กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๘ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกันยายน ๒๕๖๘

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 28-09-2025, 19:59
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 583
ได้ให้อนุโมทนา: 3,308
ได้รับอนุโมทนา 27,998 ครั้ง ใน 1,071 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๖๘

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๖๘


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 29-09-2025, 00:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,177
ได้ให้อนุโมทนา: 160,339
ได้รับอนุโมทนา 4,508,963 ครั้ง ใน 36,790 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๒๘ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ วันนี้ข่าวใหญ่ในวงการพระพุทธศาสนาของเราก็คือ ทางประเทศสหรัฐอเมริกา ส่งตัวอดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กลับมารับโทษในคดีเงินทอนวัด หลังจากที่หนีไปอยู่ต่างประเทศ ๑๐ กว่าปีที่ผ่านมา

ในคดีที่เรียกกันว่า "เงินทอนวัด" นั้น แม้แต่กระผม/อาตมภาพก็โดนมาด้วยตัวเอง ก็คือขอเงินสนับสนุนจากทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เพื่อสร้างศาลาการเปรียญวัดพุทธบริษัท จำนวน ๒๐๐,๐๐๐ บาท แต่เมื่อเซ็นรับไปเรียบร้อยแล้ว เงินที่โอนเข้ามาให้คือ ๒๐,๐๐๐ บาท อีก ๑๘๐,๐๐๐ บาท ไม่ทราบเหมือนกันว่ากลายเป็นหมูเข้าปากหมาที่ไหน !? ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมาจนถึงบัดนี้ กระผม/อาตมภาพไม่เคยของบประมาณบูรณปฏิสังขรณ์วัดจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติอีกเลย..!

คดีนี้ความจริงเกิดขึ้นจากอดีตเจ้าคณะจังหวัดสงขลา ที่ท่านของบประมาณไปแล้วจำนวน ๑๐ ล้านบาท ปรากฏว่าหายไปกลางทางถึง ๗ ล้านบาท..! จึงได้ทำการฟ้องร้อง แต่กลายเป็นว่าคดีพลิก..ก็คือพระเรากลายเป็นจำเลย..!

ทั้ง ๆ ที่เรื่องนี้ ถ้าหากว่าทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติทำงานตรงไปตรงมา พระเราก็จะไม่มีปัญหาอะไรเลย แต่ด้วยความที่ทำงานในลักษณะ "โกงไปโกงมา" แล้วยังมีบางหน่วยงานเจตนาที่จะทำลายพระสงฆ์ของเราด้วย จนกลายเป็นคดีเงินทอนใหญ่โตมหึมา มีการยกกำลังแบบหน่วยจู่โจม เข้าคุมตัวหลวงพ่อพระพรหมดิลก (เอื้อน หาสธมฺโม ป.ธ. ๙, Ph.D.) อดีตกรรมการมหาเถรสมาคม อดีตเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร วัดสามพระยา วรวิหาร

หลวงพ่อพระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ) อดีตกรรมการมหาเถรสมาคม อดีตเจ้าคณะภาค ๑๐ วัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร

และอดีตพระพรหมเมธี (จำนงค์ ธมฺมจารี) อดีตกรรมการมหาเถร สวัดสัมพันธวงศาราม วรวิหาร

ซึ่งในตอนนั้นทั้ง ๓ รูปนี้ ถือว่าเป็นกำลังหลักของคณะสงฆ์ไทย โดยเฉพาะในการต่อต้านการรุกรานของศาสนาอื่น มีบทบาทที่เด่นชัดมาก และด้วยความที่ว่าทั้ง ๓ ท่านล้วนแล้วแต่มีสายสัมพันธ์กว้างขวาง จนโดนดึงไปเชื่อมโยงกับการเมือง ถึงขนาดเรียกกันว่า "พระเสื้อแดง" ก็เลยใช้คดีนี้มาในการเล่นงานท่าน ถึงขนาดต้องเข้าคุกเข้าตารางกันไป ยกเว้นอดีตพระพรหมเมธีที่หนีไปอยู่เยอรมันหลายปี แล้วเพิ่งจะเดินทางกลับมาสู้คดี..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-09-2025 เมื่อ 17:15
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 29-09-2025, 00:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,177
ได้ให้อนุโมทนา: 160,339
ได้รับอนุโมทนา 4,508,963 ครั้ง ใน 36,790 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เราท่านทั้งหลายจะเห็นว่า เรื่องแบบนี้ถ้าหากว่าตรงไปตรงมาแล้ว พระเราไม่ได้มีความผิดเพราะว่าไม่ได้เริ่มต้นก่อน แล้วขณะเดียวกัน ในเมื่อเงินมอบให้กับพระท่านไปใช้จ่ายแล้ว ยังจะตามไปควบคุมท่านอีก โดยที่ตัวต้นเหตุนั้นก็คือหน่วยราชการที่เขาตั้งขึ้นมา เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับพระภิกษุสงฆ์ของเรา โดยเฉพาะการถวายคำแนะนำในด้านต่าง ๆ แต่กลับเป็นคนโกงเสียเอง แล้วก็ไป "โยนขี้" ให้พระ..!

จนกระทั่งปัจจุบันนี้ หลวงพ่อพระพรหมดิลก กับ หลวงพ่อพระพรหมสิทธิ ได้รับการคืนสมณศักดิ์ และกลับเข้าตำแหน่ง แม้ว่าจะไม่ครบถ้วนเหมือนเดิมก็ตาม เพราะศาลตัดสินแล้วว่าท่านไม่มีความผิดแม้แต่นิดเดียว..!

แล้วถ้าหากว่าท่านเกิดสึกหาลาเพศไปเสียก่อน ตามกฎหมายบ้า ๆ บอ ๆ ที่ออกมา แล้วคัดค้านกับพระธรรมวินัย ก็คือถ้าหากว่าพระต้องคดี ถึงขนาดต้องเข้าคุกเข้าตาราง ต้องให้สึกหาลาเพศเสียก่อน ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเอง กระผม/อาตมภาพยังสงสัยว่า
มหาเถรสมาคมปล่อยให้กฎเกณฑ์แบบนี้ ซึ่งคัดค้านพระธรรมวินัยออกมาได้อย่างไร ?

แม้กระทั่งปัจจุบันนี้ การต้องอาบัติสังฆาทิเสส ซึ่งเป็นอาบัติที่แก้ไขได้โดยวุฏฐานวิธี ก็กลายเป็นว่าอย่างต่ำสุดก็
ต้องโดนปรับโทษ ถอดออกจากสมณศักดิ์และตำแหน่งทั้งปวง ต่อไปท่านทั้งหลายอาจจะไม่มีที่ให้เข้าปริวาสก็เป็นได้ เนื่องเพราะว่าปริวาส ก็คือวุฏฐานวิธีในการออกจากอาบัติสังฆาทิเสส ก็คือถ้าตำรวจบุกเข้าไป เจอพระ ๓๐๐ รูป ๔๐๐ รูป สามารถที่จะจับมาจี้ตัวทีละรูป ว่าใครมีตำแหน่ง ? ใครมีสมณศักดิ์บ้าง ? แล้วก็ส่งเรื่องให้ถอดตำแหน่ง ถอดสมณศักดิ์ได้เลย เพราะว่าถ้าท่านไม่โดนอาบัติสังฆาทิเสส แล้วท่านจะไปเข้าปริวาสทำไม ?

เพื่อนฝูงของกระผม/อาตมภาพบางรูป อย่างท่านเจ้าคุณดำเนิน - พระปริยัติวโรปการ (ดำเนิน จิตฺตโสภโณ ป.ธ. ๖) เจ้าอาวาสวัดนาคกลาง วรวิหาร ท่านชอบไปเข้าปริวาส เพราะเชื่อกันว่าอยู่ในลักษณะการฟอกตัวเองบ่อย ๆ ให้สะอาดบริสุทธิ์ แต่ว่าเรื่องนี้กระผม/อาตมภาพไม่เคยทำ เพราะว่าตอนที่อยู่กับหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง มีพระขอลาไปปริวาส หลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านถามว่า "แกโดนอาบัติสังฆาทิเสสเมื่อไร ?" เล่นเอาใบ้รับประทาน..! แล้วท่านก็บอกว่า "ถ้าไม่โดนอาบัติสังฆาทิเสส แต่เราไปแจ้งว่าโดนอาบัติสังฆาทิเสสข้อนั้น โดนอาบัติ
อาบัติสังฆาทิเสสข้อนี้ทุกวัน โดยเฉพาะในการเก็บมานัตต์ ตัดรัตติเฉทต่าง ๆ ก็เท่ากับว่าเราโกหกเขา โดนอาบัติเพิ่มเข้าไปอีก..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-09-2025 เมื่อ 01:21
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 29-09-2025, 00:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,177
ได้ให้อนุโมทนา: 160,339
ได้รับอนุโมทนา 4,508,963 ครั้ง ใน 36,790 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเมื่อเป็นดังนั้น เรื่องที่พระพุทธเจ้าไม่ได้บัญญัติ แต่เราไปบัญญัติ เรื่องที่พระพุทธเจ้าไม่ได้เพิ่มเติม แต่เราไปเพิ่มเติม ก็จะกลายเป็นว่าพระของเราเองนั่นแหละ ที่ช่วยทำลายพระพุทธศาสนานี้ลงไปกับมือ เพราะว่าพระธรรมวินัย และวิธีการต่าง ๆ ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบัญญัติเอาไว้นั้น สมบูรณ์บริบูรณ์แล้ว ตัดออกก็ขาด เติมเข้าก็เกิน แต่ก็ยังมีผู้ที่พยายามแสดงตนว่าเก่งกว่าพระพุทธเจ้าด้วยการเพิ่มข้อบัญญัติต่าง ๆ เข้ามา จนทำให้พระของเราอยู่ยากขึ้นไปทุกที..!

ย้อนกลับมาถึงเรื่องเงินทอนวัด ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้เป็น ๑๐ ปี ปัญหาใหญ่ที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเจออยู่ โดยเฉพาะช่วง ๒ - ๓ ปีนี้ก็คือ ไม่มีพระของบประมาณสนับสนุนเลย จนกระทั่งต้องมากราบขอร้องให้ช่วยขอหน่อย ไม่อย่างนั้นแล้ว งบประมาณที่ใช้ไม่หมด หรือไม่ได้ใช้ ปีต่อไปเขาจะไม่ให้อีก..!

ซึ่งกระผม/อาตมภาพเห็นว่าเป็นวิธีการที่แย่มาก หน่วยงานไหนถ้าเขาใช้งบประมาณไม่หมดก็ปล่อยเขาไป พอถึงเวลาก็ให้เขาเกลี่ยงบประมาณไปลงเรื่องอื่น ใช้จ่ายกันไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ไม่เช่นนั้นแล้วเราจะมีสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินเอาไว้ทำอะไร ? คุณก็มีหน้าที่ติดตามไปว่าเขาใช้จ่ายงบประมาณปีนั้นปีนี้หมดแล้วหรือยัง ? ถ้ายังก็ไล่จี้กันต่อไป ไม่ใช่ไปยึดคืนมาแล้วก็ไม่ให้อีก..!

แล้วทุกวันนี้ที่ท่านทั้งหลายเวลาเดินทางก็เห็นกันอยู่ ก็คือ
มีการซ่อม มีการสร้าง เส้นทางเกือบทุกสาย จนกระทั่งการเดินทางติดขัดวุ่นวายไปหมด เพราะว่าต้องการผลาญงบประมาณให้หมดก่อนวันที่ ๓๐ กันยายน ซึ่งเป็นการกระทำที่เลวร้ายสุด ๆ งบประมาณแทนที่จะได้ใช้จ่ายอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ก็ตกเรี่ยเสียราดหมด โดยเฉพาะการซ่อมถนนลาดยางในหน้าฝน ไม่ว่าเอาหัวแม่เท้าข้างไหนคิดก็ไม่น่าจะใช่ เวลาลาดยางลงไป แล้วพื้นเปียก ๆ ยางก็ไม่เกาะพื้น รถวิ่งไม่นานก็พังบรรลัยหมด ต้องเบิกงบประมาณมาบูรณะซ่อมแซมกันอีก..!

เรื่องพวกนี้จะไม่เกิดขึ้นเลยถ้าหากว่าบ้านเราทำงานกันอย่างตรงไปตรงมา ในช่วงที่กระผม/อาตมภาพทำงานให้กับส่วนเผยแผ่จริยธรรมของกรมป่าไม้ ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนชื่อไปแล้ว น่าจะเป็นกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพรรณพืช กระมัง ? วันที่ ๓๐ กันยายน แฟ้มของบประมาณของหน่วยงานจะรออยู่เป็นตั้ง ๆ ตลอดทั้งปีผ่านมา ๑๑ เดือนกว่าจะ ๑๒ เดือน ใช้งบประมาณไป ๓๐ เปอร์เซ็นต์ อีก ๗๐ เปอร์เซ็นต์กูเซ็นหมดภายในคืนเดียว..! ทำถูกต้องตามกฎหมายด้วย

ก็คือเที่ยงคืนเป๊งวางปากกา เปิดขวดฉลองกัน เพราะว่าตั้งโต๊ะจีนรอไว้แล้ว..! สามารถใช้งบประมาณได้หมดสิ้นตามที่ตนเองขอไป เกือบ ๆ ๑ ปีเต็ม ใช้ไป ๓๐ เปอร์เซ็นต์ แล้วไม่ถึงวันใช้ไปอีก ๗๐ เปอร์เซ็นต์ ไม่ทราบว่าหน่วยงานอื่นทำเรื่องเลวร้ายแบบนี้กันอีกมากมายเท่าไร..!?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-09-2025 เมื่อ 01:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 29-09-2025, 00:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,177
ได้ให้อนุโมทนา: 160,339
ได้รับอนุโมทนา 4,508,963 ครั้ง ใน 36,790 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แต่เราก็เห็นว่าบ้านเราเมืองเรา กระทั่งอาคารของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ยังพังถล่มจมดินไม่เหลือซาก เป็นการประจานตนเองอย่างเห็น ๆ แต่ขอโทษเถอะ..ปีนี้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ได้รางวัลองค์การที่ทำงานโปร่งใสที่สุดในประเทศไทย กูจะบ้า..!

จึงเป็นเรื่องที่เราท่านทั้งหลาย โดยเฉพาะพระภิกษุสามเณร ต้องถือเป็นภาระเลยว่า ทำอย่างไรที่เราจะฝึกฝนตนเองให้ละอายชั่วกลัวบาป ไม่ทำสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ แล้วก็พยายามอบรมสั่งสอนให้เยาวชนของเรา ละเว้นจากสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ไม่อย่างนั้นแล้ว ประเทศชาติของเราก็จะตกอยู่ในวงจรอุบาทว์..!

ทุกท่านก็เห็นอยู่แล้วว่า รัฐบาลใหม่ที่มีอายุแค่ ๔ เดือนตามที่รับปากชาวบ้านเอาไว้ แต่ท่านทราบหรือไม่ว่างบประมาณ ๑๕๗,๐๐๐ ล้านบาทที่อนุมัติไปแล้ว ว่าให้แจกชาวบ้านยังคงอยู่ ถึงได้ดิ้นรนมีการที่จะออกโครงการคนละครึ่งออกมาใหม่ เพราะว่าถ้าใช้ไม่หมด เดี๋ยวต้องคืนเขาอีก..!

กระผม/อาตมภาพอยากจะถามเหมือนกันว่ามีความจำเป็นอะไรที่ต้องไปใช้ให้หมด เสร็จแล้วก็ต้องไปกู้เงินมาเป็นล้านล้าน คำว่าล้านล้าน นี่ไม่ได้หมายความว่าหลักล้าน แต่เป็นหลักล้านล้าน ที่เป็นตัวเลขเกิน ๑๐ ตัวขึ้นไป ทำให้หนี้สาธารณะของเราจะท่วมประเทศตาย แต่เงินที่เหลือกูจะใช้ให้หมด..! ลักษณะแบบนี้ ถ้าเป็นโบราณเขาก็ด่ากระจายว่า "ไอ้ลูกล้างลูกผลาญ" ยังโชคดีที่ประเทศของเราร่ำรวยพอ ปล่อยให้มันผลาญมากี่ยุคกี่สมัยแล้วก็ไม่รู้ ?

พวกเราจึงต้องถือเป็นภาระอย่างหนัก ที่ไม่สามารถจะหลีกเลี่ยงได้เลย ก็คือพยายามอบรมเยาวชนของเราให้ละอายชั่วกลัวบาป รักศีล รักธรรม แต่ดูความหวังแล้วริบหรี่เต็มทน แต่กระนั้นก็ไม่สามารถที่จะเลี่ยงได้ ทำหน้าที่ของทุกท่านให้ดีที่สุด ให้สมกับเป็นศากยบุตรพุทธชิโนรส ให้สมกับที่ได้อาศัยธงชัยพระอรหันต์ห่มตัวมาจนถึงปัจจุบันนี้..!

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอาทิตย์ที่ ๒๘ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-09-2025 เมื่อ 01:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 19:53



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว