เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๖๘

[ตัวเล็ก]

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๖๘

[เถรี]

วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๑๒ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ กระผม/อาตมภาพนำญาติโยมผู้บวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติรุ่นที่ ๔/๒๕๖๘ ปฏิบัติธรรมตั้งแต่ตี ๓ ครึ่ง ต่อด้วยทำวัตรเช้า แล้วออกบิณฑบาตตามปกติ

งานบิณฑบาตวันเสาร์นี้จะมีพิเศษอยู่ตรงโครงการ "วันเสาร์ใส่บาตรตลาดริมแคว ยลวิถีเมืองท่าขนุน" ซึ่งปกติแล้ววันเสาร์ในฤดูฝน ผู้คนจะน้อย แต่วันเสาร์นี้กลับมาใส่บาตรกันอย่างล้นหลามเป็นพิเศษ

เพียงแต่มีบุคคลซึ่งทำตัวน่าเกลียด ไม่ค่อยรู้ว่าอะไรควร อะไรไม่ควร คนอื่นเข้าแถวอยู่หลังแคร่ ใส่บาตรกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย แต่บุคคลพวกนี้กลับยืนขวางหน้าพระทั้งแถวเพื่อที่ตนเองใส่บาตร..! โดยไม่ได้สนใจด้วยว่า เมื่อใส่บาตรแล้วพระจะเดินต่อได้หรือไม่ ?!

อีกประเภทหนึ่งก็เป็นจำพวกขยันถ่ายรูป ขยันถ่ายคลิป แต่ถ่ายแบบเห็นแก่ตัวสุด ๆ ก็คือ กูหันกล้องเข้าหาได้ก็ถอยหลังถ่ายไปเรื่อย โดยไม่ได้สนใจว่าคนอื่นจะได้ถ่ายบ้างหรือไม่ ? ประมาณว่าถ้าใครถ่ายรูปพระบิณฑบาต ก็ได้แต่ตูดของบรรดาเจ้าประคุณไปก่อน..! ทำให้กระผม/อาตมภาพต้องดุไปแรง ๆ ยังมีหน้าไปหัวเราะคิกคักหน้าเป็นกันอีก ประมาณว่า มาแล้วโดนพระด่าถือว่าเป็นมงคล อะไรประมาณนั้น..!

ครั้นกลับวัดมาและฉันเช้าเรียบร้อยแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ไปสนทนาธรรมกับผู้บวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ ครั้นได้เวลาก็นำสมาทานพระกรรมฐาน แล้วก็มอบหมายให้พระวิปัสสนาจารย์วัดท่าขนุนนำในการปฏิบัติธรรม

ส่วนตนเองก็มาต้อนรับพรรคพวกเพื่อนฝูง ซึ่งเดินทางมาถวายมุทิตาสักการะ ในโอกาสที่กระผม/อาตมภาพได้รับพระราชทานเลื่อนเป็นพระครูสัญญาบัตรเทียบเจ้าคณะอำเภอชั้นพิเศษ ฝ่ายวิปัสสนาธุระ ไม่ว่าจะบุคคลที่สุขภาพไม่ค่อยจะดีอย่างหลวงพ่อสมคิด (พระครูบวรกาญจนธรรม) วัดตะเคียนงามก็ดี หรือว่าบรรดาผู้ที่แข็งแรงประมาณฟัดกับเสือได้ อย่างพระครูเทพ (พระครูปฐมสาธุวัฒน์) วัดสี่แยกเจริญพร พระครูนะ (พระครูกาญจนธรรมชัย) วัดหนองไม้แก่น หรือว่าท่านพระครูธวัช (พระครูสุทธจิตคุณ) วัดสวนมะม่วง เหล่านี้เป็นต้น

สนทนาธรรมกันไปได้ไม่นาน แต่ละคนก็ต้องขยับออก เพราะว่าพรรคพวกเพื่อนฝูงอื่น ๆ ก็ทยอยกันมามุทิตาสักการะกันเป็นลำดับ ๆ ไป

[เถรี]

ท่านทั้งหลายอาจจะสงสัยว่า วันงานสำคัญขนาดฉลองสัญญาบัตรพัดยศของตนเอง ทำไมจึงยังทำกิจกรรมต่าง ๆ เป็นปกติ ? ขอบอกให้ฟังชัด ๆ เลยว่า กิจกรรมที่ทำนั้น ถือว่าเป็น "อริยประเพณี" ของพระภิกษุสามเณร หรือพุทธศาสนิกชน ก็คือการเจริญกรรมฐาน ทำวัตร บิณฑบาต หรือว่าปฏิบัติธรรม เป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ ในเมื่อขาดไม่ได้และทำไปก็ไม่ได้เกะกะงานส่วนอื่น จึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรจะละทิ้งโอกาสอันดี ถ้าหากว่าท่านเสียชีวิตลงไปก่อน อาจจะไม่ได้ทำความดีเหล่านี้เลยก็เป็นได้..!

บรรดาผู้ใหญ่ที่ทยอยกันมาถวายมุทิตาสักการะ ก็มีทั้งหลวงพ่อเจ้าคุณเสน่ห์ (พระวิสุทธิวรกิจ, ดร.) เจ้าอาวาสวัดคงคาราม ผู้อำนวยการวิทยาลัยสงฆ์เพชรบุรี ซึ่งท่านได้รับพระราชทานเลื่อนเป็นเจ้าคุณชั้นราชที่พระราชวัชรญาณวิสุทธิ์แล้ว เพียงแต่ยังไม่ได้ประกอบพิธีรับเท่านั้น นำคณะมามุทิตาสักการะอย่างเป็นทางการ

ทางด้านท่านเจ้าคุณกล้า - พระวชิรวาที, ผศ.ดร. (กล้า วีรรตโน) เจ้าอาวาสวัดมหาธาตุ วรวิหาร รองเจ้าคณะอำเภอเมืองเพชรบุรี ก็นำคณะซึ่งประกอบไปด้วยหลวงพ่อญา (พระครูวัชรชลธรรม) วัดชลธราราม (ท่าซิก) เจ้าคณะอำเภอท่ายาง ตลอดจนกระทั่ง ผอ. มด (นางสาวปิยวัน เครือนาค) ผู้อำนวยการโรงเรียนการกุศลสุวรรณรังสฤษฏ์วิทยาลัย และคณะพระภิกษุญาติโยมทั้งหลาย ซึ่งนอกจากมามุทิตาสักการะแล้ว ยังมาออกโรงทานให้อีกด้วย

หรือว่าท่านเจ้าคุณดำเนิน - พระปริยัติวโรปการ (ดำเนิน จิตฺตโสภโณ ป.ธ. ๖) วัดนาคกลาง วรวิหารก็ดี พระวชิรปัญญากร (เชาวลิตร ชิตงฺกุโร) เจ้าอาวาสวัดป่าประดู่ (พระอารามหลวง) เจ้าคณะอำเภอเมืองระยองก็ตาม ตลอดถึงหลวงพ่อท่านเจ้าคุณทองดำ - พระราชวิสุทธาภรณ์ (ทองดำ อิฏฺฐาสโภ ป.ธ. ๖) รองเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี วัดพระแท่นดงรังวรวิหาร พระมหาวิสูตร วิสุทฺธิปญฺโญ ป.ธ. ๙ รองเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี เหล่านี้เป็นต้น

เมื่อทุกคนถวายมุทิตาสักการะจนได้เวลา กระผม/อาตมภาพก็นิมนต์ฉันเพล หลังเพลแล้วก็ค่อยออกมา "ชักธงรบ" กันต่อ ซึ่งท่านนายอำเภอชาคริต ตันพิรุฬห์ นายอำเภอทองผาภูมิ ได้มาขอสัญญาบัตร พัดยศ พระครูวิลาศกาญจนธรรม เทียบเจ้าคณะอำเภอชั้นพิเศษ ฝ่ายวิปัสสนาธุระ นำบรรดาส่วนราชการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้งหมดในอำเภอทองผาภูมิ ไปแห่กันเป็นที่ครึกครื้นทั่วทั้งเขตเทศบาล..!

เมื่อแห่กลับมาถึง ปรากฏว่าฝนเริ่มตกพอดี ส่วนนางรำที่เข้าขบวนแห่ทั้ง ๒๐ นาง มารำถวาย "หลวงตา" ของพวกเขาด้วย รับรางวัลกันกระเป๋าตุงไปตาม ๆ กัน

[เถรี]

ยิ่งใกล้เวลาบ่าย ๒ โมง ซึ่งเป็นเวลาในการกำหนดไว้ว่าจะเริ่มงานฉลอง บรรดาพรรคพวกเพื่อนฝูงก็แห่แหนกันมา กระผม/อาตมภาพทั้งรับมุทิตาและถวายไทยธรรม โชคดีที่ว่าทุกอย่างเตรียมเอาไว้พร้อมมาก จึงไม่สับสนวุ่นวาย ไม่เช่นนั้นก็คงจะยุ่งน่าดู..!

ครั้นถึงเวลาบ่าย ๒ โมง ท่านนายอำเภอชาคริต ตันพิรุฬห์ ก็นำหัวหน้าหน่วยราชการทั้ง ๕๕ หน่วย และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทำการแห่สัญญาบัตร พัดยศ รอบอุโบสถวัดท่าขนุน ๓ รอบ ครั้นเสร็จเรียบร้อยแล้ว ค่อยกลับเข้ามาในศาลาเริ่มพิธีฉลอง

กระผม/อาตมภาพจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย บรรดาเจ้าคณะตำบลทั้ง ๑๐ ตำบลของอำเภอทองผาภูมิ ซึ่งเป็นผู้เจริญชัยมงคลคาถาขึ้นสู่อาสน์สงฆ์ ทำการให้ศีล ต่อด้วยท่านนายอำเภอชาคริต อ่านตราตั้งพระครูสัญญาบัตรเทียบเจ้าคณะอำเภอชั้นพิเศษ ฝ่ายวิปัสสนาธุระ ของกระผม/อาตมภาพ พระสงฆ์ทั้งนั้นชยันโตฯ แล้วก็ทำการถวายปัจจัยไทยธรรมและของที่ระลึก

ครั้งนี้แทบจะเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เจ้าคณะตำบลทั้ง ๑๐ ตำบลของอำเภอทองผาภูมิ ออกงานโดยพร้อมเพรียงกัน แม้แต่ท่านที่ป่วยหนักอยู่ อย่างหลวงพ่อสมชาย (พระครูโกศลกาญจนวัฒน์) เจ้าคณะตำบลลิ่นถิ่น เขต ๑ ก็ยังอุตส่าห์หอบสังขารโทรม ๆ มาถึง และพยายามขึ้นอาสน์สงฆ์ไปชยันโตฯ ให้จนได้ ต้องกราบขอบพระคุณหลวงพ่อเป็นอย่างยิ่ง ที่มีจิตเมตตาในครั้งนี้

ครั้นกรวดน้ำแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ทำให้ทิดเฟิร์ส (นายบัณฑิต เอี่ยมตระกูล) ที่รับใช้อยู่ข้าง ๆ ทำตาโต เนื่องเพราะว่ามีน้ำอยู่ในคนโทแค่ครึ่งเดียว กระผม/อาตมภาพกรวดน้ำไป พอเห็นท่าก็ได้บอกไปว่า "ไม่หมดหรอก..เชื่อเถอะ..!" ว่าแล้วก็เทไปเรื่อย ถึงระดับ "กรวดน้ำคว่ำขัน" แล้วก็ยังไหลไปเรื่อย จนกระทั่งยถาฯ สัพพีฯ เสร็จ กระผม/อาตมภาพถึงได้พลิกคนโทเปล่าตั้งให้ดู ทำเอาอีกฝ่ายหนึ่งถามว่า "ใช้คาถาหรือว่าอะไรครับ ?" ก็เลยบอกไปว่า "นี่เป็นกสิณกองแรก ๆ ที่ฝึกมา" ทุกคนก็เข้าใจกันเป็นอันดี

[เถรี]

เมื่อมอบของที่ระลึกให้แก่ท่านนายอำเภอชาคริต นอกจากวัตถุมงคลและกระเช้าผลไม้แล้ว กระผม/อาตมภาพก็ยังมอบทุเรียนทองผาภูมิคืนให้ท่านนายอำเภอไป ๑ ลูก

เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า ในวันฉลองสัญญาบัตร พัดยศ ซึ่งจัดโดยคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิ ท่านนายอำเภอได้ประมูล "ทุเรียนลอยน้ำ" มา ๑ ลูก ราคา ๓๐๐,๐๐๐ บาท ถวายให้กระผม/อาตมภาพเป็นเครื่องสักการะ กระผม/อาตมภาพสละให้เป็นของส่วนกลาง เพื่อที่บรรดาคณะสงฆ์จะได้ฉันร่วมกันเป็นสังฆทาน วันนี้ก็เลยมอบคืนท่านนายอำเภอไป แล้วก็เดินแจกวัตถุมงคลให้กับบรรดาท่านทั้งหลาย ซึ่งแต่งชุดขาวมาร่วมขบวนจำนวนนับร้อย ๆ คน..!

แต่ละคนเห็นมีวัตถุมงคลติดก้นลังอยู่หน่อยเดียวก็ใจเสีย กระผม/อาตมภาพบอกว่า "ได้ครบทุกคน ไม่ต้องห่วงหรอก หลวงพ่อวัดท่าขนุนทำอะไรไม่เคยขาด..!" แจกเสร็จสรรพแล้วยังเหลืออยู่อีกตั้งครึ่งลัง..!

จากนั้นก็ต้องมานั่งรับการถ่ายรูปร่วมกับบรรดาข้าราชการและหน่วยงานต่าง ๆ ซึ่งแต่ละหน่วยงานก็ล้วนแล้วแต่ต้องการให้ท่านนายอำเภออยู่ "ร่วมเฟรม" ด้วย เพื่อที่จะไปทำเป็นผลงานในหน่วยงานของตนเอง จนกระผม/อาตมภาพต้องบอกว่า "เร็วหน่อยจ้ะ" เนื่องเพราะว่าพระเดชพระคุณพระเทพปริยัติโสภณ, ดร. (ปัญญา วิสุทฺธิปญฺโญ ป.ธ. ๙) เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งติดศาสนกิจเพิ่งจะเดินทางมาถึง อย่าให้ท่านต้องรอนาน..!

แต่หลวงพ่อจังหวัดท่านบอกว่า "เชิญตามสบาย ผมรอได้ครับ" เมื่อถ่ายรูปกันจนเป็นที่จุใจแล้ว กระผม/อาตมภาพก็รับมุทิตาจากหลวงพ่อเจ้าคณะจังหวัด ถวายปัจจัยไทยธรรมให้แก่ท่านแล้ว ก็สั่งให้พระภิกษุสามเณรวัดท่าขนุนเก็บข้าวของ..เลิกงานได้..!

บรรดาพระเถระที่ทยอยมาทีหลัง ค่อยมาเบิกปัจจัยไทยธรรมจากกระผม/อาตมภาพกันทีละราย เมื่อหมดแล้ว ไปถึงท้ายศาลาถึงได้เห็นท่านอาจารย์ รศ.ดร.สุรพล สุยะพรหม รองอธิการบดีฝ่ายกิจการทั่วไป มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ซึ่งเดินทางมาช้า

ตอนแรกนึกว่าท่านจะเดินทางมาพร้อมกับคณะสังคมศาสตร์ของท่านเจ้าคุณกำพล - พระอุดมสิทธินายก (กำพล คุณงฺกโร ป.ธ. ๙), รศ.ดร. คณบดีคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ซึ่งยกคณะกันมาเลย ในฐานะที่กระผม/อาตมภาพเป็นที่ปรึกษาคณบดี และเป็นอาจารย์พิเศษประจำคณะ

[เถรี]

ปรากฏว่าท่านอาจารย์เดินทางแยกมาต่างหาก มาถึงแล้วที่นั่งด้านหน้าหมด ต้องไปนั่งแอบอยู่ด้านหลัง ท่านอาจารย์ถวายมุทิตาสักการะแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ถามว่า "คืนนี้ท่านอาจารย์ได้เป็นคณะอาจารย์สอบกระผมด้วยหรือเปล่า ?" ท่านอาจารย์ยังทำหน้างง ๆ ว่า "เรื่องอะไรครับ ?" จึงเรียนท่านไปว่า "วันนี้กระผมต้องสอบประเมินผลสอน เพื่อส่งเอกสารขอตำแหน่งทางวิชาการ" ท่านบอกว่า "กลับไปแล้วจะรีบดูให้ ถ้าอย่างไรเสียจะได้มีส่วนร่วมด้วย"

กระผม/อาตมภาพแจกรางวัลให้แก่พระภิกษุสามเณร ตลอดจนกระทั่งผู้ช่วยงานของวัดท่าขนุน แล้วให้ทุกคนจัดการเก็บกวาดสถานที่ให้เรียบร้อย ส่วนตัวเองไปสรงน้ำ ฉันยา แล้วก็นอนภาวนาไปเกือบครึ่งชั่วโมง เพื่อที่รักษาแรงเอาไว้

เนื่องจากว่าคืนนี้นอกจากมีการสอบการสอนเพื่อให้คณาจารย์ประเมินผลงานแล้ว ยังต้องอบรมโครงการ Upskills วิชาพระไตรปิฎกศึกษาไปพร้อม ๆ กันด้วย ไม่ทราบเหมือนกันว่าจะมีเรี่ยวแรงพอที่ยืนหยัดได้จนถึงนาทีสุดท้ายหรือไม่ ? จึงอาศัยช่องว่างก่อนสอบ จึงมาทำการบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนเอาไว้ก่อน

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๑๒ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)