กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๘ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกรกฎาคม ๒๕๖๘

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า เมื่อวานนี้, 20:20
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 535
ได้ให้อนุโมทนา: 3,308
ได้รับอนุโมทนา 26,256 ครั้ง ใน 1,023 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๖๘

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๖๘


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 15 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า วันนี้, 00:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,751
ได้ให้อนุโมทนา: 158,709
ได้รับอนุโมทนา 4,492,443 ครั้ง ใน 36,361 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๙ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ ข่าวใหญ่ในวงการพระที่มีมาหลายวันแล้ว ก็คือการที่มีสีกาท่านหนึ่งไปมีเพศสัมพันธ์กับพระ โดยเฉพาะระดับพระเถระใหญ่ ๆ โต ๆ เท่าที่ปรากฏก็มีตั้งแต่ระดับเจ้าคณะภาค รองเจ้าคณะภาค เจ้าคณะจังหวัด เหล่านี้เป็นต้น

โดยที่ตำรวจตรวจยึดโทรศัพท์ของสีกาท่านนั้นไปตรวจสอบแล้ว มีรูปที่เกี่ยวข้องกับบรรดาพระผู้ใหญ่ถึง ๘๐,๐๐๐ กว่ารูป..! ตอนนี้การตรวจสอบที่ผ่านมา สามารถระบุตัวตนได้ชัดเจนหลายรูปแล้ว พระผู้ใหญ่บางรูปก็ชิงลาสิกขาเสียก่อนเพื่อให้เรื่องเงียบลง จากรูปถ่ายทั้งหมด สรุปได้ว่าเกี่ยวข้องกับพระผู้ใหญ่ ๓๐ กว่ารูปด้วยกัน..!

แต่เป็นเรื่องแปลกที่ว่า ตำรวจโดยเฉพาะผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ บอกว่าสีกาท่านนั้นไม่มีความผิดอะไร ซึ่งลักษณะของการวางแผนเป็นขั้นเป็นตอน มีการถ่ายรูป ถ่ายคลิป เพื่อตั้งใจ "แบล็คเมล์" แบบนั้น ยังไม่มีความผิดอะไร ถ้าไม่ใช่ปัญญานิ่มก็ต้องแกล้งโง่เท่านั้น..!

เนื่องเพราะว่าวิธีการดำเนินการต่าง ๆ นั้น เป็นไปในรูปแบบเดียวกันทั้งหมด ก็คือเลือกเอาพระที่มีอนาคต อย่างเช่นว่าเป็นเปรียญธรรม ๙ ประโยค หรือว่าพระเถระเจ้าคณะปกครองใหญ่ ๆ โต ๆ เพราะมั่นใจว่าพระระดับนั้น ถ้าหากว่ามีปัญหาขึ้นมา เรียกร้องเงินทองเท่าไรท่านก็จะต้องให้

คราวนี้เรื่องพวกนี้จะว่าไปแล้วก็เป็นเรื่องของ "กรรมใดใครก่อ" ก็คือใครทำกรรมเช่นไร ถึงเวลาก็ได้รับผลเช่นนั้น แต่ว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นในวงสังคมของเรานั้นก็คือ
บรรดาผู้ที่เคยศรัทธาในพระพุทธศาสนา ถ้ายังไม่มั่นคงก็เสื่อมศรัทธา ผู้ที่ไม่ศรัทธาก็ยิ่งห่างไกลหนักขึ้นไปอีก..!

วันนี้พรรคพวกกันก็คือพระครูเทพ (พระครูปฐมสาธุวัฒน์) เจ้าอาวาสวัดสี่แยกเจริญพร ส่งรูปมาให้ดู มีญาติโยมครอบครัวหนึ่งไปถวายเทียนพรรษาและหลอดไฟฟ้า แต่ระบุชัดเจนว่า
"ไม่ขอถวายกับพระ ให้ช่วยจัดแม่ชีมารับแทนด้วย..!"

พระครูเทพก็ไม่ว่าอะไร เพราะเข้าใจดีว่าอารมณ์ของคนตอนนี้ ก็คงขาดความศรัทธาพระอย่างแรง จึงไปตามแม่ชีมาช่วยรับ ยังดีที่วันนี้วัดเรา ทั้งโรงเรียนและหน่วยราชการในอำเภอทองผาภูมิ ทยอยกันมาถวายเทียนพรรษา ยังไม่ระบุว่าให้แม่ชีรับ..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 01:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 7 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
กฤษฎากร (วันนี้), ฉันชื่อวรัญญา (วันนี้), นาย ธีรัตน์ บุญศรี (วันนี้), พุทธภูมิ (วันนี้), ไพเดช (วันนี้), มารวย๙ (วันนี้), สุธรรม (วันนี้)
  #3  
เก่า วันนี้, 00:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,751
ได้ให้อนุโมทนา: 158,709
ได้รับอนุโมทนา 4,492,443 ครั้ง ใน 36,361 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เรื่องพวกนี้ ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายมีความมั่นคงในพระรัตนตรัย ก็จะไม่หวั่นไหวอะไร เพราะว่าทุกอย่างไม่เที่ยง ไม่มีอะไรให้เรายึดถือมั่นหมายได้ เพียงแต่ว่าการเปลี่ยนแปลงในระดับนี้ ต้องบอกว่าถึงขนาดพลิกฟ้าคว่ำดิน ทำร้ายความรู้สึกของพุทธศาสนิกชนเป็นอย่างมากทีเดียว แต่ถ้าเป็นบุคคลที่มีปัญญา ก็จะแยกแยะออกว่า อะไรเป็นความประพฤติส่วนตัว อะไรคือหลักธรรมในพระพุทธศาสนา พูดง่าย ๆ ว่า สามารถแยกพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ ออกจากตัวบุคคลได้

แต่ก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก ถ้าหากว่านับประชากรไทยประมาณ ๖๘ ล้านคน มีชื่อในทะเบียนบ้านเป็นชาวพุทธ ๙๖ เปอร์เซ็นต์เศษ แต่ว่าเข้าถึงธรรมในระดับที่มั่นคงมีไม่เท่าไรเอง ส่วนใหญ่แล้วก็ยัง "ถือมงคลตื่นข่าว" ไหลไปตามกระแสสังคม ซึ่งมีแต่จะสร้างทุกข์สร้างโทษให้กับตนเอง

ทุกข์หนักเลยก็คือไปตำหนิด่าว่าพระสงฆ์ โดยใช้คำว่าพระ ซึ่งแปลว่าผู้ประเสริฐ ถ้าตีความก็คือหมายรวมเอาพระทั้งหมด ตั้งแต่สูงสุดจนต่ำสุด เท่ากับว่าเราจาบจ้วงปรามาสพระรัตนตรัยอย่างแรง..!

ประการที่สองก็คือ
เมื่อเสื่อมศรัทธาก็พาตัวออกห่าง โอกาสที่จะได้รับประโยชน์จากข้อธรรมคำสอน ที่ช่วยให้ชาติปัจจุบันนี้ตนเองมีความทุกข์น้อยลง และถ้าเป็นไปได้ทำให้คติ ก็คือชาติต่อ ๆ ไปมั่นคง อยู่ในด้านดี และถ้าหากว่าบุญวาสนาถึง การสั่งสมบารมีมาครบถ้วนสมบูรณ์ ก็สามารถหลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพานได้

แต่ท่านทั้งหลายเหล่านี้เมื่อไม่มีความมั่นคง ที่เลื่อมใสก็ไม่เลื่อมใส ที่ไม่เลื่อมใสก็ยิ่งหลีกห่างออกไปเรื่อย เท่ากับว่าตัดหนทางการเวียนว่ายตายเกิดที่จะสั้นลงของตนเอง ด้วยอาศัยหลักธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นเรือ เป็นแพ ส่งตนเองขึ้นสู่ฝั่ง กลายเป็นว่ายิ่งทำให้หนทางนั้นยืดยาว จนกระทั่งอาจจะหาต้นหาปลายไม่เจอ..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 01:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 7 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
กฤษฎากร (วันนี้), ฉันชื่อวรัญญา (วันนี้), นาย ธีรัตน์ บุญศรี (วันนี้), พุทธภูมิ (วันนี้), ไพเดช (วันนี้), มารวย๙ (วันนี้), สุธรรม (วันนี้)
  #4  
เก่า วันนี้, 00:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,751
ได้ให้อนุโมทนา: 158,709
ได้รับอนุโมทนา 4,492,443 ครั้ง ใน 36,361 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าตำหนิ เพราะว่าปุถุชน คือผู้หนาด้วยกิเลส ก็มีปกติเป็นแบบนั้น ทำอย่างไรที่ทุกคนจะเป็นผู้มีสติมั่นคง ถึงเวลาเกิดอะไรขึ้น สามารถแยกแยะได้ว่า อะไรเป็นส่วนตัว อะไรเป็นส่วนรวม ซึ่งเรื่องพวกนี้ ผู้ที่จะมั่นคงจริง ๆ ต้องปฏิบัติธรรมจนเห็นผลเท่านั้น เพราะว่าสิ่งที่ตนเองทำจะเป็นพยานอย่างดีที่สุดว่า คุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์นั้น ดีจริงดีแท้ขนาดไหน ?!

ส่วนผู้ที่เป็นปุถุชนคนธรรมดาบวชเข้ามา ต่อให้มีความรู้ทางโลกสูงเพียงไหนก็ตาม ก็พ่ายแพ้ต่อกระแส รัก โลภ โกรธ หลงได้ทั้งสิ้น บางท่านก็ไปดิ้นรนเพื่อยศเพื่อตำแหน่งสูง ๆ ขึ้นไป ด้วยความต้องการในลาภ ยศ สรรเสริญ สุข บางคนก็สะสมเงินทองสิ่งของต่าง ๆ โดยที่ลืมไปว่าวันแรกที่เราบวชเข้ามานั้น ตั้งใจจะบวชมาละกิเลส

บุคคลประเภทนี้มีค่อนข้างจะมาก เพื่อนฝูงของกระผม/อาตมภาพหลายต่อหลายรูปก็เป็นแบบนี้ ก็คือตอนแรกก็ตั้งใจมอบกายถวายชีวิต ทำทุกอย่างเพื่อพระพุทธศาสนา แต่พอ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ประดังกันเข้ามา ก็เริ่มออกนอกลู่นอกทาง จากแต่เดิมเป็นเด็กบ้านนอก คลุกดินคลุกทราย กินอย่างไรก็ได้ นอนอย่างไรก็ได้ ตอนนี้ต้องมีกุฏิทรงสเปนอย่างดี ต้องติดเครื่องปรับอากาศ ต้องติดม่านราคาแพงพอที่จะสร้างกุฏิได้อีกหลังหนึ่ง..! ต้องมีรถหรู ไม่ว่าจะเป็นรถตู้ หรือว่ารถเก๋ง เหล่านี้เป็นต้น

จะว่าไปแล้วก็เป็นธรรมดาของกำลังใจปุถุชน ที่ไม่สามารถจะทนเรื่องของ รัก โลภ โกรธ หลง ได้ เมื่อเจอข้อพิสูจน์ก็เป๋ออกนอกทางไป แต่ถ้าไม่ไปทำอะไรที่อยู่ในลักษณะของการทำให้ขาดความเป็นพระ ก็ยังพอเป็นสมมติสงฆ์ที่กราบได้ไหว้ได้อยู่ เพียงแต่ว่ากำลังใจของท่านกับเราต่างกันไม่มากเท่านั้นเอง มีแต่เพศภาวะที่ห่มเหลือง โกนศีรษะ ถือกฎเกณฑ์การดำเนินชีวิตด้วยพระธรรมวินัย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 01:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 7 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
กฤษฎากร (วันนี้), ฉันชื่อวรัญญา (วันนี้), นาย ธีรัตน์ บุญศรี (วันนี้), พุทธภูมิ (วันนี้), ไพเดช (วันนี้), มารวย๙ (วันนี้), สุธรรม (วันนี้)
  #5  
เก่า วันนี้, 00:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,751
ได้ให้อนุโมทนา: 158,709
ได้รับอนุโมทนา 4,492,443 ครั้ง ใน 36,361 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แต่ถ้าหากว่าไม่สามารถที่จะต้าน รัก โลภ โกรธ หลง ที่มาหนักกว่านั้นได้ ท่านทั้งหลายก็จะเห็นว่าอาบัติปาราชิกทั้ง ๔ ข้อ คือศีลพระที่เป็นข้อใหญ่ ล่วงละเมิดแล้วขาดความเป็นพระเลย อันดับแรกก็คือเสพเมถุน การมีผัวมีเมีย ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงมีอนุบัญญัติตามมาเกือบ ๒๐๐ ข้อ ไม่เว้นให้แม้แต่ซากศพ หรือว่าสัตว์เดรัจฉาน..! แปลว่าลงมือทำเมื่อไร ไม่มีข้ออ้างแก้ตัวใด ๆ ทั้งสิ้น

ข้อที่ ๒ ก็คือ ลักขโมยสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้ ราคารวมกันได้ ๕ มาสก ซึ่งทางไทยเราตีราคาแค่บาทเดียว จะขาดความเป็นพระทันที..! แล้วท่านทั้งหลายลองคิดดูว่า ในปัจจุบันนี้ไปกันไกลแค่ไหน ถ้าหากว่าตั้งใจเอาเงินสงฆ์แม้แต่บาทเดียวมาเป็นเงินส่วนตัว เราก็ขาดความเป็นพระทันทีที่ทำกรรมนั้นสำเร็จแล้ว ไม่ต้องรอให้ใครมาจับสึก ถึงบวชอยู่ก็ไม่ใช่พระ นุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์อยู่ ก็ไม่ใช่พระ แต่ว่าเรื่องนี้ในปัจจุบันไม่เห็นคนเขาจะเกรงกลัวกัน

ที่กระผม/อาตมภาพต้องทำบัญชีวัดด้วยตนเอง ไม่สามารถวางมือให้คนอื่นได้ ก็เพราะเกรงตรงนี้ว่า ท่านทั้งหลายพอเห็นตัวเลขมาก ๆ ระดับเงินหมื่น เงินแสน เดี๋ยวจะเกิดความโลภขึ้นมา พาให้ขาดความเป็นพระได้ง่ายมาก เรื่องที่เราห้ามทำทั้งหมด พระอุปัชฌาย์อาจารย์ท่านบอกตั้งแต่วันแรกในการบวชแล้ว ก็คืออกรณียกิจ ๔ อย่าง สิ่งที่สงฆ์ห้ามทำอย่างเด็ดขาด

ข้อที่ ๓ ก็คือการฆ่าสัตว์ ไม่ใช่ฆ่ามนุษย์ ท่านใช้คำว่า สัญจิจจะ ปาโณ ชีวิตา นะ โวโรเปตัพโพ ห้ามมีเจตนาทำให้ชีวิตนั้นตกล่วงไป ก็แปลว่าจะเป็นสัตว์เล็กสัตว์น้อย ตลอดจนไปถึงมนุษย์ก็ตาม เป็นสิ่งที่นักบวชของเราห้ามฆ่าอย่างเด็ดขาด แต่ถ้าหากว่าฆ่าคนเมื่อไรก็ขาดความเป็นพระไปเลย..!

อีกข้อหนึ่งที่พลาดง่ายมากก็คือการอวดอุตริมนุสธรรมที่ไม่มีในตน ไม่ได้ฌาน ไม่ได้สมาบัติ ไม่ได้วิโมกข์ ไม่ได้วิมุติ ไม่ได้มรรค ไม่ได้ผล แล้วไปบอกว่าตนเองได้ ต้องเอามาสอบสวนกันว่า เป็นการเข้าใจผิดอย่างแท้จริง อย่างเช่นว่าทรงฌาน ๔ ต่อเนื่องกันได้เป็นเดือน ๆ รัก โลภ โกรธ หลง ไม่เกิด มีสติสมบูรณ์พร้อมทั้งหลับและตื่น แล้วไปคิดว่าตนเองเป็นพระอริยเจ้า..!

แต่ว่าส่วนใหญ่ที่ทำก็เพื่อหวังลาภผลที่จะเกิดขึ้น กลายเป็นโทษ ๒ ชั้น ก็คืออวดอุตริมนุสธรรมที่ไม่มีในตน ขาดความเป็นพระไปแล้วยังไม่พอ ยังอยู่ในลักษณะของการฉ้อโกง ก็คือหลอกลวงให้ชาวบ้านมาทำบุญกับตนเอง ซึ่งในลักษณะนี้ถ้าเป็นภาษาบาลี ท่านใช้คำว่า อิณะปริโภคะ (อิณบริโภค) ก็คือการบริโภคใช้สอยแบบเป็นหนี้ชาวบ้านอยู่ตลอดเวลา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 01:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 7 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
กฤษฎากร (วันนี้), ฉันชื่อวรัญญา (วันนี้), นาย ธีรัตน์ บุญศรี (วันนี้), พุทธภูมิ (วันนี้), ไพเดช (วันนี้), มารวย๙ (วันนี้), สุธรรม (วันนี้)
  #6  
เก่า วันนี้, 00:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,751
ได้ให้อนุโมทนา: 158,709
ได้รับอนุโมทนา 4,492,443 ครั้ง ใน 36,361 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เราจะเห็นว่าในเรื่องของปาราชิก คือศีลพระใหญ่ทั้ง ๔ ข้อ ที่ล่วงละเมิดแล้วขาดความเป็นพระนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายทั้งสิ้น ยกเว้นในเรื่องการฆ่ามนุษย์ให้ตาย เพราะว่าต้องวางแผน ต้องสั่งการ เหล่านั้นเป็นต้น

การเสพเมถุน แค่ชั่วอวัยวะของผู้หญิงกับผู้ชายจรดกัน ที่เขาใช้คำว่ายังมรรคให้จรดมรรค ก็ขาดความเป็นพระแล้ว หรือว่าลักขโมยหยิบฉวยสิ่งของราคาได้บาทหนึ่งขึ้นไป ทันทีที่ของนั้นหลุดออกจากพื้นที่ตั้งอยู่ ท่านใช้คำว่า "เคลื่อนจากฐาน" เราก็ขาดความเป็นพระแล้ว หรือตั้งใจพูดอวดอุตริมนุสธรรมที่ไม่มีในตน พูดจบก็ขาดความเป็นพระแล้ว แต่ว่าในส่วนของการฆ่ามนุษย์ให้ตายนั้น จะยากอยู่นิดหนึ่ง

ในเมื่อเราขาดจากความเป็นพระได้ง่ายมาก จึงเป็นเรื่องที่ยิ่งต้องระมัดระวังอย่างหนัก ที่กระผม/อาตมภาพบอกว่า "ท่านทั้งหลายในปัจจุบันนี้อยู่กันยาก เพราะว่าอาบัติตามเข้าไปถึงในมุ้ง..!" เนื่องเพราะว่ามีโทรศัพท์มือถือ ท่านทั้งหลายจะเห็นว่า ก่อนนี้พอหลัง ๖ โมงเย็น กระผม/อาตมภาพไม่รับโทรศัพท์ด้วยประการทั้งปวง แล้วมาในปัจจุบัน หลายปีที่ผ่านมาไม่รับด้วยตนเอง ถือว่าปลอดภัยไปได้ในระดับหนึ่ง บุคคลที่โทรเข้ามา ถ้าหากว่าไม่ใช่เบอร์ที่บันทึกเอาไว้ก็จะดีดทิ้งหมด ใครที่ทักไลน์เข้ามาเฉย ๆ ให้เวลา ๓ นาที ๕ นาที ถ้าไม่แนะนำตัวว่าเป็นใครก็บล็อคทิ้งหมด..!

ดังนั้น..ในส่วนนี้ท่านทั้งหลายต้องพึงระวังให้มากไว้ เพราะว่าเท่ากับโจรอยู่กับเราภายในห้องเดียวกัน พร้อมที่จะทำให้เกิดอาบัติได้ทุกเวลา แล้วถ้ายิ่งอย่างสีกาที่วางแผนอย่างเป็นระบบ จ้องกระทำการเฉพาะนักบวช ที่มีศักยภาพพอที่จะหาทรัพย์สินให้ตนเองได้แบบนั้น เขาจะมีความเชี่ยวชาญชำนาญเป็นอย่างยิ่ง

โดยเฉพาะบรรดาท่านที่ได้ประโยค ๙ เป็นนาคหลวง มักจะบวชตั้งแต่สามเณร ไม่เคยใกล้ชิดผู้หญิงมาก่อน ถ้าไม่ได้ปฏิบัติธรรมจนเป็นพระอริยเจ้าแล้ว ตบะแตกง่ายที่สุด..! พวกเราจึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมตำรวจสรุปออกมาได้ว่าเกี่ยวพันกับพระผู้ใหญ่ถึง ๓๐ กว่ารูป แล้วตอนนี้ระดับเจ้าคณะภาค รองเจ้าคณะภาคก็ชิงลาสึกกันอุตลุด..! คาดว่าวันนี้หรือพรุ่งนี้ ทุกอย่างก็จะชัดเจนยิ่งขึ้น

แต่ขอให้พวกเรามั่นคงต่อคุณพระรัตนตรัย วัตรปฏิบัติ ศีล และวินัยอันใดของเรา ตั้งใจรักษาให้มั่นคง ถ้าสามารถเข้าถึงแม้เศษเสี้ยวของธรรมะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ศรัทธาของเราท่านทั้งหลายจะไม่คลอนแคลนไปไหน พยายามทำใจให้เขาถึงคุณพระรัตนตรัยที่แท้จริง ไม่ใช่การยึดตัวบุคคล ถ้าสามารถทำแบบนั้นได้ ความมั่นคงจึงจะเกิดกับพวกเราได้

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพุธที่ ๙ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 01:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 8 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
กฤษฎากร (วันนี้), ฉันชื่อวรัญญา (วันนี้), นาย ธีรัตน์ บุญศรี (วันนี้), พุทธภูมิ (วันนี้), ไพเดช (วันนี้), มารวย๙ (วันนี้), ลูกช่างทอง (วันนี้), สุธรรม (วันนี้)
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 5 คน ( เป็นสมาชิก 4 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
ฉันชื่อวรัญญา, เด็กบางบัวทอง, ปิดบัง, เสนา
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 05:59



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว