#1
|
||||
|
||||
![]() เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๖๘
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด (-/\-) (-/\-) (-/\-) |
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
![]()
วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๑๒ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ กระผม/อาตมภาพมีภาระหน้าที่สำคัญหลายแห่ง โดยเฉพาะการเข้าประชุมพระปริยัตินิเทศก์ ที่หอประชุมพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม แต่ด้วยเหตุว่าอีกงานหนึ่งนั่นก็คือ ต้องไปทำหน้าที่ประธานในงานฉลองอายุวัฒนมงคล ๗๕ ปี ของพระครูบวรกาญจนธรรม เจ้าอาวาสวัดตะเคียนงามลักคณานุกูล เจ้าคณะตำบลบ้านเก่าเขต ๒ จึงได้มอบหมายให้พระมหาอินทรปกรณ์ ฐิตสุโภ ป.ธ. ๔ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน เข้าร่วมประชุมพระปริยัตินิเทศก์แทน ส่วนตนเองก็ไปทำหน้าที่ประธานในงานจนสำเร็จเรียบร้อย
ครั้นออกจากวัดตะเคียนงามลักคณานุกูลแล้ว ก็ได้รับข้อมูลในกลุ่มไลน์ว่า สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก (อมฺพรมหาเถร) มีพระบัญชาโปรดให้สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (สุชิน อคฺคชิโน) กรรมการมหาเถรสมาคม เลขานุการในองค์สมเด็จพระสังฆราช ปฏิบัติศาสนกิจครั้งนี้แทนพระองค์ โดยเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการประชุมสัมมนาพระปริยัตินิเทศก์ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๘ โดยมีพระพรหมบัณฑิต, ศ.ดร. (ประยูร ธมฺมจิตฺโต ป.ธ. ๙, Ph.D.) กรรมการมหาเถรสมาคม ประธานศูนย์พระปริยัตินิเทศก์แห่งคณะสงฆ์ไทย พร้อมด้วยพระสังฆาธิการ ผู้บริหาร จากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และส่วนงานที่เกี่ยวข้องได้ถวายการต้อนรับ ในงานนี้สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ได้อัญเชิญพระโอวาทของสมเด็จพระสังฆราชว่า ขออนุโมทนาสาธุการที่ท่านทั้งหลายมาร่วมประชุมสัมมนาพระปริยัตินิเทศก์ และบุคลากรที่เกี่ยวข้องระดับประเทศ ด้วยสามัคคีธรรม และอปริหานิยธรรม ขออนุโมทนาต่อท่านผู้จัดโครงการ และท่านผู้เข้าร่วมโครงการทุกรูป ซึ่งเป็นผู้ยังประโยชน์แก่คณะสงฆ์อย่างยิ่ง ขออนุโมทนาบุญที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และบุคลากรผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ได้ทำหน้าที่เกื้อกูลภารกิจนี้มาเป็นอย่างดี ท่านทั้งหลายในฐานะพระสังฆาธิการ ในฐานะพระปริยัตินิเทศก์ และในฐานะบรรพชิตในพระพุทธศาสนา ย่อมตระหนักอยู่แล้วว่า สถานการณ์คณะสงฆ์ และกิจการพระพุทธศาสนาในปัจจุบันนี้ กำลังเผชิญความท้าทายครั้งใหญ่ ผู้คนจำนวนมากพากันเพ่งโทษ ติเตียน และตั้งคำถามต่อการมีอยู่ของพระสงฆ์ เกิดคำวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง และหลายต่อหลายครั้งก็เป็นไปอย่างรุนแรงเกินจริง เพราะคนคะนองมักมุ่งมองแต่พฤติกรรมของชนกลุ่มน้อย ที่เป็นรอยด่างดำ จนตีตราบาปอย่างเหมารวม ว่าร้ายชนกลุ่มใหญ่ที่ไม่ได้กระทำผิดไปด้วย จนเกิดเป็นภาวะบั่นทอนกำลังใจของพระภิกษุสามเณร และบุคลากรในกิจการพระพุทธศาสนา ที่สู้อุตส่าห์ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ และปฏิบัติด้วยความซื่อตรงตลอดมา
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : เมื่อวานนี้ เมื่อ 01:05 |
สมาชิก 23 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
![]()
ในนามของคณะสงฆ์ ขอถวายกำลังใจให้ทุกท่าน จงอดทนและพากเพียรบำเพ็ญกรณียกิจ เพื่อจัดการศึกษาพระปริยัติธรรม และการปริยัตินิเทศก์ต่อไป อย่าได้ย่อหย่อนหรือหยุดยั้ง เพื่อประโยชน์ตน ประโยชน์ผู้อื่น และประโยชน์ทั้งสองสถาน จักสำเร็จได้สมดังพุทธาณัติ ที่สมเด็จพระบรมศาสดาทรงมอบหมายให้พระสงฆ์ ต้องทำหน้าที่เผยแพร่พระสัทธรรม เพื่อเกื้อกูลมหาชนชาวโลกให้กว้างขวางที่สุด
ตราบใดที่ท่านยังคงหมั่นเพียร มีใจมั่นคงต่อหน้าที่ของพุทธบริษัทต่อไป โดยไม่หวั่นไหว รวนเรหรือท้อถอย ตราบนั้นท่านย่อมได้ชื่อว่าเป็นสมณะที่ดี เป็นอุบาสกอุบาสิกาตัวอย่าง เป็นผู้ทำการสักการบูชาพระรัตนตรัยด้วยการกระทำ จัดเป็นปฏิบัติบูชาที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสรรเสริญ และขอให้แน่ใจเถิดว่าการบูชาพระรัตนตรัยที่ท่านกระทำแล้วด้วยศรัทธา ย่อมมีผล และจักเป็นอิฏฐผลอันพึงปรารถนาด้วย สมดังพระพุทธานุสาสนีที่ว่า "ทานที่ให้แล้วมีผล ยัญที่บูชาแล้วมีผล" เมื่อท่านเป็นสัมมาทิฏฐิ มั่นใจแน่วแน่แล้วว่า ผลวิบากของกรรมดีหรือกรรมชั่วย่อมมีอยู่จริง จึงอดทนและพากเพียรปฏิบัติหน้าที่ของท่านทั้งหลาย ด้วยการคิดดี พูดดี ทำดี อย่างสม่ำเสมอ ท่านย่อมทำหน้าที่พระปริยัตินิเทศก์ได้อย่างอิ่มเอิบ เบิกบาน สมฐานะบัณฑิตผู้เฉลียวฉลาด มีความสามารถ สมควรแก่งานตามบทบาทหน้าที่ เพื่อทำประโยชน์ของตนให้สำเร็จลงได้" เมื่อได้ยินพระโอวาทของสมเด็จสังฆบิดร ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นบิดาของคณะสงฆ์ไทยทั้งหลายแล้ว ก็มีความรู้สึกว่า พระองค์ท่านมองปัญหาทุกอย่างรู้แจ้งแทงตลอด แต่ว่าการที่เราท่านทั้งหลายจะงอมืองอเท้า ก้มหน้าก้มตา ทำหน้าที่ในลักษณะของ "วัวงาน" ต่อไป ย่อมไม่ใช่ธุระเช่นนั้นแน่นอน เนื่องเพราะมีตัวอย่างที่ชัดเจนมาแล้ว จากมหาวิทยาลัยนาลันทาในประเทศอินเดีย ที่บรรดาคณะสงฆ์ใช้สันติและอหิงสา ต่อต้านการรุกรานของศาสนาอื่น แล้วก็โดนฆ่าฟัน เผาจนกระทั่งมหาวิทยาลัยราบคาบ ไม่เหลืออะไรให้เห็น นอกจากซากปรักหักพัง บรรดาพระสงฆ์ก็ต้องแตกกระสานซ่านเซ็น ออกไปยังประเทศต่าง ๆ จนกระทั่งพระพุทธศาสนาหมดไปจากอินเดีย เป็นเวลาหลายร้อยปี..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : เมื่อวานนี้ เมื่อ 01:17 |
สมาชิก 22 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
![]()
สิ่งที่องค์สมเด็จพระสังฆบิดรตรัสไว้นั้น เป็นสิ่งที่พึงกระทำตาม แต่เราท่านทั้งหลายต้องมีจุดมุ่งหมายให้ชัดเจนด้วยว่า การกระทำแค่หน้าที่ของตนนั้นจะใช่หรือไม่ ?
กระผม/อาตมภาพขอเสนอแนะต่อคณะสงฆ์ว่า อันดับแรก เราต้องสร้างศรัทธาของญาติโยมให้กลับมาให้ได้ ด้วยการที่มั่นคงต่อพระธรรมวินัย ปฏิบัติตามไตรสิกขา คือ ศีล สมาธิ และปัญญา ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสสอนเอาไว้ เพื่อที่เราท่านทั้งหลายจักได้เสวยผลแห่งความดี ที่องค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้หวังเอาไว้ว่า จะมีทั้งทิฏฐธรรมมิกัตถประโยชน์ คือประโยชน์ทันตาในชาตินี้ ได้แก่จิตใจสงบระงับจากกิเลสต่าง ๆ สัมปรายิกัตถประโยชน์ ประโยชน์เบื้องหน้า หรือประโยชน์ในชาติต่อไป ถ้าเราตั้งใจปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ย่อมสามารถที่จะมีสุคติเป็นที่ไป และปรมัตถประโยชน์ คือประโยชน์สูงสุด สามารถชำระจิตใจของตนให้ผ่องใสจากกิเลส ล่วงพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพานได้ ประการต่อไปก็คือเราจะต้องกำหนดแนวทางในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้ชัดเจน อย่างเช่นว่า อาศัยเทคโนโลยีต่าง ๆ ในการนำหลักธรรมไปให้ถึงประชาชน ในลักษณะที่ว่าอยู่ในบ้าน อยู่ในห้องนอน หลักธรรมทั้งหลายก็สามารถที่จะเข้าถึงเขาทั้งหลายเหล่านั้นได้ เพื่อให้ความแพร่หลายในหลักธรรมนี้ ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ผู้มีสัมมาทิฏฐิ จักได้ประพฤติปฏิบัติตาม และเสวยผลอันพึงจะได้ตามวาสนาบารมีของตน ประการต่อไปก็คือจะต้องตั้งกองประชาสัมพันธ์ เพื่อที่จะแสดงออกให้ญาติโยมทั้งหลายได้เห็นว่า พระภิกษุสามเณรของเราสร้างคุณประโยชน์อย่างไรต่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์อย่างไรบ้าง ไม่ใช่ว่าอยู่แค่ "ฉันเช้าแล้วเอน ฉันเพลแล้วนอน ตอนบ่ายพักผ่อน ตอนค่ำจำวัด" ตามรูปแบบที่ท่านทั้งหลายมองเห็นอยู่ในทุกวันนี้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : เมื่อวานนี้ เมื่อ 01:19 |
สมาชิก 23 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
![]()
แล้วสิ่งที่เราท่านทั้งหลายควรจะกระทำอย่างยิ่ง ก็คือการชำระส่วนงานของเรา ได้แก่ วัดวาอาราม และพระพุทธศาสนาของเรา ให้ปราศจากเหลือบไร มดแมลง มอดปลวกต่าง ๆ ที่มาสูบเลือดสูบเนื้อ กัดแทะจนกระทั่งต้นพระพุทธศาสนาของเรา ทรุดโทรมเหี่ยวเฉาอย่างทุกวันนี้
โดยเฉพาะเจ้าอาวาส และพระอุปัชฌาย์อาจารย์ ต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่พระภิกษุสามเณร ต้องเข้มงวดกวดขันให้พระภิกษุสามเณรอยู่ตามหลักธรรม หลักวินัย ไม่เช่นนั้นแล้วต่อให้อุดมการณ์ หลักการ วิธีการ ดีแค่ไหนก็ตาม ถ้าหากว่าตัวบุคคลไม่ยอมปฏิบัติตาม สิ่งทั้งหลายเหล่านั้นก็ย่อมเปล่าประโยชน์ จึงเป็นเรื่องที่กระผม/อาตมภาพขอฝากเอาไว้สำหรับคณะสงฆ์ ตลอดจนกระทั่งผู้ปกครองระดับสูงขึ้นไปว่า ควรที่จะมีการประชุม วางแผน กำหนดแนวทาง ที่จะแก้ไขสถานการณ์เหล่านี้อย่างเป็นขั้นตอนและรูปธรรม อย่าได้ปล่อยให้พระเล็กเณรน้อยอย่างกระผม/อาตมภาพและพรรคพวก ออกมาเต้นอยู่อย่างเดียวดาย แล้วท่านทั้งหลายก็วางเฉยอยู่บน "หอคอยงาช้าง" ไม่เคยเห็นว่าความจริงที่ปรากฏอยู่ทั่วแผ่นดินไทย ในพระพุทธศาสนาของเรานั้นเป็นอย่างไร ? ขอให้ทุกท่านลงไปสัมผัสกับพื้นที่จริง แล้วในขณะเดียวกัน ก็เก็บเอาสิ่งที่ท่านทั้งหลายเห็น เพื่อไปเป็นแนวทางในการปรับปรุงแก้ไขต่อไป ก็จักเป็นประโยชน์ต่อคณะสงฆ์ไทย และพระพุทธศาสนาของเราไปชั่วกาลนาน สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๒ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : เมื่อวานนี้ เมื่อ 01:21 |
สมาชิก 24 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
![]() |
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
คำสั่งเพิ่มเติม | |
|
|