กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๘ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนตุลาคม ๒๕๖๘

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 10-10-2025, 19:54
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 588
ได้ให้อนุโมทนา: 3,308
ได้รับอนุโมทนา 28,169 ครั้ง ใน 1,076 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๘

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๘


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 28 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 11-10-2025, 00:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,258
ได้ให้อนุโมทนา: 160,505
ได้รับอนุโมทนา 4,511,421 ครั้ง ใน 36,874 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๑๐ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ กระผม/อาตมภาพเพิ่งจะนำปัจจัยที่ได้รับจากงานกฐินและตักบาตรเทโว ไปเข้าธนาคารเรียบร้อย และเบิกออกมาถวายให้กับทางวัดพุทธมณฑลอรัญญิกาวาส เพื่อเป็นเจ้าภาพกฐิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท ซึ่งโดยหลักปฏิบัติแต่ไหนแต่ไรมาก็คือ ยอดเงินกฐินหลังจากหักค่าใช้จ่ายที่ทางคณะสงฆ์อนุญาตแล้ว ให้ฝากเข้าธนาคารทั้งก้อนไปก่อน จากนั้นต้องใช้อะไรจึงค่อยเบิกออกมาอีกครั้งหนึ่ง ต้องบอกว่าเป็นการกระทำที่รอบคอบมาตั้งแต่ต้น แต่ด้วยความที่ว่าพอนานไป ก็มีการปล่อยปละละเลย แล้วก็ทำให้เกิดเหตุในลักษณะที่ว่าเงินสงฆ์และเงินส่วนตัวปะปนกันไปหมด

ในส่วนของกระผม/อาตมภาพนั้น เงินส่วนตัวที่ไปปนกับเงินสงฆ์ ก็เพราะว่าเงินสงฆ์นั้น ถ้าหากว่าทำกันอย่างถูกต้องจริง ๆ จะใช้จ่ายในรายการไหน ต้องมีการประชุมคณะกรรมการวัด ขออนุมัติแล้วถึงจะเบิกจ่ายได้ โดยการเบิกจ่ายต่ำสุดก็ต้องลงชื่อในการเบิก ๒ ใน ๓ เป็นอย่างน้อย บางวัดถึงขนาดต้องลงชื่อ ๕ คนพร้อมกันก็มี..!

แต่คราวนี้ด้วยความที่ว่าวัดท่าขนุนของเรานั้นมีกิจการงานมากเป็นพิเศษ ถ้ามัวแต่ประชุมคณะกรรมการวัดอยู่ ก็ไม่ต้องทำมาหากินอะไรกันพอดี ทางกรรมการและไวยาวัจกรจึงมอบอำนาจให้เจ้าอาวาส สามารถใช้เงินไปได้ก่อน แล้วค่อยมาเคลียร์บัญชีกันทีหลัง

แต่คราวนี้ด้วยความที่ว่าตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๘ เป็นต้นไป เราจะมีการส่งบัญชีฉบับเต็ม ก็คือรับจากรายการอะไรบ้าง ? และจ่ายไปในรายการอะไรบ้าง ? ต้องลงให้ครบถ้วน ตามแบบที่ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติกำหนดเอาไว้ ในลักษณะของการทำบัญชีวัด แต่กระผม/อาตมภาพเองก็คงไม่จ่ายรายหนึ่งแล้วก็วิ่งไปเบิกทีหนึ่ง เพราะว่าจะยุ่งยากมากความ ก็คงจะ
ควักเงินส่วนตัวจ่ายไปก่อน แล้วพอสิ้นเดือนค่อยไปดูว่าจ่ายไปกี่รายการและเท่าไรบ้าง ค่อยไปทำการโอนจากบัญชีวัดเข้ามาในบัญชีของตัวเอง ซึ่งถ้าหากว่าผิดพลาด ชี้แจงไม่ได้ ก็ติดคุกหัวโต เพราะกลายเป็นยักยอกเงินวัด เนื่องเพราะโอนจากวัดมาใส่บัญชีตัวเอง..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-10-2025 เมื่อ 01:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 20 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 11-10-2025, 00:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,258
ได้ให้อนุโมทนา: 160,505
ได้รับอนุโมทนา 4,511,421 ครั้ง ใน 36,874 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เรื่องพวกนี้ปล่อยคนอื่นเขาปวดหัวกันไป กระผม/อาตมภาพไม่ปวดหัวกับใครหรอก เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าอันดับแรก ถ้าหากว่าต้องการให้ชี้แจง มั่นใจว่าชี้แจงได้ทั้งหมด

อันดับที่สอง หลายท่านก็เห็นอยู่ว่ากระผม/อาตมภาพกับเงินทองไม่ได้มีวาสนาต่อกันเลย กองอยู่ตรงไหนก็อยู่ตรงนั้นแหละ ล่าสุดนี่ก็เพิ่งจะไปเจอซองปัจจัยที่เขาถวายมา ในงานพระราชทานเพลิงศพพระครูกาญจนกิจธำรง อดีตเจ้าอาวาสวัดพุพง อดีตรองเจ้าคณะอำเภอไทรโยค เนื่องเพราะว่าเป็นคนที่ถึงเวลามีอะไรก็กองเอาไว้ ไม่ได้ใส่ใจ ไม่ได้นึกถึง อย่างที่เคยเรียนบอกหลายท่านไปว่า ถึงเวลาเก็บกวาดกุฏิทีหนึ่งก็ดีใจทีหนึ่ง เพราะว่าเจอเงินเป็นหมื่น ๆ ส่วนใหญ่ก็คือเงินกิจนิมนต์ มาถึงแล้วก็โยนกองเอาไว้

วันนี้ในส่วนที่อยากจะพูดถึงก็คือ ในวันก่อนที่พวกเรากรานกฐินกัน แล้วมหาหนึ่ง (พระมหานันทวัฒน์ อคฺคธมฺโม ป.ธ. ๔) ของเรา คว้าผ้าไตรขึ้นมาก็จะอธิษฐานเลย บอกว่าต้องทุบให้จมดินอยู่ตรงนั้น..! ถ้าหากว่าวัดไหนมีการอปโลกน์กฐิน เขาก็จะใช้คำว่า "มอบให้แก่ภิกษุผู้รู้ครุธรรม ๘ ประการ" สรุปว่าน่าจะไม่รู้ ต้องไปศึกษากันใหม่..!

คำว่า ครุธรรม ๘ ประการนั้น บางทีก็เรียกว่า "บุพกรณ์" ก็คือกรณีที่ต้องทำให้ได้ก่อน หรือทำให้สำเร็จก่อน หรือไม่ก็ต้องรู้ให้ครบถ้วนก่อน บางคนก็เรียกเป็น "บุพกิจ" ปนกันให้ยุ่งไปหมด ซึ่งการ
"รู้บุพพกรณ์" หรือว่า "รู้ครุธรรม ๘ ประการ" ก็จะประกอบไปด้วย ๑. "รู้การถอนจีวรเก่า" ๒. "รู้วิธีการอธิษฐานจีวรใหม่" อย่างที่เราใช้วิธีการอธิษฐานผ้าสังฆาฏิ ก็ใช้คำว่า "อิมายะ สังฆาฏิยาฯ" แต่พอไปอธิษฐานผ้าจีวร กลับกลาย "อิมินา อุตตะราสังเฆนะฯ" แค่นี้ก็ปวดหัวพอแล้ว อย่าคิดว่าการที่เราอธิษฐานผ้ากฐินจะเป็นเรื่องง่าย ๆ

๓. "รู้ว่าเราจะต้องกรานกฐินอย่างไร" ก็คือเมื่อทำพินทุ อธิษฐาน ครอง แล้วก็บอกกล่าวแก่สงฆ์ว่าได้กระทำโดยถูกต้องแล้ว เพื่อให้สงฆ์ทั้งหลายอนุโมทนา ตรงนี้ยังไม่เท่าไร เพราะว่าเป็นขั้นตอนที่เวลาเจอหลาย ๆ ครั้ง เราก็จะคุ้นชินกันไปเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-10-2025 เมื่อ 01:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 20 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 11-10-2025, 00:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,258
ได้ให้อนุโมทนา: 160,505
ได้รับอนุโมทนา 4,511,421 ครั้ง ใน 36,874 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แต่คราวนี้ครุธรรมอีกข้อหนึ่งก็คือ ๔. "รู้มาติกา" ไม่ใช่รู้ว่ากุสลา ธัมมา อกุสลา ธัมมา ฯลฯ สวดอย่างไร ?!

มาติกาคือหัวข้อที่กำหนดเอาไว้ โดยเฉพาะกำหนดว่ากฐินจะเดาะอย่างไรบ้าง ? คำว่า "กฐินเดาะ" ก็คือ หมดหรือขาดอานิสงส์ลงไป ซึ่งประกอบด้วย มาติกาข้อที่ ๑ "ตั้งใจว่าไปแล้วไม่กลับมาสู่ที่นี้อีก" ลักษณะสมัยก่อนนักปฏิบัติธรรมก็เหมือนกับนกบินไปจากคอน ก็คือบินออกไปแล้วก็ไม่เหลียวหลังกลับมา อยู่ในลักษณะการไม่ติดถิ่น ไม่ติดที่อยู่

ก็จะไปเข้ากับข้อปลิโพธะข้อที่ ๒ ก็คือ การไม่ห่วงสถานที่กับไม่ห่วงจีวร ซึ่งเป็นเหตุของกฐินเดาะได้ ถ้าหากว่าไม่ห่วงสถานที่ แต่จิตยังผูกอยู่กับจีวร ถือว่ากฐินยังไม่เดาะ ถ้าหมดทั้ง ๒ ข้อก็แปลว่ากฐินเดาะไปเรียบร้อยแล้ว..!

มาติกาข้อต่อไปก็คือ
"ทำจีวรเสร็จแล้ว"อย่าลืมว่ากาลจีวร (เวลาในการแสวงหาจีวร) เวลา ๑ เดือนในการแสวงหาผ้าใหม่ของภิกษุ ก็คือตั้งแต่แรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ จนถึงกลางเดือน ๑๒ เมื่อรู้ว่าตนเองทำจีวรเสร็จแล้ว ไม่มีห่วงกังวลอะไรแล้ว พร้อมที่จะไป ถ้าลักษณะอย่างนี้ทำให้กฐินเดาะได้ เพราะว่าใจไม่ได้ผูกไม่ได้กังวลกับอะไรแล้ว

มาติกาข้อต่อไปก็คือ
"ตั้งใจว่าจะไม่ทำจีวร" ข้อที่แล้วทำเสร็จแล้ว ข้อนี้ไม่ทำเพราะจีวรเก่ายังดีอยู่ ยังใช้งานได้เป็นปกติ ก็ลักษณะเดียวกัน ไม่มีความกังวลกับเรื่องนี้ กฐินจึงเดาะได้โดยปริยาย

มาติกาข้อต่อไปก็คือ
"ผ้าจีวรนั้นหาย หรือว่าฉิบหาย คือเสียหายจนใช้งานไม่ได้" อาจจะโดนลักขโมย โดนหนูกัด หรือไม่ก็อย่างบางท่านของเราเผลอซักตากไว้ โดนหมาลากไปทำที่นอน..! ถ้าหากว่าจีวรเสียหายหมดสภาพ ก็ถือว่ากฐินเดาะเหมือนกัน ฟังแล้วจำกันได้บ้างหรือเปล่า ?

มาติกาข้อต่อไปก็คือ "รู้ว่าเขาจะยกเลิกอานิสงส์กฐิน" สมมติว่าเราจำพรรษากันอยู่ในที่นี้ ทั้งหมด ๔๓ รูปของปีนี้ พอออกพรรษาแล้วเที่ยวไป เพื่อนส่งไลน์มาบอกว่า "เฮ้ย..ทางด้านนี้เขาตกลงกันว่าจะเลิกอานิสงส์กฐินแล้วนะ ให้ตั้งหน้าตั้งตารักษาผ้าครองได้" ถ้าเราปฏิบัติตามนั้นก็ถือว่ากฐินเดาะไปเลย คงไม่งง..ใช่ไหม ? สมัยก่อนเขาก็ส่งไลน์เหมือนกัน แต่เขาเล่นส่งกันในใจ รับชัดเจนกว่าสมัยนี้อีก..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-10-2025 เมื่อ 01:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 20 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 11-10-2025, 00:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,258
ได้ให้อนุโมทนา: 160,505
ได้รับอนุโมทนา 4,511,421 ครั้ง ใน 36,874 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

มาติกาข้อต่อไปก็คือ"สิ้นหวังที่จะได้ผ้าตามเวลาที่กำหนดไว้" ก็คือ ๒๙ วันนี้หาผ้ามาทำจีวรไม่ทันแน่ ในเมื่อไม่สามารถที่จะหาผ้ามาได้ ไม่สามารถที่จะซ่อมแซมผ้าให้คืนดีตามเดิมได้ ก็เท่ากับว่าผ้านั้นเสียหายไป ไม่สามารถที่จะครองเป็นผ้ากฐิน ก็ถือว่าเดาะไปโดยปริยาย..+

มาติกาข้อต่อไปก็คือ
"เพราะว่าพ้นเขตเวลาไปแล้ว" ก็คือเกินขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๔ พอย่างเข้าแรม ๑ ค่ำ เดือน ๔ ก็เป็นอันว่าจบ กฐินเดาะไปโดยปริยาย

ข้อสุดท้ายของมาติกา ลืมไปแล้วใช่ไหมว่ากระผม/อาตมภาพพูดเรื่องอะไร ? ต้องทุบให้ดิ้น..! ก็คือ
"ทั้งหมดพร้อมใจกันเดาะกฐินไปเลย" เมื่ออนุโมทนาเสร็จสรรพ ทุกคนพร้อมใจกันประกาศว่าไม่มีใครใช้อานิสงส์กฐิน

กระผม/อาตมภาพเองเป็นคนที่เดาะกฐินเฉพาะตัวมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เนื่องเพราะว่า "เที่ยวไปโดยไม่ต้องบอกลา" ก็ถือว่าเสียมารยาท "ฉันคณโภชนาหรือปรัมปรโภชนา" ก็อยู่ในลักษณะของคนมักมาก "ไปไหนเอาจีวรไปไม่ครบสำรับได้" ถึงเอาไปครบก็ไม่ได้หนักเกินไป "ผ้าที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นของเธอ" ปกติก็โยนเข้ากองกลาง ไม่เอาไว้อยู่แล้ว ในเมื่ออยู่ในลักษณะอย่างนี้ ถึงได้อานิสงส์มาก็ไม่ได้ใช้งาน

ดังนั้น..ในมาติกาคือหัวข้อที่กำหนด หรือแม่บทของการเกี่ยวข้องกับกฐิน ก็คือ ข้อกำหนดที่ว่ากฐินนั้นจะเดาะหรือไม่เดาะด้วยเหตุประการใดบ้าง คนครองกฐินต้องรู้ ถ้าไม่รู้ครุธรรมเหล่านี้ก็ถือว่าครองกฐินไม่ได้ เพราะฉะนั้น..รีบกลับไปอ่านใหม่ เรียนมานาน..ลืมไปหมดแล้ว..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-10-2025 เมื่อ 01:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 20 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 11-10-2025, 00:29
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,258
ได้ให้อนุโมทนา: 160,505
ได้รับอนุโมทนา 4,511,421 ครั้ง ใน 36,874 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

บุพกรณ์ข้อต่อไปคือ ๕. "รู้ปลิโพธะ" หรือเรียกง่าย ๆ ว่าปลิโพธ ซึ่งมี ๒ อย่างในครุธรรม การรู้ปลิโพธะก็คือจิตยังห่วงจีวรอยู่หรือเปล่า ? เพราะว่าไปแล้วเอาไปไม่ครบไตรได้ ในเมื่อไม่ครบไตร จีวรชิ้นใดชิ้นหนึ่งยังอยู่ที่วัด ถ้าใจเราห่วงถึงกฐินก็ยังไม่เดาะ หรือ อาวาสปลิโพธะ ยังกังวลอยู่กับวัด ยังห่วงสถานที่อยู่ ไปแล้วต้องกลับ เรามีสิทธิ์ลาได้ ๗ วันบ้าง ๑๕ วันบ้าง ถึงเวลาเราจะกลับ จิตยังผูกอยู่อย่างนี้ ข้อใดข้อหนึ่งถือว่ากฐินไม่เดาะ ถ้าหากว่าหมดเรียบทั้ง ๒ ข้อกฐินถึงจะเดาะ จึงต้องรู้ปลิโพธด้วย

บุพกรณ์ข้อต่อไปก็เกี่ยวข้องกับ ๖. "รู้ว่ากฐินเดาะอย่างไรบ้าง" ก็อยู่ ๑ ใน ๘ ข้อของมาติกา

ข้อต่อไปของครุธรรม ๘ สำหรับผู้ครองกฐินก็คือ
๗. "ต้องรู้อานิสงส์กฐิน" ไม่ว่าจะเที่ยวไปไม่ต้องบอกลา ไปไหนเอาจีวรไปไม่ครบสำรับก็ได้ ฉันคณโภชนาปรัมปรโภชนาได้ จีวรที่เกิดขึ้นในที่นั้นเป็นของเธอ ไม่ต้องทำวิกัปเป็นสองเจ้าของร่วมกันคนอื่น เหล่านี้เป็นต้น

ข้อสุดท้ายของครุธรรม ๘ ประการก็คือ
๘. "ต้องเป็นผู้ที่มีจีวรเก่าจริง ๆ" ก็คือเก่าจนพระทั้งวัดเห็นว่าเอ็งสมควรเปลี่ยนได้แล้ว ถึงได้ลงคะแนนว่าให้ท่านนี้เป็นผู้ครองจีวร แต่วัดของเรามติคณะสงฆ์ก็คือ ครองผ้ากฐินไล่กันไปตามลำดับพรรษา ก็แปลว่าทันทีที่ครองผ้ากฐินไปเรียบร้อย จีวรเก่าที่ถอนออกมาเป็นอดิเรกจีวร พ้นกลางเดือน ๔ ไปแล้ว จีวรเก่าชุดนั้นต้องไปทำวิกัป ไม่อย่างนั้นโดนอาบัตินิสสัคคีย์ปาจิตตีย์ ชัดเจนหรือยังครับ ?

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๑๐ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-10-2025 เมื่อ 01:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 22 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 16:45



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว