|
#1
|
||||
|
||||
|
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๘
|
| สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
|
#2
|
||||
|
||||
|
วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๒๓ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ ก่อนอื่นต้องเจริญพรขอบคุณคณะญาติโยมทุกท่าน ที่ร่วมกันบูชาวัตถุมงคล และร่วมกันบริจาคสร้างหอพักนักเรียนหญิงบ้านไกล ให้กับทางโรงเรียนทองผาภูมิวิทยา ซึ่งขาดปัจจัยอยู่ ๑ ล้านกว่าบาท จากจำนวนที่ท่านทั้งหลายบูชาวัตถุมงคลก็ดี โอนปัจจัยเข้ามาทำบุญโดยไม่รับวัตถุมงคลก็ตาม ถ้าหากว่าโอนครบถ้วน ยอดเงินก็ได้ตามที่ต้องการแล้ว ขอให้ทุกท่านประสบแต่ความสุขความเจริญ มีความปรารถนาที่สมหวังโดยทั่วหน้ากันทุกท่านทุกคนเทอญ
ถ้าหากว่าเป็นเช่นนี้ กระทู้บอกบุญของโครงการรักษ์ธรรมรักษ์ไทย ก็น่าจะปิดตัวลงสิ้นเดือนนี้เลย เพราะว่าโดยปกติแล้ว เราจะสร้างถาวรวัตถุที่เป็นสาธารณประโยชน์ให้กับโรงเรียนและสถานที่ต่าง ๆ ปีละ ๑ อย่าง ส่วนใหญ่แล้วก็ต้องรอจนกระทั่งเกือบถึงวันเด็กแล้วค่อยปิดกระทู้ แต่งวดนี้ทุกท่านให้ความร่วมมือ ในการสร้างวิหารทานบวกธรรมทานนี้ได้เร็วมาก ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เราได้เงินครบแล้วก็จะปิดกระทู้ไปเลย พบกันอีกครั้งก็ปีหน้า ใครที่ต้องการมีส่วนร่วมบุญ สามารถโอนได้จนถึงวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๘ นี้ ไม่สามารถที่จะโอนยาวไปจนใกล้วันเด็กเหมือนกับทุกปี สำหรับช่วงวันนี้ กระผม/อาตมภาพเดินทางกลับมาวัดท่าขนุน ไม่สามารถจะทำความเร็วได้เลย เนื่องเพราะว่าญาติโยมทั้งหลายเดินทางมาเที่ยวทองผาภูมิกันมาก โดยเฉพาะบางท่านที่พบกันกลางทางระหว่างที่แวะเข้าห้องน้ำ เมื่อทราบว่ากระผม/อาตมภาพอยู่ทองผาภูมิก็บอกว่า "ถ้าหากท่านจะไปขุดทอง ช่วยบอกด้วยนะครับ" แสดงว่าเรื่องยอดเขาแหลมกลายเป็นสีทอง สร้างชื่อเสียงให้กับทองผาภูมิ จนเป็นแหล่งเที่ยวได้มากเป็นพิเศษ แล้วก็มีอาจารย์บางท่านที่บอกว่า "เป็นเพราะแสงอาทิตย์ทอทาบลงบนยอดเขาพอดี จนเกิดภาพแบบนั้นได้" ถ้าหากว่าเป็นยอดเขาหิมะ กระผม/อาตมภาพจะไม่เถียง เพราะว่าเจอด้วยตนเองมาหลายครั้งแล้ว แต่นี่เป็นยอดเขาที่มีแต่ต้นไม้เขียว ๆ แสงอาทิตย์ลงอย่างไรก็เป็นสีทองอร่ามแบบนั้นไม่ได้ โดยเฉพาะยอดเขารอบข้างก็มีอยู่ แล้วทำไมเป็นสีทองอยู่แค่ที่เดียว ?! ดังนั้น..บางเรื่องถ้าพยายามจะเอาความรู้ทางวิทยาศาสตร์หรือทางโลกมาอธิบาย ก็กลายเป็นขยายความโง่เสียเปล่า ๆ แต่ก็เห็นอาจารย์ท่านนี้พยายามที่จะขยายความโง่อยู่บ่อย ๆ ต้องแล้วแต่ท่านก็แล้วกัน..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-11-2025 เมื่อ 19:40 |
| สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
|
#3
|
||||
|
||||
|
ในเรื่องบางอย่างที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ว่าเป็นอจินไตย ก็คือเรื่องที่ไม่ควรคิด ได้แก่
เรื่องที่ ๑ พุทธวิสัย ความสามารถขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่สร้างบารมีมาอย่างน้อยก็ ๒๐ อสงไขย กับอีกหลายแสนมหากัป เนื่องเพราะว่าพระพุทธเจ้าที่ตรัสรู้เร็วที่สุด ก็คือพระพุทธเจ้าแบบปัญญาธิกะ เป็นผู้ชำนาญ ถนัดในด้านการใช้ปัญญา จึงบรรลุอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณได้เร็วที่สุด แต่กระนั้นก็ตาม บาลีก็ระบุเอาไว้ชัดเจนว่า จิตติตัง สัตตะสังเขยยัง ก็คือคิดว่าเราจะเป็นพระพุทธเจ้า ก็ปาไป ๗ อสงไขยกัปแล้ว นวะสังเขยยะ วาจะกัง ออกปากว่าเราจะเป็นพระพุทธเจ้า อีก ๙ อสงไขยกัป แล้วท้ายที่สุดก็คือปฏิบัติกาย วาจา ใจ เพื่อความเป็นพระพุทธเจ้าอย่างจริงจัง ทุ่มเท ชนิดที่แลกด้วยชีวิต ก็คือผ่าอก ควักหัวใจ ควักดวงตา ตัดแขน ตัดขา เชือดเนื้อตัวเอง ตัดศีรษะตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นทานบารมีก็ดี เป็นพุทธบูชาก็ตาม อีก ๔ อสงไขยกับแสนมหากัป ก็แปลว่าหลักสูตรที่สั้นที่สุด พระพุทธเจ้าต้องบำเพ็ญบารมีอย่างน้อย ๒๐ อสงไขย กับอีก ๑ แสนมหากัป..! ขอยืนยันคำว่า "มหากัป" ไม่ใช่ "อันตรกัป" อันตรกัปคือรอบของกัปทั่วไป อรรถกถาจารย์ท่านอธิบายไว้ว่า ตั้งเลข ๑ ขึ้นมา แล้วต่อด้วยเลข ๐ จำนวน ๑๔๐ ตัว เป็นตัวเลขที่ต้องใช้ยกกำลังเท่านั้น ผ่านไป ๑๐๐ ปีลดลง ๑ ปี ผ่านไป ๑๐๐ ปีลดลง ๑ ปี จนกระทั่งเหลือแค่หลักสิบ แล้วผ่านไป ๑๐๐ ปี เพิ่มไป ๑ ปี ผ่านไป ๑๐๐ เพิ่มไป ๑ ปี จนขึ้นไปเป็น ๑๔๑ หลักตามเดิม จึงจะได้ ๑ รอบอันตรกัป..! ที่บาลีท่านเปรียบเอาไว้ว่า มีภูเขาที่เป็นศิลาแท่งทึบ ประกอบด้วยเนื้อหินล้วน กว้าง ๑ โยชน์ ยาว ๑ โยชน์ สูง ๑ โยชน์ ก็คือด้านละ ๑๖ กิโลเมตร เพราะว่า ๒๐ วาเป็น ๑ เส้น ๔๐๐ เส้นเป็น ๑ โยชน์ ก็แปลว่า ๑ โยชน์เท่ากับ ๘,๐๐๐ วา ก็คือ ๑๖,๐๐๐ เมตร ในเมื่อหักกลบลบล้างว่า ๑,๐๐๐ เมตรเท่ากับ ๑ กิโลเมตร ก็จะได้ด้านละ ๑๖ กิโลเมตร ระยะเวลา ๑๐๐ ปี เทวดาเอาผ้าเนื้ออ่อนเหมือนสำลีมาลูบภูเขานั้นครั้งหนึ่ง ๑๐๐ ปีมาลูบภูเขานั้นครั้งหนึ่ง จนภูเขานั้นสึกเสมอพื้น ท่านว่ายังไม่ได้ ๑ รอบอันตรกัปดี..! แล้ว ๖๔ รอบอันตรกัปจะเท่ากับ ๑ อสงไขยกัป ๔ อสงไขยกัป เท่ากับ ๑ มหากัป ก็แปลว่า ๑ มหากัป ท่านทั้งหลายจะต้องรอจนกว่าจะลูบภูเขาสึกเสมอพื้นไป ๒๕๖ ลูกเป็นอย่างน้อย..! แล้วผู้ที่สร้างบุญสร้างบารมีมาขนาดนั้น ความสามารถของพระองค์ท่านไม่ใช่สิ่งที่เราจะจินตนาการถึง อย่างที่พระพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ในสีสปาสูตรว่า สิ่งที่พระองค์ท่านรู้เหมือนกับใบไม้ทั้งป่า แต่ที่เอามาตรัสสอนเพื่อประโยชน์สุขในปัจจุบัน เพื่อประโยชน์สุขในอนาคต และเพื่อประโยชน์สูงสุดนั้น เป็นแค่ใบไม้กำมือเดียว ใบไม้กำมือเดียวของพระองค์ท่านคือ ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-11-2025 เมื่อ 00:04 |
| สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
|
#4
|
||||
|
||||
|
เรื่องที่ ๒ คือฌานวิสัย ความสามารถของผู้ทรงฌาน ทรงสมาบัติ ถ้าเราทำไม่ได้ ไม่มีทางที่จะจินตนาการถึงว่าทำไมท่านถึงผาดแผลงสำแดงฤทธิ์ได้พิลึกพิลั่นอัศจรรย์ขนาดนั้น ?!
เรื่องที่ ๓ กรรมวิบาก การส่งผลของกรรม เราทำอะไรย่อมได้รับผลเช่นนั้น จนกระทั่งบางทีก็คิดไม่ถึงว่า แค่ความคิดหรือคำพูดก็ส่งผลต่อชาติต่อไปแล้ว อย่างเช่นบุคคลที่เกิดมาตัวติดกันแบบแฝดสยาม หลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านเมตตาบอกว่า "เกิดจากที่ชาติก่อนอธิษฐานว่า เกิดมาแล้วจะไม่พรากจากกัน..!" เรื่องสุดท้ายคือโลกจินไตย ความเป็นไปของโลก คำว่าโลกในที่นี้ ไม่ใช่แค่โลกของเราเท่านั้น แต่ก็คืออวกาศทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นโลกก็ดี ระบบสุริยะจักรวาลก็ตาม ตลอดจนกระทั่งไปถึงเนบิวลา กาแล็กซี่ ยูนิเวิร์สต่าง ๆ ทำไมก่อเกิดขึ้นมาได้ ? พระองค์ท่านตรัสว่า "ผู้ที่คิดพึงมีส่วนของความเป็นบ้า..!" บาลีท่านใช้คำว่า "อุมฺมตฺตกภาโค" อย่างที่นักเรียนบาลีหลายคนโดยรุ่นพี่เขาหลอก ให้ท่องพระคาถาเพื่อเรียนบาลีเก่ง ทุกวันต้องตื่นขึ้นมาล้างหน้าก่อนอีกาบินผ่านน้ำ ก็แปลว่าต้องตื่นแต่เช้ามืด เนื่องเพราะว่าใกล้อรุณ อีกาก็ออกหากินแล้ว ตักน้ำมาแล้วก็ภาวนาว่า "อหํ อุมฺมตฺตโก โหมิ" ล้างหน้าทุกวันแล้วจะเรียนบาลีเก่ง แล้วก็ต้องเก่งจริง ๆ เพราะไปแปลได้ทีหลังว่า "ขอให้กูเข้าถึงความเป็นบ้า..!" ดังนั้น..เรื่องพวกนี้ถ้าเราพยายามจะเอาความรู้ทางโลก ๆ มาอธิบาย ก็เสียเวลาเปล่า ฟังแล้วก็ต้องใช้คำว่า สมัยนี้เขาใช้คำว่าอะไร ? ใช้คำว่า "ไม่เก็ท" "ไม่เมกเซ้นท์" ใช่ไหม ? เพราะว่าเขาอธิบายตามความรู้ในลักษณะอนุมานเอาบ้าง ตามตรรกะบ้าง ซึ่งพระพุทธเจ้าตรัสเอาไว้แล้วว่าอย่าพึงเชื่อ..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-11-2025 เมื่อ 00:07 |
| สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
|
#5
|
||||
|
||||
|
ไล่ตั้งแต่ มา ปรมฺปราย อย่าเชื่อเพราะถืออย่างนั้นสืบ ๆ กันมา
มา อิติกิราย อย่าเชื่อเพราะเขาลือกันว่าอย่างนั้น มา นยเหตุ อย่าเชื่อเพราะตรึกแล้วเข้ากับความเชื่อเดิมของเรา มา ตกฺกเหตุ อย่าเชื่อเพราะพิจารณาแล้วว่าเป็นเหตุเป็นผล ไล่ไปจนถึงข้อสุดท้าย มา สมโณ โน ครูติ อย่าเชื่อเพราะสมณะนี้เป็นครูของเรา..! ก็คือให้ปฏิบัติจนเกิดผลแล้วค่อยเชื่อ ไม่ใช่กูค้านไปเสียทุกเรื่อง..! ไอ้พวกค้านทุกเรื่องนั่นเขาถือว่าโง่จัด คนที่ฉลาดจริง ๆ ต้องพิสูจน์ทราบเสียก่อนแล้วค่อยเชื่อ ดังนั้น..การท่องเที่ยวทองผาภูมิของเรา "บูม" กลับขึ้นมา ไม่ใช่เพราะเป็น "ไฮซีซั่น" เฉย ๆ แต่เป็นเพราะปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ผิดแปลกจากที่อื่น ทำให้ผู้คนอยากจะมาสัมผัสด้วยตนเอง ความจริงใครจะปีนขึ้นยอดเขานั้นก็ได้ สมัยก่อนพวกกระผม/อาตมภาพกับคุณป้านิภา คงสุขและคณะ ได้นำเอาพระพุทธรูปไปไว้ที่ถ้ำบนยอดเขาแหลมนั้นด้วย ลองขึ้นไปดูว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือเปล่าก็น่าจะดี แต่ต้องขออภัย..ขึ้นยากกว่ายอดเขาพระพุทธบาทของเราหลายเท่า..! สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๓ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-11-2025 เมื่อ 00:10 |
| สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
![]() |
| ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 2 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 2 คน ) | |
| คำสั่งเพิ่มเติม | |
|
|