กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #81  
เก่า 18-02-2012, 14:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,439 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เดือนนี้บวชเนกขัมมะ ๒ วัน คือ วันที่ ๒๕-๒๖ กุมภาพันธ์ อาตมาคงอยู่กับพวกเราได้วันหนึ่งพอดี รุ่งขึ้นหลวงตาวัชรชัยนิมนต์ไปพุทธาภิเษก อาตมาบอกว่าติดงานไปไม่ได้ ท่านก็อ้อนวอน เห็นหลวงตาพูดเหมือนกับว่า ถ้าอาตมาไม่ไปสักคนงานจะล่มอย่างนั้นแหละ ท่านโทรมานิมนต์เอง ฎีกาส่งตามมาทีหลัง

ส่วนใหญ่งานของพี่ ๆ น้อง ๆ ถ้าปลีกตัวไปได้จะพยายามไป เพราะโอกาสที่จะไปอยู่กันพร้อม ๆ หน้านั้นหายาก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-02-2012 เมื่อ 15:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 212 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #82  
เก่า 18-02-2012, 16:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,439 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เมื่อครู่ผมไปหาหมอมา หมอบอกให้ผมกลั้นหายใจ แล้วอัลตร้าซาวด์ คิดว่าลมหายใจหายไปก็เหมือนกับตาย จึงจับภาพพระ ช่วงแรก ๆ ก็เฉย นึกภาพพระตามไป แต่พอลมหายใจจะหมด เกิดความรู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว ควรจะแก้อย่างไร ?
ตอบ : จิตใจยังไม่มั่นคงพอ ต่อไปซ้อมเกาะภาพพระให้ชิน ไม่มีลมหายใจเข้าออกก็ให้นึกถึงภาพพระไว้ ถ้าต้องรอให้มีลมหายใจแล้วค่อยนึกได้ ถึงเวลาไม่หายใจแล้วจะยุ่ง..! คราวนี้เราก็ได้เห็นจริง ๆ แล้วว่า ไม่มีอะไรที่เรารักยิ่งกว่าตัวเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 18-02-2012 เมื่อ 18:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 195 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #83  
เก่า 18-02-2012, 16:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,439 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พระปิดตาเนื้อนวโลหะกับเนื้อชินเหมือนหรือต่างกันอย่างไรครับ ?
ตอบ : เนื้อนวโลหะใส่ส่วนผสมโลหะมากชนิดกว่า เนื้อชินมีส่วนผสมแค่ตะกั่ว สังกะสี และเงินเท่านั้นเอง ชอบแบบไหนก็เลือกเอาแบบนั้น อยากเสียสตางค์มากก็เลือกแบบที่แพงหน่อย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-02-2012 เมื่อ 17:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 197 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #84  
เก่า 19-02-2012, 08:17
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,439 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : ไม่มีอะไรหรอก อารมณ์เบื่อที่เกิดขึ้น ถ้าเบื่อแบบมีปัญญา ก็จะรู้ว่าเบื่อเพราะร่างกายนี้มีสภาพทุกข์อยู่ตลอดเวลา เบื่อโลกนี้ที่มีแต่ความทุกข์เร่าร้อนอยู่ตลอดเวลา แต่ถ้าปัญญาไม่ถึง ก็เกิดเบื่อขึ้นมาเฉย ๆ แต่จะบอกว่าปัญญาไม่ถึงก็ไม่ใช่ ก็เพราะปัญญาถึง ถึงได้รู้สึกเบื่อ แต่ว่าละเอียดไม่พอที่จะแยกแยะว่าเบื่อเพราะอะไร

ความเบื่อของนิพพิทาญาณ หลายต่อหลายคนพบแล้วไม่ชอบเป็นอย่างยิ่ง แต่ขอให้รู้ไว้ว่านั่นเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เพราะถ้าตราบใดที่เรายังไม่เบื่อ เราก็ยังอยากที่จะเกิดอยู่ ถ้าเบื่อเมื่อไรความอยากเกิดก็จะลดน้อยถอยลง จิตเบื่อหน่ายก็คลายกำหนัด ความปรารถนาในการเกิดไม่มี ความปรารถนาในร่างกายตนเองไม่มี ความปรารถนาในร่างกายผู้อื่นไม่มี ความปรารถนาในโลกนี้ไม่มี ความปรารถนาที่จะเกิดเป็นเทวดา เป็นนางฟ้า เป็นพรหมไม่มี ก็จะแสวงหาทางเพื่อไปสู่นิพพาน

ถ้าหากว่ามีสมาธิคุมอยู่กำลังใจจะนิ่ง ความละเอียดของจิตมีมาก ก็จะรู้ว่าเบื่อมาจากสาเหตุอะไร แต่ถ้าหากยังไม่ถึงตรงจุดนี้ ก็มีแต่อารมณ์เบื่อขึ้นมาเฉย ๆ เบื่อจนบางทีอยากจะเดินหนีไปเฉย ๆ ไปไหนก็ได้ ไปให้ไกล ๆ

อาตมาเองเกิดอารมณ์นิพพิทาญาณกลางห้างเซ็นทรัลลาดพร้าว สุดยอดจริง ๆ เกิดที่ไหนไม่เกิด ตอนนั้นห้างเซ็นทรัลลาดพร้าวเปิดใหม่ ๆ สาวเขาอยากจะไปช็อปปิ้ง อาตมาก็เลยไปเป็นเพื่อน พอเขาซื้อของก็ต้องช่วยเขาหอบหิ้ว สัก ๔ - ๕ ถุงก็พะรุงพะรังไปหมด อยู่ ๆ เกิดความรู้สึกขึ้นมาว่า "นี่เอ็งกำลังทำอะไรอยู่ ? ทำไมเหลวไหลอย่างนี้..!"

พอความรู้สึกนี้เกิดขึ้นมา ก็ให้เบื่อและสลดใจกับทุกอย่างไปหมด เบื่อจนชนิดที่ว่าอยากมุดดินหนีหายไปเดี๋ยวนั้นเลย ต้องบอกว่าความรู้สึกของผู้หญิงไวมาก ๆ เขาหยุดกึก หันขวับมาถามว่า "พี่เป็นอะไร ?" อาตมาบอกว่า "เป็นอะไรก็ไม่รู้ ? แต่ตอนนี้เบื่อหน้าเธอฉิบหายเลย..!" เขาบอกว่า "ถ้าอย่างนั้นก็กลับกันเถอะ"

แบบเดียวกับพระครูแสง เขาไปเกิดขุททกาปีติบนรถเมล์ ลูกผู้ชายตัวเล็กกว่าควายนิดเดียว แต่ไปนั่งน้ำตาไหลอยู่บนรถ ใคร ๆ เห็นก็คงคิดว่าไปอกหักรักคุดมา เขาอายก็เลยต้องลงรถไปเลย (หัวเราะ) ตอนนั้นเขาขึ้นรถเมล์แล้วไปเห็นว่า ชีวิตคนทุกข์ขนาดนี้เชียวหรือ ? แย่งกันกิน แย่งกันทำงาน แย่งกันขึ้นรถเมล์ เบียดกันไปอัดกันมาอยู่ทั้งวัน ลำบากลำบนแทบตายชัก ไปถึงที่ทำงานก็ไม่รู้ว่าต้องเจอกับอะไร คิดแค่นั้นน้ำตาร่วงเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-02-2012 เมื่อ 09:16
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 191 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #85  
เก่า 19-02-2012, 08:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,439 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : คำขอบรรพชา ?
ตอบ :ใช้แบบเอสาหัง ภัณเต ถ้าบวชหมู่ใช้เอเต มะยัง ภัณเต แต่ที่นั่นก็ใช้เอสาหังทั้งหมด ยกเว้นตอนท้ายเขาใช้ สังฆัม ภัณเต อุปะสัมปะทัง ยาจะมะ แปลก..เพราะบวชเดี่ยวมาตั้งแต่ต้น แล้วก็ไปรวมกันตอนท้ายเอาเฉย ๆ

ด้วยความเคยชินของอาตมา บางทีพอบอกไปแล้ว พระอุปัชฌาย์ก็นั่งงง ๆ ว่าสวดแบบนี้ได้ด้วย ? จึงบอกว่าได้ครับ เป็น เอเต มะยัง ภัณเต สุจิระปะรินิพพุตัมปิ ตัง ภะคะวันตัง สะระณัง คัจฉามะ (ไม่ใช่มิ) ธัมมัญจะ ภิกขุสังฆัญจะ ละเภยยามะ มะยัง ภัณเต ตัสสะ ภะคะวะโต ธัมมะวินะเย ปัพพัชชัง ละเภยยามะ อุปะสัมปะทังฯ

เรื่องนี้เกิดจากตอนแรกที่อาตมาบวช เข้าใจว่าวัดท่าซุงเป็นมหานิกายก็ท่องคำขอบวชแบบอุกาสะไป ท่องจนคล่องแล้ว ปรากฏว่าพอไปถึงเขาบอกว่าวัดเราเป็นมหานิกายแปลง ให้ท่องแบบเอสาหัง อาตมาก็ใช้เวลา ๒ วัน ท่องเอสาหัง ภัณเต จนได้ พอท่องได้ พระพี่เลี้ยงท่านก็บอกว่า "เฮ้ย..ของเราบวชหมู่ ให้ใช้ เอเต มะยัง ภัณเต" เจริญมาก..ตั้งแต่นั้นมาไม่ว่าจะบวชอย่างไร บอกมาก็แล้วกัน เพราะอาตมาท่องได้หมดทุกอย่างแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-02-2012 เมื่อ 09:19
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #86  
เก่า 19-02-2012, 08:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,439 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้ใบพระขรรค์โสฬสหล่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว เหลือประกอบด้ามและฝัก ตอนช่วงนี้งานที่ยุ่งที่สุดก็คือพวกลายโลหะรัดด้ามและฝัก เพราะว่าต้องหล่อแยกต่างหาก แล้วต้องเอามาชุบทองก่อน ค่อยประกอบกันเข้าไป

ลวดลายจะมีหุ้มช่วงบนตรงฝักและตรงปลายด้ามที่จะขันเกลียว ที่ฝักก็จะมีช่วงปลายข้างบน ทำงานทั้งทีทำให้ดีเข้าไว้ แพงเท่าไรไม่ว่า เพราะไม่ได้ตั้งใจเอากำไรมาก สร้างผลงานฝากไว้ในแผ่นดิน คิดว่าอีกกี่ชาติก็คงไม่มีใครสร้างใหญ่ขนาดเท่าของจริงแบบนี้

ตอนแรกที่ทำมา แค่เฉพาะใบมีดอาตมาคนเดียวที่ถือมือเดียวได้ เพราะน้ำหนัก ๓ กิโลครึ่ง..! จึงบอกช่างว่าเกลาออกให้เหลือบางกว่านี้หน่อย เดี๋ยวคนอื่นต้องแบกแล้วจะลำบาก เฉพาะใบก็ ๓ กิโลครึ่ง ประกอบเข้าไปคงไม่หนี ๕ กิโลกรัม ข้าวสารถุงหนึ่งเต็ม ๆ เลย

วันก่อนต้องส่งรถไปรับด้ามพระขรรค์มาโดยเฉพาะ ช่างทำแล้วไม่กล้าเอามาส่งเพราะเป็นไม้พะยูง กลัวตำรวจจับ อาตมาบอกเขาว่าถ้าทำเสร็จแล้วเขาไม่ว่าอะไร "ไม่เอา...อาจารย์มารับเองเถอะ" อาตมาบอกว่า "ถ้าเป็นท่อน ๆ เป็นแผ่น ๆ เขาเอาคุณแน่ แต่ถ้าเป็นเฟอร์นิเจอร์หรืออะไรเรียบร้อยแล้วเขาไม่ว่าหรอก" "ไม่ได้..อาจารย์มารับเองเถอะ"

เขาเองก็พูดง่าย ๆ ว่าไม่อยากมีปัญหา ถ้าเกิดตำรวจเฮี้ยนจับขึ้นมาจริง ๆ เขาต้องมาชดใช้ให้ยุ่งไปหมด ไม้หวงห้ามถ้าไม่ได้ตีตราจากป่าไม้อย่างถูกต้อง ก็ผิดกฎหมายทั้งนั้นแหละ

เขามีโครงการปลูกไม้หวงห้าม สนับสนุนให้เกษตรกรปลูก พอปลูกแล้วก็ไปแจ้งขึ้นทะเบียนไว้ที่อำเภอ ทางอำเภอจะส่งเจ้าหน้าที่มาสำรวจว่าเป็นพื้นที่เท่าไร มีไม้กี่ต้น เมื่อไม้ได้ขนาดที่ต้องการจะตัด ก็ไปแจ้งทางอำเภอขออนุญาตตัด ถ้าอย่างนั้นตัดได้ เขาจะส่งเจ้าหน้าที่มาตีตราให้ ทางด้านทองผาภูมิมีญาติโยมจำนวนมากเลยที่เข้าโครงการนี้ ปลูกไม้สักทองไว้ ปัจจุบันนี้ถ้าหากทำไม้หน้า ๖ หน้า ๘ ได้สบายเลย แต่ว่าหลายแห่งบอกว่าจะเก็บไว้ให้ลูกให้หลาน ถ้าถึงรุ่นลูกรุ่นหลานนี่น่าจะแพงกว่าทองอีก เพราะว่าอาตมาทำมณฑปประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลองที่วัด สร้างด้วยไม้ตอนนี้ยังแพงกว่าคอนกรีตหลายเท่าเลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-02-2012 เมื่อ 09:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #87  
เก่า 19-02-2012, 08:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,439 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : แต่ก่อนนี้ ไม่ต้องไกลมาก แค่รุ่นคุณยาย คุณแม่ ของพวกนี้เช่นเพชรลูก ก็ยังมาทำกระดุม พลอยก็เอามาเล่นหมากเก็บเป็นปกติ
จึงสงสัยว่า เดี๋ยวนี้ไม่เห็นอย่างนั้นแล้ว กลับเป็นของมีค่าไป ต่างจากต่างดาวที่ยังเกลื่อนกลาดอยู่ เพราะอะไร?
ตอบ : ดาวบางดวงเขามีแก้วมณีเกลื่อนกลาดไปหมดแต่ไม่มีราคา เหมือนกับกรวดเหมือนทรายบ้านเรา ลองแก้วมณีบ้านเขาหลุดมาถึงบ้านเราสักเม็ดสิ..รวยกันไม่รู้เรื่อง..!

อาตมาเคยเห็นคนโบราณเขาทำเพชรซีก จะว่าไปก็ไม่ได้งามเหมือนเพชรของสมัยนี้ แต่ก็เป็นเพชร อาจเป็นเพราะว่าฝีมือเจียระไนของเขา ยังไม่ได้ศึกษาว่าทำอย่างไรให้แสงทำมุมตกกระทบเหมือนอย่างสมัยนี้ สมัยก่อนเขาเรียกง่าย ๆ ว่าเพชรลูกกับเพชรซีก เพชรลูกเป็นก้อนเลย ถ้าเพชรซีกก็มาเป็นซีก"

ถาม : บนโลกนี้ที่ไม่เห็นเพชรพลอยขนาดนั้น เพราะคนไม่มีบุญเท่าเขา หรือเพราะยังไม่มีเจ้าของมาเอา?
ตอบ : อาตมาไปนั่งไปนอนหกคะเมนตีลังกาบนก้อนมรกตขนาดใหญ่เท่าเตียงมาแล้ว ปลื้มใจมากว่าชีวิตนี้เราเคยนอนเตียงขนาดนี้มาแล้ว ลักษณะอย่างนั้นถ้าสามารถเอารถยกเข้าไปได้ สามารถยกมาแกะพระองค์ใหญ่ ๆ ได้เลย

ชีวิตเกิดมาก็ไม่ได้นึกว่าจะได้มีโอกาสเห็นสมบัติมากมายมหาศาลขนาดนั้น เห็นไปเห็นมาก็เลยเกิดความนิ่งนอนใจว่า ถ้าอยากรวยเมื่อไรก็แค่สึกแล้วไปขนมาเท่านั้นเอง ตอนนี้ความอยากรวยยังไม่พอ ไม่รู้ว่าตอนที่จะไปขนนี่เขาจะให้ไหม ? แต่ตอนเป็นพระนี่แหม..อยากให้นัก..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 24-02-2012 เมื่อ 20:17
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 180 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #88  
เก่า 19-02-2012, 08:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,439 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : กรรมอะไรทำให้เราโดนหลอกอยู่ตลอดเวลา ?
ตอบ : เคยไปหลอกคนอื่นเขามา

ถาม : แล้วจะทำอย่างไรครับ ?
ตอบ : เกิดใหม่..! เรื่องของพระท่านตรงไปตรงมา

จริง ๆ ไม่มีอะไร ก็แค่คิดดี ทำดี พูดดี มั่นคงอยู่ใน ศีล สมาธิ ปัญญา ถ้าทำได้ต่อเนื่องยาวนานพอสักระยะหนึ่ง เดี๋ยวความดีเหล่านี้ก็จะส่งผลให้เอง เพราะว่าปัจจุบันของเราก็คือผลของกรรมดีกรรมชั่วในอดีต แต่จากวินาทีนี้ไปถึงวินาทีหน้า วินาทีนี้ก็กลายเป็นอดีตไปแล้ว

ถ้าหากว่าเราทำความดีได้ต่อเนื่องยาวนานพอ ต่อไปความดีเหล่านี้ก็จะส่งผลให้ สิ่งที่ไม่ดีต่าง ๆ ก็จะถอยห่างไป แต่อย่าให้ความดีขาดช่วงนะ เพราะความชั่วเขาไม่ได้ไปไหน ยังรออยู่ ถ้าตราบใดที่กรรมยังไม่ได้ให้ผล กรรมทั้งหลายก็ยังตามอยู่เป็นปกติ ให้ผลเมื่อไรก็อยู่ที่ว่าให้หมดแล้วหรือยัง ? ถ้ายังไม่หมดก็ตามไปชาติอื่นอีก ถ้าหมดก็กลายเป็นอโหสิกรรมกันไป

ถาม : อย่างนั้นผมก็ต้องอดทนหรือครับ ?
ตอบ : แน่นอน ขันติ..ขันติ..ขันติ ท่องไว้ เอาให้ได้อย่างท่านขันติวาทีดาบส โดนตัดแขนตัดขาอย่างไรท่านก็ยังยืนยันว่าขันติเป็นหลักธรรมที่ดีที่สุด
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-02-2012 เมื่อ 09:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 189 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #89  
เก่า 19-02-2012, 08:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,439 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "พวกอาหารเสริม เช่น นมแคลเซียมสูง ถ้าไม่ใช่หมอสั่งก็ไม่ต้องไปกินหรอก กินอาหารตามปกติของเราก็พอแล้ว จะให้กระดูกแข็งแรง ก็เพิ่มพวกปลาเล็กปลาน้อย จะได้กินทั้งกระดูกลงไปด้วย และออกกำลังกายบ้าง รับแสงแดดบ้าง กระดูกจะแข็งแรงเอง

ถ้าประเภทไม่ทำอะไรเลย เอาแต่กินนมจะให้กระดูกแข็งแรง ระวังไว้..จะกลายเป็นโรคกระดูกงอกทับเส้นประสาท เพราะว่าร่างกายของผู้ใหญ่กระดูกส่วนต่าง ๆ เจริญเติบโตเพิ่มไม่ได้แล้ว ส่วนที่ยังงอกอยู่ก็คือเล็บ ถ้ากินแคลเซียมมากเกินไป ก็จะตกผลึกอยู่ตามข้อ กลายเป็นคนนิ้วบวมเป็นก้อน ๆ ไม่นิ้วมือก็นิ้วเท้า บางคนถ้ามากเกินไปขาก็คดผิดรูปไปเลย เพราะกระดูกมาในส่วนที่ไม่ควรจะมา

ถ้าหมอสั่งก็กินแค่หมอสั่ง ไม่ใช่คิดว่าอะไรที่มาก ๆ ไว้แล้วจะดี อย่าเพิ่งไปเชื่อแรงโฆษณา พระพุทธเจ้าตรัสถึงมัชฌิมาปฏิปทา ซึ่งหมายถึงในทุกเรื่อง อะไรที่พอดีถึงจะเกิดประโยชน์ มากเกินไปก็เป็นโทษทั้งนั้น"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-02-2012 เมื่อ 09:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 189 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #90  
เก่า 19-02-2012, 08:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,439 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ผมจะไปบวชธุดงค์ครับ นอกจากการถือศีลแปดแล้ว ควรมีอะไรที่ผมต้องทำบ้าง ?
ตอบ : แผ่เมตตาทุกวัน แล้วก็อธิษฐานขอพระหรือเทวดาท่านว่า สิ่งใดที่สมควรรู้เห็นก็ขอให้ได้รู้เห็นด้วย ไม่อย่างนั้นถ้ามีอะไรดี ๆ ขึ้นมา เราต้องวิ่งหาเอง

ถาม : อย่างการธุดงค์ต้องกินมื้อเดียวหรือเปล่าครับ หรือว่าตามอารมณ์ ?
ตอบ : ที่นั่นเขาบังคับอยู่แล้วไม่ใช่หรือ ?

ถาม : บังคับ
ตอบ : ต้องมื้อเดียวอยู่แล้ว คุณไม่ต้องไปกินเผื่อนะ ขอยืนยันว่ากินให้อิ่มพอดีแล้วจะไม่มีปัญหา แต่ถ้ากินเผื่อ ตอนเย็นจะหิวไส้ขาดเลย เพราะตอนกินเผื่อร่างกายจะรู้สึกว่าได้อาหารเยอะ มื้อต่อไปร่างกายคิดว่าจะได้เยอะ เลยเตรียมน้ำย่อยไว้เพียบ กลายเป็นว่ามื้อต่อไปหิวปางตายเลย วันแรกวันที่สองอาจจะรู้สึกหิวหน่อย วันที่สามไปก็อยู่ตัวแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-02-2012 เมื่อ 09:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 193 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #91  
เก่า 19-02-2012, 08:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,439 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เด็กรุ่นใหม่ ๆ สมัยนี้เขาเรียนอะไรก็ไม่รู้ เรียนแล้วก็ไม่ได้จำไว้ สมัยก่อนเด็ก ๆ อาตมาต้องเรียน อันนกกาอาศัยซึ่งปีกหาง ไปสู่ทางที่ประสงค์จำนงหมาย รู้หลบหลีกปีกป้องประคองกาย อันตรายมิได้ใกล้ให้อาวรณ์ฯ... เขาเปรียบเทียบเหมือนกับวิชาความรู้ ที่จะนำเราไปสู่เป้าหมายอย่างปลอดภัยได้

ปากเป็นเอกเลขเป็นโทโบราณว่า หนังสือตรีมีปัญญาไม่เสียหลาย ถึงรู้มากไม่มีปากลำบากตาย มีอุบายพูดไม่เป็นเห็นป่วยการฯ สมัยก่อนเขาเรียนกันเป็นเล่ม ๆ ต้องการให้ชินกับความงามของภาษา แต่สมัยนี้ตัดตอนมาเรียนแค่บางส่วน

พวกเราเองยังแยกไม่ออกเลยว่า ในบทกลอนต่าง ๆ นั้น "บัดนั้น" กับ "เมื่อนั้น" ต่างกันตรงไหน ? ถ้าหากว่า "เมื่อนั้น" จะเป็นตัวละครที่เป็นพระราชา เจ้านายใหญ่ ส่วน "บัดนั้น" เป็นข้ารับใช้ดี ๆ นี่เอง

เมื่อนั้น...พระตรีภูวนาถนาถา รู้เลยว่าพระเจ้าแผ่นดินเสด็จมาเอง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-02-2012 เมื่อ 09:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 191 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #92  
เก่า 19-02-2012, 08:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,439 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เทวดาที่เป็นมิจฉาทิฐิ บางทีเขาต้องการบุญต่างประเภทกันไป ?
ตอบ : เท่าที่พบมา ถ้าท่านมีบุญส่วนไหนแล้ว ท่านก็มักจะต้องการบุญส่วนอื่น แต่คุณอย่าไปสรุปโดยใช้คำว่าเทวดาที่เป็นมิจฉาทิฐิ จำไว้เลยว่าถ้าตราบใดที่ยังไม่เป็นพระอริยเจ้า ความเป็นมิจฉาทิฐิก็ยังมีอยู่ ถ้าคุณไปสรุปอย่างนั้นเดี๋ยวโดนท่านเหยียบแบน..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-02-2012 เมื่อ 09:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 193 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #93  
เก่า 19-02-2012, 09:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,439 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เห็นเด็กรุ่นใหม่ ๆ แล้วกลัวแทนพวกเขา เพราะโลกอยู่ยากขึ้นทุกวัน บรรยากาศเปลี่ยนแปลงแปรปรวนง่าย การเข้าใจวิถีการดำรงชีพตามธรรมชาติแทบจะไม่มี ถ้าหากว่าเกิดอะไรขึ้นมาเด็กรุ่นหลังจะเอาตัวรอดได้ยาก แค่ไฟฟ้าดับก็ทำอะไรไม่เป็น เคยปรารภกับพระที่วัดว่า อยากให้ไฟฟ้าดับที่วัดสักอาทิตย์หนึ่ง ดูซิว่าพวกคุณจะตายกันไหม ?

สมัยแรก ๆ ที่พาโยมไปบึงลับแล ไปกัน ๒๗ คน ไปถึงอาตมาก็ถามว่ามีใครหุงข้าวเป็นบ้าง ? มีคนยกมือขึ้นหลายคนน่าชื่นใจมาก แล้วก็มีเสียงถามว่าเสียบปลั๊กตรงไหน ? อาตมาก็หลงดีใจ ท้ายสุดพระต้องไปหุงข้าวให้พวกเขากิน..!

คนที่เคยลำบากมาก่อน ต่อไปพอเกิดอะไรขึ้นก็ยังพอเอาตัวรอดได้ หรือว่ารู้ว่าควรจะเอาตัวรอดอย่างไร แต่คนที่ไม่เคยลำบากเลย อย่างเด็กรุ่นหลัง ๆ เคยชินกับที่ต้องการอะไรก็กดปุ่มเอา แม้กระทั่งปัจจุบันการซื้อข้าวของอะไรก็เป็นตลาดเสมือน ถึงเวลาชอบใจอันไหนก็กดปุ่ม เดี๋ยวเขาก็ส่งมาให้ที่บ้าน แค่แจ้งหมายเลขบัตรเครดิตเท่านั้น

ต่อไปกาลข้างหน้า การทำงานก็คงอยู่ในลักษณะว่าจะไม่ได้เห็นเงินที่แท้จริง มีแต่เพียงตัวเลขในบัญชี แล้วก็โอนกันไปโอนกันมา ถึงเวลารับค่าแรงก็โอนเข้าบัญชี สมัยนี้ยังเอาบัตรไปกดออกมา แต่ต่อไปข้างหน้าถ้าความสะดวกมีมากขึ้น ไม่ต้องไปกดแล้ว จะซื้ออะไรก็โอนข้ามไปเลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-02-2012 เมื่อ 09:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #94  
เก่า 19-02-2012, 09:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,439 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"เชื่อไหมว่าแอฟริกาที่เราว่าล้าหลังสุด ๆ ใช้บริการธนาคารผ่านอินเตอร์เน็ตมากที่สุดในโลก เพราะว่าบ้านเขาระยะทางไกลจากเมืองมาก การเดินทางก็ลำบาก เดินไปกลางทางอาจจะโดนสิงโตเอาไปกินก็ได้ เขาเลยใช้วิธีโอนเงินซื้อขายทำธุรกรรมผ่านอินเตอร์เน็ตกัน

ดังนั้น..พวกแอฟริกาชนเผ่าพื้นเมือง ที่เราเห็นเขาเป็นต้นตระกูลของนิโกร ปัจจุบันนี้เขาเก่งกว่าเราเยอะ เราจะไปหาประเภทนิเชาไม่ได้แล้ว สมัยคุณนิเชามาโฆษณากระเบื้อง ๕ ห่วง เขาขอค่าแสดงเป็นวัวฝูงหนึ่ง งานระดับนั้นค่าแรงวัวฝูงหนึ่งนี่ถูกสุด ๆ เลย สมัยนี้คงต้องโอนตัวเลขเข้าธนาคารให้เขาแล้ว

บ้านเขาเปลี่ยนแปลงไปมากขนาดนั้น ก็เลยมาดูว่า เดี๋ยวนี้เรื่องของลมฟ้าอากาศก็เปลี่ยนแปลงแปรปรวนไปหมด ถ้ากำลังใจของคนไม่มั่นคง การเปลี่ยนแปลงของดินฟ้าอากาศจะทำให้จิตใจแปรปรวนไปด้วย จะกลายเป็นคุ้มดีคุ้มร้าย แล้วตอนนั้นจิตแพทย์ก็ลำบาก ลำบากตรงที่ว่าถึงเวลาจิตแพทย์ก็จะเป็นไปเองด้วย (หัวเราะ)"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-02-2012 เมื่อ 12:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 183 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #95  
เก่า 19-02-2012, 09:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,439 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"คนรุ่นหนึ่งไปสู่คนรุ่นหนึ่ง สมรรถภาพก็เสื่อมลงไปเรื่อย ๆ ขนาดคนจีนเขามีภาษิตว่า ครอบครัวร่ำรวยรุ่งเรืองเท่าไรก็ไม่เกิน ๓ ชั่วคน สมมติว่ารุ่นเราทำให้เจริญขึ้นมาได้ เราก็ไม่อยากให้ลูกต้องลำบากอย่างเรา ลูกก็จะสบาย ไม่รู้จักความลำบาก พอรุ่นหลานเกิดมาบนกองเงินกองทองแล้ว ลำบากอย่างไรก็ไม่รู้

เพราะฉะนั้น..วิธีที่จะรักษาทรัพย์สมบัติเอาไว้ให้ได้ ก็จะเป็นเรื่องที่เกินความสามารถของเขา รู้จักใช้ไม่รู้จักหา รุ่นถัดไปก็เรียบร้อยแล้ว คนจีนเขาถึงบอกไว้ว่า ร่ำรวยรุ่งเรืองขนาดไหนก็ไปได้ไม่เกิน ๓ รุ่น ต้องระวังให้ดี ถ้าอยากจะให้ครอบครัวมั่นคง อยากให้วงศ์ตระกูลรุ่งเรืองไปนาน ๆ ต้องปล่อยให้ลูกหลานลำบากบ้าง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-02-2012 เมื่อ 12:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 183 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #96  
เก่า 19-02-2012, 16:16
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,439 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : อาตมาเลิกใช้น้ำมันมา ๒ ปีกว่าแล้วนะ หันมาใช้แก๊สแทน ตอนแรกได้รับคำแนะนำว่าวิ่งให้ได้ ๑ หมื่นกิโลเมตรก่อนแล้วค่อยเปลี่ยนแก๊ส ปรากฏว่าพอเติมน้ำมันถังแรกเจอไป ๒,๙๐๐ บาท ต้องเปลี่ยนเลย..! พอเติมแก๊สเหลือแค่ ๕๐๐ บาทเท่านั้น

ตอนนี้แก๊สทั้ง NGV หรือจริง ๆ ก็คือ CNG กับ LPG ต่างกำลังทยอยขึ้นราคา LPG ที่ใช้เติมรถอยู่ เขาจะขึ้นเดือนละ ๗๕ สตางค์ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะครบ ๙ บาท ส่วน NGV ก็ขึ้นในลักษณะเดียวกัน แต่ไม่ได้ไปจดจำว่าขึ้นแบบไหน

จะว่าไปแล้วเรื่องของน้ำมันและแก๊สบ้านเราต้องบอกว่าโดนผูกขาด และบรรดาผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น ปตท. แกล้งทำเป็นโง่ เพราะว่าการเซ็นซื้อน้ำมันแต่ละครั้ง กว่าจะส่งมาทีก็ ๓ - ๖ เดือน สมมติว่าเราเซ็นซื้อน้ำมันตอนบาร์เรลละ ๘๐ เหรียญ แต่ปัจจุบันน้ำมันชุดนั้นยังส่งมาไม่ถึง ราคาน้ำมันในตลาดโลกเกิดขึ้นราคาไปเป็น ๘๕ เหรียญ บ้านเราก็ปรับขึ้นตามราคาใหม่ทันที...ซึ่งไม่ใช่ ถ้าจะให้ถูกต้อง เราต้องรอให้ชุดราคา ๘๐ เหรียญนั่นขายหมดแล้วซื้อใหม่ ถึงค่อยปรับราคาใหม่ได้ แต่บ้านเราแกล้งโง่แบบนี้ทุกครั้ง

พอน้ำมันในท้องตลาดขึ้นเมื่อไรก็ขึ้นราคาทันที แต่ถ้าลงเมื่อไร จะยื้อเอาไว้ให้นานที่สุดไม่ยอมลด ขึ้นไปแล้ว ๒ - ๓ บาท ลดให้ที ๓๐ - ๔๐ สตางค์ เพราะฉะนั้น..จึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมเขาแจกรางวัลประจำปีกันทีละ ๖ - ๘ เดือน

ส่วนที่ควรจะสนับสนุนที่สุดคือ NGV เพราะว่าบ้านเราผลิตได้เอง แต่เนื่องจากว่าเป็นการผูกขาดอยู่เจ้าเดียว จึงกำหนดราคาตามใจชอบ เมื่อกำหนดราคาตามใจชอบ มีกำไรมากอยู่แล้ว แต่พอความต้องการในท้องตลาดมากขึ้น แทนที่จะเฉลี่ยราคาลดลงมา เพราะความต้องการมากขึ้น ขายได้มากขึ้น กำไรก็มากขึ้น ควรที่จะเฉลี่ยลดให้ก็ไม่ลด แต่ไปขึ้นราคา ซึ่งเป็นวิธีทำกำไรที่ค่อนข้างจะเห็นแก่ตัวไปหน่อย

บ้านเราพวกอัตราค่าน้ำมันและเชื้อเพลิงต่าง ๆ ก็บิดเบือนมาโดยตลอด โดยเฉพาะในส่วนที่เอาเงินกองทุนน้ำมันไปอุดหนุน เพื่อให้คงราคาเดิมเอาไว้ ทำให้คนไม่ตระหนักถึงความหายากและแพงขึ้นของเชื้อเพลิง ยังคงใช้ล้างผลาญกันเป็นปกติ ไปนึกถึงตอนน้ำมันขึ้นพรวด ๆ จาก ๑๑ บาทกว่า ไปถึง ๒๔ บาท รถบนถนนหายไปครึ่งหนึ่ง ที่ยังอยู่บนถนนก็ขับ ๖๐ - ๘๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตอนช่วงนั้นอาตมามีความสุขเป็นบ้าเลย เพราะรถวัดยังคงเหยียบ ๑๒๐ เท่าเดิม..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-02-2012 เมื่อ 03:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #97  
เก่า 19-02-2012, 16:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,439 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แต่พอผ่านไปสักระยะหนึ่งก็เริ่มตายด้าน รถออกมาเต็มถนนเหมือนเดิม รถรุ่นใหม่ออกมาเมื่อไรมีป้ายแดงวิ่งบนถนนทันที นี่เป็นนิสัยของคนไทย เรียกว่าไม่รู้จักเข็ด..! โดยเฉพาะอัตราการสั่งซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงจากต่างประเทศติดระดับล้านล้านบาทแล้ว อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงถึงขนาดเป็นล้านล้านบาทนี่ ประชากรเขาต้องมีมากกว่าเราหลายเท่าตัว แต่บ้านเราประชากรแค่ ๖๐ กว่าล้านคน มีอัตราการใช้เงินเพื่อซื้อหาเชื้อเพลิงจากต่างประเทศถึงระดับล้านล้านบาทนี่น่ากลัวมาก

ดังนั้น..ถ้าญาติโยมถามว่าที่รัฐบาลขึ้นราคาทั้งแก๊สและน้ำมัน มีความเห็นว่าอย่างไร ? อาตมาบอกว่าสมควรและน่าจะขึ้นให้มากกว่านี้ เพราะว่ารอบบ้านของเราน้ำมันแพงทั้งนั้นเลย ยกเว้นพม่าที่ผลิตน้ำมันได้เอง แต่ถึงพม่าผลิตได้เองก็ขายแพง เขาจะมีราคาควบคุมเฉพาะอยู่ในสถานบริการน้ำมัน

ตอนช่วงที่อาตมาไปพม่านั้น น้ำมันในสถานบริการของรัฐบาลแกลอนละ ๑๘๐ จั๊ต รถคันไหนเข้าไปเขาก็ลงปันส่วนให้ ๑๐ แกลลอน ได้วันละแค่นั้น แต่จ่ายจริง ๆ ก็ ๓ - ๕ แกลลอน แล้วแต่รถใหญ่หรือรถเล็ก แล้วที่เหลือล่ะ ? ที่เหลือก็เอาไปจำหน่ายที่สถานบริการเถื่อนใกล้ ๆ กันนั้นแหละ ถ้าไปแถวสถานบริการเถื่อนเจอราคาอย่างต่ำ ๆ ก็ ๓๕๐ จั๊ต แพงขึ้นไปเป็นเท่าตัว ถ้าใครต้องการมากกว่าส่วนที่ได้ ก็ต้องไปยอมเสียเงินให้สถานบริการเถื่อน

ดังนั้น..น้ำมันของพม่าแม้ว่าผลิตได้เอง แต่ก็ยังต้องใช้ของแพงอยู่ดี ความร่ำรวยก็ไปอยู่ที่บรรดาผู้มีอำนาจในแผ่นดิน ต่างคนต่างกอบโกยใส่กระเป๋าตัวเองและพวกพ้อง จะว่าไปแล้วนี่ก็เป็นวิสัยของปุถุชนทั่วไป ที่จะต้องทำทุกอย่างเพื่อตนเองและพวกพ้อง หาคนที่เสียสละเพื่อส่วนรวมได้ยาก ต่อให้มีจิตสำนึกต้องการจะทำเพื่อส่วนรวม แต่พอไปอยู่ร่วมกับคนอื่นนาน ๆ เข้า สิ่งแวดล้อมจะมีอิทธิพลต่อชีวิต และท้ายสุดก็จะลืมความตั้งใจของตัวเอง กลายเป็นทำเพื่อตัวเองและพวกพ้องเหมือนกับคนอื่นเขา

จะว่าไปแล้วบ้านเราก็ยังไม่เลวร้ายเกินไป ถ้าเปรียบกับบางประเทศรอบ ๆ ด้านของเรา แต่ว่าในเรื่องของความเจริญนั้นเราจะไม่ทันใครแล้ว อย่าลืมว่ารอบบ้านของเรา มาเลเซียและสิงค์โปร์ ปัจจุบันนี้เป็นประเทศที่พัฒนาไปแล้ว ลาวกับเขมรมีโทรศัพท์ "3G" แล้ว พม่ากำลังเปิดประเทศ นักลงทุนต่างชาติดาหน้ากันเข้าไปเพราะค่าแรงถูกและคนขยันขันแข็ง เผลอ ๆ ลาวกับเขมรจะแซงบ้านเราไปอีก

บ้านเราสิ่งที่สมควรที่สุดคือความสามัคคีกัน โดยเฉพาะรัฐบาลและฝ่ายค้าน ทำอย่างไรถึงจะช่วยกันสร้างความเจริญให้กับประเทศชาติ ไม่ใช่ว่าปัดแข้งปัดขากันอยู่ตลอด บ้านเราเป็นเมืองพุทธแท้ ๆ แต่ว่าแทบจะไม่ได้ใช้หลักธรรมในการดำเนินชีวิตเลย ก่อนหน้านี้เขาบอกว่า "การเมืองไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร" ปัจจุบันนี้ถึงขนาด "ผีไม่เผาเงาไม่เหยียบ" กันไปเยอะแล้ว มาสรุปมารวมตรงที่ว่าเด็กรุ่นใหม่น่ากลัวมากว่าจะอยู่กันได้อย่างไร ?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 19-02-2012 เมื่อ 17:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 170 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #98  
เก่า 19-02-2012, 16:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,439 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อครู่ที่โยมว่าอยากตาย จริง ๆ อยากตายได้แต่ให้อยู่ไปก่อน ถ้าตราบใดที่บุญกรรมยังรักษาอยู่ อายุ ไออุ่น และวิญญาณ ยังไม่ปราศจากเสีย อย่างไรต้องกัดฟันทนอยู่ต่อไป

ไออุ่นที่ว่านี่เขาแปลจากบาลี ถ้าเรียกให้ชัด ๆ ก็คือปราณ ถ้าคำว่าปราณยังไม่ชัดก็ต้องใช้ว่าพลังชีวิต ถ้าอายุขัยยังไม่หมด พลังชีวิตเหลือเฟือ วิญญาณคือประสาทความรู้สึกยังสมบูรณ์ ก็อยู่ไปเถอะ นานเท่าไรก็อยู่ได้ แต่ถ้าอย่างใดอย่างหนึ่งชำรุดก็อยู่ยากขึ้น ชำรุดมาก ๆ ซ่อมไม่ไหวก็ตายไป

ปีนี้อาตมารู้ตัวว่าแก่นะ เพราะว่าหน้าหนาวเริ่มปวดข้อ ถ้าหากว่าหนาวแล้วเริ่มปวดข้อก็แปลว่าเริ่มหมดสภาพแล้ว สรุปว่าพระกาฬส่งจดหมายเตือนมาเป็นระยะ ๆ สายตาสั้นลง ฟันหลุด ผมหงอก หนังเหี่ยว เตือนมาตลอดเวลา แต่พวกเราฟังคำเตือนนั้นหรือเปล่าเท่านั้นเอง

นึกถึงพระเจ้าจักรพรรดิในอดีต พระองค์ท่านตรัสกับกัลบก (ช่างตัดผม) ว่า ถ้าเห็นผมขาวให้เตือนด้วย ช่างตัดผมก็ตัดผมไปเรื่อย พอเห็นผมขาวเส้นหนึ่งก็กราบทูลให้พระเจ้าจักรพรรดิทราบ ท่านสละราชสมบัติออกบวชเลย บอกว่าแก่แล้ว เรื่องการปกครองประเทศชาติบ้านเมือง ควรจะให้เป็นหน้าที่ของลูกหลานจัดการไป คนแก่ควรจะเร่งรีบปฏิบัติธรรมเพื่อความสุขในอนาคตของตนเองบ้าง นี่ถ้าบ้านเรามีค่านิยมแบบนั้น พระเต็มวัดแน่นอน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-02-2012 เมื่อ 03:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 177 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #99  
เก่า 19-02-2012, 16:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,439 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เอเชียเรามี ๓ ฤดูคือ ฤดูร้อนหรือคิมหันตฤดู ฤดูฝนหรือวสันตฤดู ฤดูหนาวหรือเหมันตฤดู

ส่วนทางซีกโลกตะวันตก เขามีฤดูใบไม้ร่วงกับฤดูใบไม้ผลิด้วย ใบไม้ร่วงนี่มาก่อนหนาว ส่วนใบไม้ผลินี่มาก่อนฝน ถ้าหากพวกเราไม่เคยชินก็จะงง นึกอย่างง่าย ๆ ก่อนฤดูหนาวจะเห็นว่าใบไม้เปลี่ยนสีแล้วก็ร่วงหมดจึงหนาว พอพ้นจากฤดูหนาวไป ต้นไม้ก็เริ่มแตกดอกออกใบ บางทีเขาเรียกว่า bloom season แล้วฝนก็จะมา

ทางด้านตำราของพราหมณ์แบ่งฤดูกาลออกเป็น ๔ ส่วน เขาจะมีครีษมายันคือฤดูร้อน เหมายันคือฤดูหนาว วสันต์วิษุวัตคือกึ่งกลางระหว่างร้อนกับฝน ศารทวิษุวัตคือกึ่งกลางระหว่างฝนกับหนาว เขาแยกได้ (หัวเราะ)"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 19-02-2012 เมื่อ 17:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 167 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #100  
เก่า 19-02-2012, 16:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,439 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ทำไมจึงสันนิษฐานว่าอุทัยเทวีเป็นเปรต?
ตอบ : เปรตจัดเป็นโอปปาติกะ บรรดาโอปปาติกะเกิดแล้วโตเลย จะไม่ผ่านการเป็นเด็กมาก่อน

แต่มีโอปปาติกะอยู่ประเภทหนึ่งคืออชคราทิเปรต เป็นเปรตที่อยู่ในร่างสัตว์เดรัจฉาน อย่างที่คนจีนเขาว่าชะมดหรือสุนัขจิ้งจอกแปลงเป็นคน เป็นต้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 24-02-2012 เมื่อ 20:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 169 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 13:04



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว