กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๘ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมิถุนายน ๒๕๖๘

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 22-06-2025, 19:25
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 11,070
ได้ให้อนุโมทนา: 225,667
ได้รับอนุโมทนา 807,251 ครั้ง ใน 39,704 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๖๘

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๖๘


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 23-06-2025, 00:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,712
ได้ให้อนุโมทนา: 158,648
ได้รับอนุโมทนา 4,491,123 ครั้ง ใน 36,321 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๒๒ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ อากาศที่เมืองจางเยว่อยู่ที่ ๑๔ องศาเซลเซียส ด้วยความที่อยู่ในห้องพัก จึงไม่ค่อยรู้สึกรู้สาอะไร

เมื่อจัดการกับธุระส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว เวลา ๖ โมงครึ่งกระผม/อาตมภาพก็ลงไปยังห้องอาหารข้างล่าง แต่ว่าเจ้าหน้าที่น่าจะเป็นลูกศิษย์ของ "ท่านเปา" ก็เลยไม่ยอมให้เข้าห้องอาหารก่อนเวลา ด้วยความที่ว่าห้องอาหารเปิดตอน ๗ โมงเช้า พวกเรานั่งรอจนห้องอาหารเปิด จึงเอาบัตรไปยื่นให้คุณเธอแล้วค่อยเข้าไปตักอาหาร แต่ด้วยความที่ว่าโรงแรมนี้มีนักท่องเที่ยวจีนพักอยู่เป็นจำนวนมาก ทันทีที่กระผม/อาตมภาพเข้าไปตักอาหาร ก็มีคนจีนทั้งหลายส่งเสียงล้งเล้งไล่หลังมาทันที เมื่อไปหาที่นั่งเสร็จ ทั้งห้องอาหารก็แน่นไปหมดแล้ว

เรื่องของการรบราฆ่าฟันนี้ ประชากรจีนมีความชำนิชำนาญมาตั้งแต่โบราณ จึงสามารถสร้างอาณาจักรหัวเซี่ยได้ใหญ่โตมโหฬารขนาดนี้ พวกเราที่เป็นประเทศเล็ก ๆ อยู่ห่างไกลความเจริญ ย่อมไม่สามารถที่จะ "สู้รบปรบมือ" กับประเทศมหาอำนาจแบบนี้ได้..!

เมื่อรับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว กระผม/อาตมภาพก็คืนกุญแจห้อง แล้วเดินออกไปทางด้านนอกพร้อมกระเป๋าเตรียมที่จะไปรอรถ แต่ปรากฏว่ารถของเรามาถึงแล้วอีกตามเคย จึงเอากระเป๋าไปไว้ยังที่นั่ง แล้วลงมาถ่ายรูปบรรดารถส่วนตัวสวย ๆ ของนักท่องเที่ยวชาวจีน แต่ดูแล้วดูอีกก็ยังสงสัยว่า คนจีนสมัยนี้ไม่ถือสาเลยหรืออย่างไร ? รถที่จอดอยู่นั้น ๗๐ - ๘๐ เปอร์เซ็นต์เป็นสีดำทั้งสิ้น..!

เมื่อพวกเรามากันพร้อมแล้ว พลขับก็นำพวกเรามุ่งตรงไปยังอุทยานจางเยว่ คุณโบตั๋นจัดการให้ข้อมูลที่ท่องมาทั้งคืน บอกว่าเขาโหลดมาให้ เป็นตัวหนังสือโคตรจะเล็กเลย..! พวกเราฟังข้อมูลยังไม่ทันจะจบก็มาถึงอุทยานแล้ว ทำการซื้อตั๋วแล้วก็ตรงเข้าไปยังจุดที่ ๑ ซึ่งหนทางนอกจากจะค่อนข้างชันแล้ว ยังไกลอีกต่างหาก โดยที่เราถ่ายรูปหมู่กันก่อน พร้อมกับชี้จุดนัดพบบริเวณหน้าห้องน้ำ จากนั้นก็ปล่อยให้ฟรีสไตล์ ใครย้อนกลับลงมาก่อนก็กรุณารอคนอื่นอยู่ตรงนี้ด้วย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-06-2025 เมื่อ 09:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 23-06-2025, 00:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,712
ได้ให้อนุโมทนา: 158,648
ได้รับอนุโมทนา 4,491,123 ครั้ง ใน 36,321 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แดดวันนี้จัดจ้าดีมาก กระผม/อาตมภาพอดไม่ได้ที่ต้องขอบคุณขอบใจ "ท่านอูฐ" และบริวาร ถ้าขืนให้ฝนกระหน่ำแบบเมื่อวานนี้ มีหวังงานกร่อยแน่นอน พวกเราเดินหามุมถ่ายรูป ซึ่งถ้าถ่ายรูปไม่เป็นก็มีช่างมีอาชีพที่มาตั้งบูธรอถ่ายรูปอยู่แล้ว ร้านของเขาก็เป็นรูปอูฐหมอบอยู่สองร้าน ดูแล้วน่ารักมาก ๆ เพียงแต่ว่าจุดที่ ๑ นี้ ความงามยังไม่ถึงที่สุด เพียงแต่เห็นภูเขาหินเป็นชั้นสารพัดสีที่ค่อนข้างจะจางเท่านั้น จุดที่เห็นชัดที่สุดคือบริเวณที่มีรั้วกระจกกั้น แต่อยู่ในจุดที่ย้อนแสงพอดี จึงไม่สามารถที่จะถ่ายรูปได้ถนัด

กระผม/อาตมภาพอาศัยการเดินทักษิณาวัตร วนขวาโดยตลอด จนกระทั่งขึ้นไปจุดสูงสุด ทำการถ่ายวิดีโอมาฝาก FC วัดท่าขนุน แล้วก็เห็นพี่วิไล (นางสาวณัฐรดา ภูมิธเนศ) กับคุณณรงค์ (นายฑนดล ภูมิธเนศ) ที่อุตส่าห์ขึ้นมา

ปรากฏว่าคุณโบตั๋นประคับประคองพี่วิไลขึ้นไปจนเกือบถึงจุดสูงสุด เจอกระผม/อาตมภาพเดินลงมาจึงได้บอกว่า "กลับกันเถอะ ข้างบนไม่มีอะไรน่าสนใจหรอก" แต่ว่าสิ่งที่เห็นน่าจะเป็นความลับของเขา ก็คือมีกล้องวงจรปิดซ่อนอยู่ทุกซอกทุกมุม แถมยังมีลำโพงสั่งการเจ้าหน้าที่ต่าง ๆ ของเขาให้ทำความสะอาดสถานที่ เก็บขยะ เช็ดถูขอบรั้วอีกด้วย

เมื่อเดินลงมาแล้ว พวกเราก็ลงไปรอกันอยู่ที่ศาลาขอพร ก่อนที่จะเข้าห้องน้ำ แล้วก็ขึ้นรถยนต์ของทางอุทยาน เพื่อที่จะไปยังจุดต่อไป คุณโบตั๋นบอกพวกเราว่าให้ข้ามจุดที่ ๒ และจุดที่ ๓ ไปเลย เพราะว่าจุดที่สวยที่สุดอยู่ที่จุดที่ ๔ และเป็นจุดที่ใหญ่ที่สุดด้วย

เมื่อไปถึง "ท่านอูฐ" บอกว่าให้ถ่ายรูปกันบริเวณหัวกวางจะเป็นจุดที่สวยมาก เมื่อถามคุณโบตั๋น อีกฝ่ายหนึ่งก็งง ๆ บนพึมพำว่า "ลู่โถว..ลู่โถว" ประมาณว่า "หัวกวาง..หัวกวางอะไรวะ ?" กระผม/อาตมภาพจึงต้องให้ท่านเจ้าประคุณชี้ทาง แล้วนำพวกเราไปเอง ปรากฏว่ามีหัวกวางทำด้วยโลหะขนาดใหญ่อยู่จริง ๆ ทุกคนจึงเฮกันด้วยความชอบใจ ที่มัคคุเทศก์ซึ่งมองไม่เห็นตัว เก่งกว่ามัคคุเทศก์ท้องถิ่นเสียอีก..!

เมื่อถ่ายรูปกันแล้วทางทัวร์ก็ปล่อยฟรีสไตล์ ให้เวลา ๑ ชั่วโมง แต่พวกเราต้องไปรบราฆ่าฟันกับลูกหลานของเจงกิสข่าน ตลอดจนกระทั่งบรรดาชาวหัวเซี่ยทั้งหลาย แทบจะหามุมถ่ายรูปไม่ได้ เพราะว่าเขาถ่ายกันแบบไม่เกรงใจ เราถ่ายรูปอยู่ เขาก็เดินเบียด เดินกระแทก เดินตัดหน้ากล้องหน้าตาเฉย..! กว่าที่พวกเราจะหาจุดถ่ายรูปกันได้ก็แทบจะท้อใจไปตาม ๆ กัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-06-2025 เมื่อ 02:19
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 23-06-2025, 00:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,712
ได้ให้อนุโมทนา: 158,648
ได้รับอนุโมทนา 4,491,123 ครั้ง ใน 36,321 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ทางด้านบนยังมีภูเขาที่มีรูปลักษณะเหมือนเต่าทะเล มีช่วงภูเขาหินที่ลาย ๆ เหมือนอย่างกับหลังเต่ากระ และตรงยอดเขาที่ยื่นขึ้นมาเหมือนหัวเต่าอีกด้วย แต่บริเวณที่บอกว่าเป็น "มังกรพ่นไฟ" นั้น กระผม/อาตมภาพเห็นแต่พื้นสูง ๆ ต่ำ ๆ สีค่อนข้างแดงเท่านั้น และมีหมู่อูฐอยู่ไกลลิบ ๆ เมื่อตั้งใจจะเดินไปถ่ายรูปอูฐ เจ้าหน้าที่บอกว่า"ไกลมาก เวลาที่เหลือคุณเดินไม่ถึงหรอก" พวกเราจึงต้องเดินย้อนกลับมา แทนที่จะรออยู่บริเวณจุดนัดพบ ทุกคนก็ไปกระจายรายได้ ช่วยยกระดับเศรษฐกิจท้องถิ่นเป็นการใหญ่..!

จนกระทั่งพร้อมแล้ว คุณโบตั๋น อาเหมย และคังคัง ได้พาพวกเรานั่งรถยนต์ขาออก ทำให้ได้เห็นการท่องเที่ยวแบบคนรวย ก็คือเขามีการขี่เฮลิคอปเตอร์ขึ้นไปชมบริเวณจุดที่ ๒ ด้วย พวกเรามีเวลาถ่ายรูปกันตรงจุดที่ ๒ แค่ ๑๐ นาที ซึ่งต้องรบราฆ่าฟันกับชาวจีนไป ๘ นาทีเป็นอย่างน้อย..!

จากนั้นก็เดินตรงไปยังทางออก ซึ่งผ่านบรรดาร้านขายของที่ระลึกต่าง ๆ แต่ว่าพวกเราไม่สนใจแล้ว เนื่องเพราะว่าเป็นเวลา ๑๑ โมงกว่า จึงมุ่งตรงไปยังร้านอาหารที่ได้จองเอาไว้ แทนที่เขาจะให้อยู่ทางด้านนอก กลายเป็นห้องพิเศษหมายเลข ๙ เลขมงคลเสียด้วย..!

พวกเราเข้าไปคุยกันสารพัดเรื่องที่ตบมุกหลอกน้องพอร์ช (เด็กชายเสฏฐ์ ชาครวิโรจน์) ลูกของคุณดาหวัน (นางสาวเพชรดาวัลย์ พัสลุผล) ซึ่งเรียนโรงเรียนนานาชาติแล้วพูดภาษาไทยไม่แข็งแรง คุณโบตั๋นยังพูดภาษาไทยเก่งกว่าเสียอีก ถึงเวลาเล่นมุกอะไรที่เป็นภาษาไทย คุณน้องก็ไม่เข้าใจเลยว่านี่คือ "แก๊ก" ของภาษาอังกฤษ ก็เลยตั้งหน้าตั้งตาซักถามแบบเอาจริงเอาจังมาก ทำเอาบรรดาลุงป้าน้าอาหัวเราะกันกลิ้งอยู่ตรงนั้นเอง..!

เมื่อถึงเวลาอาหารก็ทยอยกันมา จานแรกก็ทำเอาหมอมุก (นางสาวรุจิรา งามพฤกษ์วานิชย์) กระพริบตาปริบ ๆ เพราะว่ามันก็คือ "หมูน้ำแดงซูตงโป" ที่พวกเราทุกคนเฮเข้าไปลุยกันอย่างรวดเร็ว หลังจากที่กระผม/อาตมภาพทำการประเดิมแล้ว แต่ว่าคุณหมอมุกอยู่ในช่วงที่ลดน้ำหนัก อาจจะทำตาปริบ ๆ แอบชิมอยู่บ้าง แต่ก็ไม่กล้ากินเต็มที่นัก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-06-2025 เมื่อ 02:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 23-06-2025, 00:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,712
ได้ให้อนุโมทนา: 158,648
ได้รับอนุโมทนา 4,491,123 ครั้ง ใน 36,321 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

กับข้าววันนี้มี ๑๐ อย่างเช่นเคย แล้วก็อร่อยไปเสียทุกอย่าง มีอยู่อย่างเดียวก็คือน้ำแกงผักกาดขาวใส่หมูสับ ที่เขาเรียกว่า "ลูกชิ้นหัวสิงโต" เจ้าหัวสิงโตดันไปซ่อนอยู่ข้างล่าง แล้วทัพพีที่ตักก็ใหญ่เหลือเกิน ไม่สามารถจะคุ้ยลงไปถึงด้านล่างได้ เมื่อวนผ่านตรงหน้า กระผม/อาตมภาพก็เลยใช้ตะเกียบคีบเอาลูกชิ้นหัวสิงโตขึ้นมากินเองเสียเกือบหมด..!

เมื่ออิ่มหนำสำราญกันดีแล้ว ก็ไปเข้าห้องน้ำแล้วก็กลับมาขึ้นรถของเราที่รออยู่ พลขับพาพวกเราวิ่งขึ้นทางด่วน ซึ่งต้องรัดเข็มขัดกันทุกคน ไม่เช่นนั้นถ้ากล้องวงจรปิดบนถนนถ่ายติดเมื่อไร มีหวังโดนยึดใบขับขี่แน่นอน..! ใช้เวลาหลับ ๆ ตื่น ๆ อยู่ประมาณ ๓ ชั่วโมง กว่าที่เราจะลงจากทางด่วน เพื่อเข้าสู่เมืองเจี่ยยวี่กวน ซึ่งพลขับก็อุตส่าห์พักให้พวกเราเข้าห้องน้ำกันให้เรียบร้อยก่อนที่จะวิ่งเข้าเมืองไป

เมืองเจี่ยยวี่กวน ทั้ง ๆ ที่เป็นเมืองกลางทะเลทราย แต่เขาก็ปลูกต้นไม้ไว้ได้เขียวขจีมาก พวกเราเข้าไปที่ลานจอดรถ เมื่อจอดเรียบร้อยแล้ว อาเหมยกับคังคังก็เดินนำพวกเราขึ้นไปยังบนถนนที่ยกสูงมาก ตรงไปยังอาคารหลัก ซึ่งมีทั้งร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหาร ห้องน้ำ และจุดจำหน่ายตั๋ว

ระหว่างที่รอจำหน่ายตั๋วนั้น เขาก็มีให้พวกเราไปดูวิดีโอกันก่อน แต่ปรากฏว่าวิดีโอแนะนำด่านเจี่ยยวี่กวนนั้น ค่อนข้างที่จะถ่ายได้หวือหวาฉวัดเฉวียนมาก เห็นแล้วปวดหัว แทนที่จะดูรู้เรื่องก็จะอาเจียนกันแทน..! จึงเดินออกมาเจอเด็กน้อยคนหนึ่ง นั่งทำการบ้านไปก็บ่นไป พวกเราก็เลยเข้าไปเล่นด้วย สอบถามดู ปรากฏว่าเป็นลูกของคนงานที่นี่เอง บอกว่าขนาดตามมาในวันหยุดก็ยังไม่ได้เที่ยวอะไร เพราะว่าแม่บอกให้ทำการบ้านให้เสร็จเสียก่อน เมื่อมีผู้รู้ไปชี้ว่าตรงนี้ทำผิด ไอ้หนูที่กำลังคุยจ๋อย ๆ อยู่ก็เฉาไปเลย รีบลบแล้วแก้ไขเป็นการใหญ่ ทำเอาพวกเราหัวเราะกันท้องคัดท้องแข็ง..!

เมื่อได้ตั๋วมาเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็ไปขึ้นรถไฟฟ้า เขาพาวิ่งเข้าไปในพื้นที่เมืองเจี่ยยวี่กวน ที่ค่อนข้างจะไกลทีเดียว บริเวณนั้นเป็นบริเวณเมืองเก่า หนทางที่วิ่งเข้าไปนั้น เขาพยายามปลูกผักปลูกหญ้า โดยเฉพาะดอกไม้ชนิดหนึ่งสีม่วง ที่พวกเราแซวกันว่าน่าจะเป็น "ทุ่งลาเวนเดอร์" ทางด้านนี้น่าจะเป็นช่วงที่กำลังพัฒนาพื้นที่กัน จึงยังมีคนงาน ตลอดจนกระทั่งเครื่องมือในการปลูกต้นไม้เยอะแยะไปหมด
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-06-2025 เมื่อ 02:29
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 23-06-2025, 01:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,712
ได้ให้อนุโมทนา: 158,648
ได้รับอนุโมทนา 4,491,123 ครั้ง ใน 36,321 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ครั้นพวกเราเข้าไปถึงข้างในแล้ว ก็จัดการถ่ายรูปหมู่กันเอาไว้ก่อน แล้วก็เดินเข้าไปเป็นระยะทางที่ค่อนข้างไกล การมาเมืองจีนนั้นที่ไม่ต้องเดินนั้นไม่มี มีแต่ว่าเดินมากและมากกว่า โดยเฉพาะวันนี้ ได้ยินว่าทางที่เราเดินนั้นประมาณ ๓ กิโลเมตร แปลว่าบุคคลที่เดินไม่ถนัดไม่สมควรที่จะมาเที่ยว..!

พวกเราต้องไปผ่านบริเวณด่านซึ่งมีเครื่องนับจำนวนคน อาเหมยจัดการเอาตั๋วของเราไปให้เขาสแกน เมื่อครบถ้วนแล้วพวกเราก็ผ่านเข้าไปด้านในหน้าประตูด่านที่ ๑ ซึ่งถ้าเราจะถ่ายรูปจากทางด้านนอกที่มีป้ายตัวหนังสือบอกอยู่ ก็เป็นการถ่ายรูปย้อนแสงเสียอีก จึงเดินเข้าไปทางด้านในแล้วค่อยถ่ายรูปกัน

จากนั้นก็ขึ้นบันไดไปยังด้านบน ทำให้มองเห็นว่ามีลักษณะของด่านซ้อนกันเป็นชั้น ๆ ถึง ๔ ประตูด้วยกัน ทางด้านส่วนกลางซึ่งปกติแล้วก็น่าจะเป็นสถานที่จัดกำลังพล หรือว่าฝึกหัดทหาร "ท่านอูฐ" บอกว่า ถ้าจำเป็นขึ้นมาก็เป็นที่หลับที่นอน ที่รักษาทหารซึ่งเจ็บไข้ได้ป่วยอีกด้วย

กระผม/อาตมภาพสอบถามแล้ว คุณโบตั๋นบอกว่าเดินได้แค่ครึ่งเดียว ซึ่งด้วยความที่ภาษาไทยของแกไม่แข็งแรง จึงไม่อธิบายว่าให้เดินแค่ครึ่งเดียว กระผม/อาตมภาพก็เลยเดินวนรอบด่านในรอบใหญ่ไปเลย ได้เห็นกำแพงด่านทางด้านนอก ซึ่งชำรุดทรุดโทรมอยู่มาก เมื่อเดินไปจนสุดทาง โดยที่มี "ท่านอูฐ" และบริวารนำทาง ทำให้รู้สึกว่าร่างกายแข็งแรงกระฉับกระเฉงขึ้นมา ประมาณว่าอายุ ๖๐ แล้วก็ยังสามารถขี่ม้ายิงเกาทัณฑ์ได้อย่างไรก็อย่างนั้น..!

ครั้นเดินวนจนครบรอบแล้ว ก็เจอคุณนายสมหวัง (นางสมหวัง งามพฤกษ์วานิชย์) กับหมอมุกเท่านั้นที่เดินตามมา แล้วหมอมุกก็ยังอุตส่าห์เมตตาถ่ายรูปให้ด้วย แต่อาจจะเป็นเพราะกล้องของกระผม/อาตมภาพถ่ายย้อนแสงแล้วไม่ดี คุณหมอก็เลยเล่นเอากล้องโทรศัพท์ชื่อดังของตนเองมาถ่ายให้ จากนั้นพวกเราก็เดินวนอีกครึ่งรอบเพื่อไปสมทบกับคณะ เพียงแต่ว่าเป็นการเดินย้อนกลับ เพราะว่าถ้าเดินวนทักษิณาวัตรอีก ทางด้านนั้นนักท่องเที่ยวจีนก็แน่นไปหมด
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-06-2025 เมื่อ 02:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #7  
เก่า 23-06-2025, 01:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,712
ได้ให้อนุโมทนา: 158,648
ได้รับอนุโมทนา 4,491,123 ครั้ง ใน 36,321 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อกลับมาถึง ทางด้านคุณโบตั๋นก็พาพวกเราเดินออกไปยังประตูชั้นแล้วชั้นเล่า ซึ่งมีกระทั่งศาลเจ้ากวนอูอยู่ด้วย ปรากฏว่ามาเจอนายด่านเตรียมตัวที่จะทำหนังสือผ่านแดนให้พวกเรา บรรดาคนจีนฮือเข้าไปจนมิดไปหมด พวกเราจึงเดินออกไปทางด้านนอกด่านก่อน ซึ่งถ้าเป็นสมัยก่อน ออกนอกประตูด่านตรงนี้ ก็แปลว่าออกนอกประเทศแล้ว ซึ่งโอกาสที่จะรอดชีวิตกลับมานั้นยากมาก..!

พวกเราจึงจับกลุ่มถ่ายรูปหมู่ทางด้านนี้ เพราะว่าแสงกำลังดี แล้วที่ขำที่สุดก็คือ ขณะที่กำลังตั้งท่าถ่ายรูป ก็มีขบวนบุคคลแต่งตัวแบบโบราณและทหารทั้งกองเดินเข้ามา ตากล้องจึงฉวยโอกาสถ่ายรูปตอนทหารเดินผ่านขบวนของเราด้วย ทุกคนหัวเราะเฮฮาชอบใจ เพราะว่าต่อให้จ้างอย่างไร ก็ไม่สามารถจะจ้างทหารทั้งกองมาเข้าฉากด้วยได้แบบนี้..!

บริเวณทางด้านนอกนั้น มีทั้งรถสำหรับบุกทะเลทรายแล้วก็อูฐอยู่เป็นจำนวนมาก ใครที่จะเช่าอูฐหรือเช่ารถ ก็สามารถที่จะเช่าได้เลย มองไปไกล ๆ เหมือนกับมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์อยู่อีกต่างหาก คุณโบตั๋นชี้ให้ดูจุดถ่ายรูปที่สวยที่สุด ซึ่งตอนนี้นักท่องเที่ยวชาวจีนรายล้อมกันแน่นไปหมด พวกเราต้องรอแล้วรออีก กว่าที่จะยึดพื้นที่มาจากประเทศจีนได้ ทำเอาทุกคนขำกันเป็นการใหญ่ บอกว่าวันนี้ "เราสามารถยึดด่านจากคนจีนได้ ตอนนี้ด่านเจียยวี่กวนเป็นของไทยแล้ว" ว่าแล้วก็จัดการถ่ายรูปกันจนกว่าจะเป็นที่พอใจ

จากนั้นคุณโบตั๋นบอกว่าจะกลับเข้าไปทำหนังสือผ่านแดนก่อน เพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึก เนื่องจากว่าไม่เคยเดินทางมาทางด้านนี้เลย และไม่รู้ว่าจะได้มาอีกหรือเปล่า ? แทนที่จะทำคนเดียวก็เลยกลายเป็นว่าทุกคนก็แห่กันเข้าไปทำด้วย โดยที่พี่วิไลมีปัญหาตรงที่ว่าบอกภาษาจีนไปแล้ว เขาไม่เข้าใจ เนื่องจากว่าพี่แกใช้ "แซ่ด่าน" ของคนไหหลำ

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ก็ต้องเปลี่ยนจากแซ่ด่านมาเป็นแซ่ตั้งของแต้จิ๋วก่อน แต่ปรากฏว่านายไก่ (นายฐนชล ทิมแสง)มัคคุเทศก์ของเราดันไปบอกว่า "แซ่ตั้ง" ทำเอานายด่านแกงง ๆ กระผม/อาตมภาพจึงต้องบอกว่า "แซ่เฉิน" อีกฝ่ายถึงได้ร้องอ๋อ แล้วก็ออกหนังสือผ่านแดนในนามของ "เฉินจินอวี๋" ให้กับพี่วิไล
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-06-2025 เมื่อ 02:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #8  
เก่า 23-06-2025, 01:11
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,712
ได้ให้อนุโมทนา: 158,648
ได้รับอนุโมทนา 4,491,123 ครั้ง ใน 36,321 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ส่วนของคุณดาหวันกับน้องพอร์ชซึ่งต้องใช้ภาษาอังกฤษแทน นายด่านแกเก่งมาก สามารถเขียนภาษาอังกฤษออกมาในสไตล์จีนได้ด้วย ท้ายที่สุดก็เลยควักกระเป๋าของแทบทุกคนภายในคณะไปได้ โดยมีหมอมุกคนเดียวที่ยืนมองพวกเราแบบไร้อารมณ์ กระผม/อาตมภาพเองก็ไม่ต้องการหนังสือผ่านด่านเหมือนกัน เพราะกลัวว่าเขาจะเนรเทศไปชนิดไม่ยอมให้กลับเข้าด่านแล้วจะซวยไม่รู้จบ..! แม้ว่าจะมีคนเต็มใจจ่ายเงินให้ก็ไม่ทำ

แล้วพวกเราก็เดินย้อนกลับมาทางด้านนอก จนกระทั่งมาขึ้นรถ ปรากฏว่ารถไฟฟ้าในครั้งนี้ทำไมวิ่งนิ่มกว่าตอนแรกมาก ? พวกเราดูแล้ว ตอนแรกกระผม/อาตมภาพบอกว่าเป็นหมา แต่หมอมุกรีบค้าน บอกว่าน่าจะเป็นอูฐ เพราะว่ามีโหนกอยู่บนหลังคาด้วย แต่เมื่อวิ่งตามคันอื่นแล้วมองบั้นท้ายดู คล้าย ๆ น้องหมูเด้งอีกต่างหาก น่าจะเป็นสมเสร็จชนิดใหม่ จนกระทั่งเขามาส่งที่ปากทางออกแล้ว ถึงได้เห็นว่าเป็นรูปอูฐยิ้มขนตางอนเช้งเลยทีเดียว..!

กระผม/อาตมภาพไปไหนก็ตาม จะสามารถจำทางได้เกิน ๘๐ เปอร์เซ็นต์ จึงเดินนำลิ่ว ๆ กลับมาขึ้นรถก่อนใครเพื่อน เนื่องเพราะว่าต้องการที่จะฉันน้ำร้อนที่ติดอยู่บนรถนั่นเอง เมื่อฉันน้ำร้อนแล้ว ก็แจ้งกับทุกคนว่าให้เข้าห้องพักเสียก่อน เพราะว่าวันนี้กระผม/อาตมภาพยังมีรายการเสียงธรรมจากมหาจุฬาอาศรมรออยู่อีก ๓ ชั่วโมง ทุกคนเลยทำหน้าตกใจ โดยเฉพาะเมื่อทราบว่ากระผม/อาตมภาพเป็น "โป๋ซือ" ซึ่งก็คือผู้จบปริญญาเอกแล้วของคนจีน แล้วยังมีคนบอกว่าจบไปสองใบ..! ทำเอาอาเหมยกับคังคังตีหน้าพิกล ประมาณว่าตัวเองกว่าจะจบปริญญาตรีได้ก็แทบตาย หลวงพ่อแก่จนป่านนี้ จบปริญญาเอกไปสองใบ แถมยังขยันเรียนอีกต่างหาก..!

พวกเราวิ่งมาไม่กี่นาทีก็ถึงโรงแรมที่พัก ปรากฏว่าทุกคนอยู่ชั้น ๑๑ เหมือนกันหมด แล้วขณะเดียวกัน ก็ไม่มีอ่างน้ำร้อนให้อีกตามเคย กระผม/อาตมภาพรีบซักผ้าเสียก่อน เมื่อตากผ้าเรียบร้อยแล้ว จึงได้มาบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เสร็จสรรพแล้วก็จะเข้ารายการเสียงธรรมจากมหาจุฬาอาศรม ซึ่งจะไปจบตอน ๔ ทุ่มของประเทศจีน..!

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอาทิตย์ที่ ๒๒ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-06-2025 เมื่อ 02:44
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 00:22



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว