กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๘ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมิถุนายน ๒๕๖๘

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 25-06-2025, 21:17
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 11,055
ได้ให้อนุโมทนา: 225,678
ได้รับอนุโมทนา 807,317 ครั้ง ใน 39,706 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๖๘

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๖๘


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 26-06-2025, 00:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,720
ได้ให้อนุโมทนา: 158,650
ได้รับอนุโมทนา 4,491,409 ครั้ง ใน 36,330 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๒๕ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ เมื่อวานนี้ ตอนบันทึกเสียงอยู่ในสถานีรถไฟความเร็วสูงเมืองหลิ่วชวน กระผม/อาตมภาพเกือบจะถึงแก่ชีวิต..! เหตุก็เพราะว่ามาลาเรียมากำเริบเอาในเวลาที่ไม่เคยชิน อาจจะเป็นเพราะว่าตรากตรำเดินทางมาหลายวันติดกัน พักผ่อนไม่พอ จึงทำให้โดน "ขันธมาร" ซ้ำเติม

นอกจากสุ้มเสียงจะหายหมดแล้ว ยังหายใจหายคอไม่ทัน จนบันทึกเสียงเสร็จไข้ถึงลดลง ทำให้เหงื่อแตกท่วมตัว กระผม/อาตมภาพเคยชินกับการที่ "เพื่อนเก่า" หาจังหวะกลั่นแกล้งแบบนี้มานานแล้ว และพยายามทำใจอย่างเต็มที่ เนื่องเพราะว่าตนเองทำกรรมเอาไว้มาก ถึงเวลากรรมมาสนองก็ต้องยอมรับแก่โดยดี

ในช่วงที่อำลาอาลัยกันอยู่บนรถบัส อาเหมยบอกว่าคณะของเราถือว่าโชคดีมาก ๆ นอกจากไม่เจอฝนแล้ว ยังไม่เจอพายุทราย ซึ่งเกิดขึ้นบ่อย ๆ อีกด้วย ถ้าหากว่าเจออย่างใดอย่างหนึ่งก็งานกร่อยอย่างแน่นอน ถือว่าพวกเราทำบุญมาดีก็แล้วกัน ไม่สามารถที่จะบอกได้ว่า " ท่านอูฐ" ที่ยืนตาปริบ ๆ อยู่นั้น เป็นผู้ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้เอง

พวกเรารอจนกระทั่งใกล้เวลาที่รถไฟความเร็วสูงจะเทียบชานชลา เจ้าหน้าที่ก็เรียกพวกเราไปต่อแถว สแกนพาสปอร์ตแล้วให้เดินลงชั้นใต้ดิน ไปยืนรอจนรถไฟเทียบท่าถึงจะให้พวกเราขึ้นไปนั่งรถไฟ ซึ่งรถไฟความเร็วสูงเที่ยวนี้ก็คือเที่ยว D2703 วิ่งจากเมืองหลานโจวซี ไปยังเมืองอูลู่มู่ฉี กระผม/อาตมภาพตอนแรกเข้าใจว่าเราจะไปถึงเมืองอูลู่มู่ฉีเลย แต่คุณโบตั๋นบอกว่าพวกเราจะลงแค่เมืองถูลู่ฟานก่อน หลังจากที่เที่ยวเมืองถูลู่ฟานแล้ว ถึงจะต่อไปยังเมืองอูลู่มู่ฉีซึ่งเป็นเมืองหลวงของมณฑลซินเจียงอันกว้างใหญ่ไพศาลนั่นเอง

พวกเรานั่งหลับ ๆ ตื่น ๆ มาบนรถไฟความเร็วสูงที่ปรับความเร็วตามสถานที่ ต่ำสุดก็คือ ๑๖๒ กิโลเมตร/ชั่วโมง สูงสุดก็คือ ๒๔๕ กิโลเมตร/ชั่วโมง เนื่องเพราะว่าพอใกล้ชุมชนหรือว่าบ้านเมือง ก็จะมีการลดความเร็วลงเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ ถ้าพ้นจากชุมชนไปแล้วจึงจะทำความเร็วมากขึ้น เป็นการควบคุมโดยระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะทำให้ทุกอย่างเป็นไปตามเวลา

เมื่อรถไฟออกแล้ว กระผม/อาตมภาพจึงนั่งภาวนา แล้วส่งกำลังใจอุทิศส่วนกุศลไปให้ "ท่านซาอุด" ซึ่งกระผมเรียกว่า "ท่านอูฐ" พร้อมกับบริษัทบริวาร ซึ่ง "ท่านอูฐ" นั้นจริง ๆ แล้ว มีพื้นเพเป็นคนเมืองอูลู่มู่ฉี แต่ว่าด้วยความที่มีความสามารถมาก จึงดูแลดินแดนกว้างใหญ่ไพศาล ทั้งมณฑลซินเจียงและมณฑลกานซู่
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-06-2025 เมื่อ 02:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 26-06-2025, 00:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,720
ได้ให้อนุโมทนา: 158,650
ได้รับอนุโมทนา 4,491,409 ครั้ง ใน 36,330 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

กระผม/อาตมภาพเองเห็น "ท่านอูฐ" แล้วยังละอายใจว่า เพื่อนฝูงของเราช่างเป็นคนดีเหลือเกิน อย่างเช่นว่าที่บริเวณอนุสาวรีย์มารดาแม่น้ำเหลือง ขอให้ท่านช่วยไล่คนออก เพื่อให้พวกเราได้ถ่ายรูปกันอย่างสะดวกสบาย ท่านก็ไม่ยอมทำ เพราะถือว่าเป็นการเบียดเบียนคนอื่น ให้พวกเรานั่งรอ หรือว่าตบตีแย่งชิงกับบรรดากองทัพแดงกันเอาเอง..!

เมื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับทุกท่านและขอความสะดวกปลอดภัยทุกอย่างแล้ว จึงมาทำการส่งงานบ้าง ถ่ายรูปบ้าง แต่ว่าไม่สามารถที่จะส่งได้ถนัดนัก เนื่องเพราะว่าเวลารถไฟวิ่งอยู่ คลื่นไม่สามารถที่จะเข้าถึงได้ จึงทำให้มีการหลุดบ้าง ค้างบ้าง จนกระทั่งมาหยุดที่ "เมืองกวาโจว" ซึ่งชาวบ้านทั่วไปเรียกว่า "เมืองฮามิ" หรือ "เมืองฮามี่" ซึ่งเป็นเมืองที่เมืองชื่อเสียงมากในการปลูกแตงแคนตาลูป ซึ่งทางนี้เรียกกันว่า "แตงฮามี่" มาหลายร้อยปีแล้ว มีชื่อเสียงตรงที่ว่ารสชาติหวานมาก เพราะว่าเป็นการปลูกในทะเลทราย เมื่อมีน้ำน้อย จึงทำให้ระดับน้ำตาลค่อนข้างที่จะสูง มีชื่อเสียงเลื่องลือมาตั้งแต่โบราณ

ช่วงที่หยุดรถให้คนขึ้นลง กระผม/อาตมภาพจึงฉวยโอกาสส่งงานตรงนั้นก่อน เสร็จแล้วถึงได้นั่งสบายใจจนกระทั่งไปถึงเมืองถูลู่ฟาน พวกเราก็ต้องไปยืนรอลงจากรถก่อนเวลา เมื่อรถเข้าเทียบชานชลาก็ลงมารวมพล แล้วเดินตามคุณโบตั๋นลงใต้ดินอีกตามเคย ออกนอกประตูสองชั้น ชั้นที่สองต้องสแกนพาสปอร์ตด้วย เมื่อออกมาเจอมัคคุเทศก์ท้องถิ่นมารอรับ ยิ้มหวานให้ หน้าตาสวยสง่าทีเดียว พอถามว่าชื่ออะไร คุณเธอบอกมาแล้วออกเสียงยากมาก เพราะออกประมาณว่าสาว "กรี๊ซซ์ก์ก์" แล้วชื่อจีนก็คือชื่อจวี๋จื่อ กระผม/อาตมภาพจึงเปลี่ยนชื่อให้ว่า "น้องกิ๊ก" จะได้เรียกกันง่าย ๆ

"น้องกิ๊ก" พาพวกเราเดินขาลากไปยังรถยนต์ที่จอดอยู่ ผ่านบรรดาสิ่งก่อสร้าง ซึ่งมีลักษณะของศิลปะทางตะวันออกกลาง หรือว่าศิลปะอาหรับมากมายเต็มไปหมด มีกระทั่งซุ้มองุ่น ร้านขายแตงฮามิ มาขึ้นรถแล้วก็พากันแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ ตลอดจนกระทั่งพูดถึงโปรแกรมในวันพรุ่งนี้

สิ่งหนึ่งที่กระผม/อาตมภาพได้ยินแล้วหูผึ่งก็คือ โรงแรมของเรามีห้องซักผ้าด้วย ครั้นสอบถามเพื่อความแน่ใจแล้ว ถึงได้ทราบว่าเป็นบริการสำหรับลูกค้าที่มาพักโรงแรมโดยเฉพาะ ใช้คีย์การ์ดเข้าไป ซักผ้าอบผ้าได้โดยไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่มเติม กระผม/อาตมภาพแทบจะกระโดดกอด "ท่านอูฐ" ที่ยืนยิ้มแฉ่งอยู่ เหตุว่าพ่อเจ้าประคุณช่างสรรหาโรงแรมให้ได้ถูกใจเสียนี่กระไร..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เผือกน้อย : 26-06-2025 เมื่อ 06:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 26-06-2025, 00:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,720
ได้ให้อนุโมทนา: 158,650
ได้รับอนุโมทนา 4,491,409 ครั้ง ใน 36,330 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อพวกเรามาถึงโรงแรม ทำการเช็คอินแล้ว กระผม/อาตมภาพก็หอบผ้าทุกชิ้นลงไปยังชั้น ๕ เดินหาอยู่พักใหญ่กว่าที่จะเจอว่าห้องซักผ้าอยู่ทางไหน ? ปรากฏว่าเจอคุณดาหวัน (คุณเพชรดาวัลย์ พัสลุผล) กับน้องพอร์ช (เด็กชายณเสฏฐ์ ชาครวิโรจน์) สองแม่ลูก ไปเก้ ๆ กัง ๆ อยู่ทางด้านหน้า สักครู่หนึ่ง คุณโบตั๋นกับน้องกิ๊กก็มาร่วมวงด้วย กระผม/อาตมภาพถึงได้รู้ว่า มีเครื่องว่างอยู่เครื่องหนึ่ง เพียงแต่ว่าตัวเลขยังคาอยู่ จึงทำให้ไม่รู้ว่าเป็นเครื่องว่าง

กระผม/อาตมภาพจึงเอาผ้าใส่เข้าไปก่อน เสร็จเรียบร้อยแล้วสอบถามวิธีใช้ กดให้เครื่องเดินแล้วก็กลับมายังห้องพักของตัวเอง เพื่อทำการสรงน้ำ โดยที่เนื้อตัวมีแค่สบงอังสะชุดเดียวเท่านั้น เพราะว่าข้าวของทุกอย่างที่ซักได้ โยนเข้าเครื่องซักผ้าไปหมดแล้ว เมื่อนั่งรอจนได้เวลา ก็กลับลงไปเอาผ้าผ่อนของตน มาพับ มาจัด เพื่อที่จะเอาเข้ากระเป๋า ถ้าหากว่ามีการซักอย่างเป็นทางการแบบนี้ กระผม/อาตมภาพรู้สึกว่าดีมาก เพราะว่าการซักมือทุกวันนั้น ก็ไม่แน่ใจว่าจะทำให้ผ้าสะอาดจริงหรือเปล่า ?

อากาศตอนเช้าวันนี้ที่โรงแรม Hampton by Hilton อยู่ที่ ๓๒ องศาเซลเซียส ทำให้ทุกคนรู้ทันทีว่าชะตากรรมของวันนี้คืออะไร ?! ขนาดเช้ามืดยังร้อนแบบนี้ แล้วตอนเที่ยงจะร้อนขนาดไหน ?! เนื่องจากว่าเมืองถูลู่ฟานนี้สว่างเร็ว มืดช้า ทำให้มีระยะเวลาสว่างมากกว่าที่อื่นหลายชั่วโมง คนที่นี่จึงกินอาหารเช้ากันตอน ๘ โมง เริ่มทำงานกันตอน ๑๐ โมง พักกินอาหารกลางวันตอนบ่าย ๒ โมง เหล่านี้เป็นต้น เพียงแต่ว่าทางโรงแรมพยายามที่จะปรับให้กับเรา ด้วยการเปิดห้องอาหารให้ตอน ๗ โมงเช้า ต้องขอบพระคุณทุกคนเป็นอย่างยิ่ง

แต่ว่ามาเจอ "ปรากฏการณ์คนจีน" อีกแล้ว ก็คือน้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) และน้องไก่ (นางสาวโสภา ตั้งอธิคม) ได้นำเอากระเป๋าเป้ของตนเอง และจานอาหารวางเอาไว้บนโต๊ะ จากนั้นก็เดินไปตักของหวานและผลไม้ ปรากฏว่ายังไม่ทันที่จะกลับมาก็มี "อาจุมม่า" สองคน มาถึงก็จัดการย้ายเป้และจานอาหารให้น้องเล็ก เสร็จสรรพแล้วยึดที่นั่งแทน..! ทั้งสองคนเมื่อกลับมาก็เกิดอาการ "ของขึ้น..!"

กระผม/อาตมภาพบอกว่า "ให้ย้ายโต๊ะไปเลย อย่าไปยุ่งกับเขา อายุมากขนาดนั้นแล้วแก้ไขอะไรไม่ได้หรอก" ทั้งสองคนก็เลยย้ายโต๊ะเก้าอี้แบบเซ็ง ๆ ทั้ง ๆ ที่หยิบข้าวหยิบของข้ามหัว "อาจุมม่า" ไปมาแกก็ไม่สน "ฉันต้องการนั่งตรงนี้ ฉันต้องได้นั่ง" นิสัยแบบนี้ต้องไปเกิดใหม่จึงพอที่จะแก้ไขได้ เนื่องเพราะว่าอายุมากเกินกว่าที่จะดัดเสียแล้ว..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-06-2025 เมื่อ 10:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 26-06-2025, 00:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,720
ได้ให้อนุโมทนา: 158,650
ได้รับอนุโมทนา 4,491,409 ครั้ง ใน 36,330 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่ออิ่มและทำการคืนห้องแล้ว พวกเราก็ขึ้นรถ "น้องกิ๊ก"และ "คุณโบตั๋น" ทำการแนะนำสถานที่ซึ่งเราจะไปในวันนี้ ก็คือเมืองโบราณเกาชาง ปรากฏว่า "อาหมิง" พลขับของเรา ที่กระผม/อาตมภาพเรียกว่า "อาหมิง" ก็เพราะว่าศีรษะของแกโล้นเกลี้ยงใสเหม่ง ไม่มีผมเลยสักเส้นเดียว..! นำรถไปจอดบริเวณหน้าร้านค้า แล้ววิ่งลงไปเพื่อซื้อน้ำดื่มขึ้นมาให้กับพวกเรา แต่เจอตำรวจจราจรแจกใบสั่ง เพราะว่าไม่ใช่ที่จอด ไม่ทราบเหมือนกันว่าโดนตัดแต้มไปเท่าไร ?! แล้ว "อาหมิง" ก็ยังแสดงความเฉิ่มให้เห็น ด้วยการเลี้ยวผิดเลี้ยวถูก กว่าจะให้หนทางที่ถูกต้อง ก็ต้องให้ "น้องกิ๊ก" เปิดจีพีเอสนำทางให้ จึงตรงไปถึงเมืองโบราณเกาชางได้อย่างที่ต้องการ

ตลอดเส้นทางมีแต่ไร่องุ่นเป็นพันเป็นหมื่นไร่ สลับกับไร่ผักชนิดอื่น และมีโรงตากองุ่น ซึ่งสร้างด้วยอิฐดิบลักษณะโปร่ง ๆ เป็นระยะ ๆ ไป กระผม/อาตมภาพก็ให้สงสัยอยู่เหมือนกันว่า ไม่ค่อยจะมีน้ำ แต่ทำไมคนเมืองถูลู่ฟาน ถึงได้ขยันปลูกผักปลูกผลไม้กันเสียเหลือเกิน ?

พวกเรามาจอดที่หน้าโบราณสถานเกาชาง ซึ่งเป็นมรดกโลกแห่งหนึ่งของประเทศจีน มีรูปพระถังซัมจั๋งกำลังเดินทางไปไซที ก็คือฟ้าตะวันตก ตามนิยายเรื่อง "ซีโหยวจี้" หรือที่คนไทยเรียกว่า "ไซอิ๋วกี่" ตามสำเนียงแต้จิ๋ว น่าจะเป็นการเริ่มเดินทาง เพราะว่าพระถังซัมจั๋งยังเดินโดดเดี่ยวเดียวดาย ไม่มีลูกศิษย์ตัวแสบทั้งสามอยู่ด้วย..!

พวกเราถ่ายรูปกันแล้วก็ตรงเข้าไปซื้อตั๋วทางด้านใน "น้องกิ๊ก" ชี้ให้พวกเราไปเข้าห้องน้ำ ส่วนตนเองก็ไปซื้อตั๋ว กระผม/อาตมภาพถ่ายรูปหุ่นคนสำคัญต่าง ๆ ของเมืองเกาชาง แล้วก็เอาตัวเองเข้าไปเป็นหุ่น ฝากให้ "น้องเล็ก" ถ่ายด้วย จากนั้นก็เดินย้อนกลับไป เพื่อถ่ายรูปพระถังซัมจั๋งแบบไม่มีใครเกะกะ ปรากฏว่าน่าจะเสียเวลาไปนาน จึงทำให้ "คุณไก่" (นายฐนชล ทิมแสง) มัคคุเทศก์ของทางเติมเต็มทราเวล ต้องวิ่งมาตามไปขึ้นรถแบตเตอรี่ ซึ่งพลขับสตรีก็ซิ่งเหลือเกิน ลมที่พัดมานั้นแรงมาก เพราะว่าทุกแห่งกว้างใหญ่ไพศาล แต่เป็นลมที่ร้อนเหมือนออกมาจากฮีตเตอร์..!

สถานที่แรกที่โชเฟอร์หญิงจอดให้พวกเราชมและถ่ายรูปกัน ก็คือวัดเก่าแก่ของเมืองเกาชาง ที่พระถังซัมจั๋งได้มาอาศัยอยู่ระยะหนึ่ง พวกเราถ่ายรูปแล้วก็ต้องรีบขึ้นรถ เพราะว่าอากาศร้อนแทบจะละลาย..! เมื่อมาถึงปรากฏว่าที่นั่งของกระผม/อาตมภาพโดนอาแปะเสื้อแดงยึดไปเสียแล้ว..!

เมื่อเห็นกระผม/อาตมภาพยืนจ้องอยู่ แกถึงได้ขยับไปทางด้านอื่น อาแปะแกมากับสาวคนหนึ่ง ไม่ทราบว่าเป็นภรรยาหรือลูกสาว ? ทั้งสองคนมีนิสัยเห็นแก่ตัวพอกัน ก็คือลงตรงไหนกูก็พุ่งเข้าไปก่อน จัดการถ่ายสถานที่ซึ่งไม่มีผู้คนด้วยความรวดเร็ว แต่ว่าถ่วงเวลา ไม่สนใจว่าคนอื่นจะได้ถ่ายแบบตัวเองหรือไม่ ? ดังนั้น..แทบทุกรูปของสถานที่ ถ้าหากว่าจะถ่ายก็ต้องรอทั้งสองคนถ่ายทั้งภาพนิ่งและวีดีโอจนพอใจเสียก่อน คนแบบนี้ก็มีเหมือนกัน..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-06-2025 เมื่อ 02:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 26-06-2025, 00:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,720
ได้ให้อนุโมทนา: 158,650
ได้รับอนุโมทนา 4,491,409 ครั้ง ใน 36,330 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สถานที่แห่งที่สองที่เขาจอดให้ก็คือหอสวดมนต์ของพระถังซัมจั๋ง อาแปะแกออกนอกทางคล้าย ๆ กับ กระผม/อาตมภาพ ก็เลยโดนเจ้าหน้าที่ตะโกนไล่ให้ขึ้นไปบนทางเดินไม้ ห้ามลงข้างล่างโดยเด็ดขาด หายห้าวไปทั้งเขาและเรา..!

สถานที่สามก็คือวัดใหญ่ประจำเมืองเกาชางโบราณ ซึ่งตอนนี้ก็ปรักหักพังเหลือ แต่ชิ้นส่วนที่พอเห็นว่า ในอดีตนั้นเคยยิ่งใหญ่อลังการเพียงใด ? พวกเราถ่ายรูปหมู่กันเสร็จแล้ว ก็ต้องรีบเผ่นขึ้นรถอย่างเร็วไว ก่อนที่จะละลายกลายเป็นน้ำ..!

เมื่อออกมาถึงทางด้านนอก ทุกคนก็วิ่งเข้าหาร้านค้า ก่อนที่จะวิ่งเข้าไป ช่วงกระผม/อาตมภาพไปถ่ายรูปพระถังซัมจั๋งนั้น มีรายการ "กระจายรายได้" ให้กับคนทางนี้เป็นจำนวนมาก พ่อค้าจึงได้นำแตงหวานมาหั่นแจกให้กับลูกค้าวีไอพีกลุ่มนี้ "ท่านอูฐ" สะกิดให้กระผม/อาตมภาพฉัน เล่นเอาต้องมองหน้า เพราะกระผม/อาตมภาพมีมาลาเรียเรื้อรังติดตัว ถ้าโดนของเย็นแบบฟักแฟงแตงน้ำเต้าเข้าไป รับประกันได้ว่าไข้ขึ้นอย่างแน่นอน..!

แต่ "ท่านอูฐ" แกรับรองแข็งขันว่า "ควรต้องฉันครับ" กระผม/อาตมภาพจึงหยิบมาชิ้นหนึ่ง เมื่อฉันจนเหลือแต่เปลือกแล้ว พ่อค้าแกยังอุตส่าห์เอาถุงมารับเศษที่เหลืออีกด้วย ต้องขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง

เมื่อออกมาจากเมืองโบราณเกาชาง กลับขึ้นรถของพวกเรากันเอง ตรงไปยังโบราณสถานสำคัญแห่งที่สองของเมืองถูลู่ฟาน ก็คือ "เชียนฝอต้ง" หรือว่า "ถ้ำพระพันองค์" เป็นถ้ำที่ทางด้านพุทธศาสนิกชนได้สร้างเอาไว้ แต่ว่าโดนทำลายไปเสียเกือบหมด กระนั้นก็ยังมีการห้ามถ่ายรูปอยู่ดี กระผม/อาตมภาพนั้นค่อนข้างจะเป็นคนเชื่อฟัง เขาห้ามไม่ให้ถ่ายรูปก็ถ่ายแต่พองามเท่านั้น..!

แล้วก็มาเจอวณิพกรุ่นคนปู่กำลังเล่นซอหัวม้า ถามดูปรากฏว่าอายุ ๘๓ ปีแล้ว มาเล่นดนตรีเปิดหมวก กระผม/อาตมภาพจึงหย่อนลงไปให้ ๕๐ หยวน ทำเอาคุณปู่ดีอกดีใจ ส่ง "หมวกซงโก๊ะ" ของชาวอิสลามมาให้ใส่ ทำเอาญาติโยมร้องเสียงหลงว่า "ไม่สามารถจะใส่หมวกได้ เพราะว่าเป็นต้าซือ..!" แกก็เลยส่งเครื่องดนตรีประเภทตี คล้ายรำมะนาครึ่งใบมีห่วงเขย่าอยู่ด้วยมาให้แทน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-06-2025 เมื่อ 02:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #7  
เก่า 26-06-2025, 00:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,720
ได้ให้อนุโมทนา: 158,650
ได้รับอนุโมทนา 4,491,409 ครั้ง ใน 36,330 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

กระผม/อาตมภาพเองไม่อยากให้คนแก่เสียน้ำใจ ทั้งที่พระห้ามจับเครื่องดนตรีเหมือนอย่างกับห้ามรับเงิน ก็จับเอาไว้แล้วฟังคุณปู่ดีดซอหัวม้า ร้องเพลงพื้นเมือง ให้บรรยากาศเหมือนอยู่กลางทะเลทรายยามค่ำคืน มีคนและอูฐล้อมวงอยู่ข้างกองไฟ ผู้คนก็ดีดซอหัวม้า ร้องเพลงแก้เหงาแบบนี้นี่เอง แต่คุณปู่แกพยายามที่จะตอบแทนกระผม/อาตมภาพ ที่ให้ไปตั้ง ๕๐ หยวน ก็เลยร้องเพลงเสียยาวเหยียด ทำเอาพวกเราที่ยืนรอที่จะทำบุญด้วย ตัวแทบจะละลายหายเป็นอากาศไปเลย..!

เมื่อจบเพลงแล้ว ทุกคนก็หยอดเงินใส่หมวกให้คุณปู่ แล้วก็รีบเดินออกมา "คุณโบตั๋น" บอกว่าปู่แกเลิกงานวันนี้ไปเลย เพราะว่าโดยปกติแล้ว คุณปู่แกจะมาเปิดหมวกตอนเช้าประมาณ ๑๐ โมง แล้วก็รอจนกระทั่งช่วงบ่าย ๆ ซึ่งอากาศเริ่มเย็นลง นักท่องเที่ยวถึงจะมากัน ในเมื่อเป็นเช่นนั้น วันนี้ได้เงินไปพอเพียงแล้ว คุณปู่แกน่าจะเลิกงานไปเลย

พวกเราเดินตาม "น้องกิ๊ก" กลับออกมาทางด้านนอก ตอนขาลงนั้นลงบันไดไปก็ไม่ได้คิด แต่ตอนขาขึ้นเพิ่งจะรู้ว่าบันไดทำไมถึงไกลขนาดนั้น ? อากาศก็ร้อนเหลือใจ พวกเราเดินออกมาผ่านร้านขายของที่ระลึก ถามหาห้องน้ำ ปรากฏว่าบรรดาร้านขายของก็ชี้สุดแขนไปทางซ้าย เมื่อเดินตรงไปถึงได้รู้ว่าไม่ได้อยู่ในร้านแบบที่อื่น ๆ แต่เป็นห้องน้ำที่แยกต่างหากออกไป ทางด้านที่มีรถมอเตอร์ไซด์ลุยทราย น่าจะเอาไว้ให้คนเช่าขับ เมื่อเห็นว่าไกลขนาดนั้น กระผม/อาตมภาพจึงสละสิทธิ์ไม่ไปห้องน้ำ หากแต่ว่ากลับไปขึ้นรถเลย..!

"อาหมิง" พาวิ่งมาไม่ไกลก็ถึงบริเวณภูเขาเพลิง หรือว่า "ฮั่วกั่วซาน" ตามตำนานไซอิ๋ว ที่ซุนหงอคงต้องไปยืมพัดจากเจ้าแม่พัดเหล็กมาทำการพัดไฟให้ดับ เพื่อที่จะข้ามไปชมพูทวีปได้ ไฟที่ติดอยู่ก็ฝีมือพ่อเจ้าประคุณเองนั่นแหละ ตอนที่ขึ้นไปอาละวาดบนสวรรค์ ทำการกินบรรดาผลไม้เซียนต่าง ๆ เข้าไปเป็นสวน ทำให้ "ไท่เสียงเหล่าจวิน" โกรธมาก จึงได้จับหงอคงโยนเข้าเตาปรุงยา เพื่อที่จะต้มหงอคงให้ฤทธิ์ยาออกมาให้ได้..!

แต่อีกฝ่ายกินผลไม้วิเศษเข้าไปมากมาย ไฟก็เลยทำอะไรไม่ได้ แถมยังดิ้นตึงตังโครมคราม จนเตาปรุงยาหกล้มลงมา ทำเอาสะเก็ดไฟตกลงยอดเขาแห่งนี้ ติดอยู่ไม่มีวันที่จะดับ..! จนกระทั่งหงอคงมาเป็นลูกศิษย์พระถังซัมจั๋ง นำเอาพัดเหล็กที่ยืมมาจากนางพญาพัดเหล็กไปพัด ถึงได้ดับไฟนั้นลงได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-06-2025 เมื่อ 02:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #8  
เก่า 26-06-2025, 01:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,720
ได้ให้อนุโมทนา: 158,650
ได้รับอนุโมทนา 4,491,409 ครั้ง ใน 36,330 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พวกเราตีตั๋วเข้าไปทางด้านใน ถ่ายรูปหมู่แล้วก็เดินเข้าไปในห้องนิทรรศการ ซึ่งมีทั้งภาพแกะสลัก มีทั้งภาพเขียน มีทั้งรูปหล่อตัวบุคคล ตลอดจนกระทั่งสถานที่ต่าง ๆ ตามตำนานไซอิ๋ว ข้างในนี้เย็นมาก ๆ เพราะว่าติดเครื่องปรับอากาศไว้ ทำเอาทุกคนแทบไม่อยากไปไหน เดินไปได้ครู่หนึ่ง กระผม/อาตมภาพก็เจอซุนหงอคงและตือโป๊ยไก่ ยืนตะโกนเรียก "ซืออออฝู่" อยู่ไม่ไกล

เมื่อกระผม/อาตมภาพเดินเข้าไป ทั้งสองทำท่าก็ดีอกดีใจ เต๊ะท่าให้พวกเราถ่ายรูปอย่างดี แต่ขอโทษเถอะ..เจ้าศิษย์ทั้งสองดันทรยศ เรียกค่าถ่ายรูป ๒๐ หยวน แถมยังให้สแกนได้อีกด้วย..! แต่ว่า "น้องไก่" รีบควักกระเป๋าให้ไป ๒๐ หยวน จึงเป็นอันว่าไม่ต้องเสียเวลาไปสแกนกัน

พวกเราเดินทะลุออกมาทางด้านนอก ตอนนี้เป็นเวลาเกือบบ่ายโมงแล้ว ปรากฏว่าพ่อซุนหงอคงตัวจริง ไม่ทราบว่าทำกระบองค้ำสมุทรของตนเอง หล่นปักอยู่ตรงนั้นเมื่อไร ? กลายเป็นเทอร์โมมิเตอร์ ซึ่งตอนนี้อุณหภูมิพุ่งปรี๊ดไปถึง ๕๓ องศาเซลเซียส..! แต่กระผม/อาตมภาพกลับไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย ขณะที่คนอื่นทำท่าจะตายเสียให้ได้..!

"ท่านอูฐ" บอกว่า "เจ้าแตงนั่นแหละครับช่วยเอาไว้" กระผม/อาตมภาพถึงได้รู้ว่าการกินของเย็นในสถานที่ร้อนขนาดนี้ เป็นเรื่องที่ช่วยได้จริง ๆ ถ้าในเวลาปกติ ก็คงมาลาเรียกำเริบไปแล้ว..! แต่นี่กินแตงชิ้นเบ้อเริ่มเข้าไป มายืนอยู่กลางอากาศ ๕๓ องศาเซลเซียสแบบ "ชิล" มาก แทบจะไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย..!

จากนั้นก็เดินขึ้นบันไดชั้นบนไปถ่ายรูปเจ้าพ่อกระทิงทอง นางพญาพัดเหล็ก ตลอดจนกระทั่งพระถังซัมจั๋งและลูกศิษย์ทั้งสาม แต่เจ้าประคุณเถอะ..บรรดาคนจีนทั้งหลายไม่มีความเกรงใจกันเลย ถึงเวลากูก็พุ่งเข้าใส่ คนอื่นจะถ่ายรูปไม่ถ่ายรูปกูไม่สนใจ ขอให้กูถ่ายรูปได้ก็แล้วกัน กระผม/อาตมภาพไม่อยากรบราฆ่าฟันกับกองทัพแดง จึงได้ย้อนกลับลงมาทางด้านล่าง เดินวนกลับออกไปทางที่จอดรถยนต์ของพวกเรา

เมื่อมากันครบถ้วนแล้ว "อาหมิง" ก็พาพวกเราวิ่งไปยังภัตตาคาร ซึ่งวันนี้พวกเราได้กินอาหารตามเวลาของคนถูลู่ฟาน ก็คือบ่ายโมงครึ่ง ก็ถือว่าเป็นการกินเร็วไปเสียด้วย เพราะที่นี่เขากินกันตอนบ่ายสองโมง..! อาหารวันนี้มีเนื้อแกะเหมือนเดิม แต่ว่าอร่อยกว่าวันก่อนมาก จึงมีหลายคนทดลองชิมไปเหมือนกัน มาที่นี่สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือแตงโมที่จะต้องมีทุกมื้อ และสิ่งที่ภัตตาคารนี้ทำเอาพวกเราชอบใจก็คือ มีน้ำอัดลมและน้ำแข็งให้ด้วย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-06-2025 เมื่อ 02:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #9  
เก่า 26-06-2025, 01:02
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,720
ได้ให้อนุโมทนา: 158,650
ได้รับอนุโมทนา 4,491,409 ครั้ง ใน 36,330 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หลังจากที่กินข้าวกินปลากันเสร็จเรียบร้อย พวกเราก็เดินทางต่อไป เพื่อดูระบบประปาโบราณที่เรียกว่า "คานเอ่อร์จิ่ง" ซึ่งเป็นความรู้ที่คนโบราณชักเอาน้ำจากภูเขาหิมะเทียนซาน ผ่านภูเขาเพลิงฮั่วกั่วซานลงมาจนกระทั่งถึงเมืองถูลู่ฟาน เป็นการขุดอุโมงค์ประปาใต้ดินนับเป็นพันสาย..!

ต้องบอกว่าสุดยอดของความทรหดอดทน มีการใช้เทคนิคแบบโบราณ ก็คือใช้ไฟสามดวง จุดอยู่ห่าง ๆ กัน เล็งดูว่าแนวตรงกันหรือไม่ ? หรือไม่ก็ต่างคนต่างใช้ไม้ชี้เข้าหากัน เพื่อดูว่าตรงแนวหรือไม่ ? นับเป็นงานที่ยิ่งใหญ่มหึมามาก เนื่องเพราะว่าเป็นของที่สร้างมาเป็นพันปีแล้ว แต่ว่ายังใช้งานจริงอยู่ถึง ๗๐๐ กว่าอุโมงค์..!

พวกเราซื้อตั๋วแล้วเดินเข้าไปทางด้านใน ถ่ายรูปหมู่กันด้านหน้า จากนั้นก็เดินเข้าไปดูสถานที่ซึ่งเป็นสถานที่จริง น้ำที่ไหลจากภูเขาหิมะนั้น เย็นเหมือนอย่างกับน้ำที่ออกมาจากตู้เย็นเลยทีเดียว..! เมื่อพวกเราเดินดูบริเวณที่เขาเปิดไว้บ้าง ปิดไว้บ้าง เพื่อให้เห็นว่าเส้นทางน้ำเป็นอย่างไร ระบบประปาโบราณคานเอ่อร์จิ่งนี้ เป็นสิ่งก่อสร้างโบราณที่ได้รับความเคารพนับถือและใช้งานมาถึงปัจจุบัน คล้ายคลึงกับการสร้างกำแพงเมืองจีนเลยทีเดียว

เมื่อเดินจนกระทั่งสุดเขตแล้ว พวกเราก็เดินเข้าไปยังสวน "ผูเถาโกว" ซึ่งเป็นสวนองุ่น ทำการปลูกองุ่นอยู่ ณ ที่นี้ แล้วมีการสาธิตการตากองุ่นแห้งหรือลูกเกดให้ดูด้วย วันก่อนที่เมืองตุนหวง กระผม/อาตมภาพซึ่งรับฝาก "หม่าม้า" (นางสาวไพรินทร์ สุวิชชาญพันธุ์) หรือที่คนจำนวนหนึ่งเรียกว่า "มาดามชวง" ให้ช่วยซื้อลูกเกดชนิด "หงเซียงเฟย" ก็คือ "นางสนมหอมสีแดง"

ปรากฏว่ามีคนทักท้วงว่า ให้มาที่สวนผูเถาโกวแห่งนี้แล้วค่อยซื้อดีกว่า เพราะว่าอยู่ในสถานที่เลย น่าจะราคาถูกกว่ามาก แต่พอมาแล้วก็เจอ "แห้ว" ไปเต็มรถ เนื่องเพราะว่าองุ่นที่นี่เพิ่งจะลูกเท่าปลายนิ้วก้อยเท่านั้นเอง เขาบอกว่า ต้องอีกประมาณหนึ่งเดือนถึงจะเก็บได้..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-06-2025 เมื่อ 02:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #10  
เก่า 26-06-2025, 01:05
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,720
ได้ให้อนุโมทนา: 158,650
ได้รับอนุโมทนา 4,491,409 ครั้ง ใน 36,330 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเมื่อไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ พวกเราจึงเดินมาด้านทางออก ที่ผ่านร้านขายยาสมุนไพรจีน มีเห็ดหลินจือชิ้นใหญ่เกือบเท่าหน้าโต๊ะ..! ไม่ทราบเหมือนกันว่าอายุกี่ร้อยกี่พันปีอยู่ด้วย นอกนั้นก็เป็นสินค้าที่ระลึกทั่ว ๆ ไป

กระผม/อาตมภาพเดินหาห้องน้ำ แต่หาไม่เจอ น้องเล็กที่เดินตามมาก็หาไม่เจอเช่นกัน จนกระทั่งป้าศุ (นางศุภากาญจน์ หว่อง) ชวนให้เดินออกไปทางด้านนอก จนกระทั่งถึงประตูทางออกแล้ว น้องเล็กก็โทรมาบอกว่าเจอห้องน้ำแล้ว กระผม/อาตมภาพจึงเดินย้อนกลับเข้าไปคนเดียว

เมื่อไปจวนจะถึงก็สวนกับ "น้องกิ๊ก" อีกฝ่ายบอกว่าด้านนอกก็มี กระผม/อาตมภาพจึงตามออกมาจนกระทั่งถึงบริเวณทางออก "น้องกิ๊ก" ตะโกนถามเจ้าหน้าที่ อีกฝ่ายบอกว่าห้องน้ำอยู่ด้านใน..! กระผม/อาตมภาพได้แต่ปลงอนิจจัง นี่ถ้าปวดกว่านี้หน่อย ตูก็คงจะฉี่ราดตรงนี้เลย..!

ว่าแล้วก็เดินย้อนกลับเข้าไปทางด้านใน เข้าห้องน้ำแล้วถึงได้ออกมา แต่ยังถึงรถก่อน เนื่องเพราะว่าน้องเล็กและคุณนายสมหวังต่างคนต่างเดินหากัน เมื่อคนหนึ่งเดินเข้า คนหนึ่งเดินออก คนหนึ่งเดินออก คนหนึ่งเดินเข้า ก็เลยหากันไม่เจอเสียที..!

จากบริเวณนั้นพวกเราก็มุ่งตรงไปยังเมืองหลวงของแคว้นซินเจียง ก็คืออูลู่มู่ฉี ในระหว่างที่วิ่งหลับ ๆ ตื่น ๆ ไปนั้น "ท่านอูฐ" ก็บอกว่าอีกสักครู่หนึ่งจะถึงที่พักรถ ตามกำหนดกฎหมายของเมืองจีน ที่นั่นมีลูกเกดหงเซียงเฟยขาย ต้องแวะให้ได้ เมื่อคุณโบตั๋นถามว่า "หลวงพ่อจะแวะหรือไม่ ? ข้างหน้ามีจุดจอดรถ" กระผม/อาตมภาพจึงรีบรับปาก เมื่อจอดลงไป ทุกคนก็ร้องโอ้โฮ..! เพราะว่าเป็นห้างสรรพสินค้าใหญ่โตมโหฬาร ห้องน้ำก็กว้างใหญ่ไพศาล สะอาดสะอ้านมาก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-06-2025 เมื่อ 02:52
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #11  
เก่า 26-06-2025, 01:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,720
ได้ให้อนุโมทนา: 158,650
ได้รับอนุโมทนา 4,491,409 ครั้ง ใน 36,330 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อเข้าห้องน้ำกันแล้ว "ท่านอูฐ" ก็สะกิดให้ดูร้านค้าแห่งนั้น กระผม/อาตมภาพไม่แน่ใจ จึงหันมาถามน้องเล็ก อีกฝ่ายหนึ่งพยายามสะกดภาษาจีน ได้คำว่า "หง" คำเดียว จึงหันไปหาจนกระทั่งเจอคุณโบตั๋น ถามว่าใช่ลูกเกดหงเซียงเฟยหรือไม่ ? คุณโบตั๋นบอกว่าใช่ กระผม/อาตมภาพจึงสั่งมา ๒ จิน ก็คือ ๑ กิโลกรัม ซึ่งโดยปกติแล้ว การตักก็ไม่ค่อยจะแม่นยำนัก เมื่อไปชั่งเครื่องอัตโนมัติ คำนวณราคาออกมา จึงเกินไปประมาณ ๒ หยวนกว่า

กระผม/อาตมภาพกำลังที่จะควักกระเป๋าจ่าย พอดีนายไก่ (ฐนชล ทิมแสง) มัคคุเทศก์ของเติมเต็มทราเวลมาถึงพอดี จึงช่วยต่อรองให้ จนกระทั่งเหลือ ๙๐ หยวนถ้วน ๆ ทำเอาคนอื่นที่ซื้อตามมา ต่างคนต่างก็ได้ราคาถูกไปตาม ๆ กัน ท้ายที่สุดก็มึงบ้างกูบ้าง คนจีนเห็นเราซื้อรู้ว่าของดีก็แห่กันซื้อบ้าง จนกระทั่งหงเซียงเฟยของร้านนี้หมดเกลี้ยงเหลือแต่กะบะเปล่า ๆ..! ครั้นไปดูร้านอื่นก็มีอยู่ ๑ ร้านซึ่งมีกะบะหนึ่ง แต่ว่าที่นี่ขายถึง ๑๐๐ หยวน..! ทำเอาพวกเราเดินถอยกันออกมา

กลับขึ้นรถได้ก็วิ่งยาว ๆ ไป "น้องกิ๊ก" เห็นว่าพวกเราซื้อข้าวของกันดีมาก จึงงัดเอาโบรชัวร์และสินค้าตัวอย่างมาให้ มีทั้งของกิน มีทั้งครีม มีทั้งน้ำหอมอะไรเหล่านี้เป็นต้น แต่ละคนชอบใจอะไรก็จดกันเอาไว้ เป็นเงินเท่าไร เดี๋ยวค่อยไปควักกระเป๋าให้ หลังจากที่สินค้ามาถึงแล้ว

ด้วยความสนุกเฮฮาในการขายของ แซวกันแหลกลาญอยู่บนรถ จึงทำให้ไม่ทันรู้สึกตัว ประมาณ ๑ ทุ่มครึ่งของเมืองจีน พวกเราก็มาถึงโรงแรมใหญ่โตมโหฬาร ก็คือโรงแรมฮิลตันเมืองอูลู่มู่ฉี เมื่อเข้าห้องพักเรียบร้อยแล้ว เห็นว่ามีอ่างอาบน้ำด้วย กระผม/อาตมภาพจเปิดน้ำร้อนเอาไว้ก่อน หลังจากนั้นก็จัดการลอกคราบตัวเอง แล้วมาบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เพื่อให้ทุกคนได้ฟังอยู่ในขณะนี้

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพุธที่ ๒๕ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-06-2025 เมื่อ 02:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 14:23



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว