กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)

Notices

พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) รวมธรรมะจากพระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 25-01-2011, 08:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,540 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default คนชอบเที่ยว ชอบแวะ

เรื่องของการไปเที่ยว สมัยก่อนอาตมาฝึกมโนมยิทธิได้ใหม่ ๆ จะแวะทุกที่เลย ดูนรกทีละขุม สวรรค์ทีละชั้น พรหมทีละชั้นเลย พอทำไป ๆ รู้สึกเบื่อขึ้นมาเฉย ๆ

มีใครเคยไปธุสเจดีย์ซึ่งอยู่พรหมชั้นที่ ๑๖ บ้าง ? พวกเราคงไม่รู้จักกันหรอก เพราะไม่ช่างสงสัยเหมือนกับอาตมา จำไว้เลยนะว่า สวรรค์มีจุฬามณีเจดีย์สถานเป็นที่สำคัญที่สุด คือ เป็นที่ประดิษฐานพระเขี้ยวแก้วกับพระเมาลีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

แต่ในพรหม ๑๖ ชั้น มีธุสเจดีย์เป็นที่ประดิษฐานผ้าครองของเจ้าชายสิทธัตถะ เมื่อครั้งที่ท่านสละออกเพื่อนุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์ อยู่ที่อกนิษฐพรหม(รูปพรหมชั้นที่ ๑๖) ถือว่าเป็นสถานที่สำคัญที่สุดของพรหมเหมือนกัน เพราะฉะนั้น..ถ้าใครไม่เคยไป ก็ไปกราบชมเสีย..จะได้รู้ว่าที่อาตมาพูดนั้นไม่ได้นอกตำราเลย เพียงแต่ว่าเราจะไปถึงหรือเปล่าเท่านั้นเอง

เมื่อไปเข้าบ่อย ๆ ความรู้สึกกลับจืดไปเฉย ๆ รู้สึกเหมือนกับว่ากี่ครั้ง ๆ ก็มาแค่ตรงนี้ แล้วสถานที่ซึ่งจะไปก็ลดลงไปเรื่อย เหลือแค่ไปกราบท่านปู่ท่านย่า กราบพ่อแม่ครูบาอาจารย์ที่บัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ ไปกราบพระที่จุฬามณี แล้วก็ไปที่พระนิพพานเลย ที่อื่นไม่แวะแล้ว

จากที่เคยแวะกราบท่านปู่สหัมบดีพรหมเป็นประจำ ก็กลายเป็นว่า ถึงเวลาก็น้อมจิตอัญเชิญท่านไปที่พระนิพพาน แล้วก็กราบท่านที่นั่น ตอนหลังด้วยความขี้เกียจมากเข้า แม้แต่บัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ก็ไม่ไปแล้ว ถึงเวลาก็ขึ้นพระนิพพาน แล้วน้อมจิตอัญเชิญท่านทั้งหลายขึ้นมา แล้วกราบท่านทีเดียวทั้งหมดข้างบนพระนิพพานนั้นเลย

มานั่งคิดถึงตัวเองอยู่ตั้งนานว่า นี่เราเพี้ยนไปหรือเปล่า ? เทวดาพรหมท่านไม่ได้มีสิทธิ์ที่จะอยู่บนพระนิพพาน แล้วทำไมเวลาเราเชิญท่านจึงมาได้ ? เพิ่งจะมาทราบตอนที่หลวงพ่อเทศน์เรื่องชวน เทวดา นางฟ้า พรหม ไปพระนิพพาน

ด้วยกำลังของแต่ละท่านจริง ๆ แล้ว ถึงจะสามารถไปได้ แต่ว่าโดยมารยาทและโดยบุญบารมีของท่านแล้ว ชั้นที่สูงกว่ามีสิทธิ์ที่จะลงมาชั้นที่ต่ำกว่าได้ ส่วนท่านที่อยู่ชั้นที่ต่ำกว่า ถ้าไม่ได้รับเชิญให้ขึ้นไปชั้นที่สูงกว่า จะขึ้นไปไม่ได้ อาตมาก็เพิ่งจะรู้ว่า การที่ตัวเองทำด้วยความขี้เกียจ ก็คือสิ่งที่หลวงพ่อท่านทำเพื่อสงเคราะห์พรหมเทวดาเป็นประจำอยู่แล้ว

นี่เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนอย่างหนึ่ง ก็คือ ในระยะสุดท้ายแทบจะเหลือแต่พระนิพพานที่เดียวเป็นที่ไป
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-07-2015 เมื่อ 07:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 183 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 25-01-2011, 08:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,540 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ประการที่สองที่อยากจะกล่าวถึงก็คือ โดยปกติทั่วไป เวลาไปธุระหรือไปงานอะไร พอเสร็จธุระแล้วอาตมาจะกลับเลย พยายามกลับวัดให้ทันทำวัตรค่ำ ต่อให้ไม่ทันเหลือทำวัตรค่ำอยู่ครึ่งเดียวก็จะโดดลงจากรถ ขึ้นไปทำวัตรก่อน

สมัยนั้นท่านอาจารย์สมพงษ์ยังเป็นเจ้าอาวาสวัดท่าขนุนอยู่ อาตมาได้รับคำสั่งให้ไปช่วยบูรณะวัดท่าขนุน อาตมาจึงอยู่ในฐานะลูกวัด แต่เป็นลูกวัดที่เป็นอาจารย์ของเจ้าอาวาสอีกทีหนึ่ง

แรก ๆ ท่านอาจารย์สมพงษ์เห็นอาตมาไปไหน ท่านก็ขอตามไปด้วย โดดขึ้นรถตามไปทันที ไปด้วยกันสักสองสามครั้ง พอครั้งที่สี่ท่านไม่ไปแล้ว เพราะเวลาท่านอาจารย์สมพงษ์ไปไหน ท่านจะแวะตลอด พูดง่าย ๆ ว่า ไม่หมดวันไม่กลับวัดหรอก ตะวันไม่ตกดินหาทางกลับวัดไม่เจอ..!

มานึกเปรียบเทียบกับตัวเองว่า ทำไมอาตมาเป็นอย่างนี้ไปได้ ไม่คิดที่จะไปแวะไปเที่ยว ไปสนุกกับใครบ้างเลย ถ้าไม่ใช่ธุระปะปังที่จำเป็นจริง ๆ เสร็จธุระเมื่อไรก็กลับทันที แล้วก็มานึกถึงพวกเราที่เพิ่งไปเที่ยวภูเก็ตกันมา ความรู้สึกแบบนี้เคยเกิดกับตัวเองบ้างหรือไม่ ? แล้วสังเกตบ้างไหมว่า อะไรที่ยุ่งยากมากความของเราลดน้อยลงไปเรื่อย ๆ หรือว่ามีแต่เพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ ด้วยความมันในชีวิต ?

ที่กล่าวมาถึงตรงจุดนี้ จะเปรียบเทียบให้ฟังว่า การที่เราจะหลุดพ้นไปพระนิพพานได้ เราต้องจับจุดความเป็นพระโสดาบันให้ได้ก่อน เรายึดพระโสดาบันเป็นหัวหาด พระโสดาบันก็มีตั้ง ๓ ระดับ ก็คือ สัตตักขัตตุปรมะ ท่านจะเกิดระหว่างมนุษย์กับเทวดาหรือพรหม จากมนุษย์..ไปเป็นเทวดา ลงมาเป็นมนุษย์...ขึ้นไปเป็นเทวดา ลงมาเป็นมนุษย์..ไปเป็นเทวดา ทั้งหมด ๗ ครั้ง ครั้งสุดท้ายก็ไปพระนิพพานเลย

แล้วพระโสดาบันแบบโกลังโกละ เกิดระหว่างมนุษย์กับเทวดาหรือพรหม ๓ ครั้งเท่านั้น จากมนุษย์..ไปเป็นเทวดา ลงมาเป็นมนุษย์ แล้วจึงไปพระนิพพาน และเอกพีชี ยังอุตส่าห์ลงมาเกิดได้ ลงมาเป็นมนุษย์แล้วก็ไปพระนิพพานเลยทีเดียว

เห็นไหมว่า ในแต่ละระดับจิตของท่าน การแวะจะน้อยลงไปเรื่อย ๆ ที่แวะน้อยลงไปเรื่อย ๆ เพราะที่แวะสำหรับท่านหมดลงไปเรื่อย ๆ..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-07-2015 เมื่อ 07:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 180 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 25-01-2011, 09:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,540 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เราลองมาเปรียบเทียบกับตัวเราเองว่า ปัจจุบันที่แวะของเรายังเยอะเท่าเดิมหรือว่าน้อยลงไปเรื่อย ๆ ? ในการดำเนินชีวิตประจำวัน สิ่งที่เราไปเกี่ยวข้องด้วยนั้น ลดน้อยถอยลงหรือว่ามีแต่มากขึ้น ๆ ?

ถ้ามากขึ้น ก็มีแต่จะร้อยรัดให้เราติดอยู่มากขึ้นไปเรื่อย ๆ แต่ถ้าลดน้อยถอยลงไปได้ โดยเฉพาะพวกที่จะไปพระนิพพาน กำลังใจจะรวบรัด เล็งเป้ามุ่งตรงอย่างเดียวเลย จบแล้วจบกัน ไม่เอาอย่างอื่นอีกแล้ว

ถ้าเราสามารถทำอย่างนี้ได้ เราก็จะตรวจสอบความก้าวหน้าของเราเองได้ด้วยว่า กำลังใจปัจจุบันของเราอยู่ในลักษณะไหน ? อย่างที่เมื่อคืนบอกว่า เราตรวจสอบตัวเองด้วยอิทธิบาท ๔ หรือสัมมัปปธาน ๔ ก็ได้

แต่นี่ให้ตรวจสอบง่าย ๆ ด้วยนิสัยของเราว่า เวลาไปไหน ยังเป็นลูกคุณช่างแวะอยู่หรือเปล่า ? ถ้ายังเป็นอยู่ ให้รู้ไว้เลยว่า แวะมากเท่าไร ถ้าเปรียบไปแล้วก็คือเกิดมากเท่านั้น ได้ยินแล้วสยองบ้างไหม ? กรณีนี้บังคับไม่ได้นะ จะไปคิดว่าเราเองไม่แวะแล้วเราจะเกิดน้อยลง..ก็ไม่ใช่

ต้องเกิดจากน้ำใสใจจริง กลายเป็นคนที่ว่า นอกจากเป้าหมายที่ตั้งใจไว้แล้ว ที่่อื่นไม่เอา สิ่งทั้งหลายเหล่านี้จะเป็นพัฒนาการที่ค่อย ๆ ปรับปรุงตัวของเราเองให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งท้ายสุด พอไม่มีที่ไหนให้ไปอีกแล้ว ก็แวะพระนิพพานที่เดียวพอ

ถาม : กรณีที่เดินทางเพราะเป็นหนึ่งในเป้าหมายอยู่แล้ว ?
ตอบ : ถ้าหากว่าตั้งเป้าไว้แล้ว ถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้านอกเหนือจากนั้น จะไม่มีอารมณ์อยากแวะที่ไหนจริง ๆ ขอยืนยัน

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ เราไม่สามารถที่จะรู้แล้วทำอย่างนั้นได้ ต้องเกิดจากน้ำใสใจจริง กำลังใจจะเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ไม่อย่างนั้น จะเป็นประเภทวิ่งผ่านไป ไม่ได้แวะแล้วก็รู้สึกเสียดาย

ไม่ใช่บังคับให้ทำอย่างนั้นและไม่ใช่เป็นแนวทางว่าต้องเป็นอย่างนั้น เพียงแต่เล่าประสบการณ์แล้วเปรียบเทียบให้ฟังว่า การปฏิบัติที่ผ่านมามีลักษณะเป็นอย่างนั้น เราไม่จำเป็นต้องเลียนแบบตามทุกอย่าง แต่ขณะเดียวกัน อะไรที่รุงรังมากเรื่อง ถ้าสามารถตัดให้น้อยลงได้ ก็จะเป็นคุณแก่ตัวเองอย่างมหาศาล


พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เทศน์ช่วงบ่าย ณ บ้านอนุสาวรีย์
วันเสาร์ที่ ๗ มกราคม ๒๕๕๔
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-07-2015 เมื่อ 07:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 179 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 20:24



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว