กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๘ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกรกฎาคม ๒๕๖๘

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า เมื่อวานนี้, 16:54
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 541
ได้ให้อนุโมทนา: 3,308
ได้รับอนุโมทนา 26,470 ครั้ง ใน 1,029 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๖๘

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๖๘


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 25 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า เมื่อวานนี้, 21:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,807
ได้ให้อนุโมทนา: 158,854
ได้รับอนุโมทนา 4,494,428 ครั้ง ใน 36,417 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๑๙ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ ท่ามกลางสารพัดข่าวลือ ข่าวหลอก ข่าวลวง กระผม/อาตมภาพก็เดินทางไปยังวัดท่าโป๊ะ ตำบลบ้านเก่า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อไปร่วมงานประชุมอบรมพระนวกะของคณะสงฆ์อำเภอเมืองกาญจนบุรี ซึ่งบรรดาพระเถรานุเถระ เจ้าคณะปกครองระดับสูง ต่างก็เดินทางไปร่วมงานโดยพร้อมเพรียงกัน แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า คณะสงฆ์จังหวัดกาญจนบุรีนั้น ไม่ได้หวั่นไหวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในพระพุทธศาสนา หากแต่ยังมุ่งทำหน้าที่ของตนเองอย่างเข้มแข็งต่อไป

สมัยนี้บรรดาข่าวหลอก ข่าวลวงมีอยู่มาก ใครจะออกมา "ตีปลาหน้าไซ" ก็ดี "โยนหินถามทาง" ก็ตาม หรือ "ปล่อยเหี้ยออกมาลวงพญาหงส์ทอง" ก็เรื่องของเขา ถ้าคณะสงฆ์ทั่วประเทศไทยไม่ได้หวั่นไหว ยังคงทำหน้าที่ของตนเองอย่างเข้มแข็ง ช่วยเป็นกำลังใจให้กันและกัน เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ก็จะค่อย ๆ จืดจางหายไป ตามหลักอนิจจตาปกติธรรมชาติอย่างนั้นไปเอง

เพียงแต่ว่าบุคคลทั้งหลายทั้งปวงซึ่งเสพข่าวกันอยู่นั้น น่าเสียดายที่ว่าท่านทั้งหลายแม้จะได้ชื่อว่าเป็นพุทธศาสนิกชน แต่ก็ยัง "ถือมงคลตื่นข่าว" ปราศจากหลักการ ปราศจากหลักธรรม คำว่า "หลักการ" ถ้าท่านมีอยู่ก็จะเป็นผู้ที่มั่นคง คำว่า "หลักธรรม" ถ้าท่านมีอยู่ก็เป็นผู้ที่ไม่หวั่นไหว เนื่องเพราะว่าเป็นบุคคลที่มีสติ สามารถแยกแยะเรื่องราวต่าง ๆ ออกจากกันได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของหลักธรรมหรือว่าตัวบุคคล ถ้าท่านสามารถแยกแยะได้ ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร

แต่ส่วนหนึ่งนั้น กระผม/อาตมภาพหนักใจแทนพระยายมราชเป็นอย่างยิ่ง เนื่องเพราะว่ามีผู้ออกมาก่อกายกรรม วจีกรรม มโนกรรมต่อคณะสงฆ์มากมายเหลือเกิน ท่านทั้งหลายเหล่านี้ไม่ได้ดูบริบทสังคมอะไรทั้งนั้น ถ้าหากว่าภาษาชาวบ้านก็คือ "ไม่รู้สี่รู้แปด" อะไรสักเรื่อง แม้แต่เข้ามาบวชก็ไม่เคยบวช ทำบุญก็ไม่เคยทำบุญ แต่มา "คอมเม้นท์" เอามันทุกเรื่อง..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 00:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 19 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า เมื่อวานนี้, 21:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,807
ได้ให้อนุโมทนา: 158,854
ได้รับอนุโมทนา 4,494,428 ครั้ง ใน 36,417 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เหตุที่กระผม/อาตมภาพกล้าพูดเต็มปากเต็มคำ ก็ดูแค่วัดท่าขนุนแห่งเดียว ญาติโยมที่เคยทำบุญ ก็ยังมั่นคงทำบุญกันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน แม้แต่เมื่อวานนี้ซึ่งเป็นวันพระเล็ก ซึ่งปกติแล้วจะมีคนเข้าวัดน้อย แต่ว่าก็ยังคงมีคนเข้าวัดตามจำนวนปกติ ก็แปลว่าบุคคลที่มีความมั่นคงต่อคุณงามความดีแล้ว ท่านมีหลัก มีเกณฑ์ มีธรรมะอยู่ในใจ ไม่ได้หวั่นไหวไปกับข่าวลือต่าง ๆ เพราะว่าสิ่งที่ท่านได้พบ ได้เห็น ได้สัมผัสนั้น อยู่ในประเภทตาดู หูฟัง และลงมือกระทำจนเกิดผลด้วยตนเอง

ส่วนบุคคลประเภท "ตีปลาหน้าไซ" ถึงเวลาเอาแต่ "คอมเม้นท์" เพื่อความสะใจในชีวิต ส่วนมากมักจะไม่ได้ทำบุญสุนทานอะไร แต่ดันไปเสียดายในศรัทธาของผู้อื่นเขา..! บุคคลประเภทนี้ ถึงเวลาแล้วก็ต้องให้หมอ พยาบาล หรือว่าเด็กกำพร้า ไปสวดศพให้ตามที่เขาได้ "คอมเม้นท์" เอาไว้ถึงจะดี กระผม/อาตมภาพอยากรู้อยู่เหมือนกันว่า ถ้าพระพุทธศาสนาอยู่ไม่ได้ ขนบธรรมเนียมประเพณีจำนวนมาก จะให้ผู้ใดเป็นผู้ดำเนินการ ?

เรื่องพวกนี้ก็ได้แต่รออยู่อย่างเดียวว่า เมื่อไรที่ท่านทั้งหลายตายลงไป หรือว่าวันใดที่ท่านทั้งหลายได้สติขึ้นมาอยู่เบื้องหน้าพระยายมราช แล้วท่านไต่ถามถึงคุณงามความดี ที่ได้ทำด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจแล้ว ก็ได้แต่หวังว่าแรงกรรมจะไม่หนักนัก ไม่เช่นนั้นแล้วก็จะโดนแรงกรรมกด จนกระทั่งก้มหน้าแน่นิ่ง ไม่สามารถที่จะคิดถึงคุณงามความดีแม้แต่ประการเดียว..!

แต่ถ้าหากว่าท่านไปอยู่ต่อหน้าพระยายมราช ก็ยังถือว่ามีคุณงามความดีเพียงพอ ไม่เช่นนั้นแล้วแม้แต่หน้าพระยายมราช ท่านก็ไม่ได้เห็น หากแต่จะตกตูมหล่นลงกลางขุมตรง ๆ ไปเลย..!

สิ่งที่กระผม/อาตมภาพพูดนี้ ขอยืนยันด้วยตนเองว่า "มีจริง" เพราะว่าเห็นมาตั้งแต่ก่อนอายุจะครบ ๒๐ และหลีกเลี่ยงการบวชมาโดยตลอด เนื่องเพราะว่านักบวชของเราส่วนมากนั้น มักจะเผลอไผลให้ รัก โลภ โกรธ หลง เกาะกินใจ ในเมื่อเป็นเช่นนั้น
ตนเองเป็นปูชนียบุคคลอยู่ อาศัยอุดมเพศของนักบวช ให้ญาติโยมทั้งหลายอุปถัมภ์อุปัฏฐากด้วยปัจจัยทั้ง ๔ เท่ากับหลอกลวงผู้อื่นเขาในการดำรงชีวิต..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 00:21
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 21 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า เมื่อวานนี้, 21:29
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,807
ได้ให้อนุโมทนา: 158,854
ได้รับอนุโมทนา 4,494,428 ครั้ง ใน 36,417 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงกล่าวว่า บุคคลประเภทนี้ให้กินก้อนเหล็กแดง ๆ เสียยังดีกว่า เนื่องเพราะว่ากินก้อนเหล็กแดง ๆ ลงไป ถึงเวลาก็ตายด้วยความทุกข์ทรมาน ตายแล้วก็จบกัน แต่บรรดาท่านที่บริโภคก้อนข้าวของชาวบ้าน ที่เกิดจากศรัทธาแล้ว ไปกระทำอาการหลอกลวงแบบนี้ ถึงเวลาตกตายลงไป ท่านจะต้องทนทุกข์หมกไหม้อยู่ในนรกไม่รู้จบ ใครที่บอกว่า "นรกเป็นแค่ชื่อน้ำพริก" กระผม/อาตมภาพจะรอดูว่าถึงเวลาแล้ว น้ำพริกนั้นจะเผ็ดร้อนขนาดไหน ?!!

สิ่งพวกนี้สามารถพิสูจน์ได้ทั้งหมด แต่ท่านทั้งหลายก็ไม่ได้คิดจะพิสูจน์ ไม่ได้คิดที่จะทำ หากแต่ใช้ความรู้เพียงเล็กน้อยไม่ถึงหางอึ่งของท่านทั้งหลาย ไปประมาณความรู้ขององค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า

หลายท่านก็ยิ่งหนักกว่านั้นอีก เป็นนักบวชอยู่แท้ ๆ แต่ก็ไปกล่าวว่า "หลักธรรมนี้ไม่ใช่ของพระพุทธเจ้า ต้องหลักธรรมนี้ถึงเป็นของพระพุทธเจ้า เราต้องเชื่อเฉพาะที่พระพุทธเจ้าสอนเท่านั้น" ทำอย่างกับว่าท่านได้ยินได้ฟังมากับหูตัวเอง ถ้าหากว่าเป็นเช่นนี้ต่อไป ท่านทั้งหลายก็คงไม่แคล้วจะได้ลงไป "สุดโลก" ซึ่งเรื่องพวกนี้จะว่าไปแล้ว ถึงเวลาที่ท่านรู้ตัว ก็ไม่สามารถที่จะแก้ไขอะไรต่อไปได้อีกแล้ว..!!

ส่วนพวกกระผม/อาตมภาพ ในวันนี้ นอกจากทางคณะสงฆ์จังหวัดกาญจนบุรี นำโดยพระเทพปริยัติโสภณ, ดร. (ปัญญา วิสุทฺธิปญฺโญ ป.ธ. ๙) เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี

พระราชวิสุทธาภรณ์ (ทองดำ อิฏฺฐาสโภ ป.ธ. ๖) รองเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี วัดพระแท่นดงรัง วรวิหาร

พระโสภณกาญจนาภรณ์ (ทอมสันต์ จนฺทสุวณฺโณ ป.ธ. ๔) รองเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี วัดไชยชุมพลชนะสงคราม (พระอารามหลวง)

พระมหาวิสูตร วิสุทฺธิปญฺโญ ป.ธ. ๙ รองเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี วัดเทวสังฆาราม (พระอารามหลวง)

พระครูกาญจนสิรินธร (นรินทร์ นรินฺโท ป.ธ. ๕) ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี วัดรางสมอ

ตัวกระผม/อาตมภาพเอง ตลอดจนกระทั่งเจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะตำบลต่าง ๆ แล้ว ก็ยังมีฝ่ายทางบ้านเมือง คือนายสมบูรณ์ แผนสมบูรณ์ นายอำเภอเมืองกาญจนบุรี นายภาณุพงศ์ คงเชื้อจีน ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดกาญจนบุรี เป็นต้น ตลอดจนกระทั่งญาติโยมทั้งหลาย ซึ่งเป็นเจ้าภาพภัตตาหารเช้า - เพล ก็ยังคงทำหน้าที่ของตนอย่างเข้มแข็ง มั่นคง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 00:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 21 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า เมื่อวานนี้, 21:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,807
ได้ให้อนุโมทนา: 158,854
ได้รับอนุโมทนา 4,494,428 ครั้ง ใน 36,417 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ขอใช้คำพูดของอดีตเจ้าคุณแย้ม - พระธรรมวชิรานุวัตร, ดร. (แย้ม กิตฺตินฺธโร) ที่ว่า "ให้รู้จักหน้าที่ ทำตามหน้าที่ อย่าละทิ้งหน้าที่ และอย่าทำเกินหน้าที่ แล้วเกียรติและศักดิ์ศรีจะมีแก่ตนเอง" ซี่งสิ่งทั้งหลายเหล่านี้จะเป็นคำพูดของใครก็ตาม ถ้าหากว่าตรองแล้วว่าเป็นประโยชน์ต่อตนเอง เราก็นำเอามาใช้

แบบเดียวกับพระยาอนุมานราชธน ซึ่งท่านจัดทำหนังสือพจนานุกรมในยุคนั้น แล้วไม่สามารถที่จะให้คำจำกัดความว่า "ตูด" กับ "ก้น" นั้นต่างกันอย่างไร ท่านคิดอยู่หลายวัน

วันนั้นขณะเดินทางกลับที่พัก ได้ยินเด็ก ๆ เล่นหยอดหลุมแข่งขันกัน บอกว่า "ใครแพ้โดนเตะตูดนะโว้ย..!" อีกคนหนึ่งบอกว่า "มึงเตะตูดไม่ได้ มึงได้แต่เตะก้น" เพื่อนก็ถามว่า "ตูดกับก้นต่างกันตรงไหน ?" เด็กคนต้นคิดบอกว่า "ตูดเอาไว้ขี้ ก้นเอาไว้นั่ง" ท่านพระยาอนุมานราชธนถึงขนาดหยุดยืนถอดหมวก โค้งให้กับเด็กกลุ่มนั้น ในฐานะที่เป็นครูสอนให้ท่านเข้าใจศัพท์ทั้งหลายเหล่านี้ และสามารถบัญญัติคำจำกัดความลงพจนานุกรมได้

เราจะเห็นได้ว่าบุคคลที่เป็นนักปราชญ์ที่แท้จริงนั้น สิ่งใดที่เป็นประโยชน์ท่านก็เก็บเอามาใช้ สิ่งใดที่ไม่เป็นประโยชน์ท่านก็ละทิ้งละวางไป เหมือนกับคัดเอาอัญมณีออกจากกรวดทรายประมาณนั้น

แต่น่าเสียดายที่ว่าอัญมณีจำนวนมากมายมหาศาลในพระพุทธศาสนาของเรา เมื่อเจอกรวดทรายเม็ดโต ๆ บดบังเข้า ท่านทั้งหลายก็ไม่คิดที่จะคุ้ยจะเขี่ย เพื่อหาโคตรเพชรที่ซุกซ่อนอยู่ แต่กลับไปตีเหมารวมว่า สถานที่นี้มีแต่กรวดแต่ทรายทั้งสิ้น ถือว่าเป็นเรื่องของบุคคลที่โง่เขลาเบาปัญญา เราอย่าไปโกรธ ไปเกลียด ไปชัง ท่านทั้งหลายเหล่านั้นเลย เนื่องเพราะว่าจากความประพฤติ จากคำพูด จากความคิดของท่านทั้งหลายเหล่านั้น มองเห็นอย่างชัดเจนว่ากำลังแสวงหาทุคติเป็นที่ไป เราจึงควรที่จะเวทนาสงสารท่านมากกว่า

เมื่อปฏิบัติหน้าที่ของตนจนครบถ้วนแล้ว กระผม/อาตมภาพก็กราบขออนุญาตพระเถระทั้งหลาย เดินทางกลับวัดท่าขนุน เนื่องเพราะว่าเย็นนี้ยังมีการเรียนวิชาพระไตรปิฎกศึกษาออนไลน์อยู่ เราผู้ที่เป็นศิษย์ขององค์สมเด็จพระบรมครู ตลอดจนกระทั่งหลวงปู่หลวงพ่อทั้งหลาย จะหยุดการศึกษาอยู่เฉพาะที่ใดที่หนึ่งไม่ได้ โดยเฉพาะการศึกษาทางโลก ซึ่งเราจะต้องวิ่งไล่ตามไม่รู้จบ ใครที่ศึกษาทางธรรมจนลึกซึ้งแล้วก็เหนื่อยน้อยหน่อย ถ้าใครยังศึกษาทางธรรมแล้วไม่มีหลัก วิ่งตามทั้งทางโลกทางธรรมก็จะเหนื่อยมากหน่อย..!

กระผม/อาตมภาพ
ก็ได้แต่เอาใจช่วยให้ท่านทั้งหลายว่า จะสามารถเข้าถึงธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสักส่วนหนึ่งในชาตินี้ เพื่อที่จะเป็นเครื่องนำพาให้ท่านทั้งหลายเข้าสู่สุคติภพ และมีโอกาสประพฤติปฏิบัติต่อจนกระทั่งหลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๑๘ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 00:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 22 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 6 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 6 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 16:55



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว