กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๘ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนธันวาคม ๒๕๖๘

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า เมื่อวานนี้, 23:04
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 614
ได้ให้อนุโมทนา: 3,308
ได้รับอนุโมทนา 29,133 ครั้ง ใน 1,103 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๖๘

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๖๘


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 26 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า วันนี้, 00:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,577
ได้ให้อนุโมทนา: 160,850
ได้รับอนุโมทนา 4,522,600 ครั้ง ใน 37,192 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๑๖ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ อากาศที่โรงแรม DHAMMA GRAND HOTEL & RESORT อยู่ที่ ๑๑ องศาเซลเซียส แต่ด้วยความกรุณาของมหามาตาและบริวาร กระผม/อาตมภาพจึงไม่รู้สึกว่าหนาว ท่านที่สอบถามว่า "มหามาตา" คือใคร ? ต้องขออภัยที่ท่านไม่ให้บอก เนื่องเพราะว่าพวกเรามักจะไปรบกวนท่านทั้งหลายเป็นอย่างมาก แต่ขอบอกว่าเนื่องจากกระผม/อาตมภาพนั้นเป็น "เด็กเส้น" จึงมีผู้ฝากมาให้ "มหามาตา" และบริวารท่านช่วยดูแลอีกทีหนึ่ง

ทางด้านโรงแรม DHAMMA GRAND HOTEL & RESORT ต้องถือว่าบริการได้สุดยอดมาก แม้ว่าจะนัดกันเอาไว้ตอน ๖ โมงครึ่ง แต่ว่าห้องอาหารเปิดตั้งแต่ยังไม่ทันจะตี ๕ ครึ่ง กระผม/อาตมภาพที่ลงไปนั่งเล่นนอนเล่นอยู่ตั้งนานแล้ว ก็เลยเข้าไปฉันภัตตาหารเช้า ซึ่งประกอบด้วยผักเป็นส่วนใหญ่

เมื่ออิ่มแล้วก็ออกมาแจกรางวัลทุกคน ไม่ว่าจะเป็นพ่อครัว พนักงานเสิรฟ์ เจ้าหน้าที่เดินโต๊ะ จนกระทั่งบรรดาผู้เข็นกระเป๋า เจ้าหน้าที่เคาน์เตอร์ และพนักงานเปิดประตู มอบให้คนละ ๑๐๐ บาทไทย ดีอกดีใจกันเป็นการใหญ่ ต้องบอกว่าเรื่องพวกนี้นั้น เป็นเรื่องที่เราควรจะมี เพียงแต่ว่าเราจะมีมากมีน้อยนั้นก็อีกเรื่องหนึ่ง เป็นเรื่องของ "มิตรจิตมิตรใจ" อยู่ในลักษณะของสังคหวัตถุ ก็คือมีการแบ่งปันซึ่งกันและกัน ไปไหนก็จะก่อเกิดความรัก

แต่พอหิ้วกระเป๋าออกมาจะขึ้นรถ ก็ต้องตกใจ เพราะว่ามีมอเตอร์ไซค์บรรทุกผ้าจำนวนหลายคัน แต่ละคันบรรทุกมาชนิดเป็นร้อย ๆ ผืน มัดเป็นตั้งสูงมาทีเดียว..! บรรดาพ่อค้าทั้งหลายต่างก็ตะโกนเรียกให้ซื้อผ้า ซึ่งต่างคนต่างก็มีราคาของตนเอง ฟังแล้วปวดหัวมาก เพียงแต่ว่าอย่าไปเชื่อแขกมากนัก เพราะว่าเขาสามารถแสดงหน้าตาท่าทางให้เราสงสารได้อย่างเต็มที่..!

ทางด้านรถคันของกระผม/อาตมภาพนั้น จาก ๑๐ ผืน ๘๐๐ บาท ค่อย ๆ ลดลงมาเหลือ ๘ ผืน เหลือ ๖ ผืน เหลือ ๕ ผืน ท้ายที่สุดก็เหลือแค่ ๑๐ ผืน ๑๐๐ บาท..! แต่พวกเราก็ไม่มีใครซื้อ เพราะตั้งใจว่าจะเก็บเงินไว้ทอดผ้าป่ากับวัดไทยต่าง ๆ แต่ว่าบัส ๒ นั้นกลายเป็นเป้าโจมตี เพราะว่าใจไม่แข็งพอ แล้วเมื่อโจมตีบัส ๒ เสร็จ ก็ยังมีการย้อนกลับมาใหม่ ๑๐ ผืน ๕๐๐ บาท..! กระผม/อาตมภาพก็ได้แต่นั่งขำ เมื่อครู่นี้ยังบอกว่า ๑๐ ผืน ๑๐๐ บาท ตอนนี้กลับมา ๑๐ ผืน ๕๐๐ บาท น่าจับตบให้ร่วงอยู่ตรงนั้นเลย..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 04:44
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 21 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า วันนี้, 00:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,577
ได้ให้อนุโมทนา: 160,850
ได้รับอนุโมทนา 4,522,600 ครั้ง ใน 37,192 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อพวกเรามากันครบครันแล้ว ก็ออกเดินทางวิ่งตรงไปยังเมืองสารนาถ ซึ่งต้องบอกว่าเป็นเป้าหมายของเราในวันนี้ แต่ว่าจะมีจุดกึ่งกลางอยู่ที่เมืองสะสาราม หรือว่าเมืองสหัสสารามในภาษาชัด ๆ ของเรานี่เอง เป็นวัดชื่อวัดไทยป่าฝ้าย ซึ่งเป็นจุดพักครึ่งทางของวันนี้

เมื่อรถออก ท่านเจ้าคุณกอล์ฟ - พระวิเทศวัชราจารย์ (เฉลิมชาติ ชาติวโร) เจ้าอาวาสวัดสิทธารถราชมณเฑียร เลขานุการธรรมทูตสายอินเดีย - เนปาล และพระครูธรรมธรวรัญญู อคฺควชิโร, ดร. พระธรรมทูตสายอินเดีย โ€“ เนปาล ก็ช่วยกันนำทำวัตรเช้า ว่ากันยาวจนกระทั่งอุทิศส่วนกุศล แล้วก็ปล่อยให้ทุกคนได้พักผ่ น

กระผม/อาตมภาพเองที่ส่งกำลังใจอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้าที่เจ้าทางทั้งหมด ลืมตาขึ้นมา เห็นรถติดหนุบติดหนับ แทบจะไม่ขยับไปไหนเลย เนื่องจากว่ามีการบีบเลนลงมาเหลือเลนเดียว เพราะว่ากำลังสร้างทางซูเปอร์ไฮเวย์อยู่ ซึ่งไม่ทราบเหมือนกันว่าสร้างเสร็จแล้วหน้าตาเป็นอย่างไร ? เกรงอยู่อย่างเดียวว่าจะเป็นบริษัทจีนมาสร้างให้เท่านั้น..!

พวกเราแวะเข้าห้องน้ำกลางทาง โดยที่ห้องน้ำนั้นโดนล็อคกุญแจอยู่ เนื่องเพราะว่าถ้าปล่อยให้ชาวบ้านทั่วไปเข้าไปใช้งาน เขาก็ไม่มั่นใจว่าจะเป็นพวกวรรณะต่ำมาใช้งานหรือเปล่า ? แล้วถ้ายิ่งพวกวรรณะสูงก็ยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ เพราะพวกนี้จะถ่ายทิ้งเอาไว้อย่างเดียว ถือว่าหน้าที่ชำระล้างไม่ใช่หน้าที่ของคนวรรณะสูงอย่างพวกเขา ต้องให้พวกคนวรรณะต่ำมาชำระล้างส้วมกันเอง..! จึงทำให้ทางเจ้าของปวดหัว ได้แต่ล็อคกุญแจเอาไว้ เมื่อพวกเราไปถึง จึงเปิดให้เข้าห้องน้ำได้

หลังจากนั้นวิ่งต่ออีกไม่นานก็มาถึงวัดไทยป่าฝ้าย ซึ่งตามกำหนดการจะมาถึงตอน ๑๐ โมงครึ่ง แต่นี่ ๐๙.๔๕ น. เราก็มาถึงแล้ว ท่านเจ้าอาวาสคือพระมหา ดร.ณัฐภูมิ สุทฺธิรํสี พรรษา ๓๕ รีบมาต้อนรับ พาพวกเราจะให้ไปฉันเพลเลย กระผม/อาตมภาพเห็นว่ามีเวลามาก จึงขอถวายผ้าป่าก่อน แล้วก็รวบรวมเงินกันตรงนั้นเอง ได้เงินไทยมา ๑๒,๐๐๐ บาท เงินรูปี ๓๐,๐๐๐ รูปี ซึ่งเป็นกระผม/อาตมภาพควักออกไปคนเดียว ๑๐,๐๐๐ รูปี..!

เมื่อถวายกันเสร็จสรรพเรียบร้อย อุทิศส่วนกุศล กรวดน้ำรับพรแล้ว ท่านพระมหา ดร.ณัฐภูมิ ก็พาพวกเราไปฉันภัตตาหารเพล โดยที่ท่านจับไมค์เล่าเรื่องราวการสร้างวัดว่า ที่นี่ก็คือป่าฝ้ายที่ภัททวัคคีย์ทั้ง ๓๐ คน มาเสาะแสวงหาหญิงงามเมือง ซึ่งขโมยเครื่องประดับของพวกตนไป ครั้นพบองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้รับฟังเทศน์แล้วจึงบวช กลายเป็นพระอรหันต์กันจนหมด จึงเป็นสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งในพระพุทธศาสนา และที่นี่กำลังสร้างอาคารแฝด ซึ่งแบ่งออกเป็นการใช้ประโยชน์ถึง ๗ ประการด้วยกัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 04:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 21 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า วันนี้, 00:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,577
ได้ให้อนุโมทนา: 160,850
ได้รับอนุโมทนา 4,522,600 ครั้ง ใน 37,192 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

คุณนวลจันทร์ เพียรธรรม ประธานคณะกรรมการบริษัทเอ็นซีทัวร์ ที่เมื่อวานไม่ได้เดินทางไปกับพวกเรา เพราะว่าต้องอยู่ขอบคุณเจ้าหน้าที่ ซึ่งอนุญาตให้พวกเราเอารถลุยเข้าไปชั้นในของทางด้านพุทธคยาได้ แต่วันนี้จำเป็นต้องเดินทางมาด้วย ไม่อย่างนั้นก็ตกรถ..! ปวารณาขอสร้างเสา ๑ ต้น ๓๐,๐๐๐ บาท แล้วทางคณะญาติโยมก็ขอให้สร้างเสาอีก ๑ ต้น ในนามพระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. อีก ๓๐,๐๐๐ บาท มีการสแกนจ่ายเสียด้วย..!

ทำเอาท่านพระมหา ดร.ณัฐภูมิ ดีอกดีใจ เมื่อชวนคุยกันถึงได้รู้ว่ากระผม/อาตมภาพเองนั้น แต่แรกก็มาสายวัดป่าเหมือนกับท่านนี่เอง แต่ว่าบุญพาวาสนาช่วย มาบวชกับหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงเสียก่อน

เมื่อคุยกันจนหมดธุระ พวกเราก็กลับขึ้นรถ แล้วก็วิ่งกันต่อไป เพื่อที่จะตรงไปยังเมืองสารนาถ ซึ่งเป็นจุดหมายแรกของวันนี้ พวกเราข้ามแม่น้ำคงคามาแล้ว ทางอีกฝั่งหนึ่งรู้สึกว่าจะเจริญกว่ามาก ทางเอ็นซีทัวร์พาพวกเราแวะพิพิธภัณฑ์เมืองสารนารถกันก่อน เมื่อเข้าไปข้างใน ปรากฏว่าเขาปิดด้านฝั่งของศิลปะวัตถุโบราณชาวพุทธไปเสียเกินครึ่ง..! จึงไม่เหลือพระพุทธรูปองค์สำคัญที่ว่าสวยที่สุดของประเทศอินเดียให้พวกเราได้ชมกัน

หากแต่ว่ามีไฮไลท์ก็คือหัวเสาอโศก ที่เป็นพญาสิงห์ ๔ ตระกูล สร้างโดยพระเจ้าอโศกมหาราช พวกเราฟังบรรยาย ถ่ายรูปหมู่กันเรียบร้อยแล้วก็ออกมา เดินไปยังวัดไทยสารนาถ เพราะว่ารถบัสไปจอดอยู่ที่นั่นฟรี แล้วพรุ่งนี้เราก็ยังมีโปรแกรมที่จะมาฉันเพลและทอดผ้าป่าที่นี่อีกด้วย

แต่ว่าวันนี้พวกเราต้องเดินทางต่อเพื่อไปยังเจาคันธีสถูป ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เป็นจุดที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เสด็จมาพบกับพระปัญจวัคคีย์หลังจากที่ตรัสรู้แล้ว พระเจ้าอโศกมหาราชได้มาสร้างสถูปเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุเอาไว้ เป็นหมุดหมายสำคัญแห่งหนึ่งทางพระพุทธศาสนา แล้วมาภายหลังมีการสร้างเพิ่มเติมขึ้นมาอีกตามลำดับ เพียงแต่ว่าคนไทยเรามักจะตรงไปยังธัมเมกขสถูปเสียก่อน ไม่ค่อยมายังสถูปแห่งนี้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 04:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 21 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า วันนี้, 00:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,577
ได้ให้อนุโมทนา: 160,850
ได้รับอนุโมทนา 4,522,600 ครั้ง ใน 37,192 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พวกเราฟังบรรยายเกี่ยวกับประวัติของเจาคันธีสถูป แล้วเจริญพระพุทธมนต์ นั่งกรรมฐาน กราบขอขมาพระรัตนตรัยแล้ว ถึงได้ออกมาเปลี่ยนเป็นรถตู้ที่เรียกว่า "เท็มโป้" พาพวกเราวิ่งเข้าไปบริเวณริมแม่น้ำคงคา ซึ่งจำกัดไม่ให้รถใหญ่เข้า เนื่องเพราะว่าสถานที่คับแคบมาก

แต่ปรากฏว่ารถทุกคันพุ่งหัวเข้าไปในร้านขายผ้า เพื่อให้พวกเราได้ช็อปปิ้งกันก่ น..! ท่านเจ้าคุณกอล์ฟต้องท้วงว่า "ขอให้เก็บการช็อปปิ้งไว้ทีหลัง พวกเราต้องรีบไปลงเรือ ไม่เช่นนั้นถ้ามืดเสียก่อนก็จะไม่มีโอกาสเห็นแม่น้ำคงคาในช่วงกลางวัน" จึงทำให้รถทุกคันต้องวิ่งออกจากร้านขายของที่ระลึก ประมาณคนขายมองปากอ้าตาค้างตามไปว่า "ทำไมเป็ดพะโล้ถึงบินหนีได้ ?" ในลักษณะแบบนี้..!

พวกเราไปถึงริมแม่น้ำคงคา บริเวณที่เรียกว่าราชฆาต คำว่า "ฆาต" ในที่นี้ก็คือ "ท่าเรือ" ในภาษาฮินดีนั่นเอง เป็นท่าที่พระราชาได้สร้างเอาไว้ แต่ว่าพวกเราต้องไปลงที่ "รานีฆาต" ก็คือท่าเรือท่านผู้หญิง เพราะว่าเรือที่พวกเราเช่าเอาไว้อยู่ที่นั่น ซึ่งได้แบ่งเรือออกเป็นสองลำ บัส ๑ หนึ่งลำ บัส ๒ หนึ่งลำ

เมื่อขึ้นไปถึง พวกเราก็ต้องสวมเสื้อชูชีพ แล้วนั่งฟังท่านเจ้าคุณกอล์ฟบรรยาย เกี่ยวกับเรื่องชีวิตปกติของชาวฮินดูหรือชาวอินเดีย ที่พวกเราเห็นว่าไม่ปกติ เนื่องเพราะว่าเขากิน เขาอยู่กับแม่น้ำคงคา ซึ่งแม่น้ำช่วงนี้เฉพาะช่วงพาราณสี ที่เรากำลังลอยเรืออยู่นี้เป็นช่วงที่ถือว่าศักดิ์สิทธิ์ที่สุด บรรดาท่าเรือต่าง ๆ นั้น ต่างก็มีเอาไว้สำหรับงานที่ต่างกันไป พวกเราล่องเรือมา สายลมก็เย็นขึ้นทุกที เนื่องเพราะว่าอากาศช่วงนี้อยู่ที่ ๑๘ องศาเซลเซียส ยังดีที่ว่าเสื้อชูชีพช่วยกันลมไปได้มาก แต่ถึงกระนั้น กระผม/อาตมภาพก็เริ่มมาลาเรียกำเริบแล้ว..!

เมื่อวิ่งมาถึง "ท่ามณิกัณณิการ์" หรือว่าท่าตุ้มหูแก้วของพระศิวะ เพราะมีประวัติว่าพระศิวะลงมาสรงน้ำแล้วทำตุ้มหูแก้วตกเอาไว้ สถานที่นี้เป็นที่เผาศพของชาวฮินดูต่อเนื่องมาหลายพันปี โดยที่ไฟไม่เคยดับลงเลย แม้แต่ตอนที่พวกเรามาถึง ซึ่งฟ้าเริ่มมืดแล้ว ไฟจากการเผาศพก็ยังคงสว่างโร่อยู่ ๔ ที่ ๕ ที่ พวกเราค่อย ๆ ลอยเรือชมทิวทัศน์ ซึ่งเริ่มเป็นยามค่ำคืน ริมฝั่งแม้น้ำคงคา ซึ่งก็คือฝั่งที่เขาเชื่อกันว่าเป็นฝั่งสวรรค์ ฝั่งตรงข้ามกันนั้นเป็นฝั่งนรก ซึ่งเอาไว้ทิ้งศพของพวกคนจัณฑาล..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 05:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 20 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า วันนี้, 00:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,577
ได้ให้อนุโมทนา: 160,850
ได้รับอนุโมทนา 4,522,600 ครั้ง ใน 37,192 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

จนกระทั่งมาถึง "ท่าเรือทสะอัศวเมธฆาต" หรือว่าท่าเรือที่เคยฆ่าม้าเพื่อบูชายัญ ๑๐ ตัว สถานที่นี้มีพิธีสำคัญของพราหมณ์ก็คือ "กังกาอารตี" เป็นการถวายบูชาไฟต่อแม่น้ำคงคา

พวกเรานั่งลอยเรือรออยู่นานมาก เรือแพก็แน่นขนัดไปหมด โดยเฉพาะบนชายฝั่งนั้น ชาวฮินดูนั่งกันแน่น จนกระทั่งแทบไม่มีที่ให้หายใจ รอแล้วรอเล่าเฝ้าแต่รอ กว่าที่พราหมณ์ทั้งหลายจะประกาศโองการถึงเทพเจ้าเพื่อให้มารับการบูชา แล้วก็มีพิธีบูชาไฟ ๒ อย่าง ๓ อย่าง ซึ่งกระผม/อาตมภาพนั้นดูไม่ค่อยจะออก แต่ว่าถ่ายรูปเอาไว้มากทีเดียว ขณะที่คนอื่นถ่ายแล้วบอกว่าภาพมัวหมด เพราะว่าเรือลอยอยู่กลางแม่น้ำ แล้วต้องใช้ซูมดึงภาพเข้ามา แต่ที่กระผม/อาตมภาพถ่ายนั้น ค่อนข้างจะชัดเจนกว่าคนอื่นเขา อาจจะเป็นเพราะว่ามือนิ่งมากกว่าเขาก็ได้

จนกระทั่งการบูชาไฟที่เป็นไฮไลท์จบลงแล้ว พวกเราก็ลอยเรือกลับ มีการตามประทีปถวายเป็นพุทธบูชาด้วย เพราะว่าบริเวณที่เลยไปนั้น เป็นบริเวณที่ชาวฮินดูนำเอาพระบรมสารีริกธาตุที่ขุดพบ ตามประเพณีฮินดูก็เกิดความเมตตาว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรินิพพานนานแล้ว ยังไม่มีใครจัดพิธีให้ จึงนำเอาพระบรมสารีริกธาตุไปลอยแม่น้ำคงคาเสียนี่..! ทำเอาพวกเราทั้งหลายได้ยินประวัติแล้ว ก็ "หัวร่อไม่ได้ ร่ำไห้ไม่ออก" ยังดีที่ท่านปู่เอรกปัตนาคราชและบริวาร ช่วยรักษาพระบรมสารีริกธาตุนั้นเอาไว้ พวกเราจึงมาจุดเทียนและลอยดอกไม้ถวายเป็นพุทธบูชา

กว่าที่ทุกคนจะลอยกันหมด และเดินทางกลับมาจนถึงรถของพวกเราก็เป็นเวลาค่ำมืดกันแล้ว แบ่งปันกันว่าทางด้านบัส ๑ ของเราจะไปพักที่ Hotel Mudra ส่วนทางบัส ๒ นั้นไปพัก Fern Hotel Residency แล้วพรุ่งนี้ค่อยไปขึ้นรถบัสด้วยกัน กระผม/อาตมภาพ ได้กุญแจห้องมา ก็รีบเข้าห้อง ทำการบันทึกเสียง ก่อนที่อาการไข้จะจับจนหมดสภาพไปมากกว่านี้..!

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอังคารที่ ๑๖ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 05:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 22 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #7  
เก่า วันนี้, 12:07
ทายก's Avatar
ทายก ทายก is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2012
สถานที่: อุดรธานี
ข้อความ: 18
ได้ให้อนุโมทนา: 250,210
ได้รับอนุโมทนา 21,694 ครั้ง ใน 1,319 โพสต์
ทายก is on a distinguished road
Default

อ้างอิง:
ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ เถรี อ่านข้อความ
เมื่อพวกเรามากันครบครันแล้ว ก็ออกเดินทางวิ่งตรงไปยังเมืองสารนาถ ซึ่งต้องบอกว่าเป็นเป้าหมายของเราในวันนี้ แต่ว่าจะมีจุดกึ่งกลางอยู่ที่เมืองสะสาราม หรือว่าเมืองสหัสสารามในภาษาชัด ๆ ของเรานี่เอง เป็นวัดชื่อวัดไทยป่าฝ้าย ซึ่งเป็นจุดพักครึ่งทางของวันนี้

เมื่อรถออก ท่านเจ้าคุณกอล์ฟ - พระวิเทศวัชราจารย์ (เฉลิมชาติ ชาติวโร) เจ้าอาวาสวัดสิทธารถราชมณเฑียร เลขานุการธรรมทูตสายอินเดีย - เนปาล และพระครูธรรมธรวรัญญู อคฺควชิโร, ดร. พระธรรมทูตสายอินเดีย โ€“ เนปาล ก็ช่วยกันนำทำวัตรเช้า ว่ากันยาวจนกระทั่งอุทิศส่วนกุศล แล้วก็ปล่อยให้ทุกคนได้พักผ่ น

กระผม/อาตมภาพเองที่ส่งกำลังใจอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้าที่เจ้าทางทั้งหมด ลืมตาขึ้นมา เห็นรถติดหนุบติดหนับ แทบจะไม่ขยับไปไหนเลย เนื่องจากว่ามีการบีบเลนลงมาเหลือเลนเดียว เพราะว่ากำลังสร้างทางซูเปอร์ไฮเวย์อยู่ ซึ่งไม่ทราบเหมือนกันว่าสร้างเสร็จแล้วหน้าตาเป็นอย่างไร ? เกรงอยู่อย่างเดียวว่าจะเป็นบริษัทจีนมาสร้างให้เท่านั้น..!

พวกเราแวะเข้าห้องน้ำกลางทาง โดยที่ห้องน้ำนั้นโดนล็อคกุญแจอยู่ เนื่องเพราะว่าถ้าปล่อยให้ชาวบ้านทั่วไปเข้าไปใช้งาน เขาก็ไม่มั่นใจว่าจะเป็นพวกวรรณะต่ำมาใช้งานหรือเปล่า ? แล้วถ้ายิ่งพวกวรรณะสูงก็ยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ เพราะพวกนี้จะถ่ายทิ้งเอาไว้อย่างเดียว ถือว่าหน้าที่ชำระล้างไม่ใช่หน้าที่ของคนวรรณะสูงอย่างพวกเขา ต้องให้พวกคนวรรณะต่ำมาชำระล้างส้วมกันเอง..! จึงทำให้ทางเจ้าของปวดหัว ได้แต่ล็อคกุญแจเอาไว้ เมื่อพวกเราไปถึง จึงเปิดให้เข้าห้องน้ำได้

หลังจากนั้นวิ่งต่ออีกไม่นานก็มาถึงวัดไทยป่าฝ้าย ซึ่งตามกำหนดการจะมาถึงตอน ๑๐ โมงครึ่ง แต่นี่ ๐๙.๔๕ น. เราก็มาถึงแล้ว ท่านเจ้าอาวาสคือพระมหา ดร.ณัฐภูมิ สุทฺธิรํสี พรรษา ๓๕ รีบมาต้อนรับ พาพวกเราจะให้ไปฉันเพลเลย กระผม/อาตมภาพเห็นว่ามีเวลามาก จึงขอถวายผ้าป่าก่อน แล้วก็รวบรวมเงินกันตรงนั้นเอง ได้เงินไทยมา ๑๒,๐๐๐ บาท เงินรูปี ๓๐,๐๐๐ รูปี ซึ่งเป็นกระผม/อาตมภาพควักออกไปคนเดียว ๑๐,๐๐๐ รูปี..!

เมื่อถวายกันเสร็จสรรพเรียบร้อย อุทิศส่วนกุศล กรวดน้ำรับพรแล้ว ท่านพระมหา ดร.ณัฐภูมิ ก็พาพวกเราไปฉันภัตตาหารเพล โดยที่ท่านจับไมค์เล่าเรื่องราวการสร้างวัดว่า ที่นี่ก็คือป่าฝ้ายที่ภัททวัคคีย์ทั้ง ๓๐ คน มาเสาะแสวงหาหญิงงามเมือง ซึ่งขโมยเครื่องประดับของพวกตนไป ครั้นพบองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้รับฟังเทศน์แล้วจึงบวช กลายเป็นพระอรหันต์กันจนหมด จึงเป็นสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งในพระพุทธศาสนา และที่นี่กำลังสร้างอาคารแฝด ซึ่งแบ่งออกเป็นการใช้ประโยชน์ถึง ๗ ประการด้วยกัน
__________________
"สีเลนะ สุคะติง ยันติ สีเลนะ โภคะสัมปะทา สีเลนะ นิพพุติง ยันติ ตัสมา สีรัง วิโสทะเย"
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 1 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ทายก ในข้อความที่เขียนด้านบน
คนไกลบ้าน (วันนี้)
  #8  
เก่า วันนี้, 12:16
ทายก's Avatar
ทายก ทายก is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2012
สถานที่: อุดรธานี
ข้อความ: 18
ได้ให้อนุโมทนา: 250,210
ได้รับอนุโมทนา 21,694 ครั้ง ใน 1,319 โพสต์
ทายก is on a distinguished road
Default

อ้างอิง:
ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ เถรี อ่านข้อความ
พวกเราฟังบรรยายเกี่ยวกับประวัติของเจาคันธีสถูป แล้วเจริญพระพุทธมนต์ นั่งกรรมฐาน กราบขอขมาพระรัตนตรัยแล้ว ถึงได้ออกมาเปลี่ยนเป็นรถตู้ที่เรียกว่า "เท็มโป้" พาพวกเราวิ่งเข้าไปบริเวณริมแม่น้ำคงคา ซึ่งจำกัดไม่ให้รถใหญ่เข้า เนื่องเพราะว่าสถานที่คับแคบมาก

แต่ปรากฏว่ารถทุกคันพุ่งหัวเข้าไปในร้านขายผ้า เพื่อให้พวกเราได้ช็อปปิ้งกันก่ น..! ท่านเจ้าคุณกอล์ฟต้องท้วงว่า "ขอให้เก็บการช็อปปิ้งไว้ทีหลัง พวกเราต้องรีบไปลงเรือ ไม่เช่นนั้นถ้ามืดเสียก่อนก็จะไม่มีโอกาสเห็นแม่น้ำคงคาในช่วงกลางวัน" จึงทำให้รถทุกคันต้องวิ่งออกจากร้านขายของที่ระลึก ประมาณคนขายมองปากอ้าตาค้างตามไปว่า "ทำไมเป็ดพะโล้ถึงบินหนีได้ ?" ในลักษณะแบบนี้..!

พวกเราไปถึงริมแม่น้ำคงคา บริเวณที่เรียกว่าราชฆาต คำว่า "ฆาต" ในที่นี้ก็คือ "ท่าเรือ" ในภาษาฮินดีนั่นเอง เป็นท่าที่พระราชาได้สร้างเอาไว้ แต่ว่าพวกเราต้องไปลงที่ "รานีฆาต" ก็คือท่าเรือท่านผู้หญิง เพราะว่าเรือที่พวกเราเช่าเอาไว้อยู่ที่นั่น ซึ่งได้แบ่งเรือออกเป็นสองลำ บัส ๑ หนึ่งลำ บัส ๒ หนึ่งลำ

เมื่อขึ้นไปถึง พวกเราก็ต้องสวมเสื้อชูชีพ แล้วนั่งฟังท่านเจ้าคุณกอล์ฟบรรยาย เกี่ยวกับเรื่องชีวิตปกติของชาวฮินดูหรือชาวอินเดีย ที่พวกเราเห็นว่าไม่ปกติ เนื่องเพราะว่าเขากิน เขาอยู่กับแม่น้ำคงคา ซึ่งแม่น้ำช่วงนี้เฉพาะช่วงพาราณสี ที่เรากำลังลอยเรืออยู่นี้เป็นช่วงที่ถือว่าศักดิ์สิทธิ์ที่สุด บรรดาท่าเรือต่าง ๆ นั้น ต่างก็มีเอาไว้สำหรับงานที่ต่างกันไป พวกเราล่องเรือมา สายลมก็เย็นขึ้นทุกที เนื่องเพราะว่าอากาศช่วงนี้อยู่ที่ ๑๘ องศาเซลเซียส ยังดีที่ว่าเสื้อชูชีพช่วยกันลมไปได้มาก แต่ถึงกระนั้น กระผม/อาตมภาพก็เริ่มมาลาเรียกำเริบแล้ว..!

เมื่อวิ่งมาถึง "ท่ามณิกัณณิการ์" หรือว่าท่าตุ้มหูแก้วของพระศิวะ เพราะมีประวัติว่าพระศิวะลงมาสรงน้ำแล้วทำตุ้มหูแก้วตกเอาไว้ สถานที่นี้เป็นที่เผาศพของชาวฮินดูต่อเนื่องมาหลายพันปี โดยที่ไฟไม่เคยดับลงเลย แม้แต่ตอนที่พวกเรามาถึง ซึ่งฟ้าเริ่มมืดแล้ว ไฟจากการเผาศพก็ยังคงสว่างโร่อยู่ ๔ ที่ ๕ ที่ พวกเราค่อย ๆ ลอยเรือชมทิวทัศน์ ซึ่งเริ่มเป็นยามค่ำคืน ริมฝั่งแม้น้ำคงคา ซึ่งก็คือฝั่งที่เขาเชื่อกันว่าเป็นฝั่งสวรรค์ ฝั่งตรงข้ามกันนั้นเป็นฝั่งนรก ซึ่งเอาไว้ทิ้งศพของพวกคนจัณฑาล..!
__________________
"สีเลนะ สุคะติง ยันติ สีเลนะ โภคะสัมปะทา สีเลนะ นิพพุติง ยันติ ตัสมา สีรัง วิโสทะเย"
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 1 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ทายก ในข้อความที่เขียนด้านบน
คนไกลบ้าน (วันนี้)
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 14 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 14 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 14:19



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว