กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๘ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๘

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 27-02-2025, 16:39
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,936
ได้ให้อนุโมทนา: 225,200
ได้รับอนุโมทนา 800,254 ครั้ง ใน 39,355 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 28-02-2025, 00:16
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,323 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๘ หลังจากร่วมเจริญพระกรรมฐานและทำวัตรเช้าแล้ว กระผม/อาตมภาพก็นำพระภิกษุวัดท่าขนุนออกบิณฑบาตตามปกติ

เมื่อกลับมาแล้วก็เหมือนเมื่อวาน คือ ไม่ได้ฉันเช้าร่วมกับพระภิกษุวัดท่าขนุน หากแต่หยิบข้าวกล่องมาได้ ๑ กล่อง ก็กลับไปฉันที่สำนักงานเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน แล้วรีบแต่องค์ทรงเครื่อง ให้น้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) ทำหน้าที่พลขับพาวิ่งไปยังวัดทุ่งลาดหญ้า หมู่ที่ ๑ ตำบลลาดหญ้า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อร่วมพิธีวางศิลาฤกษ์พระมหาธาตุเจดีย์ศรีมงคลกาญจน์ และงานบำเพ็ญกุศลครบรอบวันมรณภาพหลวงปู่เจ้าคุณสอน - พระกาญจนวัตรวิบูล (สอน อินฺทสโร) และหลวงพ่อลำใย - พระมงคลสิทธิคุณ (ลำใย ปิยวณฺโณ) อดีตเจ้าอาวาสวัดทุ่งลาดหญ้า

เมื่อไปถึงประมาณ ๙ โมงเศษ ก็ได้กราบประธานสงฆ์ ก็คือพระเดชพระคุณพระพรหมดิลก (เอื้อน หาสธมฺโม ป.ธ. ๙, Ph.D.) กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดสามพระยา วรวิหาร ซึ่งอยู่ในระหว่างหน้างาน ท่านไม่ได้ทักทายอะไรมาก นอกจากจับแขนบีบให้รู้ว่าจำกันได้อยู่เหมือนเดิม..!

แล้วมากราบพระเดชพระคุณพระธรรมวชิรานุวัตร, ดร. (แย้ม กิตฺตินฺธโร) เจ้าคณะภาค ๑๔ ตลอดจนกระทั่งพระเถรานุเถระ แล้วได้รับนิมนต์ให้ขึ้นยังอาสนะสงฆ์ เพื่อร่วมเจริญชัยมงคลคาถาในพิธีวางศิลาฤกษ์ โดยมีพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระพรหมดิลก เป็นประธานในครั้งนี้ ครั้นเสร็จพิธีและรับไทยธรรมแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ต้องขอตัวเดินทางกลับ เพื่อที่จะได้เตรียมตัวเข้าประชุมพระสังฆาธิการในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑๔ ผ่านระบบ Zoom Meeting Online ในเวลาเย็นของวันนี้

วัดทุ่งลาดหญ้าต้องบอกว่าเป็นวัดที่มีครูบาอาจารย์สำคัญมาตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นหลวงปู่สอนก็ดี หลวงพ่อลำใยก็ดี มาจนถึงยุคปัจจุบัน ก็คือหลวงพ่อเสริฐ - พระครูสิทธิกิจจานุวัตร (ประเสริฐ อติเมโธ) รองเจ้าคณะอำเภอศรีสวัสดิ์ เจ้าอาวาสวัดทุ่งลาดหญ้ารูปปัจจุบัน

ถ้าหากว่ากล่าวถึงครูบาอาจารย์ของเมืองกาญจนบุรีรุ่นเก่าแล้ว ทุกท่านก็จะต้องนึกถึงหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว เจ้าของพระปิดตาอันดับ ๑ เนื้อผง ของวงการพระเครื่องเมืองไทย แต่ว่าผู้ที่อาวุโสสูงสุดจริง ๆ กลับเป็นหลวงปู่ม่วง จนฺทสโร หรือว่าพระครูสิงคิคุณธาดา อดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านทวน เนื่องเพราะว่าท่านมีอายุกาลพรรษามากกว่าหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว ถึง ๒๑ ปี แล้วอายุขัยก็ยืนยาวมาก มามรณภาพหลังหลวงปู่ยิ้ม ๑ ปี รองลงไปถึงจะเป็นหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-02-2025 เมื่อ 02:15
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 28-02-2025, 00:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,323 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เพียงแต่ว่าหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว ท่านมีลูกศิษย์ซึ่งชื่อเสียงโด่งดังจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นหลวงปู่เหรียญ วัดหนองบัว หลวงปู่สอน วัดทุ่งลาดหญ้า หลวงปู่ดี วัดเหนือ หลวงปู่ดอกไม้ วัดดอนเจดีย์ หรือว่าหลวงปู่ใจ วัดเสด็จ ซึ่งแต่ละรูปแต่ละท่าน ล้วนแล้วแต่มีชื่อเสียงเกียรติคุณโด่งดังเป็นที่เชิดหน้าชูตาของครูบาอาจารย์เป็นอย่างยิ่ง

และด้วยความชำนาญในวิชาการที่ท่านร่ำเรียนเอาไว้มากมาย แม้กระทั่งวิชาของสายใต้อย่างสายเขาอ้อ จังหวัดพัทลุง ท่านก็ธุดงค์ลงไปร่ำเรียนมาเช่นกัน จึงทำให้ในช่วงท้ายของชีวิต ท่านกลายเป็นเพื่อนรักเพื่อนเกลอกับหลวงปู่ม่วง วัดบ้านทวน ที่อายุกาลพรรษามากกว่าท่านในระดับพ่อกับลูกก็ว่าได้ แล้วแถมหลวงปู่ม่วงยังอายุขัยยืนยาวมาจนมรณภาพภายหลังท่านอีก ๑ ปีอีกด้วย..!

ดังนั้น ถ้านับพระเกจิอาจารย์รุ่นเก่าที่เขาเรียกว่า "๗ เสือกาญจนบุรี" นั้น นับตามอายุกาลพรรษา

หลวงปู่ม่วง จนฺทสโร (พระครูสิงคิคุณธาดา) วัดบ้านทวนจะมาเป็นอันดับ ๑

อันดับ ๒ คือหลวงปู่ยิ้ม จนฺทโชติ วัดศรีอุปลาราม (วัดหนองบัว)

อันดับ ๓ มาเป็นหลวงปู่ดอกไม้ ปทุมรตโน (พระครูวัตตสารโสภณ) วัดดอนเจดีย์

แล้วถึงเป็นอันดับ ๔ หลวงปู่เปลี่ยน อินฺทสโร (พระวิสุทธิรังษี) สังฆปาโมกข์ วัดไชยชุมพลชนะสงคราม (พระอารามหลวง) หรือวัดใต้ ซึ่งในสมัยปัจจุบัน ตำแหน่งนี้น่าจะอยู่ในระดับเจ้าคณะภาคเลย และท่านเป็นเจ้าคุณเสียด้วย..!

แล้วจะไปเป็นอันดับ ๕ หลวงปู่ดี พุทธโชติ (พระเทพมงคลรังษี) ซึ่งก็อายุยืนนานถึง ๙๐ กว่าปี และเป็นพระราชาคณะชั้นเทพรูปแรกของจังหวัดกาญจนบุรี ท่านเป็นอดีตเจ้าอาวาส วัดเทวสังฆาราม (พระอารามหลวง) หรือว่า วัดเหนือ

ถัดจากนั้นจึงเป็นอันดับ ๖ หลวงปู่เหรียญ สุวณฺณโชติ (พระโสภณสมาจาร) เจ้าอาวาสวัดหนองบัว รูปถัดจากหลวงปู่ยิ้มมา

หลวงปู่สอน อินฺทสโรนั้นถือว่าอาวุโสน้อยที่สุด ในจำนวน ๗ เสือจังหวัดกาญจนบุรี ก็ยังเจริญในสมณศักดิ์ขึ้นมาถึงระดับเจ้าคุณเช่นกัน คือ เป็นเจ้าคุณพระกาญจนวัตรวิบูลย์
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-02-2025 เมื่อ 02:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 28-02-2025, 00:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,323 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

คราวนี้ในจำนวนสมณศักดิ์ของทางด้านจังหวัดกาญจนบุรีนั้น ถ้าเป็นสมัยก่อนโน้นก็จะเป็นสมณศักดิ์ที่คล้องจองกัน ได้แก่ พระครูวิสุทธิรังษี พระครูสิงคิคุณธาดา พระครูจริยาภิรัต พระครูยติวัตรวิบูลย์ พระครูอดุลสมณกิจ พระครูนิวิฐสมาจาร และพระครูวัตตสารโสภณ

เราท่านทั้งหลายจะได้เห็นว่าตำแหน่งพระครูวิสุทธิรังษี ได้ปรับขึ้นมาจนเป็นเจ้าคุณพระวิสุทธิรังษี สังฆปาโมกข์รูปแรกก็คือหลวงปู่เปลี่ยน วัดใต้

พระครูสิงคิคุณธาดานั้นก็คือหลวงปู่ม่วง วัดบ้านทวน

พระครูจริยาภิรัต คือ หลวงปู่ยันต์ วัดหนองขาว (อินทาราม)

พระครูยติวัตรวิบูล คือ หลวงปู่พรต จนฺทโสภะ วัดศรีโลหะราษฎร์บำรุง

พระครูอดุลสมณกิจ คือหลวงปู่ดี วัดเหนือ ซึ่งภายหลังเจริญในสมณศักดิ์ขึ้นมาเป็นเจ้าคุณชั้นเทพรูปแรกของจังหวัดกาญจนบุรี ที่พระเทพมงคลรังษี

พระครูนิวิฐสมาจารก็คือหลวงปู่เหรียญ วัดหนองบัว ศิษย์ก้นกุฏิหลวงปู่ยิ้ม ภายหลังก็เป็นเจ้าคุณที่พระโสภณสมาจาร

และพระครูวัตตสารโสภณนั้น ตำแหน่งนี้มีมาตั้งแต่ดั้งเดิมเนิ่นนาน แต่ชื่อเสียงโด่งดังที่สุดก็คือหลวงปู่ดอกไม้ ปทุมรตโน วัดดอนเจดีย์นั่นเอง

แล้วครูบาอาจารย์สมัยก่อนท่านก็ไม่ได้ยึดติดกับวัดวาอาราม พระอุปัชฌาย์หรือว่าผู้บังคับบัญชาระดับสูงให้ท่านไปครองวัดไหน ท่านก็ไปครองที่นั่น แล้วถ้าหากว่ากิจที่จะพึงทำ อย่างเช่นว่าการสร้างโบสถ์ สร้างวิหาร สร้างเจดีย์ สร้างมณฑป จบลงแล้ว บางทีท่านก็ธุดงค์หายไปดื้อ ๆ เหมือนกัน..!

ส่วนทางวัดทุ่งลาดหญ้านั้น เมื่อสืบสายมาต่อจากหลวงปู่เจ้าคุณสอนหรือหลวงปู่สอน ก็คือหลวงปู่ลำใย วัดทุ่งลาดหญ้านั่นเอง ซึ่งสมัยที่หลวงปู่ลำใยท่านเป็นเจ้าคณะอำเภอศรีสวัสดิ์ เป็นพระครูกาญจโนปมคุณอยู่นั้น กระผม/อาตมภาพเองได้กราบท่านตั้งแต่สมัยยังไม่ได้บวช เพราะว่ารับราชการเป็นทหารอยู่ที่กองพลที่ ๙ หรือเรียกชื่อเต็ม ๆ ว่ากองพลทหารราบที่ ๙ ค่ายกาญจนบุรี ซึ่งภายหลังมาเปลี่ยนเป็นค่ายสุรสีห์ ตามพระราชทินนาม ของกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท หรือว่าวังหน้าพระยาเสือ

สมัยนั้นทุกวันพุธช่วงบ่าย ทหารเราจะมีการโยธา ก็คือทำความสะอาดสถานที่ บรรดาผู้บังคับบัญชาก็จะนำพาทหารไปทำความสะอาดวัดทุ่งลาดหญ้า ซึ่งอยู่ในขอบชายพื้นที่ของกองพลทหารราบที่ ๙ นั่นเอง รู้จักมักคุ้นกันในสมัยนั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-02-2025 เมื่อ 02:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 28-02-2025, 00:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,323 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

จนกระทั่งภายหลังไปอุปสมบทที่วัดจันทาราม (ท่าซุง) จังหวัดอุทัยธานีแล้ว ครั้นหลังจาก ๔ พรรษา พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ท่านอนุญาตให้ออกธุดงค์ได้ กระผม/อาตมภาพก็มุ่งหน้ามายังกาญจนบุรี ขอศึกษาหาความรู้กับหลวงพ่อลำใย วัดทุ่งลาดหญ้า หลวงปู่สาย วัดท่าขนุน และหลวงพ่ออุตตะมะ วัดวังก์วิเวการาม โดยที่ได้ความรู้สายหลวงปู่ม่วง วัดบ้านทวน มาจากหลวงพ่อเจ้าคุณณรงค์ - พระเดชพระคุณพระเทพเมธากรณ์ (ณรงค์ ปริสุทโธ ป.ธ. ๔) อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี และอดีตเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรีนั่นเอง

เมื่อเป็นเช่นนั้น ถ้านับวิชาการสายหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัวแล้ว กระผม/อาตมภาพเองศึกษาลักษณะมุ่งไปและย้อนกลับ ก็คือรับมาจากทางด้านหลวงพ่อลำใย วัดทุ่งลาดหญ้า สืบสายต่อมาจากหลวงปู่สอนที่ร่ำเรียนจากหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว

หลังจากนั้นยังมาเรียนกรรมฐานจากพระเดชพระคุณพระสาสนโศภณ ซึ่งภายหลังก็คือ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร แห่งวัดบวรนิเวศ ราชวรวิหาร สมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ ๑๙ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ตอนนั้นท่านยังเป็นรองสมเด็จพระราชาคณะที่พระสาสนโศภณ ได้เมตตาถ่ายทอดวิชาอสุภกรรมฐาน ที่เรียกว่าอัฏฐิกอสุภ - กระดูก ๓๐๐ ท่อน ให้กระผม/อาตมภาพอย่างละเอียดมาก ก็แปลว่าทางด้านหลวงปู่ดี วัดเหนือที่เป็นลูกศิษย์สำคัญรูปหนึ่งของหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว ท่านสืบสายวิชามาที่สมเด็จพระสังฆราชเจ้าฯ แล้วก็มาถึงกระผม/อาตมภาพ

ส่วนทางด้านหลวงปู่ใจ อินฺทสุวณฺโณ (พระราชมงคลวุฒาจารย์) วัดเสด็จ และหลวงปู่แช่ม วัดจุฬามณี ที่เป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัวนั้น วิชาสายหลวงปู่แช่ม วัดจุฬามณีถ่ายทอดมาถึงหลวงปู่เนื่อง วัดจุฬามณี แล้วหลวงปู่สาย วัดท่าขนุน ก็ไปศึกษาร่ำเรียนมา หลังจากนั้นวิชาการส่วนนี้ก็มาตกถึงกระผม/อาตมภาพอีก

การร่ำเรียนวิชาการต่าง ๆ นั้น โดยปกติแล้ว กระผม/อาตมภาพไม่ค่อยจะได้เล่าให้ใครฟัง เนื่องเพราะว่าการถ่ายทอดนั้น บางทีท่านก็บอกพรวด ๆ รวดเดียวให้ตั้งแต่ต้นจนจบ อาศัยที่ตนเองความจำดีก็จดจำเอาไว้ ก็คือจำแล้วก็มาจด เมื่อจดเอาไว้แล้ว ก็พากเพียรศึกษาพยายามทำให้เกิดผล ถ้าหากว่าติดขัดตรงไหน ก็วิ่งมากราบเท้าสอบถามจากครูบาอาจารย์อีกครั้งหนึ่ง

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น กระผม/อาตมภาพก็เลยแทบจะเป็นลูกศิษย์ของ "๗ เสือกาญจนบุรี" แบบครบถ้วน เนื่องเพราะว่าสายหลวงปู่ม่วง วัดบ้านทวนนั้น ท่านถ่ายทอดไปให้หลวงพ่อซ้ง อินฺทสโร วัดวัดสาลวนาราม (วัดดอนตาเพชร)

ส่วนหลวงพ่อเจ้าคุณณรงค์นั้น ท่านเป็นลูกศิษย์ก้นกุฏิของหลวงปู่ซ้ง วัดดอนตาเพชร โดยเฉพาะคาถาต่าง ๆ ที่หลวงพ่อณรงค์ถ่ายทอดมานั้น เล่าให้ใครฟังก็หัวเราะกันแทบตาย เพราะว่าหลวงพ่อณรงค์ในสมัยนั้น ท่านจะต้องออกทำงาน ในฐานะเจ้าคณะตำบลเกาะสำโรง ที่กินพื้นที่อำเภอเมืองกาญจนบุรี ไล่มาเข้าป่าอำเภอไทรโยค อำเภอทองผาภูมิ ไปยันอำเภอสังขละบุรี ติดชายแดนพม่า ท่านก็เลยศึกษาแต่วิชาการประเภทป้องกันไม่ให้ตัวเองตาย..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-02-2025 เมื่อ 02:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 28-02-2025, 00:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,323 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ครั้นถึงเวลาว่าคาถามาแต่ละอย่าง กระผม/อาตมภาพบางทีก็ลงไปหัวเราะดิ้นอยู่กับพื้น..! เพราะว่าคาถาแต่ละบทแต่ละอย่างนั้น บอกให้เห็นชัด ๆ ว่ามนุษย์และสัตว์กลัวมรณภัยเป็นอย่างยิ่ง แต่ว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าได้ร่ำเรียนเอาไว้ เจอบุคคลที่มีจริตนิสัยเดียวกัน แล้วสามารถถ่ายทอดต่อไปให้ได้ ก็เป็นอันว่าสามารถที่จะสืบทอดวิชาออกไปได้ แต่ถ้าหากว่าไปเจอบุคคลที่ไม่กลัวความตายอย่างกระผม/อาตมภาพ วิชาเหล่านี้ก็คงขาดด้วนลงแค่นี้เอง..!

ดังนั้น..บรรดาครูบาอาจารย์ทั้งหลายทั้งปวง เมื่อศึกษาวิชาการมาถึงรุ่นหลัง ๆ กระผม/อาตมภาพนี่แทบจะเป็นรุ่นลูกรุ่นหลาน ก็ยังออกปลุกเสกร่วมกับหลวงปู่เสงี่ยม (พระครูพิศาลวิริยกิจ) วัดบ้านทวน ไม่ทราบว่ากี่ครั้งต่อกี่ครั้ง เป็นต้น ดังนั้น..เรื่องทั้งหลายเหล่านี้บางอย่างบางประการก็เกิดจากบุญสัมพันธ์กรรมสัมพันธ์กันมา ไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องบังเอิญอย่างเด็ดขาด

ครั้นเสร็จพิธี ขอตัวกลับมาแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ได้นำเอาสมเด็จองค์ปฐมพิมพ์นั่งบัวเสวยสุข เนื้อสเตนเลส ขึ้นรถ เตรียมไปส่งมอบให้ไอ้ตัวเล็กแจกจ่ายแก่บุคคลที่เข้าจอง เป็นอันว่าทั้ง ๕,๐๐๐ องค์นั้น ถ้าไม่หมดก็คงเหลืออยู่แค่ไม่กี่องค์..!

สมเด็จองค์ปฐมพิมพ์นั่งบัวเสวยสุข เนื้อสเตนเลสนี้ได้เข้ากรรมฐาน ๓ วัน ๓ ปีติดกัน ก็คือปี ๒๕๖๕ ปี ๒๕๖๖ และ ปี ๒๕๖๗ ส่วนที่เหลือไม่กี่องค์ กระผม/อาตมภาพจะให้เจ้าหน้าที่จำหน่ายในราคาเดิม คือ ๒,๕๐๐ บาท ใครอยากได้ในราคาเยาวชน เพื่อร่วมซื้อที่ดินสร้างวิทยาลัยสงฆ์ จังหวัดเพชรบุรี ก็รีบบูชาในเว็บไซต์วัดท่าขนุนโดยด่วน หลังจากปิดการบูชาในวันพรุ่งนี้แล้ว กระผม/อาตมภาพจะให้เจ้าหน้าที่จำหน่ายในราคาเดิม ห้ามมาต่อว่ากันทีหลัง เพราะถือว่าให้โอกาสท่านทั้งหลายโดยพร้อมเพรียงกันไปแล้ว

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพฤหัสบดีที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-02-2025 เมื่อ 02:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 07:10



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว