|
เก็บตกจากบ้านอนุสาวรีย์ เก็บข้อธรรมจากบ้านอนุสาวรีย์มาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป |
![]() |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#41
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : คาถาเงินล้านมีผลในด้านใด ?
ตอบ : มีความคล่องตัวในทุกเรื่องจ้ะ โดยเฉพาะเรื่องความเป็นอยู่ ถาม : หน้าที่การงานติดขัดมาก ตอบ : ไปทำเอา..ถ้าทำจริง ๆ ภายในสองเดือนได้ผลแน่ ถาม : มีคำแนะนำ ? ตอบ : ไม่มี ทำอย่างเดียว อย่าเสียเวลาถาม
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-11-2010 เมื่อ 02:43 |
สมาชิก 169 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#42
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : พ่อผมเขาเป็นโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ท่านก็บอกผมว่าจะไปผ่าตัด แล้วก็พูดในทำนองสั่งเสีย ผมก็เลยแนะนำท่านว่า ให้ท่านไปลองรักษาด้วยวิธีอื่น แต่ท่านก็ปฏิเสธ กระผมควรจะทำอย่างไรดีครับ ?
ตอบ : ปล่อยท่านไป บอกว่าทำพินัยกรรมยกสมบัติให้ผมให้หมด ถ้าจะผ่าก็ผ่าไปเถอะ ผมจะไม่ไปดูดำดูดีเลย..! ในเมื่อท่านไม่เชื่อ แนะนำไปจะมีประโยชน์อะไร เราได้ทำหน้าที่ของเราแล้ว จำเอาไว้ให้แม่น ๆ ทำหน้าที่ไม่สำเร็จ ไม่ได้หมายความว่าล้มเหลว เราได้ทำแล้ว นั่นแหละคือความสำเร็จ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 15-11-2010 เมื่อ 09:35 |
สมาชิก 170 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#43
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : ทำไมฤกษ์ยามจึงเกี่ยวข้องกับชะตา ?
ตอบ : เหมือนกับการข้ามถนน ถ้าเราข้ามถนนตอนรถว่าง ๆ ก็เดินข้ามได้อย่างสบายใจ ถ้ารถมาเยอะ ๆ ข้ามไม่ดีก็อาจจะโดนรถชนกองอยู่ตรงนั้น ถ้าจะว่าไปแล้ว เรื่องพวกนี้เกี่ยวกับวาระบุญวาระกรรม ส่วนใหญ่ฤกษ์ยามเกี่ยวข้องกับโหราศาสตร์ที่เขาดูการเคลื่อนที่ของดวงดาวต่าง ๆ การเคลื่อนที่ของดวงดาวมีอิทธิพลต่อโลกมนุษย์ โดยเฉพาะมีอิทธิพลต่อมนุษย์เป็นปกติอยู่แล้ว เราดูแค่ว่าดวงจันทร์อย่างเดียว ทำให้เกิดน้ำขึ้นน้ำลงได้ แม้กระทั่งผู้หญิงก็มีรอบเดือนใน ๒๘ วัน ตามการโคจรของดวงจันทร์ เพราะฉะนั้น..ดาวทุกดวงมีอิทธิพลต่อพวกเราอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าเรารู้หรือไม่รู้เท่านั้น พวกบรรดาโหราศาสตร์เขาเก็บสถิติเรื่องนี้ต่อเนื่องมาเป็นพัน ๆ ปี แล้วบัญญัติเป็นโหราศาสตร์ ถามว่าเชื่อถือได้เท่าไร ? เต็มที่ไม่เกิน ๘๐ เปอร์เซ็นต์ แต่ต้องชำนาญจริง ๆ ถ้าพวกไม่ชำนาญ เดามั่ว เชื่อได้สัก ๒๐ เปอร์เซ็นต์ก็ถือว่าเก่งแล้ว สาเหตุที่บอกว่าเกี่ยวข้อง ก็คือ ถ้าเลือกจังหวะที่ดีที่เหมาะสม เหมือนกับว่าได้รับการหนุนเสริมจากกำลังของดวงดาวพวกนี้ สิ่งที่เราทำก็จะสะดวกและเจริญรุ่งเรือง แต่ถ้าเลือกจังหวะผิด เหมือนกับเราไปต้านเขาพอดี แทนที่จะไปตามน้ำ ก็ไปเดินทวนน้ำ เราก็จะเหนื่อย ลำบาก ถ้าหากกำลังไม่เข้มแข็งพอ ทุนไม่ยาวพอ อาจจะหมดสภาพเสียก่อน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-11-2010 เมื่อ 02:46 |
สมาชิก 166 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#44
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : พวกที่ขโมยของวัด เทวดาที่อยู่ประจำวัด ทำไมท่านจึงไม่ช่วย ?
ตอบ : เทวดาท่านไม่ได้มีหน้าที่ป้องกันขโมยนะจ๊ะ ป้องกันขโมยเป็นหน้าที่ตำรวจ เทวดายอมรับกฎของกรรมมากกว่าเราเยอะ ถ้าเจ้าอาวาสไม่มีการบวงสรวงบอกกล่าวแสดงซึ่งความเคารพนับถือ และขอให้ท่านช่วยสงเคราะห์ เทวดาท่านก็จะปล่อยวางให้เป็นไปตามวาระของกรรม แต่ถึงจะมีการขอให้ช่วยสงเคราะห์ก็ตาม ถ้าเป็นวาระกรรมจริง ๆ ท่านก็ไม่ยุ่งเกี่ยว ต้องปล่อย แต่ถ้าไม่ใช่วาระของกรรมหนัก สามารถสงเคราะห์ผ่อนหนักเป็นเบา ผ่อนเบาเป็นหายได้ ท่านก็จะช่วย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเจ้าอาวาสคนเดียว ถ้าเจ้าอาวาสไม่ให้ความเคารพ ไม่มีการบวงสรวงบอกกล่าวขอให้ท่านช่วย ท่านก็นั่งมอง ไม่มีการบอกแขกช่วยแบกหาม แขกก็นั่งมองอย่างเดียวเท่านั้น
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-11-2010 เมื่อ 02:46 |
สมาชิก 175 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#45
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : ผมอยากรับยันต์เกราะเพชรที่บ้าน ต้องทำอย่างไรบ้าง ?
ตอบ : มีงานเป่ายันต์เกราะเพชร วันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๕๓ นี้ พอถึงเวลาประมาณ ๑๐ โมงเช้า ให้ตั้งใจบูชาพระรัตนตรัย กราบพระสวดมนต์แล้วอธิษฐานว่า สิ่งใดที่พระท่านสงเคราะห์มา เราขอรับทั้งหมด และภาวนาพุทโธสักครึ่งชั่วโมง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-11-2010 เมื่อ 17:47 |
สมาชิก 177 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#46
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : ระหว่างวันที่เป็นอมฤตโชค วันมหาเศรษฐีฤกษ์ และวันสิทธิโชค ควรจะเปลี่ยนชื่อวันไหนดีครับ ?
ตอบ : เปลี่ยนวันไหนก็ได้ ไม่ต้องดูฤกษ์หรอก อ้อ..ดูเอาไว้นิดก็แล้วกันว่า อย่าให้ตรงวันเสาร์อาทิตย์ เจ้าหน้าที่เขาไม่มาทำงาน..! ถาม : แล้วการเปลี่ยนชื่อกับความสำคัญของแต่ละวัน ไม่เท่ากันหรือเปล่าครับ ? ตอบ : การเปลี่ยนชื่ออาตมายังไม่เห็นว่าสำคัญเลย ถึงเปลี่ยนไปเพื่อนก็ยังเรียกแต่ชื่อเก่า..! มีโยมคนหนึ่งเปลี่ยนชื่อมา ๔ ครั้งแล้ว ยังไม่ดีสักทีหนึ่ง แล้วมาถามว่าเป็นเพราะอะไร ทั้งที่อุตส่าห์ไปดูชื่อที่ถูกโฉลกที่สุดแล้ว อาตมาจึงบอกว่า "เอ็งเลิกเปลี่ยนชื่อ แต่ไปเปลี่ยนความประพฤติ เปลี่ยนสันดานแล้วจะดี..!" เขาเปลี่ยนชื่อแล้วแต่ยังสันดานเสียเหมือนเดิม แล้วจะไปเอาดีได้อย่างไร
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-11-2010 เมื่อ 17:49 |
สมาชิก 175 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#47
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : ทำไมบางคนตายแล้ว ศพบางคนแข็ง บางคนก็ไม่แข็ง ?
ตอบ : ถ้าว่ากันตามหลักการแพทย์ คนที่ตายสบายไม่มีความทุกข์ทรมาน กล้ามเนื้อจะไม่เกร็งตัว คนไหนเจ็บปวดทรมานมาก กล้ามเนื้อมีการหดเกร็งก็แข็งเร็ว นี่ว่ากันตามหลักแพทย์ เรื่องอื่นอย่าว่ามาก เดี๋ยวจะฟุ้งซ่านกันไปใหญ่ ถาม : เห็นเขาว่า คนที่ตายแล้วศพไม่แข็งเป็นคนที่มีบุญ คนที่แข็งก็มีบุญไม่ใช่หรือคะ ? ตอบ : ก็บอกแล้วว่าขึ้นอยู่กับว่าก่อนตายมีความเจ็บปวดหรือเปล่า ถ้าเจ็บปวดมาก กล้ามเนื้อมีการหดเกร็งก็แข็งตัวเร็ว
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-11-2010 เมื่อ 17:51 |
สมาชิก 163 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#48
|
||||
|
||||
![]()
หลังจากหลวงพ่อวัดท่าซุงมรณภาพไป ๙๖ วัน อาตมาทำความสะอาดเปลี่ยนผ้าครองให้ท่าน ตั้งใจว่าทำเป็นครั้งสุดท้าย ก็จะผนึกโลงไปเลย พอครบร้อยวันจะได้อัญเชิญท่านไปที่วิหารร้อยเมตร
ปรากฏว่าหมวดบัง (ร้อยตรีนที ทนุวงษ์) เห็นว่าหมอนที่หนุนหลวงพ่ออยู่ไม่น่าดู จะเปลี่ยนใบใหม่ให้ เขาก็ดึงหมอนออก คิดว่าหลวงพ่อคงจะค้างแข็ง ที่ไหนได้..หลวงพ่อหงายคออ่อนพับลงไป เขาก็ร้องตกใจ "เฮ้ย..!" เราก็ถามว่า "อะไรของมึงวะ ?" "ตกใจ..คิดว่าป๋าหัวหลุด" เราสามารถจะยกแขนยกขาท่าน ทำความสะอาดได้เหมือนคนปกติ เพียงแต่ว่าปลายนิ้วของท่านจะดำ ๆ เหี่ยว ๆ และปลายจมูกจะเหี่ยว ๆ หน่อย นอกนั้นลักษณะท่านเหมือนคนนอนหลับปกติ นับว่าเป็นเรื่องแปลก เพราะผ่านไปตั้ง ๙๐ กว่าวันแล้ว อาตมามีโอกาสเปลี่ยนผ้าครองถวายหลวงพ่อ ตั้งใจว่าวันสุดท้ายแล้ว เราจะหาผ้าอย่างดีที่สุดที่เรามีมาเปลี่ยน อาตมาไปได้ผ้าไตรแพรราคา ๗,๕๐๐ บาทมา ก็ย่อง ๆ จะไปเปลี่ยนให้ ปรากฏว่ามีนักเลงดีเดินตามมา เราก็หันไปดู เห็นเขานำผ้าไตรใส่พานมา "เฮ้ย..ผ้าไหมหรือ ?" เขาบอกว่า "ครับ..ไหมโคราช ราคาสองหมื่นครับ..!" อาตมาจึงต้องยกสิทธิ์ให้เขาไป นำผ้าไหมเขาไปเปลี่ยนให้หลวงพ่อ แต่เรื่องอะไรเราจะยอม ในเมื่อตั้งใจมาถวายแล้ว เราก็เอาผ้าของเราปูผืนหนึ่ง ห่มให้ท่านผืนหนึ่ง ความจริงคนที่น่าจะมีผ้าครองหลวงพ่อมากที่สุด น่าจะเป็นหลวงพี่ประทีป หลวงพี่ประทีปเก็บผ้าครองอย่างดีเลย พับ ๆ ใส่ถุงปุ๋ย เย็บปากไว้เลย เพราะมีการเปลี่ยนผ้าครองให้หลวงพ่อทุกวัน เป็นเวลาตั้ง ๙๐ กว่าวัน ปรากฏว่าตอนที่น้ำท่วมวัด หลวงพี่ประทีปให้คนไปทำความสะอาด คนทำความสะอาดเห็นกระสอบเละ ๆ มีแต่จีวรเปื้อนโคลน เขาก็เลยเอาไปทิ้ง หลวงพี่ประทีปเจอหน้าก็บ่นแหลก "กูไม่น่าปล่อยให้พวกโง่ไปทำความสะอาดกุฏิเลย เอาของกูไปทิ้งหมด" (หัวเราะ)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-11-2010 เมื่อ 17:55 |
สมาชิก 175 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#49
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : พระชำระหนี้สงฆ์ที่ปิดทอง คนที่มาร่วมบุญกับเราก็จะได้อานิสงส์เหมือนกันทุกคน แต่ถ้าพระองค์นั้นไม่ได้ปิดทองละครับ คนที่เขามาร่วมกับเราจะได้อานิสงส์หรือไม่ ?
ตอบ : เขาได้อานิสงส์สร้างพระ แต่ไม่ได้อานิสงส์ชำระหนี้สงฆ์ ถ้าไม่ได้ปิดทอง เจ้าภาพได้อานิสงส์ชำระหนี้สงฆ์เพียงคนเดียว ถาม : ถ้าการสร้างพระนั้นไม่ได้ตั้งใจชำระหนี้สงฆ์ จะมีอานิสงส์อัตโนมัติหรือเปล่า ? ตอบ : ต้องตั้งใจด้วย อย่าลืมว่า เจตนาหัง ภิกขเว ปุญญัง วทามิ เจตนาเท่านั้นจึงจะเป็นบุญ ถาม : ถ้าเราไปร่วมกับเขา แล้วเจ้าภาพเขาไม่ได้ตั้งเจตนาตรงนี้ไว้ ? ตอบ : ในเมื่อเรารู้ว่าต้องทำอย่างไร เราก็ตั้งเจตนาเองได้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-11-2010 เมื่อ 14:00 |
สมาชิก 169 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#50
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : สมมติว่ามีคนได้รับการพยากรณ์ว่าเป็นพระโสดาบัน กำลังท่านจะมีโอกาสถอยไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าเป็นพระโสดาบันไม่ถอยแล้ว สมาธิหลุดได้ แต่ว่ากำลังใจไม่มีตกต่ำแน่นอน แต่อย่าลืมว่าการพยากรณ์เป็นหน้าที่พระพุทธเจ้าเท่านั้น ฉะนั้น..ใครพยากรณ์มา ถ้าไม่ใช่พระพุทธเจ้า ถือว่าผิดมารยาท ต้องละไว้ในฐานที่เข้าใจว่า อย่าเพิ่งเชื่อ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-11-2010 เมื่อ 14:01 |
สมาชิก 171 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#51
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : สิ้นเดือนนี้จะมีสอบ ท่านมีข้อคิดอะไรบ้างไหมคะ ? ปกติภาวนานะมะพะธะอยู่
ตอบ : ถ้าสอบต้องใช้คาถาท่านปู่พระอินทร์จ้ะ ถาม : ไม่เคยได้ยินค่ะ ตอบ : คาถาท่านปู่พระอินทร์ ท่านให้ว่า สะหัสสะเนตโต เทวินโท ทิพพะจักขุง วิโสธายิ ถึงเวลาก็ขอบารมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พรหม เทวดา ครูบาอาจารย์ทั้งหมด มีท่านปู่พระอินทร์เป็นที่สุด ขอให้ช่วยให้เรามีความคล่องตัวในการสอบ ถ้าเป็นข้อเขียนท่านให้คว่ำกระดาษลง อย่าเพิ่งดูคำถาม ว่าคาถาสัก ๓ จบ อธิษฐานเสร็จเรียบร้อยก็เปิดอ่าน ถ้าหากยังทำได้ไม่หมด ให้คว่ำลงว่าคาถาอีก ๗ จบ คราวนี้นึกอยากจะเขียนอย่างไร ให้เขียนไปอย่างนั้น ถาม : เฉพาะข้อเขียนใช่ไหมคะ ? ตอบ : จ้ะ..ถ้าเป็นสัมภาษณ์ก็อธิษฐานขอให้มีความคล่องตัว
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-11-2010 เมื่อ 14:03 |
สมาชิก 178 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#52
|
||||
|
||||
![]()
พระอาจารย์กล่าวว่า "จนป่านนี้น้อยคนที่จะรู้ว่าทำไมเขาจึงกำหนดอายุเทวดานพเคราะห์ไว้เท่านั้นเท่านี้ อย่างเช่น อาทิตย์มีกำลัง ๖ จันทร์มีกำลัง ๑๕
เขาเชื่อว่าพระพรหมสร้างเทวดานพเคราะห์ขึ้นมา อย่างเช่นว่า ใช้ราชสีห์ ๖ ตัว สร้างเป็นพระอาทิตย์ พระอาทิตย์จึงมีกำลัง ๖ ใช้นางฟ้า ๑๕ ตน สร้างเป็นพระจันทร์ พระจันทร์จึงมีกำลัง ๑๕ ดังนั้น..ส่วนใหญ่กำลังดาวนพเคราะห์จึงเป็นไปตามสิ่งที่นำมาสร้าง ว่าเอามาเท่าไร โบราณเขาได้ผูกไว้เป็นโคลงว่า อาทิตย์หกต่อตั้ง........พรรษา จันทร์สิบห้าคณนา......นับได้ อังคารแปดพุธา.......สิบเจ็ด เสาร์สิบกำหนดให้......โลกรู้ กำลัง พฤหัสบดีสิบเก้า...........สืบสนอง อสุรินทร์สิบสอง................เช่นชี้ ศุกร์ยี่สิบเอ็ดกอง...กอปรเกตุ เก้านา ทวยเทพนพเคราะห์นี้......ท่านเลี้ยง รักษา เขาบอกเอาไว้ชัด ๆ เลย โดยเฉพาะถ้าเราศึกษาเรื่องโหราศาสตร์ จะพบว่าดาวราหูไม่มี เพราะราหูก็คือโลกเราเอง ดาวราหูจึงกลายเป็นดาวนพเคราะห์เทียมตามหลักโหราศาสตร์ ก็คือ ไม่มีตัวตนที่แท้จริง สำหรับคนที่ไม่ได้ศึกษาโหราศาสตร์ ถ้าพูดไปก็จะไม่เข้าใจ ให้เข้าใจแค่ว่ากำลังของดาวนพเคราะห์ เกิดจากการที่เขาเอาสิ่งต่าง ๆ มาสร้าง อย่างเช่น ใช้กระบือ ๘ ตัวสร้างพระอังคาร พระอังคารก็เลยมีกำลัง ๘ เป็นต้น" ถาม : แล้วคนที่เกิดวันอังคารเหมือนกระบืออย่างไรครับ ? ตอบ : อึด ถึก และบึกบึน..! ถาม : กระบือไม่โง่ใช่ไหมครับ ? ตอบ : ไม่โง่ เป็นบุคคลที่รักสงบต่างหาก น่าจะไปนิพพานได้ง่าย เพราะเขารู้ว่า ถ้าเขาอาละวาดขึ้นมา คนก็จะตายเสียเปล่า ก็เลยต้องยอม ๆ ให้คนใช้งานไป
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย นายกระรอก : 02-02-2020 เมื่อ 14:42 |
สมาชิก 165 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#53
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : แต่ก็แปลกนะครับ คนเกิดวันไหนก็เป็นไปตามบุคลิกลักษณะนั้น ๆ
ตอบ : บอกแล้วว่าเป็นสถิติ พราหมณ์เขาเก็บสถิติมาต่อเนื่องมาเป็นพัน ๆ ปี พอเก็บสถิติได้มากพอ ก็สรุปออกมาเป็นศาสตร์ บรรดาพราหมณาจารย์เขาสรุปออกมาเป็นโหราศาสตร์อีกแขนงหนึ่ง แยกต่างหากออกมาจากดาราศาสตร์ ถ้าว่ากันตามหลักของพระพุทธศาสนาก็คือ บุคคลที่ทำบุญทำกรรมกันมาใกล้เคียงกัน ก็จะเกิดในระยะเวลาที่ใกล้เคียงกัน ฉะนั้น..สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดในชีวิตเขาก็จะเกิดคล้าย ๆ กัน เต็มที่ก็จะใกล้เคียงกันสักประมาณ ๖๐ เปอร์เซ็นต์ ยกเว้นท่านที่ได้ทิพจักขุญาณ ก็จะสามารถรู้ได้แม่นยำถึง ๘๐ เปอร์เซ็นต์ แต่ก็ยังไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะจะมีพวกนอกเหตุเหนือผลสัก ๒๐ เปอร์เซ็นต์ อย่างเช่น พวกที่เลือดบ้าเยอะ ถึงเวลาแล้วก็ฝืนดวง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-11-2010 เมื่อ 13:05 |
สมาชิก 162 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#54
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : เรื่องกฎของกรรม ถ้าเราเข้าไปบ่ายเบี่ยงกฎของกรรม เราต้องรับผลประมาณกี่เปอร์เซ็นต์ ?
ตอบ : ไปเบี่ยงกรรมของเขาประมาณ ๑ ส่วน ก็จะได้รับเองประมาณ ๑๐ ส่วน ถาม : ผมฟังผิดหรือเปล่า ทำไมผลมันเยอะขนาดนั้น ? ตอบ : เพราะอย่างนี้จึงได้เป็นเรื่องที่น่าทำ ทำหนึ่งได้สิบ หายากนะ..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-11-2010 เมื่อ 13:05 |
สมาชิก 156 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#55
|
||||
|
||||
![]()
พระอาจารย์เล่าให้ฟังว่า "สมัยอยู่วัดท่าซุง ตอนที่เดินบิณฑบาตแถวบ้านหัวตะพาน ซึ่งห่างจากวัด ๒-๓ กิโลเมตร มีชาวบ้านเขาหิ้วตะกร้ามาพร้อมกับข้าวต้มมัด ๔๐ มัด พอเขาใส่บาตรมาเราก็หิ้วไป
เดินบิณฑบาตไปบ้านที่สอง เขาก็มีตะกร้าพร้อมกับข้าวต้มอีก ๔๐ มัด เราก็ร้อง "เฮ้ย..!" พอเขาเห็นเราร้องเฮ้ย เขามองดูจึงเข้าใจ บอกกับเราว่า "เดี๋ยวไว้พรุ่งนี้ค่อยถวายครับ" เขาก็หิ้วไปเก็บ เราจึงสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น ? เขาบอกว่า "หลวงพ่อธรรมจักรมาเข้าฝัน ใครที่มีลูกหัวปีเป็นผู้ชาย ให้ถวายข้าวต้มมัด ๔๐ มัด ไม่อย่างนั้นจะเกิดอันตรายแก่ลูกตัวเอง" อาตมาอยู่วัดท่าซุงมาหลายปี หลวงพ่อธรรมจักรท่านเข้าฝันชาวบ้านหลายรอบเหมือนกัน เขาก็ทำตามกันทั้งเมือง มีอยู่ครั้งหนึ่ง ท่านเข้าฝันบอกว่า ให้ไปขอเงินเขาคนละหนึ่งบาท ให้ได้ ๒๙ บาท แล้วนำไปถวายพระเป็นสังฆทาน ให้ทำเฉพาะสำหรับคนเกิดปีมะ อย่างเช่น มะโรง มะเส็ง มะเมีย มะแม เป็นต้น"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-11-2010 เมื่อ 13:06 |
สมาชิก 160 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#56
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : หลวงพ่อธรรมจักรคือใคร ?
ตอบ : หลวงพ่อธรรมจักรเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่วัดธรรมมูล เขาว่าท่านลอยน้ำมา เป็นพระรูปยืน สูงประมาณ ๑ เมตร ๘๐ ซม.ได้ ถาม : ท่านเข้าฝันคนเดียวหรือว่าหลายคน ? ตอบ : ไม่ทราบเหมือนกัน แต่คนเขาเชื่อมาก เพราะท่านขลังจริง ๆ เท่าที่สังเกตทุกครั้ง วิธีแก้ไขของท่านก็คือให้คนทำบุญ ประเภทไปขอเงินเขา บังคับให้ขอคนละบาทเท่านั้น เกินกว่านั้นไม่ได้ ก็แปลว่าต้องไปขอเขาอย่างน้อย ๆ ๒๙ คน อันดับแรก ได้ทานเพราะให้เงินเขา อันดับสอง คนขอเอาเงินไปถวายสังฆทาน ก็มีบุญอีกรอบหนึ่ง อีกประการคือ คนขอต้องลดมานะตัวเอง จึงไปขอเขาได้ ดูลีลาของท่าน มีลีลาการสอนแบบพระจริง ๆ เขาจะมีการอุ้มหลวงพ่อธรรมจักรไปสรงน้ำทุกปี ถ้าปีไหนไม่อุ้มท่านไปสรงน้ำ ท่านจะลงไปเอง ที่เขารู้ก็คือ เขาบอกว่าไม่รู้ท่านลงไปตอนไหน ตอนที่ท่านขึ้นมา ท่านก็ยืนอยู่ที่เดิม มีแนวน้ำเปียก ๆ ขึ้นมาจากท่าน้ำและมีสาหร่ายติดที่พระบาทด้วย โดยเฉพาะหน้าเลือกตั้ง นักการเมืองของชัยนาทต้องไปขอพรหลวงพ่อธรรมจักร ก็เลยสงสัยว่า หลวงพ่อท่านจะช่วยใครดี เพราะเขาไปขอกันทุกคน เรื่องชาวบ้านแห่ถวายของพระ มาเดือดร้อนอีกทีก็ตอนที่พันเอก (พิเศษ) เสนาะ จินตรัตน์ ตายแล้วฟื้น ที่เขาบอกว่า ตายไปแล้วไม่มีน้ำกิน พระที่วัดท่าซุงก็เลยเจอขวดน้ำคนละโหล เวลาพระบิณฑบาต โยมถวายไม่ได้มองหน้าพระเลย ว่าพระจะแบกไปได้อย่างไร ฉะนั้น..อย่าให้อะไรมันฮือฮาขึ้นมา ฮือฮาขึ้นมาเมื่อไรพระเดือดร้อนทุกที
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-02-2019 เมื่อ 19:43 |
สมาชิก 159 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#57
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : ในการฝึกมโนฯ การที่เอาจิตไปกราบพระข้างบน กิริยาของจิตต้องทำอย่างไรคะ ?
ตอบ : ก็นึกว่าเรากราบ ถาม : มีความรู้สึกว่า ข้างในเรามองเห็นท่าน แต่ไม่ได้มีเราคนเดียว มีคนอื่นด้วย ก่อนเข้าก็จะมีท่านที่เฝ้าอยู่หน้าประตู แต่ปกติเข้าไปจะไปอยู่หน้าองค์พระเลย จะเหมาะไหมคะ หรือเข้าออกต้องทักทายคนที่เฝ้าก่อน ? ตอบ : ถ้าสามารถรู้เห็นได้ชัดเจน ก็ทักทายหรือทำความเคารพให้ครบทุกท่าน ถ้าการรู้เห็นไม่ชัดเจน เรามุ่งที่พระพุทธเจ้าองค์เดียวก็ได้อยู่ เราไปเทวดาท่านก็หลีกให้เอง ไม่อย่างนั้นเราก็คงจะไปเหยียบท่านเข้า ถาม : เกรงใจท่านที่อยู่ก่อน ตอบ : ตัวอย่างมีมาแล้ว โดยเฉพาะท่านท้าวสัจจพรหม ท่านมีสัจจะจริง ๆ ด่าตามหลัง "อีห่านี่..ไม่ดูใครเลย..!" ถาม : ในจังหวะที่เข้าไปในวิมานองค์ท่าน จะมีจุดที่เป็นที่ของเราอยู่แล้ว ก็จะไปนั่งตรงนั้น บางทีเราใจร้อนเกิน ก็จะไปอยู่หน้าพระ บ่นไปเรื่อย กลัวว่าจะโดนบ่นตามหลังอีกหรือไม่ ? ตอบ : ไม่ต้องห่วง เพราะถ้าเขาบ่นเราก็ไม่ได้ยิน ถาม : ใช่ค่ะ แต่นึกเกรงใจหลวงพ่อ ตอบ : ท่านย่าบอกว่า ขึ้นไปอย่าลืมนึกว่าพระพุทธเจ้าท่านไม่ได้อยู่องค์เดียว เพราะฉะนั้น..ถึงเวลาก็ให้ขออนุญาตพระ ขออนุญาตเทวดาท่านเข้าไปด้วย ไม่ใช่อยู่ ๆ ก็ฝ่าวงล้อมเข้าไป จนเขาแตกกระจายกันหมด แล้วจะมีเสียงบ่นเข้าหูท่านย่าว่า "หลานท่านอีกแล้ว..!" ถาม : บังเอิญว่าไม่ได้ยินเสียงเหล่านั้น แต่เกรงว่าครูบาอาจารย์จะโดนบ่น ตอบ : ถ้าจิตละเอียดสามารถรับรู้ได้ ก็ควรจะทำตามขั้นตอนจ้ะ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-11-2010 เมื่อ 13:11 |
สมาชิก 163 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#58
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : การที่ขึ้นไปข้างบนพระนิพพาน เราขออนุญาตท่านให้เทวดาที่ปกปักรักษาเราขึ้นไปด้วย จะเหมาะหรือไม่เจ้าคะ ?
ตอบ : ได้..และเป็นเรื่องที่สมควรทำ เพราะเรื่องของพรหมเทวดา ท่านที่อยู่สูงท่านลงมาชั้นต่ำกว่าได้ แต่ท่านที่อยู่ชั้นต่ำกว่า ถ้าไม่ได้รับอนุญาต ท่านขึ้นไปไม่ได้ เราขึ้นไปลักษณะนั้น แล้วเราเป็นผู้เชิญท่านไป เป็นเรื่องที่ควรทำอย่างยิ่ง อาตมาทำเรื่องนี้มานานแล้ว ทำด้วยความขี้เกียจของตัวเอง จนกระทั่งหลวงพ่อท่านเล่าเรื่องพาเทวดา นางฟ้า พรหม ไปนิพพาน ก็เลยรู้ว่าของเราขี้ตรงร่องพอดี เราทำมานานแล้ว หลวงพ่อท่านก็เคยทำมาตั้งนานแล้ว เพียงแต่ท่านไม่เคยเล่าให้ฟัง ที่อาตมาบอกว่าขี้เกียจ ก็คือ พอนาน ๆ ไป ความตื่นเต้นในเรื่องการท่องเที่ยวก็หมดลง เหลือแค่ไปแล้วอยากอยู่ที่นิพพานเลย ที่อื่นไม่อยากไป จากที่ไปกราบพ่อแม่ ปู่ย่าตาทวด ผู้มีพระคุณต่าง ๆ ที่บัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ก็ขี้เกียจ ใช้วิธีขึ้นไปบนนิพพานแล้วน้อมจิตเชิญท่านทั้งหลายมา แล้วเราก็กราบท่านที่นิพพานเลย ทำอย่างนั้นเป็นประจำ เคยคิดเหมือนกันว่าเราทำถูกหรือเปล่า ? พอได้ยินหลวงพ่อท่านเล่าเรื่องพาเทวดา นางฟ้า พรหมไปนิพพาน ก็เห็นว่าวิธีการคล้าย ๆ กัน แสดงว่าเรามั่วถูกมาตั้งแต่แรกแล้ว ถ้าใครเบื่อเที่ยวจะใช้วิธีการเดียวกันได้ ถาม : ขอพาท่านไป คือ ไม่ต้องสนใจว่าท่านจะติดตามเราหรือไม่ ? ตอบ : ท่านกลับเองได้ ขอให้ท่านไปได้ก็พอ ถาม : เทวดาท่านขออนุญาตขึ้นไปเองไม่ได้หรือคะ ขนาดเรายังขอเองได้เลย ? ตอบ : บางทีเรื่องของวาระบุญวาระกรรมบางอย่าง ก็บังไว้ไม่ให้ท่านรู้เรื่องพวกนี้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-11-2010 เมื่อ 13:13 |
สมาชิก 162 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#59
|
||||
|
||||
![]()
พระอาจารย์กล่าวว่า "จากการปฏิบัติธรรมรุ่นที่สองที่ผ่านมา ทำให้บรรดาชาวบ้านที่ปกติแล้วอย่างไรก็ได้ กระตือรือร้นขึ้นมาอีกเยอะ เพราะรู้ว่าถ้ามาไม่ทันจะโดนตัดรายชื่อออกไป โดนไปไม่กี่ครั้งเดี๋ยวเขาก็ชิน
แบบเดียวกับตอนแรกที่หัดให้เขาเวียนเทียนตอนสองทุ่ม เขามาไม่ทันกันหรอก เราเวียนรอบที่สามเสร็จแล้ว เขาค่อยมาเวียนต่อท้าย พอโดนไป ๒ - ๓ ครั้ง คราวนี้ก็มาเร็วขึ้น สาเหตุที่เวียนเทียนตั้งแต่สองทุ่ม ซึ่งถือว่าเป็นเวลาหัวค่ำของเขา มีหลายเหตุผลด้วยกัน เหตุผลแรก ก็คือ ถ้ารอค่ำกว่านั้น ฝนอาจจะตก ประการที่สอง พวกวัยรุ่นที่บอกผู้ปกครองว่าไปเวียนเทียนที่วัดท่าขนุน แล้วมาไม่ถึงวัด พ่อแม่เขาจะได้รู้ว่า วัดท่าขนุนเลิกตั้งแต่สองทุ่มครึ่ง ถ้ากลับเกินเวลานั้น จะได้จัดการกับลูกได้ถูก"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-11-2010 เมื่อ 11:11 |
สมาชิก 147 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#60
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : ท่านโตเทยยพราหมณ์ท่านได้รับพยากรณ์แล้ว ทำไมชาตินั้นท่านจึงเป็นอย่างนั้น ?
ตอบ : เรื่องการพยากรณ์ ไม่ได้หมายความว่าท่านจะต้องไม่ตกนรก ได้รับพยากรณ์ หมายความว่า ท่านจะต้องตรัสรู้ในระยะเวลานั้น ๆ แต่บุญและกรรมที่สร้างมาไม่ได้หมายความแน่ ๆ ว่า จะขึ้นหรือลง ถาม : น่าจะเที่ยงแท้แล้ว ตอบ : เที่ยงแท้แล้วว่ามีโอกาสลงแน่นอน..! จริง ๆ แล้วท่านเป็นคนไทย สมัยก่อนเขาไม่มีนามสกุล เขาจะใช้เป็นลักษณะฉายา โตเทยยพราหมณ์ แปลว่า พราหมณ์ไทยชื่อนายโต บอกชัด ๆ เลย สมัยก่อนเขาแยกแยะด้วยฉายา อย่างท่าน ลกุณฏกภัททิยะ ก็คือ ท่านภัททิยะหลังค่อม ภัททิยะศากยราชา คือ ท่านภัททิยะที่เป็นราชาของชาวศากยะ เป็นต้น
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-11-2010 เมื่อ 11:13 |
สมาชิก 136 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
![]() |
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 2 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 2 คน ) | |
คำสั่งเพิ่มเติม | |
|
|