กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๘ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนตุลาคม ๒๕๖๘

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 20-10-2025, 19:53
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 11,219
ได้ให้อนุโมทนา: 226,590
ได้รับอนุโมทนา 816,039 ครั้ง ใน 40,284 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๖๘

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๖๘


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 21-10-2025, 01:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,338
ได้ให้อนุโมทนา: 159,829
ได้รับอนุโมทนา 4,513,509 ครั้ง ใน 36,951 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๒๐ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ พรุ่งนี้กระผม/อาตมภาพต้องเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อเตรียมตัวไปภูฏาน (พู-ตาน) ตอนตี ๒ สมัยก่อนประเทศนี้เขาอ่านชื่อว่าภูฐาน ไม่ทราบเหมือนกันว่าไปได้ยินเจ้าของประเทศเขาอ่านออกเสียงอย่างไร เลยกลายเป็นภูฏานอย่างทุกวันนี้

ประเทศภูฏานเป็นประเทศเล็ก ๆ ที่ไม่มีทางออกทะเล ปกครองโดยระบอบกษัตริย์ แล้วสิ่งมหัศจรรย์ก็คือประเทศอื่นเขาวัดความเจริญจากมูลค่ามวลรวมประชาชาติ ก็คือรายได้ของคน แต่ภูฏานเขาวัดจากมวลความสุขประชาชาติ ก็คือเอาความสุขของประชาชนเป็นหลัก

ประเทศภูฏานค่อนข้างจะมีการเปลี่ยนแปลงน้อย แต่ว่าส่วนที่เขาทำได้ดีน่าชื่นใจเลยก็คือรักษาพื้นที่ป่าไว้ได้เกิน ๖๐ เปอร์เซ็นต์ จึงเป็นประเทศที่มีการปล่อยคาร์บอนเข้าสู่ชั้นบรรยากาศติดลบ ไม่ทราบเหมือนกันว่า "คาร์บอนเครดิต" นี่เปลี่ยนเป็นเงินได้หรือเปล่า ? ถ้าเปลี่ยนได้ก็น่าจะทำรายได้เข้าประเทศไม่น้อยเลย

ส่วนที่จะไปนั้น ความจริงถ้าหากว่าไปเสียตั้งแต่ ๑๐ กว่าปีที่แล้ว ก็คงจะไปช่วยเขาสร้าง "หลวงพ่อโตดอร์เดนมา" ซึ่งตรงลานหน้าหลวงพ่อโตนั้นเขาจัดเป็นที่ต้อนรับตอนในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ และสมเด็จพระบรมราชินีฯ เสด็จไป เพียงแต่ว่าตอนนั้น กระผม/อาตมภาพยังเป็นอาจารย์ประจำของ มจร.อยู่ มีวันหยุดแค่เสาร์ - อาทิตย์เท่านั้น ไม่สามารถที่จะเดินทางทีหนึ่งได้ ๕ วัน ๗ วันแบบปัจจุบันนี้ จึงไม่สามารถที่จะไปได้ ทั้ง ๆ ที่ไปโดยไม่ต้องเสียค่าเข้าประเทศ ซึ่งเขาคิดวันละ ๑๐๐ ดอลลาร์อเมริกัน

มาตอนหลังก็ขึ้นไปถึงวันละ ๒๐๐ ดอลลาร์ เพราะว่าต้องการจำกัดจำนวนคนเข้าประเทศ ซึ่งการจำกัดจำนวนคนเข้าประเทศนั้น ก็เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เพราะว่าคนภูฏานส่วนใหญ่แล้วจะอยู่ในลักษณะอนุรักษ์นิยม
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-10-2025 เมื่อ 01:44
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 21-10-2025, 01:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,338
ได้ให้อนุโมทนา: 159,829
ได้รับอนุโมทนา 4,513,509 ครั้ง ใน 36,951 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเมื่อช่วงนั้นไม่ได้ไป มาช่วงนี้ทางเอ็นซีทัวร์ของคุณนวลจันทร์ เพียรธรรม จัดโปรแกรมไปในช่วงที่กระผม/อาตมภาพสามารถปลีกตัวไปได้พอดี จึงขออาศัยพ่วงไปด้วย พูดง่าย ๆ ว่าจะไปไหนได้แต่รอแปะไปกับคนอื่น ทำท่าเหมือนกับเป็นกาฝาก ในส่วนที่เป็นกาฝากจริง ๆ ก็คือไม่จ่ายค่าทัวร์เอง ถ้าไม่มีคนจ่ายให้ก็ไม่ไปไหนกับใคร..!

เพียงแต่ว่าระยะนี้ พอขึ้นมาเป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ก็อยู่ในลักษณะคนตกงาน เพราะว่าถ้าเขาไม่ปรึกษาก็ไม่มีอะไรให้ทำ..! ประกอบกับมีคนจ่ายค่าทัวร์ให้ ก็เลยค่อนข้างที่จะออกต่างประเทศบ่อยหน่อย ประมาณ ๓ - ๔ เดือนข้างหน้านี้ แทบจะออกกันทุกเดือน บางงานไม่ไปก็โดนพรรคพวกเพื่อนฝูงบีบคอให้ไปด้วย เหตุที่ไม่ไปเพราะว่าบางสถานที่เคยไปมาแล้ว แต่คนที่ไม่เคยไปอยากจะให้ไปด้วย เขาก็ต้องจ่ายสตางค์ให้..!

เรื่องของการเดินทาง ถ้าหากว่าใครเรียนหนังสือรุ่นเก่า ๆ ก็ต้องดูใน "นิทานเวตาล" ที่บรรดาหนุ่ม ๆ เขามาแสดงทัศนคติของตนเอง เพื่อที่เอาชนะใจผู้หญิง จะได้แต่งงานด้วย ซึ่งเขาแต่งไว้เป็นโคลงเป็นกลอนไพเราะมาก แต่ถ้าหากว่าอ่านไม่เป็น ก็อาจจะออกมาไร้อรรถรสได้เช่นกัน อย่างที่เขากล่าวเอาไว้ว่า "จงจรเที่ยว เทียวบทไป พงพนไพร ไศละลำเนา ดั้นบถเดิน เพลินจิตเรา แบ่งทุกขเบา เชาวนไวฯ"

เพราะว่าสภาพจิตของคนเรามักจะเสพเสวยสิ่งต่าง ๆ อยู่เป็นปกติ ถ้าหากว่าคุ้นชินกับสถานที่ใดที่หนึ่งก็มักจะเซื่องซึม เพราะว่าไม่มีอะไรแปลกใหม่ ดังนั้น..การที่พระของเราออกธุดงค์นั้น ส่วนหนึ่งก็คือเพื่อที่จะอาศัยสถานที่ใหม่ ๆ ขัดเกลาสภาพจิตของตนเอง เนื่องเพราะว่าเวลาอยู่ในสถานที่ใหม่ ความหวาดระแวงเกรงอันตรายจะเกิด สภาพจิตของเราจะตื่นโดยอัตโนมัติ บางคนบอกว่า "ผิดที่ นอนไม่หลับ" แต่ความจริงก็คือจิตของเราตื่น เพราะเกรงว่าจะมีอันตราย แต่พอเคยชินไปไม่กี่วัน ก็ "นอนหลับไม่รู้ นอนคู้ไม่เห็น" อีก..!

ดังนั้น..ในช่วงแรกถ้ากำลังใจของเราห่วยแตก ใช้อะไรไม่ได้เลย เอาแต่กินกับนอน ถ้าได้เปลี่ยนสถานที่บ้างก็จะเป็นการดี แต่ว่าหลายต่อหลายท่านในปัจจุบันก็ทำเอาการธุดงค์นั้น กลายเป็นรอยด่างในหมู่สงฆ์ไปแล้ว อย่างเช่นว่าส่วนหนึ่งออกธุดงค์เพราะว่าอยู่ร่วมกับคนอื่นไม่ได้ ประมาณว่า ถ้าไม่มีข้อแม้เยอะ ก็คิดว่าตนเองดีกว่าที่จะอยู่ร่วมกับคนอื่นเขา..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-10-2025 เมื่อ 01:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 21-10-2025, 01:11
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,338
ได้ให้อนุโมทนา: 159,829
ได้รับอนุโมทนา 4,513,509 ครั้ง ใน 36,951 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อีกพวกหนึ่งเข้าป่า ตรงนี้กระผม/อาตมภาพเจอมาด้วยตนเอง ก็คือไปหาที่เสพยาบ้า..! ไม่ต้องกลัวว่าตำรวจจะจับ เพราะว่าตำรวจไม่เดินตามเข้าป่าไปขนาดนั้นอยู่แล้ว พอถึงเวลาเมายาบ้าขึ้นมา ไม่มีอะไรจะทำก็แข่งกันวิ่งขึ้นเขา หรือไม่ก็ผลัดกันเอามีดสปาตาร์เฉาะกบาลกัน..! เลือดไหลท่วมจนกระผม/อาตมภาพต้องลากออกมาหาหมอ ก็เลยกลายเป็นว่าการธุดงค์ในปัจจุบันนี้ ส่วนหนึ่งที่เสียหายเพราะว่าไม่ได้ไปเพื่อขัดเกลากิเลสกัน

โดยเฉพาะบางท่านที่พบในป่า ทุกท่านก็คงจะเห็นว่าย่ามธุดงค์ใบใหญ่ขนาดไหน ? กระผม/อาตมภาพเองใช้ย่ามเล็กตามปกติ เพราะว่าแทบจะไม่ได้ใส่อะไรเลย ข้าวของอื่น ๆ ก็ใส่อยู่ในบาตรแล้ว ก็จะมีย่ามเล็ก ๑ ใบเผื่อต้องใส่ของอื่น มีบาตรที่เป็นถุงสัมภาระบรรจุของ แล้วก็มีกระติกน้ำเท่านั้น

แต่ไปเจอพระธุดงค์บางคณะ พอเขาเห็นเข้าก็ถามว่า "นี่ท่านมาทำอะไร ?" ตอบไปว่า "ธุดงค์เหมือนกับท่านนั่นแหละ..แล้วผมมั่นใจว่าผมอยู่ได้นานกว่าด้วย" เพราะว่าของท่านใช้ไม้คานหาบย่ามธุดงค์ไป ๔ ใบ..! ถ้ากระผม/อาตมภาพขนของไปขนาดนั้นก็คือย้ายวัดแล้ว..!

ดังนั้น..การธุดงค์ในปัจจุบันนี้ บางทีก็แค่เปลี่ยนที่กินเปลี่ยนที่นอนแค่นั้น แบกของไปมากมายขนาดนั้น แล้วจะไปขัดเกลาอะไรตัวเองได้ ? โดยเฉพาะไปกันเป็นคณะใหญ่ ๆ

มีอยู่ช่วงหนึ่ง กระผม/อาตมภาพไปเจอธุดงค์คณะใหญ่ เขาเดินกัน ๓๐๐ รูป..! ทำเอาหลงป่าไปเลย เหตุที่หลงก็เพราะว่าด่านสัตว์ที่เราอาศัยเดิน โดนพระเณร ๓๐๐ รูปเดินแหลกลาญไปหมด หาทางเดิมของตัวเองไม่เจอ..! แล้วแต่ละท่านก็ไม่ทราบว่ากลัวหลงอะไรขนาดนั้น มีการฉีกเศษผ้าอาบผูกไว้เป็นระยะ ๆ ๒ ก้าว ๓ ก้าวก็ผูกชิ้นหนึ่ง ๒ ก้าว ๓ ก้าวก็ผูกชิ้นหนึ่ง กระผม/อาตมภาพยังคิดว่า "แล้วมึงจะเอาผ้าที่ไหนมาเยอะแยะขนาดนั้น ?"

ท้ายสุดไปได้ไม่ไกล ก็เริ่มเห็นเศษรัดประคดผูกไว้ "ดูท่ามึงไม่รอดแน่นอน..!" เพราะว่าถ้าตามที่กระผม/อาตมภาพเดินก็คือบางที ๒๐๐ - ๓๐๐ เมตร ถึงจะเอามีดเฉาะต้นไม้ไว้สักรอยหนึ่ง เผื่อว่าขากลับเราจะย้อนกลับทางเดิม ส่วนใหญ่ก็ใช้วิธีพับยอดหญ้าเอาไว้ รอยพับก็คือทางที่เราจะเดินกลับ ก็แปลว่าต้องพับชี้ไปย้อนหลัง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-10-2025 เมื่อ 01:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 28 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 21-10-2025, 01:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,338
ได้ให้อนุโมทนา: 159,829
ได้รับอนุโมทนา 4,513,509 ครั้ง ใน 36,951 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

คราวนี้ท่านไปขนาดนั้น ลองดูในพระไตรปิฎก เห็นแล้วบางทีก็ใจหาย พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า "มหาโจรบางจำพวก รวบรวมผู้คนได้เป็นร้อยเป็นพัน เข้าสู่คามนิคมแล้วทำการปล้นชิงชาวบ้าน เปรียบเสมือนภิกษุบางประเภทที่รวบรวมกันเป็นจำนวนมาก เข้าสู่โคจรคาม (โค-จะ-ระ-คาม) ฯลฯ"

เราลองนึกดูว่าพระเป็นร้อย ๆ ไปถึง ชาวบ้านเขาจะเลี้ยงไหวไหม ? แต่ว่าท่านทั้งหลายเหล่านี้ก็รอบคอบมาก เพราะว่าเขาจะมีกำหนดว่าวันนี้เดินถึงไหน แล้วก็ส่งคนและรถเสบียงไปล่วงหน้า สรุปว่าธุดงค์ของเขาไม่น่าจะได้อะไร นอกจากหัดเดินป่าเท่านั้น..!

ดังนั้น..การที่ไปต่างประเทศของกระผม/อาตมภาพก็ถือว่าเป็นการเปลี่ยนสถานที่เท่านั้น ภารกิจต่าง ๆ บางทีจะมากกว่าปกติด้วยซ้ำไป อย่างไปอินโดนีเซียครั้งแรก ตอนกลางคืนผีมา ๗,๐๐๐ - ๘,๐๐๐ ตัวมาขอส่วนบุญ พวกเราต้องเข้าใจว่าบุญกุศลเปรียบเหมือนแสงสว่าง ถ้าหากว่าอยู่ในสถานที่มืดมิด แล้วเราสว่างอยู่คนเดียว ใคร ๆ ก็รู้ เขาก็จะแห่กันมาหา แล้วกระแสนั้นต่อให้เราไม่ได้ทิพจักขุญาณก็ตาม บางทีก็โดนกวนจนนอนไม่หลับ เพราะว่าถ้าไม่ได้เขาก็ไม่ไป..!

ดังนั้น..วิธีที่ปลอดภัยที่สุดก็คือ ไปถึงไหนก็ตาม ให้ตั้งใจแผ่เมตตาอุทิศส่วนกุศลให้เขาก่อน ใช้ตามหลักการอุทิศส่วนกุศลของหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงนั่นแหละ ครอบคลุมได้ทั่วถึงดี แล้วหลังจากนั้นจะขอความปลอดภัยอะไรจากพวกเขาก็ว่ากันไป ในเมื่อรับไปแล้วก็ทำงานบ้าง..ไม่ใช่กินฟรี..!

คราวนี้เราไปต่างประเทศส่วนใหญ่ก็มักจะอยู่ในลักษณะแบบนี้ ก็คือคนอื่นเห็นว่าไปเที่ยว แต่กระผม/อาตมภาพว่างานหนักกว่าตอนที่ไม่ได้เที่ยวเสียอีก..!
เพียงแต่ว่าประสบการณ์ต่าง ๆ ทั้งหลายเหล่านี้ บางทีก็มาบอกมาเล่าพวกเราให้รับรู้ไว้ ใครเดินตามรอยไปจะได้รู้ว่าที่ไหนมีอะไรบ้าง แต่มาระยะหลังก็โดนห้าม เพราะว่าพวกเราพอไปถึง บางทีพอรู้จักว่าตรงนั้นเจ้าที่เจ้าทางเป็นใคร ก็ใช้เขาส่งเดช ไม่ได้ดูเงาหัวตัวเองเลยว่าท่านระดับเท่าไร แล้วเราระดับเท่าไร จนกระทั่งบางแห่งท่านขอร้องไว้ว่ากรุณาอย่าได้บอกชื่อกับคนอื่น ไม่อย่างนั้นแล้วเขาเรียกทำหูทวนลมได้ แต่ถ้าเขาออกชื่อ ไม่รู้จะทำหูทวนลมอย่างไร..!

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันจันทร์ที่ ๒๐ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-10-2025 เมื่อ 02:01
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 02:31



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว