กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๘ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมีนาคม ๒๕๖๘

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 04-03-2025, 17:40
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,946
ได้ให้อนุโมทนา: 225,209
ได้รับอนุโมทนา 800,461 ครั้ง ใน 39,365 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๔ มีนาคม ๒๕๖๘

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๔ มีนาคม ๒๕๖๘


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 05-03-2025, 00:17
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๔ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ กระผม/อาตมภาพเดินทางขึ้นไปยังวัดวังก์วิเวการาม ตำบลหนองลู อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ตั้งแต่เช้า เนื่องจากได้รับฎีกานิมนต์จากพระเดชพระคุณพระเทพปริยัติโสภณ, ดร. (ปัญญา วิสุทฺธิปญฺโญ ป.ธ. ๙) เจ้าอาวาสวัดไชยชุมพลชนะสงคาม (พระอารามหลวง) เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ให้ไปร่วมเจริญพระพุทธมนต์ในงานบำเพ็ญกุศลครบ ๑๑๔ ปีชาตกาล พระเดชพระคุณพระราชอุดมมงคล วิ. หรือที่พวกเราเรียกกันแบบคุ้นเคยว่า "หลวงพ่ออุตตะมะ"

เหตุที่ต้องขึ้นแต่เช้าหลังจากที่เจริญพระกรรมฐานและทำวัตรเช้าแล้ว โดยไม่ออกบิณฑบาต ก็เพราะว่าช่วงสายบรรดารถบรรทุกขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นรถพ่วงหรือว่ารถหัวลาก จะวิ่งขึ้นสังขละบุรีเป็นจำนวนมาก ถ้าหากว่าต้องตามหลังรถทั้งหลายเหล่านั้นโดยที่แซงไม่ได้ ก็จะเป็นอะไรที่อนาถชีวิตมาก..! ขนาดนั้นก็ตาม น้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) พลขับประจำตัว ยังต้องแซงไปไม่ต่ำกว่า ๒๐ คัน แล้วยังไปคลานตามก้นอีกนานมาก เนื่องเพราะว่าอยู่ในระยะที่แซงไม่ได้ จนกระทั่งเกือบจะหลุดมาถึงสามแยกด่านเจดีย์สามองค์แล้ว จึงสามารถที่จะแซงได้

กระผม/อาตมภาพคิดว่าตนเองฉลาดมากแล้ว แต่พอไปกราบสักการะหลวงพ่อหยกขาวและสังขารหลวงพ่ออุตตะมะแล้ว เจอกับท่านพระครูชาตรี (พระครูสุตกิจวรการ) รองเจ้าคณะอำเภอสังขละบุรี พระครูวรกาญจนโชติ เจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ ทั้ง ๒ ท่านบอกว่า "มาตั้งแต่เมื่อวาน นอนค้างอยู่ที่นี่" กระผม/อาตมภาพก็ได้แต่กลืนน้ำลาย เนื่องเพราะว่าตนเองไม่ได้มีเวลามากมายขนาดนั้น จึงต้องเสี่ยงดวงมาในตอนเช้าแบบนี้

หลังจากนั้น เมื่อบรรดาพระเถรานุเถระที่ได้รับฎีกานิมนต์ทยอยกันมา ปรากฏว่ามีหลายท่านที่มาไม่ทันเวลา อย่างเช่นว่า ดร. พระครูศุภชัย (พระครูสิริกาญจนาภิรักษ์, Ph.D.) เจ้าคณะอำเภอบ่อพลอย เป็นต้น จึงทำให้กระผม/อาตมภาพเองยังรู้สึกว่า ตนเองคิดถูกแล้วที่ยอมออกมาแต่เช้ามืด เนื่องเพราะว่าการคลานตามรถใหญ่ไปทีละน้อยนั้น เป็นอะไรที่เสียสุขภาพจิตเป็นอย่างยิ่ง

เพียงแต่ว่าวันนี้พิธีกรประกาศชื่อของกระผม/อาตมภาพอยู่อันดับที่ ๓ ก็คือเริ่มด้วยพระเดชพระคุณพระโสภณกาญจนาภรณ์ (ทอมสันต์ จนฺทสุวณฺโณ ป.ธ. ๔) รองเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี หลวงพ่อพระมหานรินทร์ (พระครูกาญจนสิรินธร) ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี แล้วก็ตามด้วยพระครูวิลาศกาญจนธรรม ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี

กระผม/อาตมภาพที่นั่งสนทนาอยู่กับหลวงพ่อพระมหานรินทร์ และหลวงพ่อโท (พระครูวิสาลกาญจนกิจ) เจ้าอาวาสวัดตะคร้ำเอน รองเจ้าคณะอำเภอท่ามะกา หันมองหน้ากัน แล้วก็พูดเหมือนใจเดียวกันว่า "ให้บรรดาเจ้าคุณท่านอยู่ข้างหน้าไป พวกเราหลบอยู่หลัง ๆ หน่อย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-03-2025 เมื่อ 03:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 05-03-2025, 00:26
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แต่ด้วยความที่ว่าบรรดาพระราชาคณะหลายท่านก็เกรงใจ เนื่องเพราะว่าพวกเราพรรษามากกว่า อย่างเช่นท่านเจ้าคุณชะโลม - พระศรีวชิรสุธี (ชะโลม ปญฺญาวชิโร ป.ธ. ๙) เจ้าคณะอำเภอห้วยกระเจา ซึ่งถ้าหากว่าต้องขึ้นอาสน์สงฆ์ในงานเดียวกันเมื่อไร ท่านก็จะนั่งต่อจากกระผม/อาตมภาพอยู่เสมอ จึงทำให้ท่านทั้งหลายเหล่านั้นขยับไปอยู่ข้างท้าย ส่วนเจ้าคณะอำเภอที่มีอายุกาลพรรษามากกว่า ท่านนั่งข้างหน้าไป ก็ถือว่าถูกต้องตามพระวินัยแล้ว ในเรื่องของตำแหน่งนั้นเป็นเรื่องของทางโลก พระเราควรที่จะเคารพกันด้วยทางธรรมมากกว่า

ครั้นถึงเวลา ท่านนายอำเภอสังขละบุรีเป็นประธานจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย พิธีกรซึ่งอาราธนาศีลเป็นภาษาไทยแล้วตะกุกตะกักมาก เนื่องเพราะว่าถนัดที่จะอาราธนาแบบมอญมากกว่า แต่ปรากฏว่าบรรดาพระสงฆ์ชาวมอญที่มานั้น ตำแหน่งใหญ่สุดก็แค่เจ้าคณะตำบล จึงทำให้พระสังฆาธิการเจ้าคณะปกครองระดับสูงกว่า ไม่ว่าจะเป็นรองเจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะอำเภอ ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัด รองเจ้าคณะจังหวัด เหล่านี้เป็นต้น ขึ้นกันไปจนเต็มอาสน์สงฆ์เสียแล้ว ท่านทั้งหลายเหล่านั้นก็เลยต้องมารับทักษิณานุปทานหลังการเจริญพระพุทธมนต์แล้ว

กระผม/อาตมภาพเจริญพระพุทธมนต์ไปก็สงสัยว่า ตนเองก็ข้ามในเรื่องของปีติไปเนิ่นนานแล้ว ในเรื่องของวิตก วิจาร ก็ยิ่งข้ามไปหลายชาติแล้ว ทำไมวันนี้ถึงได้นั่งสัปหงกได้..! มารู้เอาทีหลังว่าน้ำที่บรรดาสามเณรเอามาประเคนให้นั้น ก็คือน้ำกัญชา ก็ได้แต่ร้องออกมาว่า "กูโดนอีกแล้ว..!"

จำได้ว่าไปโดนน้ำกัญชามาครั้งหนึ่งที่วัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) หมดสภาพถึงขนาดต้องกราบขออนุญาตพระเดชพระคุณพระราชวชิรโมลี (สมชาย พุทฺธญาโณ ป.ธ. ๗) รองเจ้าคณะภาค ๑๔ ว่าขออนุญาตไปนอน เพราะว่านั่งไม่ไหว แต่ว่าวันนี้เนื่องจากขึ้นอาสน์สงฆ์ไปแล้ว ก็เลยต้องกัดฟันนั่งจนกระทั่งงานจบ รับปัจจัยไทยธรรมแล้วขอตัวกลับเลย ไม่เช่นนั้นคงได้นั่งหลับคาวงข้าวอย่างแน่นอน..!

ออกมาถึงในตลาดสังขละบุรีแล้ว ไปสั่งอาหารจากร้านนครปฐมโภชนาเจ้าเก่า บอกว่า "เอาเหมือนเดิม" อีกฝ่ายก็จัดแจงทำข้าวราดผัดกะเพราหมูกรอบไข่ดาวมาให้ รีบฉันแล้วนอนหมดสภาพยาว ๆ เพื่อที่จะเดินทางไปยังวัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) เนื่องเพราะว่าช่วงบ่ายมีงานสอบอุปสมบทกรรมภาคปฏิบัติ ก็คือต้องไปสอบบรรดาว่าที่พระอุปัชฌาย์ ว่าสามารถที่จะลำดับขั้นตอนในการบรรพชาอุปสมบทได้คล่องตัวขนาดไหน ?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-03-2025 เมื่อ 03:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 05-03-2025, 00:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แต่ปรากฏว่ามายังไม่ทันจะถึงวัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) ก็ ๔ โมงเย็นเข้าไปแล้ว แปลว่างานสอบอุปสมบทกรรมภาคปฏิบัตินั้นจบสิ้นลงไปแล้ว กระผม/อาตมภาพจึงต้องเดินทางเข้าสู่ที่พักวัดอุทยาน จังหวัดนนทบุรี เพื่อรอเดินทางมาร่วมทำวัตรเช้ากันในวันรุ่งขึ้น ในระหว่างทางจึงได้ทำการบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนเสียก่อน เพราะว่าอาการสะลึมสะลือแบบนี้ ถ้าเข้าถึงที่พักก็คาดว่าสลบไสลยาวไปเลย ดีไม่ดีอาจจะตื่นไม่ทันไปทำวัตรเช้าเสียด้วย..!

พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านบอกว่า สมัยที่ท่านยังบวชใหม่ ๆ มีนักย่องเบาตัวฉกาจ ชื่อ "ตาไป๊" ขึ้นบ้านใครเจ้าของบ้านไม่มีทางจับได้ แต่ว่าเขามีจรรยาบรรณมาก ข้าวของที่เป็นเครื่องมือทำมาหากินจะไม่เอา เงินที่เก็บไว้ทำบุญจะไม่เอา ถ้าหากว่าเป็นเงินหรือทองที่สะสมก็จะเอาแค่ครึ่งเดียว เมื่อตาไป๊แกเกษียณตัวเองจากนักย่องเบามืออาชีพแล้ว ก็มาอาศัยอยู่วัด ถือศีลภาวนา เหมือนจะล้างกรรมตัวเอง

พระเดชพระคุณหลวงพ่อก็ถามตาไป๊ว่า สามารถขึ้นบ้านได้ทุกบ้านเพราะว่ามีอะไรดี ? เนื่องเพราะว่าสมัยนั้นมีสารพัดวิธี อย่างเช่นว่าเสกก้อนหินโยนข้ามหลังคาบ้าน สะกดได้แม้กระทั่งพระภูมิเจ้าที่..! กระผม/อาตมภาพได้ยินแล้วก็ขำ ถ้าไปเจอพระภูมิเจ้าที่ซึ่งท่านเป็นพระอริยเจ้า หรือว่าพระภูมิเจ้าที่ซึ่งเป็นอากาสเทวดา มีหวังแทนที่คุณจะสะกดท่าน คุณก็โดนท่านฟาดกบาลแยกอยู่ตรงนั้นนั่นเอง..!

หรือไม่ก็ใช้คาถาไมยราพณ์สะกดทัพ หรือถ้าได้ตะกรุดไมยราพณ์สะกดทัพ หรือเสื้อยันต์ไมยราพณ์สะกดทัพของหลวงพ่อกุน วัดพระนอนได้ก็ยิ่งดี เอาไปสอดไว้ที่ไม้รอดใต้ถุนเรือน รับประกันได้ว่าเจ้าของบ้านหลับไหลอย่างชนิดลากรอบบ้านก็ไม่ตื่น หมูหมากาไก่ก็พลอยหลับไปหมด..!

ตาไป๊บอกว่า "ผมไม่มีของดีขนาดนั้นหรอกครับ ลูกชาวบ้านธรรมดาจะเอาที่ไหนมาได้ แต่ว่ามีสูตรพิเศษก็คือ เมื่อถึงเวลาจะขึ้นบ้านไหนก็ไปซื้อเนื้อมา สับ ผสมใบกัญชามาก ๆ เมื่อสับจนเข้ากันดีแล้วก็จัดแจงทอดให้หอม ถึงเวลาตอนช่วงเย็น ก็เอาไปโยนไว้ตามรั้วบ้าน เราจะขึ้นบ้านไหนโยนไว้รั้วบ้านนั้น

จากที่สังเกตไว้ว่ามีหมามากหรือว่าน้อย พอมีจำนวนพอกับหมาแล้ว โยนทิ้งเอาไว้ก็สังเกตว่าหมากินหรือเปล่า ? ซึ่งไม่มีหมาตัวไหนปฏิเสธ ใช้เวลาประมาณ ๑ ชั่วโมงเท่านั้น หมาทั้งหลายเหล่านั้นก็จะหลับสลบไสล ลากหางวน ๓ รอบบ้านก็ยังไม่ตื่นเลย..! จากนั้นก็ย่องขึ้นบ้านไป โดยเฉพาะชาวบ้านสมัยก่อน ทำงานหนักมาทั้งวัน ถึงเวลานอนหลับก็หลับอย่างชนิด "นอนหลับไม่รู้ นอนคู้ไม่เห็น" จึงทำให้สามารถที่จะทำให้สะเดาะกลอนย่องเบาได้ง่าย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-03-2025 เมื่อ 04:01
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 05-03-2025, 00:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อได้ยินดังนั้น หลวงพ่อท่านก็บอกว่า "ที่แท้ก็เหมือนกัน" เพราะว่ามีพระวัดหนึ่งที่อยุธยา มีตระพัง ก็คือสระน้ำใหญ่อยู่ภายในวัด วันนั้นไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ปลาช่อนตัวใหญ่ลอยหัวขึ้นมาตาย บรรดาศิษย์วัดเอาขึ้นมาก็ถามหลวงพ่อว่าจะทำอะไรกินดี หลวงพ่อท่านบอกว่าแกงป่าดีกว่า บรรดาศิษย์วัดก็ไปทำ

ท่านก็ยังปรารภว่า ถ้าใส่ใบกัญชาสักหน่อยจะอร่อยมาก พวกศิษย์วัดด้วยความที่ไม่เคยใส่ใบกัญชา ก็เลยคิดว่าหลวงพ่อท่านบอกว่า ถ้าใส่หน่อยจะอร่อยมาก ก็ใส่เยอะ ๆ ไปเลยแล้วกัน ว่าแล้วก็ประเดประดังยอดกัญชาลงไปหลายกำมือ ผลก็คือเมื่อฉันเพลเสร็จสรรพเรียบร้อยได้ไม่นาน หลวงพ่อท่านก็คอพับอยู่กับที่นั่งรับแขก ญาติโยมไปมาหาสู่เรียก "หลวงพ่อ..หลวงพ่อ" ก็มีแต่เสียงคราง "อือ..อือ" รับเท่านั้น ให้รู้ว่าได้ยิน แต่ตั้งสติไม่ได้ เพราะว่าเมากัญชามาก..!

กระผม/อาตมภาพกราบเรียนถามหลวงพ่อท่านว่า "เมาไปนานเท่าไรครับ ?" ท่านบอกว่า "ข้ามวันเลย" แสดงว่าพวกลูกศิษย์ใส่ใบกัญชาลงไปแล้วแกงป่าอร่อยมาก หลวงพ่อท่านนาน ๆ เจอของอร่อยถูกใจจึงฉันไม่ยั้ง ทำเอาเมาหลับไปข้ามวัน ท่านบอกว่าลูกศิษย์ต้องลากท่านลงมาให้นอนราบ เอาผ้าอาบพันเป็นม้วนหนุนศีรษะเอาไว้ ไม่เช่นนั้นแล้วท่านก็ครึ่งพิงครึ่งเอนอยู่บนหมอนขวาน ซึ่งคนโบราณนิยมใช้ อยู่ในลักษณะของการพิงหมอนคุยกับลูกหลานนั่นเอง

เรื่องนี้จึงเป็นอุทาหรณ์ว่า กัญชานั้นจะให้ได้ผลดีก็แค่พอประมาณ ขนาดกระผม/อาตมภาพโดนไปแค่ ๒ ถ้วยชา หลับมาจนป่านนี้ยังไม่ได้สติสตังค์ดีเท่าไร ไม่ทราบเหมือนกันว่าบันทึกเสียงธรรมนี้จะเป็นเรื่องเป็นราว หรือว่ามั่วออกทะเลไปก็ไม่ทราบได้..!

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอังคารที่ ๔ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-03-2025 เมื่อ 04:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 23:15



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว