กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๘ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนตุลาคม ๒๕๖๘

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 28-10-2025, 19:44
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 594
ได้ให้อนุโมทนา: 3,308
ได้รับอนุโมทนา 28,414 ครั้ง ใน 1,082 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๖๘

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๖๘


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 29-10-2025, 00:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,381
ได้ให้อนุโมทนา: 159,895
ได้รับอนุโมทนา 4,514,982 ครั้ง ใน 36,995 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๒๘ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ ภารกิจสำคัญของกระผม/อาตมภาพก็คือ ไปเป็นประธานในการประชุมองค์กรพระอุปัชฌาย์รุ่นที่ ๕๑ ในเขตปกครองคณะสงฆ์หนกลาง ที่วัดหนองโพ อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี ได้รับความเมตตาจากพระเดชพระคุณพระพรหมดิลก (เอื้อน หาสธมฺโม ป.ธ. ๙, Ph.D.) กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดสามพระยา วรวิหาร ไปเป็นประธานให้โอวาทและปิดการประชุมให้

สิ่งที่หลวงพ่อท่านฝากเอาไว้ก็คือว่า ถ้าพระภิกษุสามเณรของเราไม่เคร่งครัดต่อพระธรรมวินัย จะอยู่ยากขึ้นไปทุกวัน เนื่องเพราะว่าเขาจะตั้งกฎเกณฑ์ต่าง ๆ มาล้อมกรอบเราอีกชั้นหนึ่ง นอกเหนือจากพระธรรมวินัยที่ล้อมกรอบจนเราแทบจะกระดิกไม่ได้อยู่แล้ว

คราวนี้ในส่วนนั้น หลวงพ่อท่านบอกว่า ยังดีที่องค์กรพระอุปัชฌาย์ของเราจับกลุ่มได้เหนียวแน่น และประกอบไปด้วยพระผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ผู้ให้กำเนิดพระภิกษุสามเณรของเรา จึงต้องทำหน้าที่ของตนเองให้เคร่งครัด โดยเฉพาะในส่วนของการอบรมพระภิกษุสามเณร ให้ละอายชั่วกลัวบาป รักศีลของตนเอง

ในส่วนนี้ท่านฝากเอาไว้ว่า ในฐานะพระอุปัชฌาย์และพระสังฆาธิการ ถ้าหากว่ามีข้อคิดความเห็นใดที่จะทำให้พระพุทธศาสนาของเราเจริญมั่นคงได้ ก็ให้พวกเราร่วมกันประชุมออกความเห็น แล้วนำเรื่องนั้นไปฝากไว้กับท่าน ซึ่งท่านจะช่วยนำเข้าในการประชุมมหาเถรสมาคม เพื่อเสนอให้องค์กรปกครองสงฆ์ระดับสูงสุดท่านได้รับรู้รับทราบ และดำเนินการให้เป็นไปตามความต้องการของพวกเรา

กระผม/อาตมภาพอาศัยความสนิทสนมเป็นการส่วนตัว เรียนถวายท่านไปว่า "กระผมขอฝากหลวงพ่อเรื่องเดียวครับ ก็คือคอยดูไว้ว่าอย่าให้มหาเถรสมาคมออกระเบียบอะไรที่ขัดต่อพระธรรมวินัยออกมาอีก เนื่องเพราะว่าในช่วงที่ผ่านมา อย่างเช่นการสละสมณเพศของพระภิกษุ เรามีระเบียบวิธีตามพระธรรมวินัยอยู่แล้ว แต่กลายเป็นว่าถ้าพระภิกษุโดนข้อหาแล้วตำรวจไม่ให้ประกันตัว เราต้องสละสมณเพศตามกฎนิคหกรรมที่ออกมา ซึ่งตรงส่วนนี้ค้านกับพระธรรมวินัย เพราะว่าการสละสมณเพศต้องเป็นไปด้วยความเต็มใจของผู้นั้นเอง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-10-2025 เมื่อ 03:17
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 29-10-2025, 00:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,381
ได้ให้อนุโมทนา: 159,895
ได้รับอนุโมทนา 4,514,982 ครั้ง ใน 36,995 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เพิ่งจะฝากหลวงพ่อท่านไปยังสด ๆ ร้อน ๆ ปรากฏว่าในกลุ่มไลน์มีการส่ง..ต้องใช้คำว่า มติมหาเถรสมาคม ซึ่งตอนนี้ลงนามโดยสมเด็จพระสังฆราช กลายเป็นกฎนิคหกรรมใหม่ขึ้นมา จัดการให้พระภิกษุสามเณรสละสมณเพศ พูดง่าย ๆ ว่าต่อให้ไม่เอ่ยวาจาขอลาสิกขา ก็ให้ดำเนินการสละสมณเพศได้ ซึ่งเรื่องพวกนี้จะว่าไปแล้ว เอาไว้จัดการกับพวกใจกล้าหน้าด้าน แต่จะทำให้พระภิกษุสามเณร ซึ่งไม่ได้ทำผิดจริงตามข้อกล่าวหานั้น ๆ ต้องสละสมณเพศตามกฎนิคหกรรมนี้ กลายเป็นเรื่องที่ยังไม่ทันไรก็มาถึงแล้ว..!

ความจริงสมเด็จพระสังฆราชลงนามไปตั้งแต่วันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๘ แต่ว่ามหาเถรสมาคมเพิ่งจะมาพิจารณาในการประชุมครั้งนี้ แล้วก็ผ่านมตินี้ ๓ วาระรวด ซึ่งกระผม/อาตมภาพเป็นประเภท "หมูไม่กลัวน้ำร้อน" ก็คือถ้าหลวงพ่อคิดว่าหลวงพ่อใหญ่พอ ไม่กลัวกฎนี้ พวกกระผม/อาตมภาพก็ไม่กลัวเหมือนกัน..!

เพียงแต่ว่าสิ่งต่าง ๆ ที่บีบคั้นเข้ามา แค่เรื่องของพระธรรมวินัย ในส่วนที่เราท่านทั้งหลายเคยทำได้ในตอนเป็นฆราวาส แล้วทำไม่ได้ในตอนบวชเข้ามา ก็สร้างความลำบากใจให้ทุกคนเพียงพออยู่แล้ว เมื่อมีกฎเกณฑ์ต่าง ๆ เพิ่มขึ้นมาอีก ก็จะยิ่งทำให้หาผู้บวชได้ยากขึ้น

โดยเฉพาะท่านรัฐมนตรีผู้รับผิดชอบงานพระพุทธศาสนา คือ ศ.ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ออกความเห็นว่า ต่อไปต้องมีการจัดการกับการบวชของพระภิกษุสามเณรเป็น ๒ ส่วน ก็คือการบวชตามประเพณีส่วนหนึ่ง ซึ่งระบบการจัดการผ่อนคลายมากกว่า อีกส่วนหนึ่งคือท่านที่ตั้งใจจะบวชยาว จะต้องมาเป็นนาคหรือว่าเป็นผ้าขาว ศึกษาพระธรรมวินัยกันก่อนเป็นครึ่งปีหรือ ๑ ปี แล้วถึงจะสามารถบวชได้

ข้อนี้กระผม/อาตมภาพเห็นเลยว่า
ท่านทั้งหลายไปคิดกฎเกณฑ์ออกมาจากห้องปรับอากาศหรือหอคอยงาช้าง โดยที่ไม่เคยดูความเป็นจริงเลยว่าเป็นอย่างไรบ้าง เอาแค่ตัวกระผม/อาตมภาพเอง ก็ตั้งใจบวชแค่ ๗ วันเท่านั้น ส่วนบรรดาพรรคพวกเพื่อนฝูงหลายคนที่ตั้งใจบวชตลอดชีวิต ปรากฏว่ากว่าจะรอดพรรษาไปได้ก็แทบตาย ออกพรรษาแล้วก็รีบสึกทันทีทันใด..!

แล้วลองคิดดูว่าถ้าเขาเป็นนาคอยู่ ๑ ปี หรือ ๒ ปีแล้วค่อยได้บวช ปรากฏว่าในพรรษา ๓ เดือนก็ไม่รอด แล้วจะคุ้มกับความตั้งใจของเขาหรือเปล่า ? ดังนั้น
กฎเกณฑ์ที่ออกมาแบบนี้ มีแต่จะปิดทางการบรรพชาอุปสมบท หรือไม่ก็ทำให้เรื่องง่ายกลายเป็นเรื่องยาก แล้วท้ายที่สุดก็หาทายาทสืบพระพุทธศาสนาไม่ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-10-2025 เมื่อ 03:19
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 29-10-2025, 00:26
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,381
ได้ให้อนุโมทนา: 159,895
ได้รับอนุโมทนา 4,514,982 ครั้ง ใน 36,995 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีแนวคิดว่าจะให้พระสังฆาธิการก่อนรับตำแหน่ง ต้องแสดงทรัพย์สินส่วนตัวให้กับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ กระผม/อาตมภาพอยากจะตอบกลับไปว่า "ถ้าคุณต้องการดูบริขาร ๘ ไปดูที่ร้านสังฆภัณฑ์ก็ได้ ไม่ต้องมาขอดูกับพระ..!"

แต่ในเมื่อระเบียบทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าเกิดออกมาจริง ๆ เราท่านจะเห็นว่า
องค์กรพระพุทธศาสนาของเรา ซึ่งเป็นองค์กรการกุศล อยู่ด้วยศรัทธาของประชาชน กลายเป็นองค์กรที่โดนบังคับให้อยู่ใต้กฎหมายแบบเดียวกับหน่วยราชการ ซึ่งความต่างกันอย่างมหาศาลก็คือ องค์กรพระพุทธศาสนาอยู่ด้วยศรัทธาชาวบ้าน ปัจจัยทุกบาททุกสตางค์ แทบจะไม่ได้รับจากหน่วยราชการเลย ยกเว้นภายหลัง หน่วยราชการหลายต่อหลายหน่วย ที่มองเห็นว่าถ้าเข้ามามีส่วนร่วมแล้ว ผลงานที่พระทำไว้ดีมากจะเป็นของตัวเอง ก็โอนงบประมาณมาให้ มากบ้าง น้อยบ้าง อย่างที่กระผม/อาตมภาพเคยกล่าวให้ฟังว่า โอนมาให้ ๒,๕๐๐ บาท แต่ต้องรายงานการปฏิบัติงานปีละ ๔ ครั้งในรอบไตรมาส ๒,๕๐๐ บาทแค่กระดาษรายงานก็ไม่พอแล้ว..!

แล้ว
ส่วนราชการที่เข้าไปรับตำแหน่ง แล้วเกี่ยวข้องกับงบประมาณแผ่นดิน ซึ่งมาจากภาษีประชาชน เป็นพันล้าน หมื่นล้าน แสนล้าน ถ้าลักษณะอย่างนั้น ท่านจะให้เขาแสดงทรัพย์สินก็สมเหตุสมผล แต่ส่วนของพระภิกษุสามเณรในพระพุทธศาสนา ที่อยู่ด้วยความศรัทธาของชาวบ้าน ไม่ใช่ว่าจะร่ำรวยทุกรูป

แล้วในขณะเดียวกัน เงินทั้งหมดก็เป็นเงินทำบุญ ไม่ใช่งบประมาณแผ่นดิน แต่คุณเอาระบบราชการเข้ามาจับ ไม่ว่าจะใช้หัวแม่ตีนข้างไหนคิด ก็ไม่ใช่..!
แต่บ้านเราเมืองเรามักจะเพี้ยนอยู่ในลักษณะอย่างนี้ ก็คือเอาแค่คนศีล ๕ หรือว่าศีล ๕ ไม่ครบ มาออกกฎเกณฑ์ให้ศีล ๒๒๗ ทำตาม ฟังอย่างไรแนวคิดนี้ก็คนบ้าคิดชัด ๆ..! แต่ก็พยายามที่จะคิดกัน แทนที่จะช่วยให้พระพุทธศาสนารุ่งเรืองมั่นคง ก็กลายเป็นว่า ต่อไปจะไม่มีใครเข้ามาช่วยเหลือพระพุทธศาสนาอีก ไม่ว่าจะเป็นการบวชก็ดี การเป็นอุบาสกอุบาสิกา ถวายรับใช้พระพุทธศาสนาก็ตาม เพราะว่ากฎเกณฑ์เหล่านี้ก็จะมากขึ้นไปเรื่อย ๆ

แม้กระทั่งวันนี้ พระเถราจารย์ชื่อดังอย่างหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ก็ลาออกจากการเป็นเจ้าอาวาสวัดสวนสันติธรรม จังหวัดชลบุรีแล้ว และคาดว่าต่อไปก็จะมีลาออกไปเรื่อย ๆ เพราะไม่มีใครอยากยุ่งกับกฎเกณฑ์บ้า ๆ บอ ๆ ที่เขาออกมา แม้แต่กระผม/อาตมภาพเองที่ไม่คิดจะเป็นเจ้าอาวาสมาตั้งแต่ต้น ก็อาจจะลาออกเข้าป่าไปเมื่อไรก็ได้..! แล้วเขาทั้งหลายที่ตั้งใจออกกฎเกณฑ์มาก็จะเห็นเองว่า
ความพินาศฉิบหายของพระพุทธศาสนานั้น เกิดจากความหวังดีแต่ประสงค์ร้ายของเขาเหล่านั้นนั่นเอง..!

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอังคารที่ ๒๘ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-10-2025 เมื่อ 03:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 22:41



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว