|
เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป |
![]() |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#81
|
||||
|
||||
![]()
พอออกจากวัดเลยโดนให้เทศน์เช้ายันค่ำ เอาให้เข็ด ในวัดอยากไม่เทศน์ดีนัก พอตัวเองมาป่วยแล้วถึงได้รู้ รู้ตรงที่ว่าบางทีขอให้พระท่านช่วยทำแต่ท่านไม่ทำ ท่านรออาตมาไปทำเอง อาตมาก็ป่วยจนไม่มีเรี่ยวไม่มีแรง พอคนอื่นไม่ทำก็ต้องกัดฟันทำซะเอง ถึงได้เข้าใจว่าตอนนั้นหลวงพ่อท่านไม่ไหวจริง ๆ ท่านถึงให้อาตมาเทศน์แทน
อาตมาเองก็ดันไปเกรงใจพี่น้อง ที่เกรงใจพี่น้องต้องบอกว่ายังรักตัวเองอยู่ ที่ยังรักตัวเองอยู่ก็คือ “ตัวกู ของกู” ยังปล่อยไม่ได้ โดนเขาด่าแล้วกลัวรับไม่ได้ โดนเขาหาว่าวัดรอยเท้าหลวงพ่อเดี๋ยวจะรับไม่ได้ มาเข้าใจก็ตอนที่แย่มาก ๆ แล้วไม่มีใครแทน ถึงได้รู้ว่าตอนนั้นหลวงพ่อท่านต้องการให้ช่วยจริง ๆ มีอยู่เที่ยวหนึ่ง รับกิจนิมนต์ข้างนอก โทรกลับมาบอกทางวัดว่า "ให้พระครูน้อยเทศน์งานศพไปก่อน ผมกลับไปทันเผาแน่นอน ผมจะไปเป็นประธานเผาศพให้เอง" ปรากฏว่าเขาเทศน์กันบ่าย ๒ โมง บ่าย ๓ แล้ว เขาตั้งธรรมมาสน์รออาตมาไปเทศน์ อาตมานั่งรถมา ๗๐๐-๘๐๐ กิโลเมตร หมดสภาพแล้วยังต้องขึ้นธรรมาสน์ไปเทศน์ ต้องบอกว่ากรรมบางอย่างมาบัง ทำให้เขาเข้าใจผิด อาตมาบอกว่าให้เขาเทศน์ แล้วจะกลับไปเป็นประธานเผาศพ เขาฟังอย่างไรไม่รู้ว่าอาตมาจะกลับไปเทศน์..! อย่างเมื่อเช้ามีโยมเอารถมาให้เจิม อาตมานั่งทำงานอยู่เพราะเป็นเวลารับสังฆทาน ถามเขาว่ารถจอดอยู่ตรงไหน เขาบอกว่าจอดอยู่ในวัด ก็เลยบอกให้เอารถมาจอดหน้าบ้าน อาตมาจะได้ลงไปเจิมให้ อาตมาก็นั่งทำงานไป กะว่าพอเขาเลื่อนรถมาถึงหน้าบ้าน จึงค่อยเดินลงไป ปรากฏว่าเขาเดินตามหลังมา ให้อาตมาไปยืนรอเขาไปเอารถมาให้เจิม ก็เลยสงสัยว่า อาตมาพูดไม่รู้เรื่องหรือคนอื่นเขาฟังไม่รู้เรื่องกันแน่ ก็ต้องคิดว่าสร้างเวรสร้างกรรมเอาไว้เยอะ รับกรรมไปเรื่อย ๆ ก็แล้วกัน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-09-2011 เมื่อ 11:40 |
สมาชิก 191 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#82
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : เราได้รับทุกข์มาจนถึงทุกวันนี้ แสนสาหัสมากโดยที่เราไม่ได้ทำ เราก็ยอมรับว่าเป็นกรรม แต่ใจเราก็ยังทุกข์อยู่ จะแก้ได้อย่างไร ?
ตอบ : ทุกข์เป็นปกติจ้ะ เพราะว่าการยอมรับของเราไม่ได้ยอมรับจากปัญญาจริง ๆ การที่เราจะยอมรับจากปัญญาจริง ๆ นั้น กำลังก็ยังไม่เพียงพอ เพราะฉะนั้น..ถ้าเราอยู่กับลมหายใจเข้าออกปัจจุบันของเราได้ เราก็จะไม่คิดเรื่องนี้ เพราะฉะนั้น..เมื่อตอนนี้เรายังกำลังไม่พอ เราก็เอาแค่นี้ก่อน ให้อยู่กับตรงหน้านี้ให้ได้ ถ้าอยู่กับตรงหน้านี้ได้เราก็ไม่ต้องไปเครียด ไม่ต้องไปทุกข์ แล้วหลังจากนั้นพอสะสมกำลังไปเรื่อย ๆ ปัญญาเพียงพอจะเห็นว่า ที่แท้จริงแล้วเป็นเรื่องไร้สาระ นี่เป็นเรื่องที่เคยทำเอาไว้ถึงได้รับ ในเมื่อเราเคยรังแกเขาไว้หนักขนาดนั้น เราใช้หนี้เขาไปก็ไม่มีปัญหาอะไร ถ้าปัญญาถึงก็จะเห็นเอง แล้วใจเราจะวางไปได้ ตอนนี้เอาแค่นี้ก่อน ถ้าหลุดจากตรงนี้ไปเมื่อไรก็จะทุกข์อีก
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 27-09-2011 เมื่อ 18:08 |
สมาชิก 183 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#83
|
||||
|
||||
![]()
พระอาจารย์เล่าให้ฟังว่า "มีอยู่วันหนึ่ง ตอนฉันอาหาร อาตมาก็จิ้มอาหารใส่ปาก ท่านกอล์ฟก็จิ้มใส่ปาก หลวงตาปรีชาเห็นสองคนแย่งกันจิ้มอาหารก็เอาบ้าง พอใส่ปากหลวงตาปรีชาร้องว่า “หือ..มันบูดแล้วนี่อาจารย์ ?” "ก็ผมไม่ได้บอกว่าดีนี่หว่า..!"
ถาม : ต้องฉันหรือครับ เพราะบูดแล้ว ? ตอบ : ฉันให้รู้ว่ากินเพื่ออยู่ ไม่ได้อยู่เพื่อกิน พระรัฐบาลเถระท่านก็ฉันอาหารบูด นางทาสีจะเอาอาหารทิ้งแล้ว เดินมาที่ประตูรั้ว พระรัฐบาลเถระท่านก็บอกว่า "ภคินิ..ดูก่อนน้องหญิง ถ้าเธอจะทิ้งก็เทใส่บาตรของเราก็แล้วกัน" แล้วท่านก็นั่งฉัน พ่อมาเห็นนี่แทบจะร้องไห้ ลูกมหาเศรษฐีมากินของบูด..! หลังจากเจ้าชายสิทธัตถะปลงพระเกศา อธิษฐานเพศเป็นนักบวช พอบิณฑบาตครั้งแรกออกไปนอกหมู่บ้านแล้ว ปูอาสนะนั่งลง เปิดบาตรเห็นอาหาร ท่านรู้สึกว่าเหมือนไส้จะพลิกกลับออกมาข้างนอก ก็คืออยากจะอาเจียนเดี๋ยวนั้น เสร็จแล้วท่านก็พิจารณาว่า การที่เราตั้งใจออกบวชเพื่อปฏิบัติธรรมนั้น ความยากลำบากทั้งหลายมากกว่านี้หลายเท่านัก ถ้าอาหารอย่างนี้ยังฉันไม่ได้ แล้วจะไปประพฤติธรรมได้อย่างไร ? อย่าลืมตอนนั้นท่านยังไม่ใช่พระพุทธเจ้านะ ท่านยังเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ ยังไม่ได้ตรัสรู้ ท่านอยู่แบบสุขุมาลชาติ มีปราสาท ๓ ฤดู อาหารวิเศษแค่ไหนก็มีให้ แล้วต้องไปกินอาหารของชาวบ้าน อย่างนางปุณทาสีมีแป้งจี่ใส่ชายพกมา แป้งจี่ก็คือโรตีนี่แหละ พระพุทธเจ้าท่านรับมาก็นั่งเสวย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 21-05-2019 เมื่อ 12:50 |
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#84
|
||||
|
||||
![]()
พระอาจารย์กล่าวว่า "คงจะมีการพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ประมาณต้นปีหน้า เพราะการจะสร้างพระเมรุมาศได้ต้องใช้ความละเอียดอ่อนมาก กินเวลามาก โดยเฉพาะคนออกแบบจะกลุ้มใจมาก ออกแบบหลายครั้งชักจะหมดมุก ไปไม่เป็น
คุณอาวุธ เงินชูกลิ่น ท่านบอกว่าพวกรูปยักษ์ รูปกินรี รูปเทวดา ที่ประดับตามมุมเมรุ ตามหัวเสา ของเก่ายังพอซ่อมมาใช้งานได้ ก็แปลว่างานน้อยลงนิดหนึ่ง อย่างสมัยพระศพของสมเด็จย่า กระดาษที่ใช้ประดับเมรุหลายอย่างก็สั่งซื้อมาจากต่างประเทศโดยเฉพาะ ที่สำคัญที่สุดก็คือไม้จันทน์ที่ทำโกศ หาได้ยากเพราะบ้านเราไม้จันทน์เป็นไม้หวงห้าม ไม่ทราบเหมือนกันว่าบ้านเรามีการแบ่งไม้จันทน์หรือเปล่าว่ามีกี่ชนิด ? ไม้หอมของไทยก็จะมีไม้จันทน์ ไม้กฤษณา ไม้เทพทาโร ถ้าต้นกฤษณาเชื้อราไม่ลง ก็จะไม่เกิดน้ำมันหอม ถ้าต้นได้รับบาดเจ็บก็จะเหมือนกับส่งน้ำมันไปรักษาตัวเอง คนรุ่นใหม่ที่ปลูกต้นกฤษณาก็เลยใช้วิธีฟันต้นให้เป็นแผล หรือไม่ก็ตอกตะปู ถึงเวลาเชื้อราลงก็จะได้เนื้อไม้ที่มีกลิ่นหอม แต่ว่าดมตอนนั้นก็ไม่หอม ต้องเอาไปผ่านไฟ พอโดนความร้อนเข้าถึงจะคลายกลิ่นหอมออกมา"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ป้านุช : 27-09-2011 เมื่อ 17:56 |
สมาชิก 181 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#85
|
||||
|
||||
![]()
"ส่วนไม้เทพทาโรนั้นกลิ่นหอมเหมือนกับตะไคร้ ใครเคยได้กลิ่นตะไคร้หอมบ้าง ? บางคนเขาเรียกตะไคร้ต้นเลย ไม้เทพทาโรจะมีทางปักษ์ใต้เยอะ แต่ที่ไปประเทศพม่ามา เขามีไม้หอมมากกว่าเรา เฉพาะไม้จันทน์อย่างเดียว พม่าเขามีถึง ๓ ชนิด จะมีไม้จันทน์ขาว ไม้จันทน์แดงและไม้จันทน์หอม
จันทน์ขาวเขาเรียกนัตตะพิว จันทน์แดงเรียกนัตตะนี จันทน์หอมเรียกซันดากู ไปที่เมืองสุกุ๊ เขาบอกว่าค้นพบร่องรอยของคันธกุฎีของพระพุทธเจ้า ที่มีอุบาสก ๒ พี่น้อง คือมหาปาลและจุลปาลสร้างถวายพระพุทธเจ้าด้วยไม้จันทน์ เรื่องคันธกุฎีเองอาตมาสงสัยมานานมากแล้ว ถ้าโยมเจอไม้จันทน์แท้จะรู้ว่ากลิ่นฉุนขนาดไหน ไม่ใช่หอมเฉย ๆ นะ แต่ฉุนเลย แล้วเอามาสร้างกุฏิจะไปนอนไหวหรือ ? ปรากฏว่าพอไปพม่าที่เมืองสุกุ๊ เขากำลังสร้างคันธกุฎีถวายพระพุทธเจ้า คือเขาสร้างครอบหลังเก่าที่ค้นเจอ เขามีประวัติศาสตร์ว่าครั้งหนึ่งพระพุทธเจ้าเสด็จไปที่พม่า แล้วเศรษฐี ๒ พี่น้อง คือมหาปาลกับจุลปาลสร้างคันธกุฎีถวายพระพุทธเจ้า คราวนี้ด้วยความที่ว่าสร้างด้วยไม้นาน ๆ ไปก็ผุพัง พอเขาค้นซากเจอ พม่าก็เลยเริ่มสร้างใหม่ โดยใช้ไม้จันทน์หอมคือไม้ซันดากู พออาตมาไปถึงเขาก็เอาไม้จันทน์หอมมาให้ดู ลองดมแล้วถึงรู้ว่าไม้อย่างนี้แหละที่สร้างคันธกุฎีได้จริง ๆ เพราะว่าเป็นกลิ่นหอมเย็น ๆ หอมอ่อน ๆ หอมคล้าย ๆ ธูปหอมบางประเภท ไม่ได้หอมฉุนแบบจันทน์หอมที่เรารู้จัก ถ้าน้ำมันจันทน์ที่เรารู้จักบางทีหยดเดียวกลิ่นตลบไปทั้งห้องเลย แล้วก็ฉุนมาก ถ้าไม้จันทน์หอมของพม่านี้กลิ่นหอมอ่อน ๆ แบบหอมชื่นใจ ถ้าอย่างนั้นเอามาทำเป็นกุฏิอยู่ได้"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 27-09-2011 เมื่อ 18:02 |
สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#86
|
||||
|
||||
![]()
"ส่วนไม้จันทน์แดงนั้น บางทีคนจีนเรียกไม้จันทน์ม่วง เพราะไม้จันทน์ประเภทนี้มีคุณภาพประหลาดอยู่อย่างหนึ่ง ก็คือยิ่งใช้จะยิ่งสีเข้มขึ้นเรื่อย ๆ จากตอนแรก ๆ ที่เห็นสีแดงถนัดเลย พอใช้ไปก็จะดำเข้มขึ้น ๆ จนเหมือนกับสีม่วงดำ คนจีนเขาจึงเรียกว่าไม้จันทน์ม่วง
แล้วก็ยังมีไม้อื่นอีก อย่างทานาคา ไม้ทานาคานี้เป็นไม้หอมที่เขานำมาทำเครื่องสำอาง ทาหน้าทาตัวทั้งผู้หญิงทั้งผู้ชาย เขาใช้กันทั้งประเทศ ถึงเวลาอาตมาเดินไปนึกว่าร้านขายฟืนเพราะเขาวางขายเป็นท่อน ๆ เรียงเป็นตับ แล้วก็มีจานสำหรับฝนลักษณะคล้าย ๆ โม่หิน เอาไว้ฝนทาหน้า ดูท่าจะได้ผลดี เพราะที่ไปพม่ามา ๕-๖ ปีไม่เคยเจอคนพม่าเป็นสิวเลย ไม่ทราบเหมือนกันว่ามีคุณภาพป้องกันสิวได้หรือเปล่า ? ยังมีไม้ตองกานกะโด ไม่แน่ใจว่าประเทศไทยเรามีหรือไม่ ? ถ้าตามชื่อมันเป็นไม้ภูเขาชนิดหนึ่ง เป็นไม้หอมเหมือนกัน แล้วก็มีกาละแม็ด กาละแม็ดนี้น่าจะเป็นกฤษณาของบ้านเรา"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-09-2011 เมื่อ 15:41 |
สมาชิก 163 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#87
|
||||
|
||||
![]()
"อาตมาไปรู้จักคุณละเมี้ยตอ่อง เป็นเจ้าของร้านขายของที่ระลึกที่สร้างจากไม้จันทน์ คุณละเมี้ยตอ่องบอกว่า เขาจะพยายามสั่งไม้จันทน์จากอินเดีย เพราะว่าไม้จันทน์อินเดียคุณภาพดีกว่าประเทศพม่า และไม้จันทน์พม่าคุณภาพดีกว่าไทย
ถามคุณละเมี้ยตอ่องว่า ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น ? เพราะเขามีประสบการณ์คลุกคลีกับไม้จันทน์มา ๓๐-๔๐ ปี คุณละเมี้ยตอ่องบอกว่า ไม้จันทน์เกิดมาเพื่อเป็นพุทธบูชา ยิ่งใกล้พุทธภูมิมากเท่าไร กลิ่นหอมจะมากเท่านั้น เพราะฉะนั้น..ไม้จันทน์อินเดียจะหอมที่สุด ถัดจากอินเดียมาก็เป็นพม่าจะหอมน้อยลงมา ถึงเมืองไทยก็หอมน้อยลงไปอีก ก็แปลว่ายิ่งไกลจากอินเดียก็ยิ่งหอมน้อยลง สมัยโบราณตอนอาตมายังเด็กอยู่ เวลาเขาจะออกไปหาไม้จันทน์ พวกพรานหรือผู้ใหญ่ที่เขาเดินป่าเก่ง ๆ รู้จักต้นไม้ เขาจะจุดธูปที่มีส่วนผสมของไม้จันทน์ ควันธูปลอยไปทางไหนก็เดินไปทางนั้น ไม่ทราบว่าดึงดูดกันได้อย่างไร ? แต่ก็ได้ผล หาไม้จันทน์เจอทุกครั้ง" พอไปจนกระทั่งไม่แน่ใจแล้วว่าไปทิศไหนต่อก็จุดธูปใหม่ ควันธูปลอยไปทางไหนก็เดินต่อไป พาไปหาต้นจันทน์ได้อย่างไรก็ไม่รู้ ฟังดูเหมือนไสยศาสตร์ แต่ว่าถ้าทางวิทยาศาสตร์นี้บอกว่าโมเลกุลของไม้ดึงดูดกัน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 27-09-2011 เมื่อ 18:07 |
สมาชิก 171 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#88
|
||||
|
||||
![]() เก็บตกเดือนนี้จบแล้วค่ะ พบกันใหม่ในเก็บตกเดือนตุลาคมค่ะ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-09-2011 เมื่อ 15:41 |
สมาชิก 184 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
![]() |
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
คำสั่งเพิ่มเติม | |
|
|