#1
|
||||
|
||||
![]() เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๖๘
|
สมาชิก 28 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
![]()
วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๑๙ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ ท่ามกลางสารพัดข่าวลือ ข่าวหลอก ข่าวลวง กระผม/อาตมภาพก็เดินทางไปยังวัดท่าโป๊ะ ตำบลบ้านเก่า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อไปร่วมงานประชุมอบรมพระนวกะของคณะสงฆ์อำเภอเมืองกาญจนบุรี ซึ่งบรรดาพระเถรานุเถระ เจ้าคณะปกครองระดับสูง ต่างก็เดินทางไปร่วมงานโดยพร้อมเพรียงกัน แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า คณะสงฆ์จังหวัดกาญจนบุรีนั้น ไม่ได้หวั่นไหวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในพระพุทธศาสนา หากแต่ยังมุ่งทำหน้าที่ของตนเองอย่างเข้มแข็งต่อไป
สมัยนี้บรรดาข่าวหลอก ข่าวลวงมีอยู่มาก ใครจะออกมา "ตีปลาหน้าไซ" ก็ดี "โยนหินถามทาง" ก็ตาม หรือ "ปล่อยเหี้ยออกมาลวงพญาหงส์ทอง" ก็เรื่องของเขา ถ้าคณะสงฆ์ทั่วประเทศไทยไม่ได้หวั่นไหว ยังคงทำหน้าที่ของตนเองอย่างเข้มแข็ง ช่วยเป็นกำลังใจให้กันและกัน เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ก็จะค่อย ๆ จืดจางหายไป ตามหลักอนิจจตาปกติธรรมชาติอย่างนั้นไปเอง เพียงแต่ว่าบุคคลทั้งหลายทั้งปวงซึ่งเสพข่าวกันอยู่นั้น น่าเสียดายที่ว่าท่านทั้งหลายแม้จะได้ชื่อว่าเป็นพุทธศาสนิกชน แต่ก็ยัง "ถือมงคลตื่นข่าว" ปราศจากหลักการ ปราศจากหลักธรรม คำว่า "หลักการ" ถ้าท่านมีอยู่ก็จะเป็นผู้ที่มั่นคง คำว่า "หลักธรรม" ถ้าท่านมีอยู่ก็เป็นผู้ที่ไม่หวั่นไหว เนื่องเพราะว่าเป็นบุคคลที่มีสติ สามารถแยกแยะเรื่องราวต่าง ๆ ออกจากกันได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของหลักธรรมหรือว่าตัวบุคคล ถ้าท่านสามารถแยกแยะได้ ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ส่วนหนึ่งนั้น กระผม/อาตมภาพหนักใจแทนพระยายมราชเป็นอย่างยิ่ง เนื่องเพราะว่ามีผู้ออกมาก่อกายกรรม วจีกรรม มโนกรรมต่อคณะสงฆ์มากมายเหลือเกิน ท่านทั้งหลายเหล่านี้ไม่ได้ดูบริบทสังคมอะไรทั้งนั้น ถ้าหากว่าภาษาชาวบ้านก็คือ "ไม่รู้สี่รู้แปด" อะไรสักเรื่อง แม้แต่เข้ามาบวชก็ไม่เคยบวช ทำบุญก็ไม่เคยทำบุญ แต่มา "คอมเม้นท์" เอามันทุกเรื่อง..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 00:18 |
สมาชิก 21 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
![]()
เหตุที่กระผม/อาตมภาพกล้าพูดเต็มปากเต็มคำ ก็ดูแค่วัดท่าขนุนแห่งเดียว ญาติโยมที่เคยทำบุญ ก็ยังมั่นคงทำบุญกันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน แม้แต่เมื่อวานนี้ซึ่งเป็นวันพระเล็ก ซึ่งปกติแล้วจะมีคนเข้าวัดน้อย แต่ว่าก็ยังคงมีคนเข้าวัดตามจำนวนปกติ ก็แปลว่าบุคคลที่มีความมั่นคงต่อคุณงามความดีแล้ว ท่านมีหลัก มีเกณฑ์ มีธรรมะอยู่ในใจ ไม่ได้หวั่นไหวไปกับข่าวลือต่าง ๆ เพราะว่าสิ่งที่ท่านได้พบ ได้เห็น ได้สัมผัสนั้น อยู่ในประเภทตาดู หูฟัง และลงมือกระทำจนเกิดผลด้วยตนเอง
ส่วนบุคคลประเภท "ตีปลาหน้าไซ" ถึงเวลาเอาแต่ "คอมเม้นท์" เพื่อความสะใจในชีวิต ส่วนมากมักจะไม่ได้ทำบุญสุนทานอะไร แต่ดันไปเสียดายในศรัทธาของผู้อื่นเขา..! บุคคลประเภทนี้ ถึงเวลาแล้วก็ต้องให้หมอ พยาบาล หรือว่าเด็กกำพร้า ไปสวดศพให้ตามที่เขาได้ "คอมเม้นท์" เอาไว้ถึงจะดี กระผม/อาตมภาพอยากรู้อยู่เหมือนกันว่า ถ้าพระพุทธศาสนาอยู่ไม่ได้ ขนบธรรมเนียมประเพณีจำนวนมาก จะให้ผู้ใดเป็นผู้ดำเนินการ ? เรื่องพวกนี้ก็ได้แต่รออยู่อย่างเดียวว่า เมื่อไรที่ท่านทั้งหลายตายลงไป หรือว่าวันใดที่ท่านทั้งหลายได้สติขึ้นมาอยู่เบื้องหน้าพระยายมราช แล้วท่านไต่ถามถึงคุณงามความดี ที่ได้ทำด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจแล้ว ก็ได้แต่หวังว่าแรงกรรมจะไม่หนักนัก ไม่เช่นนั้นแล้วก็จะโดนแรงกรรมกด จนกระทั่งก้มหน้าแน่นิ่ง ไม่สามารถที่จะคิดถึงคุณงามความดีแม้แต่ประการเดียว..! แต่ถ้าหากว่าท่านไปอยู่ต่อหน้าพระยายมราช ก็ยังถือว่ามีคุณงามความดีเพียงพอ ไม่เช่นนั้นแล้วแม้แต่หน้าพระยายมราช ท่านก็ไม่ได้เห็น หากแต่จะตกตูมหล่นลงกลางขุมตรง ๆ ไปเลย..! สิ่งที่กระผม/อาตมภาพพูดนี้ ขอยืนยันด้วยตนเองว่า "มีจริง" เพราะว่าเห็นมาตั้งแต่ก่อนอายุจะครบ ๒๐ และหลีกเลี่ยงการบวชมาโดยตลอด เนื่องเพราะว่านักบวชของเราส่วนมากนั้น มักจะเผลอไผลให้ รัก โลภ โกรธ หลง เกาะกินใจ ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ตนเองเป็นปูชนียบุคคลอยู่ อาศัยอุดมเพศของนักบวช ให้ญาติโยมทั้งหลายอุปถัมภ์อุปัฏฐากด้วยปัจจัยทั้ง ๔ เท่ากับหลอกลวงผู้อื่นเขาในการดำรงชีวิต..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 00:21 |
สมาชิก 23 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
![]()
พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงกล่าวว่า บุคคลประเภทนี้ให้กินก้อนเหล็กแดง ๆ เสียยังดีกว่า เนื่องเพราะว่ากินก้อนเหล็กแดง ๆ ลงไป ถึงเวลาก็ตายด้วยความทุกข์ทรมาน ตายแล้วก็จบกัน แต่บรรดาท่านที่บริโภคก้อนข้าวของชาวบ้าน ที่เกิดจากศรัทธาแล้ว ไปกระทำอาการหลอกลวงแบบนี้ ถึงเวลาตกตายลงไป ท่านจะต้องทนทุกข์หมกไหม้อยู่ในนรกไม่รู้จบ ใครที่บอกว่า "นรกเป็นแค่ชื่อน้ำพริก" กระผม/อาตมภาพจะรอดูว่าถึงเวลาแล้ว น้ำพริกนั้นจะเผ็ดร้อนขนาดไหน ?!!
สิ่งพวกนี้สามารถพิสูจน์ได้ทั้งหมด แต่ท่านทั้งหลายก็ไม่ได้คิดจะพิสูจน์ ไม่ได้คิดที่จะทำ หากแต่ใช้ความรู้เพียงเล็กน้อยไม่ถึงหางอึ่งของท่านทั้งหลาย ไปประมาณความรู้ขององค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า หลายท่านก็ยิ่งหนักกว่านั้นอีก เป็นนักบวชอยู่แท้ ๆ แต่ก็ไปกล่าวว่า "หลักธรรมนี้ไม่ใช่ของพระพุทธเจ้า ต้องหลักธรรมนี้ถึงเป็นของพระพุทธเจ้า เราต้องเชื่อเฉพาะที่พระพุทธเจ้าสอนเท่านั้น" ทำอย่างกับว่าท่านได้ยินได้ฟังมากับหูตัวเอง ถ้าหากว่าเป็นเช่นนี้ต่อไป ท่านทั้งหลายก็คงไม่แคล้วจะได้ลงไป "สุดโลก" ซึ่งเรื่องพวกนี้จะว่าไปแล้ว ถึงเวลาที่ท่านรู้ตัว ก็ไม่สามารถที่จะแก้ไขอะไรต่อไปได้อีกแล้ว..!! ส่วนพวกกระผม/อาตมภาพ ในวันนี้ นอกจากทางคณะสงฆ์จังหวัดกาญจนบุรี นำโดยพระเทพปริยัติโสภณ, ดร. (ปัญญา วิสุทฺธิปญฺโญ ป.ธ. ๙) เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี พระราชวิสุทธาภรณ์ (ทองดำ อิฏฺฐาสโภ ป.ธ. ๖) รองเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี วัดพระแท่นดงรัง วรวิหาร พระโสภณกาญจนาภรณ์ (ทอมสันต์ จนฺทสุวณฺโณ ป.ธ. ๔) รองเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี วัดไชยชุมพลชนะสงคราม (พระอารามหลวง) พระมหาวิสูตร วิสุทฺธิปญฺโญ ป.ธ. ๙ รองเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี วัดเทวสังฆาราม (พระอารามหลวง) พระครูกาญจนสิรินธร (นรินทร์ นรินฺโท ป.ธ. ๕) ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี วัดรางสมอ ตัวกระผม/อาตมภาพเอง ตลอดจนกระทั่งเจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะตำบลต่าง ๆ แล้ว ก็ยังมีฝ่ายทางบ้านเมือง คือนายสมบูรณ์ แผนสมบูรณ์ นายอำเภอเมืองกาญจนบุรี นายภาณุพงศ์ คงเชื้อจีน ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดกาญจนบุรี เป็นต้น ตลอดจนกระทั่งญาติโยมทั้งหลาย ซึ่งเป็นเจ้าภาพภัตตาหารเช้า - เพล ก็ยังคงทำหน้าที่ของตนอย่างเข้มแข็ง มั่นคง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 00:24 |
สมาชิก 23 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
![]()
ขอใช้คำพูดของอดีตเจ้าคุณแย้ม - พระธรรมวชิรานุวัตร, ดร. (แย้ม กิตฺตินฺธโร) ที่ว่า "ให้รู้จักหน้าที่ ทำตามหน้าที่ อย่าละทิ้งหน้าที่ และอย่าทำเกินหน้าที่ แล้วเกียรติและศักดิ์ศรีจะมีแก่ตนเอง" ซี่งสิ่งทั้งหลายเหล่านี้จะเป็นคำพูดของใครก็ตาม ถ้าหากว่าตรองแล้วว่าเป็นประโยชน์ต่อตนเอง เราก็นำเอามาใช้
แบบเดียวกับพระยาอนุมานราชธน ซึ่งท่านจัดทำหนังสือพจนานุกรมในยุคนั้น แล้วไม่สามารถที่จะให้คำจำกัดความว่า "ตูด" กับ "ก้น" นั้นต่างกันอย่างไร ท่านคิดอยู่หลายวัน วันนั้นขณะเดินทางกลับที่พัก ได้ยินเด็ก ๆ เล่นหยอดหลุมแข่งขันกัน บอกว่า "ใครแพ้โดนเตะตูดนะโว้ย..!" อีกคนหนึ่งบอกว่า "มึงเตะตูดไม่ได้ มึงได้แต่เตะก้น" เพื่อนก็ถามว่า "ตูดกับก้นต่างกันตรงไหน ?" เด็กคนต้นคิดบอกว่า "ตูดเอาไว้ขี้ ก้นเอาไว้นั่ง" ท่านพระยาอนุมานราชธนถึงขนาดหยุดยืนถอดหมวก โค้งให้กับเด็กกลุ่มนั้น ในฐานะที่เป็นครูสอนให้ท่านเข้าใจศัพท์ทั้งหลายเหล่านี้ และสามารถบัญญัติคำจำกัดความลงพจนานุกรมได้ เราจะเห็นได้ว่าบุคคลที่เป็นนักปราชญ์ที่แท้จริงนั้น สิ่งใดที่เป็นประโยชน์ท่านก็เก็บเอามาใช้ สิ่งใดที่ไม่เป็นประโยชน์ท่านก็ละทิ้งละวางไป เหมือนกับคัดเอาอัญมณีออกจากกรวดทรายประมาณนั้น แต่น่าเสียดายที่ว่าอัญมณีจำนวนมากมายมหาศาลในพระพุทธศาสนาของเรา เมื่อเจอกรวดทรายเม็ดโต ๆ บดบังเข้า ท่านทั้งหลายก็ไม่คิดที่จะคุ้ยจะเขี่ย เพื่อหาโคตรเพชรที่ซุกซ่อนอยู่ แต่กลับไปตีเหมารวมว่า สถานที่นี้มีแต่กรวดแต่ทรายทั้งสิ้น ถือว่าเป็นเรื่องของบุคคลที่โง่เขลาเบาปัญญา เราอย่าไปโกรธ ไปเกลียด ไปชัง ท่านทั้งหลายเหล่านั้นเลย เนื่องเพราะว่าจากความประพฤติ จากคำพูด จากความคิดของท่านทั้งหลายเหล่านั้น มองเห็นอย่างชัดเจนว่ากำลังแสวงหาทุคติเป็นที่ไป เราจึงควรที่จะเวทนาสงสารท่านมากกว่า เมื่อปฏิบัติหน้าที่ของตนจนครบถ้วนแล้ว กระผม/อาตมภาพก็กราบขออนุญาตพระเถระทั้งหลาย เดินทางกลับวัดท่าขนุน เนื่องเพราะว่าเย็นนี้ยังมีการเรียนวิชาพระไตรปิฎกศึกษาออนไลน์อยู่ เราผู้ที่เป็นศิษย์ขององค์สมเด็จพระบรมครู ตลอดจนกระทั่งหลวงปู่หลวงพ่อทั้งหลาย จะหยุดการศึกษาอยู่เฉพาะที่ใดที่หนึ่งไม่ได้ โดยเฉพาะการศึกษาทางโลก ซึ่งเราจะต้องวิ่งไล่ตามไม่รู้จบ ใครที่ศึกษาทางธรรมจนลึกซึ้งแล้วก็เหนื่อยน้อยหน่อย ถ้าใครยังศึกษาทางธรรมแล้วไม่มีหลัก วิ่งตามทั้งทางโลกทางธรรมก็จะเหนื่อยมากหน่อย..! กระผม/อาตมภาพก็ได้แต่เอาใจช่วยให้ท่านทั้งหลายว่า จะสามารถเข้าถึงธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสักส่วนหนึ่งในชาตินี้ เพื่อที่จะเป็นเครื่องนำพาให้ท่านทั้งหลายเข้าสู่สุคติภพ และมีโอกาสประพฤติปฏิบัติต่อจนกระทั่งหลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๘ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 00:27 |
สมาชิก 25 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
![]() |
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 7 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 7 คน ) | |
คำสั่งเพิ่มเติม | |
|
|