กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #81  
เก่า 19-06-2012, 11:16
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,540 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "ตอนเช้าเวลาอาตมาบิณฑบาต จะมีโยมบ้านหนึ่งเอาหลาน ๆ มาใส่บาตร แล้วก็สอนให้ไหว้พระ หลานก็ “ธุจ้า ๆ ” เขาก็ธุจ้าไปเรื่อย เนื่องจากพระวัดท่าขนุนมีจำนวนเยอะ พอ “ธุจ้า” ไปยี่สิบรูปชักจะหมดเสียง

น่าเสียดายที่หลายบ้านตอนเด็ก ๆ พ่อแม่วางรากฐานไว้ดี แต่พอโตเป็นวัยรุ่นเลิกใส่บาตร มี ๒ อย่าง อย่างแรก คือ ตื่นไม่ทัน อย่างที่ ๒ คือ อายพระ เลยไม่ใส่บาตร มีคุณยายคนหนึ่งเป็นอัมพาตแต่ใส่บาตรทุกวัน ไม่เห็นต้องอายเลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-06-2012 เมื่อ 11:52
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 212 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #82  
เก่า 20-06-2012, 11:29
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,540 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "บาลีเขาบอกว่า เด็กมีเสียงร้องไห้เป็นกำลัง ผู้ใหญ่เห็นเด็กร้องไห้ไม่ได้หรอก..เสร็จหมด สตรีมีน้ำตาเป็นกำลัง ไม่ต้องร้องไห้หรอก แค่นั่งน้ำตาเล็ด ใครเดินผ่านเห็นก็ใจอ่อนแล้ว สมณะมีศีลเป็นกำลัง ถ้าศีลไม่ดีก็แปลว่ากำลังตัวเองน้อย

ถ้าเป็นผู้หญิงกับเด็กเราก็อย่าไปปะทะตรงจุดแข็งเขา ในเมื่อกำลังเขาดีกว่าเราก็เลี่ยงไปทางอื่น ยกเว้นว่ากำลังเราเหนือกว่าจริง ๆ จะว่าไปแล้วพระพุทธเจ้าท่านตรัสว่ากำลังของผู้หญิงมากที่สุด บาลีบอกว่า พะลังจันโท พะลังสุริโย พะลังสมณะพราหมณา พะลังเวลาสมุทัสสะ พลาติพะละมิตถิโย ไม่ว่าจะเป็นกำลังของพระอาทิตย์ก็ดี พระจันทร์ก็ดี สมณพราหมณ์ก็ดี ตลอดจนกำลังของกาลเวลาและมหาสมุทร ก็สู้พลังของผู้หญิงไม่ได้

ผู้หญิงเป็นเพศแม่ เป็นผู้ให้กำเนิดชีวิต พลังแห่งการให้กำเนิดชีวิตถือว่าสูงที่สุด เราจะเห็นว่าผู้หญิงที่กำลังมีประจำเดือนอยู่ สามารถทำให้ไสยศาสตร์เสื่อมอานุภาพได้ เพราะสู้กำลังผู้หญิงไม่ได้ พวกบรรดาโอปปาติกะชั้นต่ำ ๆ ถ้าผู้หญิงมีประจำเดือนอยู่เข้าไป เขาเปิดกระเจิดกระเจิงหมด ไม่อยู่ด้วยหรอก ฉะนั้น..ควรจะภูมิใจตัวเองว่าเราเป็นเพศแม่ เป็นผู้ให้กำเนิด การให้กำเนิดชีวิตเป็นการให้กำเนิดโลกเลย ถึงขนาดสร้างโลกได้ จะมีอำนาจอะไรยิ่งไปกว่านั้นอีก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-06-2012 เมื่อ 19:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 201 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #83  
เก่า 20-06-2012, 12:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,540 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เรื่องอยู่ยงคงกระพัน มีจริงไหมครับ หรือว่าแค่เขาเชื่อกันเฉย ๆ ?
ตอบ : ไม่ใช่ความเชื่อ เป็นความจริง แต่ว่าความจริงนั้นจะต้องประกอบด้วยเหตุและผล เหตุก็คือ สิ่งที่เรายึดมั่นเพื่อให้คงกระพัน อย่างเช่น วัตถุมงคล รอยสัก คาถาอาคม หรือว่านยา ประการที่ ๒ สิ่งที่จะต้องเข้ามารองรับ ก็คือ กำลังใจของเรา ถ้าหากว่าสองอย่างไม่ประสานกันก็แหว่ง..!

ในเมื่อมีเหตุแล้ว จิตของเราจะต้องเปิดรับ ถ้าไม่เปิดรับ ปราศจากความเชื่อ หรือขาดความมั่นใจ ก็ไม่สามารถที่จะคงกระพันกับใครได้ เพราะใจไม่เอาด้วย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-06-2012 เมื่อ 19:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 198 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #84  
เก่า 20-06-2012, 12:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,540 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "คุณยายหยาด ใจมั่น เป็นอัมพาต ก่อนที่จะป่วยเป็นอัมพาต คุณยายจะใส่บาตรทุกวัน คราวนี้พอป่วยแล้วอยากใส่บาตรแต่ขยับไม่ได้ ได้แต่นั่งมองพระอยู่ทุกวัน อาตมาก็เลยบอกว่า “ยาย..ถ้าอยากใส่บาตรต้องพยายามขยับให้ได้ ไม่อย่างนั้นใส่ไม่ได้หรอก” ด้วยความมุ่งมั่น ยายก็พยายามขยับจนได้ แต่เวลาตักข้าวก็หกบ้างหล่นบ้างตามธรรมดา จนกระทั่งสามารถที่จะใส่บาตรได้สะดวก

เวลาทางวัดมีงานอะไรอาตมาก็จะบอกกับยายทุกครั้ง "ตอนนี้บวชพระ ๒ รูปนะ ยายโมทนาด้วย" "วันนี้เขาปฏิบัติธรรมกัน มีคนมาร่วมปฏิบัติธรรม ๒๐๐ คน" ยายเขาก็สาธุไปเรื่อย แล้วยายก็บ่นว่าไม่ได้เห็นวัดนานแล้ว ก็เลยบอกให้ลูกเขาเข็นยายไปวัดหน่อย พอเข็นยายไปวัด ยายบอกจำวัดไม่ได้ เพราะวัดท่าขนุนที่ยายเคยเห็นไม่ใช่แบบนี้

พออาตมาเข้าไปอยู่วัดท่าขนุนแล้ว ก็ไปปรับปรุงวัด ทำเอาคนไม่เคยชิน พอไปแล้วหาทางเข้าวัดไม่ถูก เพราะก่อนหน้านี้ทางเข้าวัดอยู่ตรงหน้าโบสถ์ ตอนปรับปรุงใหม่ ๆ ก็ขุดหลุมปลูกต้นไม้ขวางไว้ ด้วยความเคยชิน รถวิ่งไปถึงก็เลี้ยวเข้าตรงหน้าโบสถ์ก็เลยตกหลุม ก็แสดงว่า ความเคยชินของคนก็ยังคงเหมือนเดิม จนกว่าจะปรับได้ จึงเลี้ยวตามทางใหม่ที่ทำไว้ให้

ตอนนี้คุณยายหยาดตายแล้ว เมื่อวานเย็นครูพนอลูกสาวยายโทรมาบอก วันนี้จะรดน้ำศพ เดี๋ยวพรุ่งนี้อาตมากลับไปก็น่าจะทันงานเขาพอดี"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-06-2012 เมื่อ 20:01
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 199 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #85  
เก่า 20-06-2012, 13:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,540 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : คนเราเปลี่ยนแปลงได้ไหมคะ ?
ตอบ : ได้..เพียงแต่ยากหน่อย

ถาม : และอะไรเป็นปัจจัยให้เปลี่ยน ?
ตอบ : อันดับแรก..ความตั้งใจอยากจะเปลี่ยน อาจจะเบื่อตัวเองก็ได้ อันดับที่สอง...อาจจะเห็นทุกข์เห็นโทษว่า สิ่งที่ตัวเองเคยเป็นอยู่นั้นไม่ดี ก็อยากจะปรับเปลี่ยนให้ดีขึ้น อันดับต่อไป..มีการพัฒนากาย วาจา ใจ ไปในทางที่ดี สภาพจิตที่เข้าถึงความดีมากขึ้น เกิดความอ่อนน้อมถ่อมตน เปลี่ยนแปลงตัวเองไป อย่างที่เขาเรียกว่าพลิกฟ้าเป็นดิน หรือพลิกดินเป็นฟ้า อะไรทำนองนั้น

ถาม : ธรรมนิยามมีส่วนในลักษณะนิสัยของคน ๆ หนึ่งไหมคะ ?
ตอบ : มีทั้ง ๕ อย่างนั่นแหละ

ถาม : ถ้าทางจิตวิทยาเขาจะอธิบายว่า นิสัยคน ๆ หนึ่งเกิดจากธรรมชาติและการเรียนรู้ ?
ตอบ : ทั้งหมดของธรรมนิยาม ๕ นี่แหละคือธรรมชาติ ในส่วนของการเรียนรู้เพิ่มเติมเป็นประสบการณ์หลังเกิดแล้ว ทั้ง ๕ อย่างนี้เป็นตัวก่อให้เกิด ภาษิตจีนเขาบอกว่า บุคคลอาชีพใด เอ่ยวาจามิเกิน ๓ ประโยค จะเข้าหาอาชีพของตัวเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 02-11-2015 เมื่อ 18:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 191 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #86  
เก่า 20-06-2012, 13:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,540 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : บางทีเวลาหนูทำงานอยู่จะรู้สึกเซ็งไปหมด น่าเบื่อจะตาย แต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ?
ตอบ : อันนี้เขาเรียกว่านิพพิทาญาณ นิพพิทาญาณเป็นของดี เพราะถ้าเราไม่เบื่อเราก็อยากเกิด ในเมื่อเราเบื่อ เราก็ต้องหาทางว่าต้องทำอย่างไรจะให้พ้นไปให้ได้ แล้วในที่สุดถ้าสติ สมาธิ ปัญญาสมบูรณ์พร้อม ก็จะเห็นว่าจริง ๆ แล้วสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ เราก็เจอแค่ชั่วเวลาครู่เดียวเท่านั้น ถ้าเปรียบกับวัฏสงสารที่ยาวไกลไม่สิ้นสุด ในเมื่อเป็นเพียงครู่เดียวทำไมเราจะทนไม่ได้ ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็จะเป็นสังขารุเปกขาญาณแทน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-06-2012 เมื่อ 20:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 197 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #87  
เก่า 20-06-2012, 13:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,540 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้าคน ๆ หนึ่งเกิดมามีลักษณะนิสัยเหมือนกับเรา เป็นไปได้ไหมคะ เพราะอะไรคะ ?
ตอบ : ได้..เพราะการสั่งสมบุญบาปในอดีต มีมาใกล้เคียงกัน

ถาม : ทั้ง ๆ ที่เราแยกกันอยู่ ?
ตอบ : ไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกัน..อาจจะอยู่กันคนละมุมโลกก็ได้ เนื่องจากว่าการทำดีทำชั่วมีมาใกล้เคียงกัน ก็เลยส่งผลให้ออกมาใกล้เคียงกัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-06-2012 เมื่อ 20:05
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 196 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #88  
เก่า 21-06-2012, 09:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,540 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "อย่ารักลูกมากเกินไป เขาทำอะไรผิดลงโทษเขาด้วย ไม่อย่างนั้นเด็กจะไม่เอาเหตุเอาผล เอาแต่ใจตัวเอง ถ้าจะให้ดีบอกเขาก่อนว่าที่เขาทำเป็นสิ่งไม่ดี ไม่ถูก ถ้าต่อไปถ้าทำอีกแม่จะตี

ถ้าเขาทำอีกก็บอกว่า "เตือนแล้วใช่ไหมว่า ถ้าทำผิดอย่างนี้อีกจะตี" ว่าแล้วก็ฟาดเลย เด็กเขารู้เหตุผล แต่ความจำเขาสั้น ต้องย้ำบ่อย ๆ ถ้าเราตีอย่างไม่มีเหตุผลแล้วเขาจะดื้อ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-06-2012 เมื่อ 15:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 187 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #89  
เก่า 21-06-2012, 09:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,540 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เห็นหรือเปล่าว่าดินฟ้าอากาศไม่เคยโกหก เมื่อเช้าบอกว่าสภาพแดดอย่างนี้ฝนจะตกตอนบ่าย นี่ฟ้ามืดมาแล้ว ถึงได้บอกว่าโบราณเขาดูเป็น มองฟ้ามองดินแล้วบอกได้ว่าลมฟ้าจะเป็นอย่างไร สมัยนี้เขาแปลกใจว่าทำไมคนโบราณจึงดูออก เพราะเป็นประสบการณ์ที่สั่งสมมา (ว่าแล้วฝนก็เทลงมา) เราต้องเชื่อ ไม่ใช่ความเป็นทิพย์ขอยืนยัน แต่เป็นประสบการณ์ที่มองด้วยสายตาก็รู้

ถ้าแดดอย่างเมื่อเช้าแล้ว ยิ่งฟ้าใส ๆ ด้วย ฝนตกฟ้าถล่มดินทลายเลย นั่นเป็นลักษณะของไอน้ำที่ลอยขึ้นแล้วสะท้อนแสงแดดกลับมาอีกที แดดจะจัดเป็นพิเศษ สามารถอธิบายเป็นหลักวิทยาศาสตร์ได้ เพียงแต่คนไม่รู้ว่าแดดฝนหน้าตาเป็นอย่างนี้

เกณฑ์ธาราธิคุณปีนี้น้ำน้อย ลมแรง แต่เราต้องไปนึกถึงสุบินนิมิต ๑๖ ประการของพระเจ้าปเสนทิโกศล พระองค์ท่านสุบินว่าพ่อครัวหุงข้าว แล้วข้าวในหม้อมีทั้งดิบ มีทั้งแฉะ มีทั้งสุก พอทูลถามพระพุทธเจ้าว่าหมายถึงอะไร ? พระองค์ท่านพยากรณ์ว่า ต่อไปภายหน้าดินฟ้าจะแปรปรวน สถานที่แห่งเดียวกัน มีทั้งแล้ง มีทั้งน้ำท่วม มีทั้งน้ำบริบูรณ์พอดี รู้สึกว่าอะไร ๆ ที่พระองค์ท่านสุบินนิมิตไว้ จะมาเกิดในสมัยนี้แทบทั้งนั้น"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-06-2012 เมื่อ 15:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #90  
เก่า 21-06-2012, 10:02
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,540 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ถ้าผู้สูงอายุทำตัวเป็นคนใจเย็นนี่อยู่ได้เป็นร้อยปีเลย เพราะว่าเวลาเราโกรธพลังชีวิตจะเสียไปมาก เราจะเห็นว่าคนขี้โกรธหน้าตาเขาจะแก่เร็ว ดังนั้น..ถ้าทำตัวเป็นคนใจเย็นนี่อยู่ได้เป็นร้อยปีเลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-06-2012 เมื่อ 15:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 189 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #91  
เก่า 21-06-2012, 10:12
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,540 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "วันนี้ที่วัดมีการโกนหัวนาคตอนบ่ายโมง ต่อมาเวลาทุ่มครึ่งมีเทศน์สอนนาคและมอบผ้าไตร แต่อาตมาไม่อยู่ จึงมอบหมายงานให้พระรับผิดชอบกันไป อาตมาเองพยายามจัดระบบของวัดให้อยู่ในระบบที่ว่า "ถ้าไม่มีเรา เขาต้องอยู่ได้" ดังนั้น..ในเรื่องของการควบคุมบังคับบัญชาก็จะไปตามลำดับชั้น ลักษณะเหมือนกับหน่วยทหาร แต่ยังไม่สามารถฝึกได้แบบหน่วยทหาร

หน่วยทหารจะฝึกผู้นำหน่วยให้รับผิดชอบสูงกว่าตำแหน่งตนเอง ๒ ชั้น อย่างเช่น ถ้าเป็นผู้บังคับหมู่ ก็ต้องทำหน้าที่หัวหน้าตอนได้ และทำหน้าที่ผู้บังคับหมวดได้ ถ้าเป็นผู้บังคับหมวดต้องทำหน้าที่ผู้บังคับกองร้อยและรองผู้บังคับกองพันได้ เพราะฉะนั้น..แม้แต่พลทหาร ถ้าจำเป็นก็ต้องทำหน้าที่ผู้บังคับหมู่ได้

เพียงแต่ว่าเราเป็นพระเป็นเณร ถ้าเข้มงวดขนาดนั้นเดี๋ยวมีรายการโวยกัน ขนาดนั้นยังมีหลวงตาแก่ ๆ โวยพระครูปลัดปรีชามาแล้วว่า “ผมมาบวชพระนะ ผมไม่ได้มาฝึกทหาร” เขายังไม่รู้ว่าถ้าอาจารย์ฝึกเองจะโหดกว่านั้นอีก นั่นแค่ลูกศิษย์ช่วยฝึกให้

ตอนนี้นาค ๑๕ ท่าน หายไป ๑ ท่านแล้ว จำไว้ว่าการเข้าไปบวช เราต้องเปลี่ยนเพศภาวะของตนเอง เปลี่ยนกฎกติกาในการดำเนินชีวิต ก็คือนอกจากเปลี่ยนเครื่องแบบแล้วยังต้องเปลี่ยนกติกาด้วย ในเมื่อคุณไม่พยายามทำตามกติกาใหม่ ก็แปลว่าจะผิดพลาดเมื่อใดก็ได้ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่สมควรที่จะบวช"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-06-2012 เมื่อ 15:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 191 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #92  
เก่า 21-06-2012, 10:19
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,540 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"สำหรับวัดท่าขนุนแล้วไม่แปลก ที่นาคมักโดนไล่ออกทั้งที่ยังไม่ทันได้บวช บางท่านไม่ทันจะขานนาคได้ก็โดนไล่ไปแล้ว เล่นมานอนวัดกระดิกเท้าเปิดเพลงฟังเพลิดเพลินเจริญใจ แถมยังเปิดเผื่อแผ่ห้องข้าง ๆ ด้วย ก็เลยเชิญกลับบ้านไป ให้ไปฟังที่บ้านให้พอ..!

ตอนแรก ๆ ที่อาตมาเข้มงวด หลวงพ่อวัดท่ามะขาม ตอนนั้นท่านเป็นเจ้าคณะจังหวัดอยู่ ท่านบอกอาตมาว่า “ระวังจะต้องอยู่คนเดียว” อาตมาก็กราบเรียนท่านไปว่า "ผมอยู่คนเดียวมาบ่อยแล้ว ไม่กลัวหรอกครับ" แต่ปรากฏว่าพอเข้มงวดเข้า เขาก็เอาลูกมาบวชกันใหญ่ ตัวลูกไม่ได้อยากบวชวัดท่าขนุนหรอก แต่พ่อแม่บังคับให้มาบวช ยกเว้นบางคนที่ไม่เอาไหนจริง ๆ ต้องไปบวชที่อื่น คือลูกเกเรจนพ่อแม่เอาไม่อยู่ ถ้ามาอยู่กับอาตมาต้องโดนไล่ออกอย่างแน่นอน ก็เลยบอกพ่อแม่เขาไปว่าเอาไปบวชที่อื่นเถอะ ถ้าโดนไล่ออกจะเสียมากกว่านี้

ตอนนี้ทางวัดท่าขนุนก็เลยแบกรับข้อหาใหม่ ๆ เยอะแยะ ตอนที่พวกเราปฏิบัติธรรมอยู่ เขาแห่นาคมาเพื่อกราบขอขมาหลวงปู่สายแล้วจะไปบวช พวกเรากำลังนั่งกรรมฐานกันอยู่เต็มศาลา อาตมาก็เลยลงไปขอเขาว่าให้หยุดเรื่องดนตรีไว้ก่อน กราบขอขมาหลวงปู่เสร็จ ไปพ้นวัดแล้วจะใส่กันเต็มที่แค่ไหนก็ได้ เขาก็ไปลือกันว่าวัดท่าขนุนเดี๋ยวนี้กระทั่งแห่นาคก็ไม่ให้แห่แล้ว

นอกจากนี้ก็มีประเภทลูกเจ้าพ่อเจ้าแม่ มาแล้วไม่ทำตามกฎวัดก็เลยเชิญเขาอยู่ที่อื่น เขาก็โวยวายว่าปู่ย่าตาทวดเขาก็มาบวชวัดนี้ ทำไมมาถึงรุ่นเขาแล้วถึงบวชไม่ได้ เดี๋ยวก็จะมีข้อหาใหม่ เพราะไม่กี่วันที่ผ่านมาจัดประชุมกรรมการวัดเพื่อเตรียมงานฉลองพัดยศ ปรากฏว่ากรรมการวัดท่านหนึ่งบอกว่าอยากให้ไปจัดที่เทศบาลบ้าง เพราะว่าประชุมที่วัดอย่างเดียวไม่มีอะไรแปลกใหม่ พอไปจัดประชุมที่นั่นอาตมาจึงบอกกับพวกเขาว่า ต่อไปเขาก็จะไปลือกันว่า เดี๋ยวนี้กระทั่งกรรมการวัด อาจารย์เล็กก็ไม่ยอมให้เข้าวัดแล้ว ขนาดประชุมยังต้องไปประชุมที่เทศบาลเลย..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-06-2012 เมื่อ 16:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 189 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #93  
เก่า 21-06-2012, 10:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,540 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"เรื่องพวกนี้เราต้องทำใจว่า อันนินทากาเลเหมือนเทน้ำ ไม่ชอกช้ำเหมือนเอามีดไปกรีดหิน แม้องค์พระปฏิมายังราคิน คนเดินดินหรือจะพ้นคนนินทา เก็บเอามาคิดก็เปลืองสมองเปล่า เขาพูดจบเราก็กองไว้ตรงนั้นแหละ เขาไม่เหนื่อยก็ให้เขาพูดต่อไป เหนื่อยเมื่อไรเขาก็เลิกไปเอง ไม่อย่างนั้นถ้าเรามัวแต่เอาคำพูดคนอื่นมาเป็นอารมณ์ จะเสียเวลาเปล่า ๆ

เราไม่สามารถทำให้คนทุกคนพอใจได้หรอก แต่เราต้องทำให้คนส่วนใหญ่พอใจให้ได้ ในเมื่อส่วนใหญ่เขาเห็นว่าการเข้มงวดเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว เราก็ต้องทำอย่างนั้น ต่อให้เขาไม่เห็นด้วย อาตมาก็ต้องทำ เพราะไม่อย่างนั้นเราจะไม่มีพระเณรที่ชาวบ้านไหว้ได้เต็มไม้เต็มมือ

มีภาพที่เขาเจอมาแล้วแต่พวกเขายังไม่รู้สึกตัวกัน ก็คือเวลาเดินบิณฑบาต พอวัดอื่นเดินมาชาวบ้านเขายกขันข้าวหนี หันหลังให้เลย พอพระวัดท่าขนุนบิณฑบาตไปเขาถึงใส่ โดนขนาดนั้นเขาก็น่าจะสำนึกตัวได้แล้ว แต่ก็แก้ไขอะไรไม่ได้ เพราะว่าผู้นำเขาไม่เด็ดขาด โดยเฉพาะตัวเองไม่เคยออกบิณฑบาตเลย

ชาวบ้านเขาอยากรู้ว่าอาตมาอยู่วัดหรือไม่ก็ดูตอนบิณฑบาต ถ้าพระอาจารย์อยู่วัดก็จะเห็นว่าออกบิณฑบาต แต่อาตมาก็บอกเขาว่าไม่แน่หรอก ออกบิณฑบาตก็จริง แต่ฉันเสร็จแล้วไปจากวัดก็มี เพราะฉะนั้น..ถ้าจะมาหาตอนหลังเพลยังไม่แน่หรอก บางทีหายไปจากวัดแต่เช้าแล้ว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-06-2012 เมื่อ 16:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 190 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #94  
เก่า 22-06-2012, 10:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,540 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

มีโยมที่สั่งจองวัตถุมงคลไว้แล้วไม่ยอมมารับ ทิ้งไว้ครึ่งค่อนปี จนทีมงานที่สร้างวัตถุมงคลต้องถวายวัตถุมงคลนั้นแด่พระอาจารย์

พระอาจารย์กล่าวว่า "ปกติอาตมาทำอะไรตรงไปตรงมา บอกอย่างไรก็ทำอย่างนั้น เพราะฉะนั้น..ถ้าผิดกติกานี่ไม่ต้องมาอ้อนตีนเลย..! เรื่องของกฎระเบียบต้องตรงไปตรงมา ถ้าไป ๒ มาตรฐานก็ไม่ต่างอะไรกับรัฐบาลที่แล้ว..!

ชาวบ้านแถววัดเขาร่ำลืออยู่อย่างหนึ่งว่า อาตมาตรงไปตรงมาจนน่าเกลียด เพราะเขาไม่เคยชินกับกติกา ที่สำคัญก็คือ ถ้าผิดอาตมาไม่เคยปล่อยใครให้ลอยนวล โดยเฉพาะถ้าเป็นญาติพี่น้องตัวเองนี่จะโดนก่อนเพื่อน ถ้าคนของเราแล้วเราเอาไม่อยู่ เราไปควบคุมคนอื่นเขาไม่ได้หรอก เพราะตัวอย่างมี ดังนั้นถ้าเป็นญาติเป็นโยม เป็นพี่เป็นน้องกันต้องใส่ให้หนัก เวลาคนอื่นทำผิด ถ้าคนของเราทำต้องถือว่าผิดหลายเท่า

ด้วยความที่ตรงไปตรงมาก็ทำให้ชาวบ้านจำนวนหนึ่งไม่ค่อยชอบใจ ออกปากว่าจะไม่มาทำบุญวัดนี้อีกแล้ว อาตมาบอกว่าดี เพราะปกติโยมก็ไม่ได้โผล่หัวมาให้เห็นอยู่แล้ว มีปัญหาเมื่อไรคุณถึงมาวัด เพราะฉะนั้นไม่มาได้อาตมาก็สบาย เขาเข้าวัดสมัยเขาบวช แล้วเขามาเข้าวัดอีกทีตอนลูกเขาบวช ถ้าพระต้องรอการอนุเคราะห์จากเขาก็ตายหมดวัดแล้ว เพราะฉะนั้น..ต่อให้คุณมาทำบุญทุกวัน แต่ถ้าคุณฝืนระเบียบก็โดนเท่ากัน ไม่ใช่ว่ามาอุปถัมภ์อุปัฏฐากวัดแล้วจะมีสิทธิพิเศษ

หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเคยสอนเอาไว้ว่า “ตอนดีส่วนดี ถ้าตอนไม่ดีก็ว่ากันไปตามระเบียบ” ในเมื่อกติกาประกาศเป็นสากลก็แปลว่ารู้กันทั่วแล้ว ถึงเวลาเขาผ่อนผันให้คนหนึ่ง คนอื่นที่เหลือก็จะมองหน้า ว่าทำไมเขาเองไม่ได้รับการผ่อนผันด้วย ต่อไปก็ไม่สามารถที่จะปกครองใครได้ สมัยแรก ๆ ก็มีพระเณรหลายรูปถือว่าทำประโยชน์ให้กับวัดมาก เคยช่วยงานวัดแบบทุ่มเทมาก่อน แต่พอมาถึงรุ่นของอาตมาแล้วก็โดนเชิญออกจากวัดไป เขาก็ไม่เข้าใจว่าเขาทำประโยชน์ให้วัดขนาดนั้น แล้วทำไมถึงไม่ผ่อนผันให้ ก็บอกว่าทำประโยชน์เป็นส่วนบุญของคุณ แต่ทำผิดต้องลงโทษกันตามระเบียบ

ฉะนั้น..ญาติโยมที่มาวัด บางคนยังไม่เจอหน้ายักษ์ของอาตมา เจอแต่หน้าพระ เขาก็ไปเที่ยวคุยกันว่าไหนว่าหลวงพ่อดุ..? ช่วยไปให้ถูกจังหวะหน่อยเดี๋ยวได้โดนแน่นอน..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-06-2012 เมื่อ 11:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 183 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #95  
เก่า 22-06-2012, 11:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,540 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เดือนนี้วัดท่าขนุนมีงานใหญ่ ๒ งาน ญาติโยมหลายท่านต้องเลือกว่าจะไปงานไหน ยกเว้นว่าใครมีกำลังพอจะไปได้ทุกงานก็ว่าไปอย่างหนึ่ง ในเรื่องของการบุญการกุศล อย่าให้ตนเองและคนอื่นเดือดร้อนเป็นดีที่สุด อย่าบ้าขนาดอาตมา สมัยก่อนนี่วัดท่าซุงมีกี่งานอาตมาไปหมด ทำบุญแค่หมดกระเป๋า แล้วก็ยืมแม่ค้าหน้าวัดกลับ ถึงเวลางานต่อไปก็รีบไปคืนเขา ฉะนั้น..ถ้าอยากเป็นคนน่าเชื่อถือ ยืมใครแล้วได้ ก็ต้องรีบคืนให้เร็วที่สุด บางทีเขาก็บอกว่ารีบคืนทำไม เพิ่งจะไม่กี่วันเอง ?

อาตมาเป็นคนที่เงินหมดไม่จริง เพราะจะมีเงินฉุกเฉินติดตัวอยู่ตลอด สมัยนั้นธนบัตรใบใหญ่ที่สุดก็คือ ๕๐๐ บาท จะมีใบละ ๕๐๐ สองใบพับเล็ก ๆ ใส่ไว้ในกรอบพระ เป็นกรอบพระสเตนเลส พับใส่ไว้ข้างหลัง องค์พระอยู่ข้างหน้า ไม่มีใครอยากได้พระ เพราะว่าไม่ใช่พระเก่า เป็นพระใหม่ สมัยนั้นเงินหนึ่งพันบาทไปอยู่สุดเหนือสุดใต้ก็กลับบ้านได้แน่นอน ถ้าฉุกเฉินขึ้นมาค่อยงัดขึ้นมาใช้ กลับถึงบ้านเมื่อไรก็รีบใส่คืนไป ใครจะเอาวิธีนี้ไปใช้บ้างก็ได้

แม้กระทั่งปัจจุบันนี้ก็จะมีเงินฉุกเฉินติดตัวอยู่ ถ้าหมดจริง ๆ ก็จะเอาเงินฉุกเฉินขึ้นมาใช้ เป็นส่วนสำรอง เขาเรียกว่าไม้ตายสุดท้าย พูดง่าย ๆ ว่า ต่อให้โดนปล้น โจรก็คงไม่อยากได้สร้อยสเตนเลสกับพระใหม่ ๆ หรอก ถึงเขาเอาเราไปทิ้งไว้กลางทางเราก็กลับบ้านได้

ส่วนนี้ได้มาจากหลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านบอกว่าสมัยที่ท่านบวชอยู่ ท่านจะมีเงินติดย่ามอยู่ ๒๐๐ บาทเป็นปกติ แปลว่าฉุกเฉินอะไรขึ้นมาท่านขึ้นรถขึ้นเรือที่ไหนก็ได้เลย อาตมาลองมาบวกลบคูณหารดูแล้ว สมัยนั้นก๋วยเตี๋ยวสองชาม ๕ สตางค์ เงินจำนวนนั้นจะอยู่ที่ประมาณแปดแสนบาท เพราะฉะนั้น..มาถึงสมัยนี้ ได้โปรดอย่าพกเงินถึงแปดแสนบาท เดี๋ยวเดือดร้อนตำรวจ ติดตัวไว้สักสองพันบาทก็ได้ ถือว่าเป็นธนบัตร ๒ ใบ พับเล็ก ๆ ซุกไว้ที่ไหนก็ได้ แต่ตอนซักผ้าต้องจำให้ได้นะ จำไม่ได้เผลอไปซักเข้าก็เยินหมด"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-06-2012 เมื่อ 11:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #96  
เก่า 22-06-2012, 11:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,540 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "การเรียนบาลีสมัยนี้ เขาเรียนปทรูปสิทธิหรือบาลีไวยากรณ์ชั้นสูง ซึ่งเป็นแค่มุมเดียวของมูลกัจจายน์ แล้วลองคิดดูว่ารุ่นหลวงปู่ รุ่นหลวงพ่อเราเรียนมูลกัจจายน์ทั้งนั้น รุ่นเราเรียนแค่มุมเดียวนะ แสดงว่าปัญญาของคนทรามลงจริง ๆ อย่างที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้

สมัยก่อนเขาเรียนมูลกัจจายน์กันสนุกสนาน สมัยของเราขนาดธรรมบท ๘ ภาค ยังเหลือแค่ ๔ ภาค แต่พม่าเขาท่องหมด อย่างวัดจองคำที่ลำปางก็เอาแบบพม่าชัด ๆ เลย ท่องให้ได้ทุกคำไว้ก่อน ถึงเวลาตอบได้แน่นอน

ตอนที่ พระพิมลธรรม วัดมหาธาตุ ไปพม่า แล้วก็คงอยากจะอวดประโยคความรู้ตัวเอง ก็ไปถามอาจารย์ใหญ่ที่นั่นว่า “คำนี้ ความหมายที่แท้จริงควรจะเป็นอะไร ?” อาจารย์เขากวักมือเรียกเณรที่กำลังประเคนน้ำว่า "ช่วยอธิบายให้อาจารย์จากเมืองไทยฟังทีซิ" โห..ขายหน้าไป ๓ ประเทศเลย ประโยค ๙ จากเมืองไทยต้องไปฟังเณรจากพม่าอธิบายให้ฟัง..!

ที่พม่าเขาเรียนลึกกว่าเราเยอะ พอถึงระดับบาลีปารคูนี่เขาใช้ภาษาบาลีเป็นการสนทนาในชีวิตประจำวัน บาลีปารคูนี่แปลว่าผู้ถึงฝั่งแห่งบาลี ขึ้นฝั่งได้แล้วก็ไปเรื่อยแหละ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-06-2012 เมื่อ 11:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #97  
เก่า 24-06-2012, 10:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,540 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ที่พม่าพอจบประโยค ๘ เทียบเท่าประโยค ๙ ของเรา เขาจะมีบาลีปารคู ใช้บาลีในการสนทนาประจำวัน คุยกันด้วยภาษาบาลี อาจารย์ใหญ่ยานิกะพูดมาเป็นชุด ๆ อาตมาฟังแทบไม่ทัน ท่านพูดอังกฤษมาอาตมาฟังไม่ทัน ท่านพูดภาษาพม่าอาตมาก็ฟังไม่ได้ แต่พอท่านพูดภาษาบาลีมา พอจะฟังได้บางส่วน ท่านจึงพูดภาษาบาลีเป็นหลักเลย

ท่านมาขอไม้เก่า เสาเก่า ที่รื้อศาลาวัดหนองบัวไป เอาไปทำศาลาการเปรียญของท่าน อาตมาเรียนท่านว่า ทำไมไม่ขอจากลูกศิษย์ เพราะลูกศิษย์ของท่านคือครูบาเมียงจีงู เป็นที่เคารพนับถือของทหารทั่วประเทศ ถ้าครูบาใหญ่เอ่ยปากคำเดียว ทหารคงขนมาถวายถึงวัดเลย

ท่านบอกว่า ไม่แน่ใจว่าไม้พวกนั้นเสียภาษีถูกต้องหรือเปล่า ? กลัวโดนอาบัติปาราชิก ท่านบอกว่าจะสร้างศาลาปฏิบัติธรรมเพราะท่านปฏิบัติแล้วเห็นประโยชน์ และตั้งใจว่าชีวิตนี้จะเอาความเป็นโสดาบันให้ได้ ฉะนั้น..ต้องรักษาศีลให้มากไว้ ถึงลูกศิษย์เป็นใหญ่เป็นโตท่านก็ไม่ไปเอา มาขอไม้เก่า ๆ ของอาตมาไปทำ สบายใจกว่า"

ถาม : ไม่พร่องศีลแม้แต่นิดเดียว การเป็นพระโสดาบันก็มีใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ถ้ายังละเมิดศีลแปลว่าไม่เชื่อพระพุทธเจ้า ในเมื่อเราไม่เชื่อ ก็แปลว่าเรายังไม่เคารพท่านจริง กติกาข้อแรกยังไม่ได้เลย

ถาม : เพราะความชั่วมีมากกว่า
ตอบ : ก็เพราะความชั่วมีมากกว่าก็เลยไปเชื่อกิเลส แทนที่จะเชื่อพระพุทธเจ้า

เวลาเห็นท่านที่เคร่งครัดต่อพระธรรมวินัย รู้สึกว่าอยากสนับสนุนท่าน ท่านเองก็ไปลูบ ๆ คลำ ๆ พระแก้วมรกตหน้าตัก ๓๐ นิ้ว "ถ้าได้ที่วัดผมสักองค์จะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง" แหม..ไม่ได้ขนไปง่าย ๆ นะหลวงพ่อ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-06-2012 เมื่อ 15:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 169 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #98  
เก่า 24-06-2012, 10:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,540 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ชาติที่แล้วได้พระโสดาบัน คนเป็นพระโสดาบันจะมาเกิดอีกไหมเจ้าคะ ?
ตอบ : เกิด

ถาม : ถ้าชาติใหม่ เขาจะเข้าใจไหมว่าเขาเป็น ?
ตอบ : เป็นโดยอัตโนมัติ

ถาม : มีโอกาสศีลบกพร่องไหมคะ ?
ตอบ : ไม่มี..ตัวตายก็ไม่ยอมให้ศีลขาด ไม่รู้ว่าทำไม ? แต่ต้องทำอย่างนั้น

ถาม : มีเหตุผลไหมคะ ?
ตอบ : มี..แต่ไม่รู้เหตุผล (หัวเราะ)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-06-2012 เมื่อ 15:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 171 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #99  
เก่า 24-06-2012, 13:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,540 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พุทธภูมิเขามีโอกาสผิดศีล...?
ตอบ : พระโพธิสัตว์เมื่อปฏิบัติไปถึงช่วงท้าย ๆ แล้ว อารมณ์ใจเทียบเท่าพระอริยเจ้า ท่านจะไม่ยอมผิดศีลเลย เพราะถ้าอารมณ์ไม่เทียบเท่าพระอริยเจ้า ไม่รู้อารมณ์ตรงนั้น แล้วท่านจะไปสอนคนอื่นได้อย่างไร ? นอกจากท่านจะรู้แล้ว ยังรู้ละเอียดกว่าหลายเท่า

แบบเดียวกับที่พระโพธิสัตว์เป็นชายตัดฟืน จะไปเก็บดอกบัวในสระ ผีเสื้อน้ำบอกว่าพระโพธิสัตว์ขโมย ท่านบอกว่าคนอื่นเก็บได้ แล้วทำไมท่านเก็บถึงบอกว่าเป็นขโมย ผีเสื้อน้ำบอกว่าคนอื่นเป็นชาวบ้านทั่วไป เก็บได้ไม่มีความผิด แต่ท่านเป็นพระโพธิสัตว์ปรารถนาพระโพธิญาณ จะไปเป็นครูสอนคนอื่นเขา ถ้าใจไม่ละเอียดพอแล้วจะไปสอนคนอื่นได้อย่างไร ? ฉะนั้น..สิ่งที่คนอื่นถือเอา โดยปกติถือว่าไม่ผิด ส่วนท่านถือเอานั้นผิด

ผีเสื้อน้ำถือว่าเขาเป็นเจ้าของสระ เก็บดอกไม้ในสระเขาถือว่าคุณขโมยของเขา แต่ชาวบ้านทั่วไปเก็บได้

ถาม : ผีเสื้อน้ำเป็นยักษ์หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ก็เป็นพวกยักษ์ประเภทหนึ่ง แต่อยากจะบอกว่าเป็นอสุรกายด้วยซ้ำไป
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-06-2012 เมื่อ 15:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 168 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #100  
เก่า 24-06-2012, 13:29
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,540 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : มีหลานพิการทางสมอง เคยพาเขาไปบ้านอนุสาวรีย์ ตอนหลังไม่ค่อยพามา หลังจากเขานอนที่โรงพยาบาล ตัวเขาใหญ่ขึ้น เลือดออกในกระเพาะ ถ้าเขาไม่สะดวกมาที่นี่ ควรทำอย่างไรคะ ?
ตอบ : หาเทปเสียงพระสวดเปิดให้เขาฟัง ยิ่งเสียงสวดทิเบตยิ่งดี เนื่องจากมีเสียงไพเราะ อย่างน้อย ๆ ก็ให้ใจเขาเกาะความดีไว้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-06-2012 เมื่อ 15:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 172 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 20:35



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว