กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๘ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนตุลาคม ๒๕๖๘

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 25-10-2025, 18:54
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 11,228
ได้ให้อนุโมทนา: 226,665
ได้รับอนุโมทนา 816,783 ครั้ง ใน 40,323 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๖๘

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๖๘


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 26-10-2025, 00:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,373
ได้ให้อนุโมทนา: 159,874
ได้รับอนุโมทนา 4,514,400 ครั้ง ใน 36,986 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๒๕ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ ตื่นเช้าขึ้นมาก็มาพร้อมกับข่าวร้ายของคนไทยทั้งประเทศ เนื่องเพราะว่าสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จสวรรคตเมื่อคืน เวลา ๒๑.๒๑ น.

กระผม/อาตมภาพพยายามที่จะลุ้นว่าเหลืออีกไม่กี่วันก็จะพ้นเขตตุลาอาถรรพ์แล้ว แต่ปรากฏว่าลุ้นเท่าไรก็ลุ้นไม่ขึ้น เนื่องเพราะว่าวาระของประเทศเป็นเช่นนั้น แต่การที่พระองค์เสด็จสวรรคตนั้น ก็เท่ากับว่าผู้เป็นใหญ่ในแผ่นดินของเราสูญเสียชีวิตลงไป ทำให้เป็นการตัดเคราะห์ตัดกรรมแก่ประชาชนส่วนใหญ่ไปได้ส่วนหนึ่ง ซึ่งเรื่องในลักษณะแบบนี้ พูดไปก็เหมือนกับเพ้อเจ้ออยู่คนเดียว

ความจริงช่วง ๒ - ๓ วันที่ผ่านมานี้ กระผม/อาตมภาพสูญเสียเพื่อนรัก ก็คือพระครูปิยธรรมพิมล (พระอาจารย์สมควร ปิยํกุโร) รองเจ้าคณะอำเภอบางเลน เจ้าอาวาสวัดบางปลา จังหวัดนครปฐม ที่เคยศึกษาร่วมกันมาตั้งแต่ประกาศนียบัตรบริหารกิจการคณะสงฆ์ ปริญญาตรีพุทธศาสตรบัณฑิต สาขาพระพุทธศาสนา และปริญญาโทพุทธศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการจัดการเชิงพุทธ

แล้วอีกท่านหนึ่งก็คือพระอธิการประเวศ อติธมฺโม เจ้าอาวาสวัดถ้ำผาสุกิจวนาราม ในเขตปกครองคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิ ก็มรณภาพลงไปไล่ ๆ กัน ซึ่งในลักษณะช่วงนี้ ต้องบอกว่าเป็นช่วงเปลี่ยนของอากาศ ที่กระผม/อาตมภาพย้ำนักย้ำหนาว่า ถ้ามีคนแก่ มีคนป่วยต้องดูแลให้ดี เนื่องเพราะว่าไวต่อการเปลี่ยนแปลงของอากาศ ฉวยพลาดพลั้งขึ้นมาก็จะเสียชีวิตไปเลย..

สำหรับวันนี้ เมื่อตื่นขึ้นมาตอนเที่ยงคืนครึ่ง กระผม/อาตมภาพก็กราบของบารมีพระท่าน จารแสตมป์ซึ่งเป็นรูปของตนเองที่ทำไว้เมื่อวานนี้จำนวน ๑๒ ดวง เนื่องเพราะว่าญาติโยมขอบูชากันจนหมด ขนาดขู่ไว้ว่าดวงละ ๕๐๐ บาทก็จะเอา แต่ขอให้มีรอยจารหลวงพ่อด้วย..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-10-2025 เมื่อ 03:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 26-10-2025, 00:12
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,373
ได้ให้อนุโมทนา: 159,874
ได้รับอนุโมทนา 4,514,400 ครั้ง ใน 36,986 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ไหน ๆ เมื่อจารแล้ว ก็เลยพลอยเสกไปถึงสิ่งที่ซื้อหามาในช่วง ๒ - ๓ วันนี้ ไม่ว่าจะเป็นวัวจามรี ซึ่งกระผม/อาตมภาพเรียกว่า "ไอ้เขาระฟ้า" เพราะว่าเขายาวผิดธรรมชาติไปหน่อย แต่กลายเป็นจุดเด่นที่ไม่เหมือนใคร ตลอดจนกระทั่งประคำมือ ๓ พวงที่ทำมาจากอำพัน แล้วก็สร้อยข้อมือ ๑ เส้น สร้อยคอ ๑ เส้นที่ทำจากหินเทอร์คอยซ์ ตลอดจนกระทั่งในส่วนของลูกแก้วลาพิส ลาซูรี

เมื่อเสกเสร็จสรรพเรียบร้อยก็คิดว่าจะมีใครบูชาหรือไม่ ? แต่ปรากฏว่าทันทีที่ข่าวรั่วออกไป ทุกอย่างก็หายวับไปกับตา ดีที่ได้ขยักเอาประคำมือเอาไว้ให้ลูกอ้วน (นางสาวภัทรวรรณ จะหวะ) ๑ เส้น ไม่เช่นนั้นแล้วก็คงจะไม่เหลืออะไรเลย..!

สำหรับวันนี้ พวกเรายังต้องพักอยู่ที่โรงแรม Olathang อีกคืนหนึ่ง เพียงแต่ว่าเราต้องตื่นเช้าเป็นพิเศษ ก็คือจะมีเสียงปลุกตอนตี ๕ ไปรับประทานอาหารตอน ๖ โมงเช้า แล้ว ๗ โมง พวกเราก็ต้องออกเดินทางกันทันที ไม่ทราบเหมือนกันว่าด้วยความตื่นเต้นที่จะได้ขี่ม้าหรืออย่างไร ? วันนี้ก็เลยทำให้ทุกคนไปถึงห้องอาหารก่อน ๖ โมง แต่ทางเจ้าหน้าที่ของโรงแรมก็รีบบริการพวกเราชนิดสุดใจขาดดิ้น

เมื่อฉันอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว กระผม/อาตมภาพก็นำวัตถุมงคลที่เสกเมื่อคืน แจกจ่ายให้กับญาติโยมผู้ที่จับจองเป็นเจ้าของ แล้วก็ขึ้นไปนั่งรอบนรถ

ยังไม่ทันจะ ๗ โมงตามเวลานัด ทุกคนก็พร้อมกันหมดแล้ว พลขับจึงได้นำพวกเราวิ่งออกจากโรงแรม Olathang ตรงไปยังเขารังเสือ ซึ่งสังเกตจากระยะทางที่วิ่งแล้ว ตอนช่วงที่ลงจากโรงแรมเท่านั้นถึงจะเป็นทางลง นอกนั้นเมื่อผ่านถนนสายช็อปปิ้งเมื่อคืน วิ่งออกนอกเมืองไปแล้ว ถนนก็เริ่มคดเคี้ยวสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ

จนกระทั่งท้ายที่สุดก็มาถึงบริเวณที่จอดรถนักท่องเที่ยว พวกเราเข้าห้องน้ำกันเสร็จเรียบร้อยแล้วก็มานั่งรอเวลา โดยที่น้องการ์ตูน (นางสาวศรัณย์พร บุรินทรโกษฐ์) ได้ทำการติดต่อม้าที่จะมารับพวกเราเอาไว้ พวกเราต้องรอจนกระทั่งเขาจัดม้าให้ได้ครบตามจำนวนคน ซึ่งค่าขี่ม้านั้นอยู่ที่ ๒๐ ดอลลาร์ ขาขึ้นอย่างเดียว ขาลงต้องเดินเองเท่านั้น..!

แต่ว่าในคณะของเราทั้งหมด ๒๕ คนนั้น มีคุณมอส (นายพรหมพงศ์ ตันติจินดา) เพียงคนเดียวที่ขอเดินขึ้นตั้งแต่ด้านล่างเลย เมื่อสอบถามด้วยความเป็นห่วง คุณมอสก็ชี้แจงว่า ตนเองเดินเทร็กกิ้งมาตลอด แต่ว่าขอฝากคุณแม่ (คุณอำไพ ตันติจินดา) ขึ้นม้าไปด้วย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-10-2025 เมื่อ 03:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 26 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 26-10-2025, 00:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,373
ได้ให้อนุโมทนา: 159,874
ได้รับอนุโมทนา 4,514,400 ครั้ง ใน 36,986 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พวกเราเริ่มออกเดินกันตั้งแต่ตอน ๐๗.๔๐ น. ปรากฏว่าถนนนั้นเป็นทางเดินที่คดเคี้ยวไปตามป่าตามเขา โดยเฉพาะสูงชันขึ้นไปเรื่อย ๆ ม้าข้างหน้านั้นมีปัญหาอยู่ที่ว่า ถ้าเป็นม้าที่น้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) ขี่อยู่นั้น ก็มักจะหยุดขี้ หยุดเยี่ยว หยุดกินน้ำอยู่เสมอ ส่วนม้าที่น้องการ์ตูนขี่รู้สึกว่าปอดจะไม่ค่อยดี หรือติดนิสัยขี้เกียจก็ไม่ทราบ เดินขึ้นที่สูง ๔ ก้าว ๕ ก้าวก็จะหยุดหอบหายใจ ถ้าหากว่าไม่ดุไม่ว่าก็ไม่เดินต่ออีกด้วย ทำให้ต้องเดิน ๆ หยุด ๆ กันไปตลอดทาง

เส้นทางก็สูงขึ้นไปเรื่อย ๆ มีการเอาไม้มาฝังดินเอาไว้ เพื่อที่จะเป็นขั้นบันได แต่ไม่ทราบเหมือนกันว่าจะทนแดดทนฝนไปได้อีกนานเท่าไร ? เพียงแต่ว่าม้านั้นมักจะชอบเดินทางด้านนอก เนื่องเพราะว่าขั้นบันไดที่ทำเอาไว้นั้น กว้างเกือบ ๑ เมตร ส่วนยาวนั้นก็น่าจะอยู่ที่ ๑ เมตรครึ่ง ทำให้ม้าเดินไม่ค่อยถนัด พวกเราขึ้นไปจนถึงลานพักม้าข้างบน ซึ่งเป็นจุดสุดทางตอนเวลา ๐๘.๒๐ น.ของทางประเทศภูฏาน เมื่อลงจากม้ามาก็เห็นวัดเขารังเสือ ลอยเด่นอยู่เกือบถึงยอดเขาด้านหน้า ทำเอาหลายคนเห็นแล้วแทบจะถอดใจ.!

เมื่อนับคนได้ครบถ้วนแล้ว น้องการ์ตูนกับคุณตี๋ (นายภิญชัย จารุพาณิชย์กุล) พาพวกเราตรงไปยังร้านอาหาร ร้านกาแฟ ให้ใครก็ตามที่ต้องการเติมคาเฟอีน จัดการเติมให้เรียบร้อย ใครที่ต้องการเข้าห้องน้ำก็เข้าเสียก่อน หลังจากนั้น ๙ โมงตรงก็ระดมพลเดินขึ้นเขากัน

กระผม/อาตมภาพนั้นแม้ว่าจะอายุมากแล้ว แต่ด้วยความที่บิณฑบาตอยู่ทุกวัน ทำให้เดินนำหน้า มองไม่เห็นคนข้างหลัง รออยู่พักหนึ่งถึงได้มีเถ้าแก่ชู (นายบุญชู ถาแก้ว) เดินมาทัน จึงได้เดินไปสองคนหัวเห็ด ค่อย ๆ ขึ้นสูงไปเรื่อย โดยที่มีช่องให้สามารถถ่ายวิววัดเขารังเสือเป็นระยะ ๆ ไป แล้วบางช่วงก็มีห้องน้ำที่จัดสร้างเอาไว้รองรับนักท่องเที่ยวด้วยความรอบคอบ และขณะเดียวกันก็มีประปาภูเขา ให้บรรดาท่านทั้งหลายที่หมดสภาพ ไม่ได้พกน้ำมา สามารถที่จะดื่มกินแก้กระหายได้อีกด้วย

เพียงแต่ว่าการเดินทางในระดับความสูง ๓,๑๒๐ เมตรนี้ สิ่งหนึ่งที่เผลอไม่ได้เลยก็คือเราจะขาดออกซิเจนหรือเปล่า ? ถ้าขาดเมื่อไร อาจจะป่วยเป็นโรคแพ้พื้นที่สูง หรือที่ฝรั่งเรียกว่า Altitude sickness ก็เป็นได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-10-2025 เมื่อ 03:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 25 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 26-10-2025, 00:26
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,373
ได้ให้อนุโมทนา: 159,874
ได้รับอนุโมทนา 4,514,400 ครั้ง ใน 36,986 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

กระผม/อาตมภาพได้รับคำบอกเล่าว่า การเดินขึ้นไปเพื่อสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในวัดเขารังเสือ แล้วเดินลงมานั้น ใช้เวลาขึ้นลงประมาณ ๕ ชั่วโมง แต่ด้วยความที่ตนเองไม่ค่อยจะเชื่อถือเรื่องพวกนี้ จึงได้เดินขึ้นไปจนถึงจุดสำคัญ ก็คือจุดยอดนิยมในการถ่ายรูปกับวัดเขารังเสือ โดยใช้เวลาไปประมาณ ๓๖ นาทีเท่านั้น..!

แล้วตอนช่วงนี้ บรรดานักท่องเที่ยวต่าง ๆ ก็เริ่มมากขึ้น พวกเราหยุดหามุมถ่ายรูปวัดเขารังเสือกันอยู่พักใหญ่ จึงทำให้ป้ามอย (นางสาวมณีวรรณ สัมฤทธิ์) ลูกปุ๊ก (นางสาวสุมาลี ตีรเลิศพานิช) ลูกน้ำ (ผศ.ดร.สพญ.ชลาลัย เรืองหิรัญ) ทิดแจ๊ก (นายกรชัย บันดาลศิริกุล) น้องโอ (นางสาวปาริฉัตร อายุวัฒนะ) เดินตามมาทัน พวกเราจึงเดินลงบันไดไป ซึ่งจากช่วงนี้ขาลงนั้นถือว่าง่าย เพียงแต่ต้องนึกถึงขาขึ้นด้วย เนื่องเพราะว่าบันไดพาดิ่งลง คดเคี้ยวไปมาเป็นระยะถึง ๗๐๐ ขั้น..!

เมื่อลงไปยังไม่ถึงสุดบันได ก็ได้ยินเสียงน้ำตกดังสนั่นหวั่นไหว กว่าจะหาเจอว่าน้ำตกลงมาจากซอกเขาสูงลิบลิ่ว ก็เล่นเอามองหาอยู่นาน ลักษณะคล้าย ๆ "น้ำตกตาดหมอก" ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นสายน้ำที่ช่วยหล่อเลี้ยงวัดเขารังเสือแห่งนี้

พวกเราถ่ายรูปกันแล้วก็เดินขึ้นไปบนวัด เมื่อ "พีจี" ซึ่งเป็นมัคคุเทศก์ท้องถิ่นตามมาถึง ก็แจ้งพวกเราว่า ข้าวของทุกอย่างจะต้องฝากเข้าล็อกเกอร์เอาไว้ตรงนี้ โดยเฉพาะห้ามมีโทรศัพท์มือถือติดตัวอย่างเด็ดขาด ยกเว้นเงินที่จะทำบุญเท่านั้น พวกเราจึงต้องมาหาทางฝากข้าวฝากของกันก่อน

เสร็จเรียบร้อยแล้วก็มาผ่านเจ้าหน้าที่ ซึ่งทำหน้าที่ตรวจตั๋วและตรวจร่างกาย ปรากฏว่าพอเจ้าหน้าที่ลูบ ๆ คลำ ๆ ผู้ชายไป ๔ - ๕ คน มาถึงคิวสาวภูฏาน แม่เจ้าประคุณก็สุดที่จะทะลึ่ง ก็คือถลกเสื้อขึ้นมาให้คลำ เล่นเอาเจ้าหน้าที่สะดุ้งชะงักมือ แม่เจ้าประคุณก็เลยวิ่งหัวเราะกรี๊ดกร๊าดกับพรรคพวก ๓ - ๔ คนขึ้นข้างบนไป ทำเอาพวกเราฮากันท้องคัดท้องแข็ง..!

ทางด้านบนที่เราขึ้นไปนั้น ถ้าหากกล่าวกันตามแบบของพวกเรา ก็คือแบ่งออกเป็นห้อง ๆ แต่ที่นี่เขาไม่เรียกว่าห้อง เขาเรียกว่าวัดเลยทีเดียว รวมแล้วว่าวัดเขารังเสือนี้ ก็คือวัดที่เป็นส่วนรวมของวัดย่อยรวมทั้งหมด ๗ วัดด้วยกัน ซึ่งตามประวัติในตอนต้นนั้น คุรุรินโปเช ซึ่งเป็นพระอาจารย์ชื่อดังของทางพุทธศาสนาสายวัชรยาน ได้ขี่นางเสือเหาะมาลงที่ถ้ำบริเวณนี้ แล้วก็เข้าไปปฏิบัติธรรมอยู่ถึง ๓ ปี ๓ เดือน จนกระทั่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมาในพระวรกายมนุษย์ แล้วก็บอกว่าคุรุรินโปเชนั้นสำเร็จในความศักดิ์สิทธิ์แล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-10-2025 เมื่อ 04:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 24 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 26-10-2025, 00:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,373
ได้ให้อนุโมทนา: 159,874
ได้รับอนุโมทนา 4,514,400 ครั้ง ใน 36,986 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

คำนี้กระผม/อาตมภาพแปลจากภาษาอังกฤษที่คุณพีจีเป็นคนอธิบาย ไม่ได้บอกว่าสำเร็จมรรคผล แต่เป็นการสำเร็จความศักดิ์สิทธิ์แล้ว ให้โปรดมนุษย์ทั้งหลาย เพื่อที่จะได้ช่วยเหลือผู้ที่มืดบอดอยู่ให้พ้นจากกองทุกข์ด้วย คุรุรินโปเชจึงได้เริ่มสร้างวัดแล้วก็เทศนาสั่งสอนผู้คน

โดยที่ห้องแรกหรือวัดแรกที่เราเข้าไปนั้น เป็นภาพของคุรุรินโปเชภาคปราบ ก็คือขี่อยู่บนหลังนางเสือ หน้าตาเหมือนอย่างกับยักษ์แล้วก็มีเปลวไฟล้อมรอบ ภาคปราบนี้ก็คือการปราบกิเลสก็ดี หรือว่าปราบสิ่งชั่วร้ายทั้งหลายทั้งปวงก็ตาม

ส่วนห้องต่อ ๆ ไปก็มีภาคโปรด ก็คือเมื่อสำเร็จแล้วก็ออกเสด็จโปรดประชาชน

สถานที่ต่อไปก็เป็นห้องที่เก็บพระเจดีย์ ซึ่งเชื่อกันว่าบรรจุเครื่องใช้ไม้สอยของท่านอยู่ในนั้น

ห้องต่อ ๆ ไปก็ยังมีในส่วนของห้องที่เข้าไปขอพร เพื่อความร่ำรวย เนื่องเพราะว่าธวัชในมือของท่านนั้นจะบันดาลความร่ำรวยให้

อีกห้องหนึ่งนั้นเป็นห้องที่เราเรียกกันว่าปางสะดุ้งกลับ เพราะว่าโดยปกติแล้ว ในท่านั่ง "มหาราชลีลา" นั้น เท้าขวาจะยื่นออกมาด้านหน้า แต่ว่ารูปหล่อในห้องหรือในวัดนี้เป็นการยื่นเท้าซ้าย ก็คือในลักษณะกลับร้ายกลายเป็นดี

ไปจนกระทั่งถึงในห้องที่ท่านเป็นอาจารย์หมอยา ใครที่มาที่นี้ก็สามารถที่จะขอพรให้หายจากโรคต่าง ๆ ที่เป็นอยู่ได้

ส่วนอีกห้องหนึ่งเป็นห้องของพระอมิตายุ ใครที่ต้องการอายุมั่นขวัญยืนก็ให้มาขอพรที่ห้องนี้ แต่กระผม/อาตมภาพไม่ทราบว่าคุณพีจีใช้คำผิดหรือเปล่า ? เพราะท่านใช้คำว่า Immortal ซึ่งถ้าหากว่าเป็นอมตะ ไม่แก่ไม่ตายแบบนั้น ก็คงมีแต่ต้องเข้าพระนิพพานแห่งเดียว..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-10-2025 เมื่อ 04:05
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 25 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #7  
เก่า 26-10-2025, 00:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,373
ได้ให้อนุโมทนา: 159,874
ได้รับอนุโมทนา 4,514,400 ครั้ง ใน 36,986 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แล้วหลังจากนั้น เราก็ออกมาในห้องสุดท้าย ซึ่งเป็นสถานที่ตามประทีปเป็นพุทธบูชา ธัมมบูชา สังฆบูชา ซึ่งเขาแจ้งว่ามีราคา ๕๐๐ งุลตรัม ราคา ๒,๐๐๐ งุลตรัม ราคา ๒,๕๐๐ งุลตรัม เป็นต้น กระผม/อาตมภาพที่ทำบุญมาทุกห้องทุกแห่งทุกที่ ไม่ว่าเขาชี้ว่าที่ไหนศักดิ์สิทธิ์ก็ควักกระเป๋าวางเงินลงไปทันที แล้วก็รับพรจากลามะที่ท่านเฝ้าห้องอยู่ เมื่อมาถึงห้องนี้จึงไม่ลังเล บอกว่าขอประทีปดวงใหญ่ที่สุดเท่าที่มี เมื่อตามประทีปเสร็จเรียบร้อยแล้ว ยังมีการอธิษฐานด้วยน้ำมนต์ที่อยู่ในกา ซึ่งพระลามะท่านส่งมาให้ด้วย

ปรากฏว่าคณะที่ไปด้วยกัน มีคุณหนึ่ง (นายบัญชา เซ็นภักดี) และคุณแบงค์ ภรรยา (นางศรินธร เซ็นภักดี) ตามมาทันอีก ๒ คน ก็เลยควักกระเป๋ารวมกันบูชาประทีปดวงใหญ่สุดอีก ๑ ดวง แล้วมอบให้กระผม/อาตมภาพเป็นคนตามประทีป แต่ว่าทุกคนอธิษฐานกันเองตามอัธยาศัย

เสร็จสรรพจากตรงนี้ คุณพีจีก็บอกว่า "finish all" ก็แปลว่าจบจากทุกอย่างตรงนี้แล้ว สามารถที่จะกลับลงมาได้ พวกเราจึงต้องกลับลงมาใส่รองเท้าแล้วก็รับข้าวของคืน ปรากฏว่าเจอคุณอำไพ ตันติจินดา กับคุณพรหมพงศ์ ตันติจินดา สองแม่ลูกนั่งอยู่ ความจริงคุณพรหมพงศ์เดินมาถึงก่อนคณะของกระผม/อาตมภาพอีก แต่ด้วยความที่ว่าต้องรอแม่ ก็เลยยังไม่ได้เข้าจนป่านนี้

เมื่อเดินลงมา กระผม/อาตมภาพสวนกับพระลามะรูปหนึ่ง จึงได้ทักทายว่า "กูซูซังโปลา" ซึ่งแปลว่าสวัสดีครับ แต่อีกฝ่ายหนึ่งไม่ตอบเป็นภาษาภูฏาน หากแต่ตอบกลับมาว่า "สวัสดีครับ ผมเป็นพระไทยครับ" ทำเอากระผม/อาตมภาพแทบจะขยี้ตา เพราะว่าท่านดำสนิทติดทนนานเหลือเกิน ถ้าไม่ใช่ยิ้มนี่ น่าจะมองเห็นในยามค่ำคืนได้ยากสักหน่อย..!

เมื่อสอบถามแล้วถึงได้รู้ว่าท่านชื่อไมเคิล เป็นพระไทยที่บวชในนิกายวัชรยานรูปแรกในประเทศภูฏาน บวชมา ๒๐ ปีแล้ว และกำลังพาญาติโยมที่เดินทางมา เพื่อขึ้นไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้านบน ท่านถามกระผม/อาตมภาพก็แจ้งไปว่า อายุ ๖๗ ปี ๔๐ พรรษา ทำเอาท่านทำท่าคอย่น เนื่องเพราะว่าท่านเพิ่งจะอายุ ๕๙ ปี ยังมีการชมเชยว่า "ท่านอาจารย์ดูแข็งแรงมาก" กระผม/อาตมภาพรับคำชมแล้วก็เดินย้อนลงมาด้านล่าง แจ้งกับน้องการ์ตูนซึ่งรอคณะอยู่ว่าจะลงไปที่ร้านค้าก่อน แล้วก็เดินจ้ำอ้าว ๆ ไป โดยมีเถ้าแก่ชูตามทันอยู่คนเดียว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-10-2025 เมื่อ 04:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 24 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #8  
เก่า 26-10-2025, 00:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,373
ได้ให้อนุโมทนา: 159,874
ได้รับอนุโมทนา 4,514,400 ครั้ง ใน 36,986 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อเดินมาจนกระทั่งถึงบริเวณที่เป็นประปาภูเขา จึงได้กรอกเอาน้ำเสียจนเต็มขวด หันไปข้างหลังคุณพีจีตามมาด้วย บอกว่า "คุณการ์ตูนให้ผมตามมาจัดภัตตาหารถวายหลวงพ่อ เนื่องเพราะว่าคณะของเรานัดห้องอาหารไว้ตอนบ่าย ๒ โมง..!" แต่กระผม/อาตมภาพยังไม่ทันจะเพลก็เดินลงแล้ว

ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็เลยกลายเป็นสามคนหัวเห็ด เดินลงมาจนถึงห้องอาหาร เพิ่งจะ ๑๑.๔๕ น. คุณพีจีไปหาชาร้อนมาถวาย แล้วก็ตามมาถามว่า จะฉันหมี่ผัดลักษณะซึ่งเป็นอาหารจีน หรือว่าจะเอาอาหารบุปเฟต์ กระผม/อาตมภาพบอกว่าบุปเฟต์ดีกว่า ไม่ต้องไปรบกวนแม่ครัว แล้วก็ให้เถ้าแก่ชูตักมา โดยกำชับว่า "น้อยกว่าที่คุณกินครึ่งหนึ่ง..!"

เมื่อได้อาหารมา กำลังเริ่มฉัน ไม่ว่าจะเป็นป้ามอย ลูกปุ๊ก แล้วก็ลูกน้ำ ก็ทยอยกันมาถึง แต่ปรากฏว่าป้ามอยนั้นไม่ทราบว่าเตลิดเปิดเปิงลงไปข้างล่างหรือไร ? จนกระทั่งกระผม/อาตมภาพฉันอิ่มแล้ว ก็ยังไม่เห็นว่าป้ามอยจะกลับมาดูอาหารของตนเองเลย เมื่ออีกฝ่ายโทรติดต่อกันแล้ว จึงได้รู้ว่ามีมัคคุเทศก์แสนดีชี้ทางลงให้ ป้ามอยก็คิดว่าต้องลงไปกินอาหารกลางวันข้างล่าง จึงเดินเตลิดลงไปเลย..!

กระผม/อาตมภาพได้ยินเช่นนั้นจึงบอกกับน้องการ์ตูนทางโทรศัพท์ว่า เดี๋ยวให้ห่ออาหารไปเผื่อป้ามอยสัก ๑ กล่อง ส่วนกระผม/อาตมภาพที่ฉันเสร็จแล้วจะเดินตามลงไปเอง ว่าแล้วก็จ้ำตามลงไปอย่างด่วนจี๋ไปรษณีย์จ๋า เพราะถ้าขืนช้า ป้าอาจจะโดนเสือลากไปกินตอนไหนก็ไม่รู้ !? เพราะว่าป่าแห่งนี้ สัตว์ป่ายังชุกชุมอยู่มาก

ขาลงนี้ไม่มีม้าให้เรานั่ง กระผม/อาตมภาพลัดทุกเส้นทางที่มองเห็น เนื่องเพราะว่าจะมีเส้นทางหลักซึ่งเป็นเส้นทางใหญ่ เดินสะดวก แต่ถ้าหากว่าอ้อมมากไป กระผม/อาตมภาพก็ลัดทางลงไปเลย จึงใช้เวลาขาลงแค่ประมาณ ๓๕ นาทีเท่านั้น ลงมาเจอป้ามอยกำลังคุยจ๋อย ๆ อยู่กับชาวภูฏาน บอกว่าอีกฝ่ายชวนลงเดินมาเป็นเพื่อน จึงปลอดภัยดี แถมยังมีนกขุนแผนสองตัวบินวนไปวนมาหาอาหารอยู่ใกล้ ๆ เป็นเพื่อนของป้าอีกส่วนหนึ่งด้วย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-10-2025 เมื่อ 04:11
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 24 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #9  
เก่า 26-10-2025, 00:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,373
ได้ให้อนุโมทนา: 159,874
ได้รับอนุโมทนา 4,514,400 ครั้ง ใน 36,986 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

กระผม/อาตมภาพจัดแจงเอาชุดกันหนาวออก แล้วก็พับจีวรห่มใหม่ ทั้ง ๆ ที่เป็นเวลาบ่าย ๒ โมงกว่าแล้ว อากาศยังอยู่ที่ ๑๐ กว่าองศาเซลเซียสอยู่เลย นั่งรออยู่เป็นนาน จนกระทั่งพวกเราค่อย ๆ ทยอยกันมา ปรากฏว่ายังมีคณะที่หลงอยู่ทางด้านท้าย โดยเฉพาะพระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ผศ.ดร. เจ้าอาวาสวัดอุทยาน ซึ่งเพิ่งจะอายุ ๓๘ ปี แต่เดินไม่ทันใครสักคนหนึ่ง จึงต้องให้คุณตี๋คอยประกบหลังอยู่ ได้ยินว่าจนป่านนี้ก็ยังมาไม่ถึงที่ฉันเพลเลย..!

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น พวกเราจึงตกลงกับคุณพีจีว่า ถ้าหากว่าใครช้าก็ให้ไปเบียดกับรถบัสที่ ๒ ก็แล้วกัน ส่วนรถบัสแรกของเรานั้น มีคนของบัส ๒ ก็คือคุณสายทอง สืบเนือง ติดมาด้วย พวกเราจึงจัดการพกคุณสายทองกลับไปด้วย

เมื่อวิ่งกลับมาถึง โรงแรม Olathang สิ่งแรกที่กระผม/อาตมภาพทำก็คือ ขอเถ้าแก่ชูว่า "ห้องของคุณมีอ่างอาบน้ำอยู่ ขออนุญาตแช่น้ำร้อนสัก ๑๕ นาที เพราะรู้สึกว่าแข้งขาระบมอยู่เหมือนกัน" ปรากฏว่ามีคนยกมือกันสลอนว่าขอต่อคิวด้วย เนื่องเพราะว่าห้องพักอื่น ๆ ก็ไม่มีอ่างเหมือนกัน

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น กระผม/อาตมภาพจึงรีบกลับห้องพักของตนเอง คว้าเอาเครื่องอาบน้ำได้ ไปถึง ปรากฏว่าเถ้าแก่ชูกำลังปล้ำผีลุกปลุกผีนั่ง อาจจะเป็นเพราะว่าเขาไม่ต้องการที่จะเปลืองน้ำ ก็เลยจัดการเอาฝาปิดอ่างอาบน้ำออก กระผม/อาตมภาพแก้ไขปัญหาด้วยการใช้ถุงพลาสติก ซึ่งเป็นถุงใส่รองเท้าเดินในห้องนอน ทำการอุดรูแล้วเปิดน้ำร้อนลงไปแช่ แต่ด้วยความที่ว่าน้ำร้อนจัดมาก จึงแช่ประมาณ ๑๐ นาทีเท่านั้น เมื่อกลับมาถึงห้องพัก ก็จัดแจงซักผ้า เสร็จสรรพเรียบร้อย ตากผ้าแล้วก็มาบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนอยู่ในขณะนี้

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๒๕ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-10-2025 เมื่อ 04:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 26 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 04:18



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว