กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๘ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๘

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า เมื่อวานนี้, 18:50
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 11,281
ได้ให้อนุโมทนา: 226,754
ได้รับอนุโมทนา 818,229 ครั้ง ใน 40,409 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๘

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๘


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 27 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า เมื่อวานนี้, 22:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,424
ได้ให้อนุโมทนา: 160,037
ได้รับอนุโมทนา 4,516,391 ครั้ง ใน 37,038 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๙ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ ก่อนเดินทางออกจากวัดอุทยาน ตำบลบางขุนกอง อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรีนั้น พระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ผศ.ดร. เจ้าอาวาสวัดอุทยาน กำลังนำพระเณรและญาติโยม ช่วยกันกั้นกระสอบพื้นที่วัดด้านติดคลองบางกอกน้อย เนื่องเพราะว่าน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาหนุนเข้ามา ทำให้น้ำในคลองบางกอกน้อยสูงมากเป็นพิเศษ..!

แต่เมื่อกระผม/อาตมภาพเดินทางโดยทางด่านพิเศษสายเอ็ม ๘๑ หรือที่เรียกกันว่ามอเตอร์เวย์บางใหญ่ - กาญจนบุรี ซึ่งร่นระยะเวลาจากกรุงเทพฯ - กาญจนบุรี ซึ่ง
ถ้ารถติดจะใช้เวลาวิ่งเกือบ ๓ ชั่วโมง เหลือแค่ประมาณชั่วโมงเดียว ยังไม่ทันจะถึงจุดหมายปลายทาง ก็คือวัดไชยชุมพลชนะสงคราม (พระอารามหลวง) ซึ่งเป็นสนามสอบนักธรรมชั้นโท - ชั้นเอก (สนามหลวง) ประจำปี ๒๕๖๘ ท่านเจ้าอาวาสวัดอุทยานก็ส่งภาพน้ำกำลังทะลักเข้าวัด พร้อมกับข้อความสั้น ๆ ว่า "เอาไม่อยู่..ท่วมแล้วครับ"

จะว่าไปแล้ว วัดวาอารามซึ่งอยู่ริมแม่น้ำนั้น จะต้องผจญภัยในลักษณะนี้มาโดยตลอด แม้แต่วัดท่าขนุน ก่อนที่จะมีเขื่อนวชิราลงกรณ ซึ่งในยุคนั้นเรียกว่าเขื่อนเขาแหลม ก็โดนน้ำท่วมอยู่บ่อย ๆ แม้แต่ในช่วงที่มีเขื่อนวชิราลงกรณแล้วก็ตาม บางปีน้ำก็ปริ่ม "แดนสงบ" ก็คือกุฏิทางด้านริมแม่น้ำแควน้อย ที่กระผม/อาตมภาพตั้งใจสร้างไว้ ให้แม่ชีได้มีกุฏิส่วนตัวอยู่อาศัย แต่กลับโดนนักท่องเที่ยวฝรั่งมาขอเช่า เมื่อปฏิเสธไปก็ยังสอนว่า "วัดวาอารามควรจะหาเงินด้วยวิธีนี้ เพราะว่าสถานที่อำนวย เงียบสงบ และสวยงามมาก ถ้ามีอาคารให้นักท่องเที่ยวได้เช่าในลักษณะเกสต์เฮาส์ ก็จะหาเงินเข้าวัดได้มาก..!"

แต่กระผม/อาตมภาพไม่มีอารมณ์ที่จะไปหาเงินในลักษณะอย่างนั้น จึงไม่ได้คิดจะทำอะไรตามที่นักท่องเที่ยวได้กล่าวถึง ซึ่งในช่วงหลังบางปี ถ้าน้ำมาก แล้วเขื่อนวชิราลงกรณต้องทำการพร่องน้ำ เพื่อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมนั้น บางทีก็ทำเอาน้ำปริ่มมาถึงหน้ากุฏิในแดนสงบทั้ง ๑๑ หลังเหมือนกัน..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 01:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 25 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า เมื่อวานนี้, 22:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,424
ได้ให้อนุโมทนา: 160,037
ได้รับอนุโมทนา 4,516,391 ครั้ง ใน 37,038 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น..ในส่วนนี้ต้องบอกว่าแต่ละวัดต้องมีการเตรียมรับมือเอาไว้เป็นการเฉพาะ ถ้าเป็นกระผม/อาตมภาพก็จะทำเขื่อนในลักษณะคล้ายกับทางด้านสำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษี ซึ่งกระผม/อาตมภาพนั้นใช้ลองซีเมนต์ในขนาด ๘๐ เซ็นติเมตร ฝังชั้นแรกลงใต้ดิน แล้วก็เรียงชั้นต่อ ๆ ไปลดหลั่นกันขึ้นมา อย่างเช่นว่าถ้าชั้นแรก ๑๒ ใบ ชั้นที่สองก็จะเหลื่อมมาเป็น ๑๑ ใบ ชั้นที่สามก็เป็น ๑๐ ใบ ชั้นที่สี่ก็เป็น ๙ ใบ ในลักษณะแบบนี้ แล้วเทคอนกรีตเต็มแน่นทุกชั้น ก็จะกลายเป็นเขื่อนในลักษณะขั้นบันได ที่พอจะต้านแรงน้ำป่าเอาไว้ได้

ถ้าเรารู้ระดับน้ำสูงสุด ซึ่งสามารถสอบถามจากญาติโยมเก่าแก่ที่อยู่อาศัยริมน้ำใกล้วัด ว่าสูงประมาณเท่าไร ? ก็ทำเผื่อไว้สักชั้นสองชั้นก็ได้ ถ้าอยู่ในลักษณะอย่างนี้ ก็จะเป็นลักษณะของเขื่อนที่สามารถชมทิวทัศน์ริมน้ำได้อีกต่างหาก แต่ว่าค่าใช้จ่ายก็ค่อนข้างจะสูง แล้วในขณะเดียวกัน เราทำหน้าพื้นที่วัด แต่ถ้าพื้นที่ก่อนหรือหลังวัดไป ญาติโยมไม่ได้ทำก็เฮงพอกัน เนื่องเพราะว่าถึงเวลาน้ำก็จะไปล้นเข้าทางด้านนั้น..!

แบบเดียวกับจังหวัดชัยนาทที่ปลอดจากน้ำท่วมมา ๓๐ - ๔๐ ปีต่อเนื่องกัน เพราะว่าในสมัยท่านผู้ว่าฯ กาจ รักษ์มณี ท่านได้ทำถนนที่เป็นดินถมสูงจากพื้นขึ้นมาถึง ๔ - ๕ เมตร อยู่ในลักษณะการกั้นเขื่อนดินตลอดแนวจังหวัด ทำให้จังหวัดชัยนาทปลอดจากน้ำท่วมมาโดยตลอด แต่ปีนี้ความเก่าแก่ของเขื่อนดิน ทำให้น้ำเซาะถล่มทางด้านอำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท แล้วน้ำก็อ้อมเข้าจากทางด้านอำเภอสรรพยา มาถล่มตัวจังหวัดชัยนาททีหลัง ก็แปลว่าถ้าเครื่องมือที่เราป้องกันตลอดแนวเอาไว้ด้วยดี แต่ถ้าหัวท้ายไม่มีการป้องกัน ท้ายที่สุดก็ต้องเดือดร้อนเพราะน้ำท่วมจนได้..!

การที่เราจะอยู่ร่วมกับธรรมชาตินั้น ส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นการคล้อยตามธรรมชาติ ถ้าทุกท่านศึกษาวิถีชีวิตของคนไทยภาคกลางโบราณ จะเห็นว่าทุกบ้านทำเป็นบ้านใต้ถุนสูง ก็คืออยู่ในลักษณะสูงจากพื้นขึ้นมา ๓ เมตรบ้าง ๒ เมตรครึ่งบ้าง ถ้าเป็นหน้าแล้ง ใต้ถุนก็เอาไว้ทำกิจกรรมต่าง ๆ โดยที่มีความร้อนน้อยมาก เพราะว่านอกจากผ่านหลังคาแล้ว ก็ยังมีพื้นเรือนกั้นไว้อีกชั้นหนึ่ง พอถึงเวลาหน้าน้ำก็โยกย้ายขึ้นไปอยู่ชั้นบน โดยเฉพาะหน้าแล้งก็จะมีเรือขึ้นคานอยู่ พอใกล้หน้าน้ำก็จะมีการตอกหมัน ยาเรือ ทาน้ำมัน เตรียมการเอาไว้ ถึงเวลาหน้าน้ำก็แค่พลิกเรือลงน้ำ ผูกไว้กับหัวบันไดเท่านั้นเอง ต่อให้น้ำหลากมาเท่าไรก็ไม่เดือดร้อน สามารถที่จะสัญจรทางเรือได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 01:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 24 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า เมื่อวานนี้, 22:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,424
ได้ให้อนุโมทนา: 160,037
ได้รับอนุโมทนา 4,516,391 ครั้ง ใน 37,038 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

บรรดาสัตว์เลี้ยง ไม่ว่าจะเป็นหมู เป็นวัว เป็นควายที่เลี้ยงเอาไว้ กระผม/อาตมภาพเคยเห็นเขาทำคอกหมูอยู่ในลักษณะสูงเท่าระดับเรือนชั้นบน เลี้ยงหมูภายในคอกนั้นมาแล้ว ถึงเวลาทำความสะอาดล้างคอกหมู อุจจาระปัสสาวะที่ไหลลงไปในน้ำนั้น พาบรรดาปลาแขยง ปลาสังกะวาด แห่มากินกันอย่างชนิดยกฝูงเลยทีเดียว ส่วนวัวควายนั้น พอหน้าน้ำก็ต้อนไปไว้บนที่ดอน ซึ่งทุกคนจะจดจำได้ว่าวัวควายของตนคือตัวไหนบ้าง ? ถึงเวลาก็เอาหญ้าเอาน้ำไปส่ง แล้วพอน้ำลดก็ต้อนกลับบ้านมา อยู่ใต้ถุนบ้านส่วนหนึ่งเหมือนเดิม

ดังนั้น..การอยู่กับธรรมชาติ แล้วคล้อยตามธรรมชาติ จัดว่าเป็นภูมิปัญญาโบราณที่ตกผลึกมาอย่างหนึ่ง แต่พอมาถึงในยุคปัจจุบันนี้ เราไปนิยมก่อบ้านสร้างเรือนตามแบบยุโรป ซึ่งบ้านเขานั้น ถึงเวลาหน้าหนาวก็หนาวจับจิตจับใจ เพราะว่ามีหิมะตก เขาจึงสร้างบ้านเรือนที่ปิดทึบ ให้ลมเข้าได้น้อยที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ แล้วก็ยังทำเตาผิงเอาไว้ข้างใน เพื่อช่วยความอบอุ่นอีกต่างหาก

แต่พอมาอยู่ในบ้านเราเมืองเรา อากาศค่อนข้างร้อน ถึงเวลาถ้าขาดเครื่องปรับอากาศ ก็อยู่กันไม่ได้ แถมถึงเวลาหน้าน้ำหลากมาก็เดือดร้อนอีก ถ้าเป็นบ้านชั้นเดียว ไม่มีชั้น ๒ ชั้น ๓ เมื่อน้ำท่วมมาก็เดือดร้อนติดอยู่บนหลังคา ให้กู้ภัยเข้าไปช่วยบ้าง ให้บุคคลผู้มีจิตเมตตาเอาข้าวเอาน้ำเข้าไปส่งบ้าง นี่คือความเสียหายจากการที่เราท่านทั้งหลายไปฝืนธรรมชาตินั่นเอง

แบบเดียวกับบุคคลผู้ปฏิบัติธรรม ถ้าท่านทั้งหลายสามารถพินิจพิจารณาสภาพจิตของตนเอง แล้วก็เห็นชัดเจนว่าราคะ โลภะ โทสะ โมหะนั้น เป็นธรรมชาติของร่างกายนี้ที่จะต้องมีอยู่แล้ว แต่ถ้าหากว่าท่านสามารถแยกออกได้อย่างชัดเจนว่า "ร่างกายนี้ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เจ้าอยากจะมีก็จงมีไปเถิด ข้าไม่ยุ่งกับเจ้าด้วย" ถ้าอยู่ในลักษณะนี้ก็เหมือนกับว่า บ้านเรามีเชื้อเพลิง พร้อมที่จะเผาผลาญได้ตลอดเวลา แต่เราไม่เอาไฟไปจ่อให้เชื้อเพลิงนั้นติดขึ้นมา ก็ไม่อาจสร้างปัญหาให้กับเราได้..!

แต่ว่ากำลังใจในลักษณะนี้นั้น ต้องถึงพร้อมด้วยศีล ด้วยสมาธิ ด้วยปัญญา อยู่ในระดับอย่างน้อยก็คือมัคคสมังคี แปลว่าหนทางทั้ง ๘ สายขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต้องมาประชุมรวมพร้อมกัน โดยเฉพาะในส่วนของสมาธิและปัญญา ถ้าเรามีสมาธิ ก็จะทำให้สติสมบูรณ์ สามารถที่จะรู้เท่าทันว่า รัก โลภ โกรธ หลง จะเกิดขึ้นเพราะเหตุใด ก็จะใช้ปัญญาไปป้องกันด้วยการไม่สร้างเหตุนั้น..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 01:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 25 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า เมื่อวานนี้, 22:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,424
ได้ให้อนุโมทนา: 160,037
ได้รับอนุโมทนา 4,516,391 ครั้ง ใน 37,038 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเมื่อเราไม่สร้างเหตุ ผลไม่สามารถที่จะเกิดได้ ก็ทำให้กิเลสไม่อาจจะเข้ามากินจิตกินใจของเราได้ นี่คือลักษณะของการรู้เท่าทันสภาพของจิต

สิ่งหนึ่งประการใดที่จิตทำ จิตคิด ทำให้เกิดความเจริญขึ้น ดีขึ้น ของศีล ของสมาธิ ของปัญญา เราก็กระทำในสิ่งนั้นด้วยความระมัดระวัง

สิ่งหนึ่งประการใดที่จะสร้างทุกข์สร้างโทษ ก่อให้เกิด รัก โลภ โกรธ หลง เราก็ละเว้นไม่กระทำสิ่งนั้น


ถ้าเราสามารถทำอย่างนี้ได้ ก็จะอยู่ในลักษณะของการ "ละชั่ว..ทำดี..ละชั่ว..ทำดี" ไปเรื่อย
ในเมื่อชั่วไม่สามารถเกิดได้ ดีมีมากขึ้นเรื่อยจนกระทั่งสมบูรณ์พร้อม เราก็สามารถที่จะหลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพานได้

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอาทิตย์ที่ ๙ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 01:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 5 คน ( เป็นสมาชิก 1 คน และ บุคคลทั่วไป 4 คน )
ฉันชื่อวรัญญา
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 18:33



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว