่านบอกว่ามหาอุตม์ภาวนาแค่ขนลุกก็เหนียวแล้ว แต่เมตตาต้องออกจากใจจริง ๆ ถ้าใจเราขาดเมตตา ทำอย่างไรคาถาก็ไม่ขึ้น
คราวนี้ด้วยความที่เคยชิน พอถึงเวลาว่าคาถา กำลังใจถอยไปตรงจุดที่เคยใช้ได้ผลพอดี ก็จะขนลุกทั้งตัว" ถาม : วันไหนตั้งใจสวดมนต์ดี ๆ บางทีก็เคยขนลุกเหมือนกันค่ะ ตอบ : ถ้าอย่างนั้นไปเถอะ วันนั้นลุยได้ทุกที่
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-08-2012 เมื่อ 16:50 |
สมาชิก 201 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#144
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : ผมขับรถออกจากบ้านมา พอฟังเพลงอารมณ์จะวูบแล้วสว่าง ปกติอารมณ์จะเกิดก็ต่อเมื่อ...(ไม่ได้ยิน).. ปกติผมขับรถเปิดเพลงฟังตลอด แต่ทำไมครั้งนี้ถึงทำได้ ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ทำสมาธิ
ตอบ : มี ๒ อย่าง ประการที่ ๑ ต้องดูสิ่งแวดล้อมช่วงนั้น ถ้าสิ่งแวดล้อมช่วงนั้นเหมือนกับว่าบีบเราให้เข้าไปอยู่ในกรอบที่จำเป็นต้องทรงอารมณ์นั้นพอดี เนื้อเพลงเป็นเพียงสวิทช์ที่เปิดขึ้นมาเท่านั้น ประการที่ ๒ ก็คือเริ่มเป็นมิจฉาสมาธิแล้ว อาศัยสิ่งกระตุ้นภายนอกเข้ามาแทน ไม่ได้อาศัยปีติภายใน ถาม : ดีหรือไม่ครับ ? ตอบ : ถ้าต่อไปไม่ได้ฟัง อารมณ์ก็ไม่ทรงตัว ถาม : ทำไมถึงสว่างครับ ? ตอบ : ให้ดูอย่างที่ว่า ในช่วงนั้นทั้งวันหรือก่อนหน้านั้นสักวันหนึ่งเราทำอะไร สิ่งทั้งหลายที่เราทำรวบเข้ามา ๆ อยู่ตรงนั้นพอดี เสียงเป็นเพียงตัวจุดระเบิดเท่านั้น อาตมาเองภาวนา ๆ ไป กำลังก็ไม่ได้ทรงตัวแน่นขนาดนั้น แต่พอดีวันนั้นไปช่วยงานกวนข้าวทิพย์ที่วัด แล้วเด็กนักเรียนโรงเรียนพระสุธรรมยานฯ รุ่นแรกเขาก็มาช่วยงาน พิณพาทย์ดันไปตีเพลงสาวรำวง เด็กก็วางมือไปกรี๊ดเต้นรำกันหมด แล้วเด็กสาวเป็นร้อย ๆ กรี๊ดพร้อมกัน จิตอาตมาดิ่งวูบเดียวหายวับไปจากโลกเลย ไม่รับรู้อะไรข้างนอกอีกแล้ว เป็นตัวจุดระเบิดพอดี ถาม : อย่างนี้ต่อไป เราจะใช้วิธีเดิม ? ตอบ : ถ้าจำอารมณ์เดิมได้ก็ให้ทำแบบเดิมจะได้เอง แต่ถ้าจำไม่ได้ ไปใช้วิธีเดิมไม่ได้แล้ว เพราะมาด้วยความอยากแล้ว ตัวอยากจะตัดหมด ก็ไปพิจารณาเอาว่ามาจากสาเหตุไหน ถ้าสาเหตุแรกถือว่าดี จากสาเหตุหลังนี่เรื่องเป็นมิจฉาสมาธิ ถ้าทำต่อไปจะเอาคืนยาก
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-08-2012 เมื่อ 16:52 |
สมาชิก 183 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#145
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : รู้สึกดีมาก อดีตก็ไม่สำคัญ อนาคตก็ไม่สำคัญ
ตอบ : จำได้ไหมว่า..ดีมากมากี่ครั้ง ? แล้วเราก็ปล่อยทิ้งไปทุกที ถาม : ผมคิดว่า ถ้ามีใครทำอะไรลูก ผมจะเป็นอย่างไร ปกติถ้าคิดแบบนี้ผมจะทนไม่ได้ ผมจะรู้สึกว่าแย่มาก แต่ตอนนี้ผมคิดว่ามีใครทำร่างกายให้ลูกตาย ผมจะรู้สึกอย่างไร ? ผมไม่รู้สึกว่าไม่ดี ตอบ : เพราะฉะนั้น..พยายามประคับประคองอารมณ์ใจนี้เอาไว้ให้ได้ ถือว่าซื้อโง่มาหลายยกแล้ว ถ้างวดนี้ยังปล่อยให้หลุดอีกก็สมควรที่จะโง่ต่อไป..! ถาม : อารมณ์นี้อยู่ได้ตลอดเวลาหรือครับ ? ตอบ : ถ้าเราพยายามประคองเอาไว้ แรก ๆ ก็อยู่ไม่นาน ก็ต้องไปเริ่มต้นตั้งใหม่ แต่พอทำไปนาน ๆ เกิดความเคยชิน ก็จะอยู่กับเราเลย ตอนนี้ต้องบอกว่าเริ่มเป็นมรรค คือเป็นช่องทางแล้ว ถ้าทำได้ทรงตัวจึงจะเป็นผล ถาม : อย่างนี้ไม่ลาพุทธภูมิหรือครับ ? ตอบ : ไม่ลาหรอก เพราะอารมณ์สุดท้ายไม่ตัด ถาม : ถ้าเราลาก่อน ? ตอบ : ถ้าเราชิงลาก่อนก็แล้วไป ถ้าเราไม่ลา พอไปถึงตอนสุดท้ายอารมณ์จิตของเราก็ยื้อไว้เอง เราไม่ต้องไปบังคับหรอก ถาม : เหมือนโง่เลยครับ ใจบอกว่ามาถึงขนาดนี้ไม่มีทางถอยหลังแล้ว แล้วเราจะเลิกเมื่อไร ? ตอบ : พอไปเจออะไรหนัก ๆ เข้าก็เลิกไปเอง ตอนนี้ยังหนักไม่พอ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-08-2012 เมื่อ 03:28 |
สมาชิก 189 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#146
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : รู้เห็นว่าข้างหน้าเป็นอุบัติเหตุ แต่ไม่ตื่นเต้น ผมก็ว่าแปลกดีนะ ?
ตอบ : สติ สมาธิ พอทรงตัว ความแหลมคม ว่องไว รู้รอบจะเกิดขึ้น สิ่งที่คนทั่วไปใช้เวลานาน แค่พริบตาเดียวเราสามารถที่จะตรองหาช่องทางทุกอย่างได้พร้อมเลย ชั่งน้ำหนักเสร็จสรรพว่าอันไหนเหมาะที่สุดแล้วก็ไปทางนั้น ถาม : อย่างนี้ก็หลอกได้สุดยอดเลย ? ตอบ : อาตมาโดนหลอกมาตั้งแต่พรรษาแรกมาจนบัดนี้ เขาหลอกให้รู้แบบนี้แหละ รู้ถึงขนาดรัก โลภ โกรธ หลง จะเกิดขึ้นด้วยสาเหตุอะไร แล้วชิงตัดตั้งแต่ต้นเหตุ ถาม : แล้วไม่ดีหรือครับ ? ตอบ : ดี..ทำไมจะไม่ดี ก็หลอกให้อยู่มาจนทุกวันนี้อย่างไรล่ะ เหมือนโดนหลอกให้กินอาหารอร่อย พอปล่อยให้เราทำเองก็มั่วไปเรื่อยแหละ กว่าจะทำได้อร่อยแบบนั้นไม่รู้อีกนานไหม แต่ว่าครั้งนั้นไม่ใช่ความสามารถตัวเองนะ เป็นความสามารถของหลวงปู่ขนมจีน ท่านถามเลยว่าจะเอานานเท่าไร อาตมาเลยบอกว่า ถ้าหลวงพ่อให้ได้สัก ๓ เดือน จะได้บวชเอาพรรษาเลย ท่านให้จริง ๆ ๓ เดือนครบถ้วน พอวันที่ ๙๑ ก็หล่นมาเป็นหมาเหมือนเดิม ถาม : ผมว่าที่ผมทำได้ ก็ไม่น่าจะใช่ความสามารถผม ? ตอบ : ก็ไม่ใช่ความสามารถตัวเอง.."ท่าน" ให้ ถาม : แต่แปลกนะครับ เพราะช่วงนั้นผมไม่ได้นั่งกรรมฐาน หรือเป็นเพราะว่าสวดมนต์ ? ตอบ : การสวดมนต์เป็นสมาธิอยู่แล้ว ถ้าสมาธิไม่มีก็สวดไม่ถูก
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-08-2012 เมื่อ 08:33 |
สมาชิก 183 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#147
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : จะสร้างพระ มาขอพระนามพระจากหลวงพ่อ ?
ตอบ : อาตมาไม่บังอาจตั้งชื่อพระพุทธเจ้า..! แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยทำ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-08-2012 เมื่อ 02:15 |
สมาชิก 184 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#148
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : ผมไปที่วัดเขาสามยอด ที่ลพบุรี ผมไปกราบเรียนพระว่าอยากจะสร้างพระลักษณะอย่างนี้ คณะศิษยานุศิษย์ก็ไม่ได้ขัดข้องอะไร ?
ตอบ : เอาให้แน่ ๆ เอาพานดอกไม้ธูปเทียนไปกราบขออนุญาตท่านตรง ๆ ถ้าท่านอนุญาตก็ลุยเลย จะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปหาที่อื่น ลพบุรีเป็นเมืองเก่า คนโบราณต้องใช้วิธีแบบโบราณ ประเภทไปบอกเฉย ๆ เหมือนกับเราบอกเพื่อน ท่านเองก็ทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-08-2012 เมื่อ 08:34 |
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#149
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : เวลารู้สึกดีมาก ๆ เหมือนผมส่งกำลังแห่งความเพียรไปทั่วโลก แล้วผมนึกถึงในหลวง เอากำลังนี้จากข้างบนให้ในหลวงหมด ผมคิดเกินตัวไหมครับ ?
ตอบ : ไม่เกิน..น่าจะทำมาตั้งนานแล้ว ตอนนี้เรื่องของในหลวงต้องบอกว่าค้ำกันสุดชีวิต เราลองนึกถึงว่าท่านที่มีความรับผิดชอบอย่างสูงสุด ทรงงานตลอดเวลาแทบจะไม่ได้พัก แล้วอยู่ ๆ ไม่สามารถที่จะทำอย่างใจได้จะเป็นอย่างไร ? เป็นเราก็อึดอัดอกแตกตายไปแล้ว ต้องบอกว่าวาระกรรมของประเทศชาติยังหนักอยู่ จากที่เสด็จไปนนทบุรี ประทับนั่งนานเกิน ตอนนี้หมอบอกว่ามีอาการเหมือนกับเป็นอัมพาตครึ่งซีก ซึ่งความจริงคนจัดงานคงไม่นึก ก็เลยจัดรายการเต็มที่ เราต้องนึกว่าพระองค์ท่านเป็นคนป่วย ไม่ใช่คนป่วยธรรมดา แล้วก็เป็นคนแก่ด้วย ไปให้พระองค์ท่านออกงานนานขนาดนั้น แต่ถ้าหากว่าพระองค์ท่านแข็งแรงขึ้นมาแล้วเสด็จไปงานอื่น ก็ถือว่าได้เป็นบทเรียนไป แต่ถ้าเป็นบทสุดท้ายก็เรียนไม่ทันแล้ว..! ถาม : ในหลวงท่านน่าจะอธิษฐานให้ร่างกายดีเหมือนกับพระ..? ตอบ : พระระดับนั้นหรือคนที่ทำได้ระดับนั้น ไม่มีใครเขาฝืนกฎของกรรม ไม่ใช่ไม่รู้ว่าทำแล้วจะเป็นอย่างนั้น แต่ท่านพร้อมที่จะเป็นอย่างนั้น เราต้องนึกถึงว่าคนทั่วไปไม่รู้ว่าทำแล้วจะเกิดผลอย่างไรจึงทำ ยังถือได้ว่ากล้าหาญธรรมดา แต่คนที่รู้ว่าทำแล้วผลจะเกิดขึ้นกับตัวเองอย่างไร แล้วยังกล้าทำ ใช้คำว่ากล้าธรรมดาไม่ได้ ต้องบอกว่าเกินความกล้า ถาม : ถ้าช่วยกันอธิษฐาน อาการท่านจะดีขึ้นมาไหมคะ ? ตอบ : ก็ช่วยกันลุ้นทำความดีอุทิศถวายพระองค์ท่านไปเรื่อย ๆ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-08-2012 เมื่อ 08:36 |
สมาชิก 187 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#150
|
||||
|
||||
![]() ![]() ![]() ถอดจากเสียงเป็นตัวอักษร โดย ทาริกา คะน้า เถรี รัตนาวุธ และมุนินา
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 195 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
![]() |
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
คำสั่งเพิ่มเติม | |
|
|