กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๘ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๘

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 24-02-2025, 19:43
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,946
ได้ให้อนุโมทนา: 225,209
ได้รับอนุโมทนา 800,461 ครั้ง ใน 39,365 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 24-02-2025, 23:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๘ ไต้ฝุ่นลูกแรกของปีมาถึงเร็วกว่าที่คิด เรื่องของดินฟ้าอากาศ ถ้าหากว่าโบราณเขาจะมีจุดสังเกต อย่างเช่นว่า "ปีไหนหนาวนาน ปีนั้นฝนจะตกหนัก" หรือบางคนใช้คำว่า "ปีไหนมะม่วงออกดอกมาก ปีนั้นฝนจะตกหนัก" ซึ่งความจริงก็เหมือนกัน เพราะว่าถ้ากระทบอากาศหนาวมาก ต้นมะม่วงก็จะออกดอกมากเป็นพิเศษ

เรื่องพวกนี้เป็นการช่างสังเกตของคนรุ่นเก่า ๆ แล้วก็บอกเล่าสืบ ๆ กันมา อย่างเช่นว่า "ปีไหนหน่อไผ่ขึ้นสูงกว่ากอแม่ ปีนั้นก็จะน้ำมาก" เราจะสังเกตว่าปีนั้นหน่อไม้จะขึ้นชะลูดสูงเลยกอแม่ขึ้นไปมาก หรือไม่ก็ "ปีไหนปูขุดรูที่ริมตลิ่งสูงกว่ารูเดิมมากเท่าไร น้ำก็จะมากเท่านั้น" หรือที่เอาง่าย ๆ ว่า "เห็นมดขนไข่ขึ้นที่สูง แปลว่าฝนจะตก"

คราวนี้เรื่องพวกนี้แม้ว่าจะเป็นภูมิปัญญาโบราณ แต่ว่าคนที่จะจดจำใส่ใจมีน้อยลงไปเรื่อย ๆ และโดยเฉพาะฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นกรมทรัพยากรน้ำ หรือบรรดากระทรวง ทบวง กรมต่าง ๆ ไม่ค่อยจะใส่ใจเตรียมตัวอะไรกันเลย

ถ้าท่านทั้งหลายสังเกตจะเห็นว่า การทำงานของข้าราชการไทยส่วนใหญ่ อยู่ในลักษณะรอให้เกิดเรื่องแล้วค่อยไปแก้ไข ไม่มีการป้องกันไม่ให้เรื่องเกิดก่อน เนื่องเพราะว่าพอมีเรื่องแล้วค่อยเข้าไปแก้ไข มีโอกาสที่จะใช้งบประมาณ ในเมื่อเป็นเช่นนั้น โอกาสที่จะเกิด "เงินทอน" เล็ดลอดไปสู่กระเป๋าของแต่ละคนก็จะมีมาก

ดังนั้น..ท่านทั้งหลายที่จะไปหวังว่าให้ข้าราชการไทยของเรามีวิสัยทัศน์ มองการณ์ไกล ทำอะไรล่วงหน้า รอไปเถอะ..! เนื่องเพราะว่าเขาทั้งหลายมีวิสัยทัศน์รู้ว่า ถ้าทำอะไรหลังเหตุการณ์แล้วจะเบิกงบประมาณได้..!


จะว่าไปแล้ว ก็เป็นความล้มเหลวของพวกเรา ที่ไม่สามารถสอนให้เขาเหล่านั้นละอายชั่วกลัวบาป แต่ว่าเราก็ต้องเข้าใจว่า วิสัยของคนโดยปกติ สภาพจิตจะไหลลงต่ำอยู่เสมอ ถ้าไม่เอาไม่ได้แปลว่ามีศีลมีธรรม แต่แปลว่ายังไม่มีโอกาส..! ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เรื่องพวกนี้เราก็ต้องมาใส่ใจที่ตัวตนของพวกเราเองก่อน..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-02-2025 เมื่อ 02:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 24-02-2025, 23:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อย่างเช่นวันนี้เป็นการสอบบาลีสนามหลวงวันสุดท้าย ซึ่งทางสำนักเรียนคณะจังหวัดกาญจนบุรี เหลือเฉพาะผู้เข้าสอบเปรียญธรรมประโยค ๓ เท่านั้น ซึ่งเหลืออยู่แค่ไม่กี่รูป แต่กระนั้นก็ตาม พระเดชพระคุณพระธรรมวชิรานุวัตร, ดร. (แย้ม กิตฺตินฺธโร) หรือหลวงพ่อเจ้าคุณแย้ม เจ้าคณะภาค ๑๔ ก็ยังเมตตามาเยี่ยมเยือนสนามสอบคณะจังหวัดกาญจนบุรี ที่วัดไชยชุมพลชนะสงคราม (พระอารามหลวง) อุตส่าห์มาให้ข้อคิด โดยเฉพาะความภาคภูมิใจในการสอบได้

พวกเราต้องเข้าใจว่า การสอบบาลีนั้น การให้คะแนนไม่เหมือนชาวบ้านเขา โดนเก็บ ๑๒ คะแนนคือสอบตก แต่ถ้าหากว่าเป็นทางโลก ๑๐๐ คะแนน โดนหักไป ๑๒ ยังเหลือตั้ง ๘๘ คะแนน..! ยังอยู่ในระดับ B+ หรือถ้าหากว่าบางสถานที่ตัดเกรด A ที่ ๘๕ ขึ้นไป ยังอยู่ในเกรด A ด้วย แต่พอมาสอบบาลีแล้วสอบตก เพราะว่า
ข้อสอบอื่นนั้นตรวจหาที่ถูกแล้วให้คะแนน แต่บาลีนั้นตรวจหาที่ผิดแล้วให้คะแนน..!

โดยเฉพาะการเรียนบาลีนั้น ต้องบอกว่าผู้ที่สอบได้แทบจะแปลกแยกจากสังคม เนื่องเพราะว่าถ้าไม่ได้บวชเป็นพระเป็นเณรอยู่ ก็แทบจะเอาไปใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้เลย ยังดีที่พระราชบัญญัติการศึกษาพระปริยัติธรรมที่ออกใหม่ ยังเทียบให้ว่า
จบนักธรรมชั้นเอก เท่ากับจบชั้นมัธยมปีที่ ๓ จบเปรียญธรรม ๓ ประโยค เท่ากับจบชั้นมัธยมปีที่ ๖

แต่ว่าพอจบเปรียญธรรม ๙ ประโยค เทียบให้แค่ปริญญาตรี ทั้ง ๆ ที่ถ้าหากว่าท่านมีความเก่งกล้าสามารถ ถึงขนาดสอบรวดเดียวไม่เคยตกเลย การเรียนบาลีกว่าจะจบประโยค ๙ ยังใช้เวลาต่ำสุดถึง ๘ ปี จึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะลักลั่นกันมาก เคยมีบุคคลจะนำเสนอให้เทียบว่าประโยค ๖ เท่าปริญญาโท ประโยค ๙ เท่าปริญญาเอก แต่ไม่มีใครยอมรับ เนื่องเพราะว่าท่านไม่ได้เรียนวิชาสามัญเลย

สมัยที่ท่านเจ้าคุณไพบูลย์ - พระราชปริยัติโมลี (ไพบูลย์ วิปุโล ป.ธ. ๙) วัดสามพระยา วรวิหาร ท่านเรียนปริญญาโทร่วมกับกระผม/อาตมภาพ โดยใช้เปรียญธรรม ๙ ประโยคของท่านเทียบปริญญาตรีเข้ามา ปรากฏว่าวิชาอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นคณิตศาสตร์ สังคมศาสตร์ จิตวิทยา หรือแม้กระทั่งไอ้วิชาเพี้ยน ๆ อย่างตรรกศาสตร์ ท่านไม่มีความรู้ด้านนี้เลย..!

กระผม/อาตมภาพก็แทบจะต้องแบกท่านขึ้นหลังไปด้วย ถึงเวลาก็ดึงมาอยู่กลุ่มงานเดียวกัน เพื่อจะพากันไปให้รอด จนกระทั่งทุกวันนี้รุ่นของกระผม/อาตมภาพ ก็ยังเป็นนิสิตมหัศจรรย์อยู่ดี เพราะว่าจบปริญญาโทก็จบทั้งรุ่นพร้อมกัน จบปริญญาเอกก็จบทั้งรุ่นพร้อมกัน..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-02-2025 เมื่อ 02:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 24-02-2025, 23:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

โดยธรรมชาติของการเรียนระดับมหาบัณฑิตหรือดุษฎีบัณฑิต ไม่มีการจบพร้อมกัน เพราะว่าเขาไม่รักกัน ถึงเวลาต่างคนต่างเอาตัวรอด แต่รุ่นของกระผม/อาตมภาพไม่ใช่อย่างนั้น ทุกคนช่วยกันอย่างชนิดที่แทบจะไม่สนใจงานตัวเอง แต่ช่วยให้เพื่อนรอดก่อน ตัวอย่างของ ดร.พระครูปรีชาของเรา พระครูสุตกาญจนวัฒน์, ดร. (ปรีชา จิรนาโค) เจ้าอาวาสวัดวังปะโท่ เหลือเวลา ๒ วันจะถึงเส้นตาย ต้องส่งเล่มวิทยานิพนธ์ให้ทัน ไม่อย่างนั้นก็จบปีหน้า คณะกรรมการสอบวิทยานิพนธ์บอกว่า "ให้ไปแก้ไขมาภายใน ๙๐ วัน" ทั้งที่มีเวลาแค่ ๒ วัน แปลตรง ๆ ว่าคุณสอบตกแน่..!

พวกกระผม/อาตมภาพทำอย่างไร ? ผ่าเล่มวิทยานิพนธ์แบ่งไปเลย ๕ คน ๆ ละบท คืนนี้ไปทำมา หลักการและเหตุผลอย่างนี้ วัตถุประสงค์อย่างนี้ พื้นที่ในการทำวิจัยอย่างนี้ อธิบายเสร็จสรรพเรียบร้อย ต่างคนต่างก็หัวทิ่มอยู่กับบทนั้น ๆ แล้วก็เอามาต่อกันในเช้าวันรุ่งขึ้น วิ่งไปร้านให้เขาพิมพ์วิทยานิพนธ์ให้ ไล่ตามท่านอาจารย์ล่าลายเซ็น ลายเซ็นสุดท้ายได้ตอน ๑ ทุ่มของวันที่สอง..!

แล้วเดชะบุญคุณพระคุ้ม ท่านอาจารย์ตอนนั้น ก็คือพระมหาสมบูรณ์ วุฑฺฒิกโร, ผศ., ดร. ปัจจุบันก็คือท่านเจ้าคุณอาจารย์พระปัญญาวัชรบัณฑิต ป.ธ. ๗, รศ.,ดร. รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

ตอนนั้นท่านเป็นคณบดีบัณฑิตวิทยาลัย ท่านรอลูกศิษย์จนเที่ยงคืนเป๊ะตามกฎหมายเลย ทำเอาพระครูปรีชารอดไปได้หวุดหวิด แล้วคุณจะไปหาเพื่อนที่รักเพื่อนอย่างรุ่นของ
กระผม/อาตมภาพไม่ต้องไปหา เพราะว่าตัวหลักไม่มี

ที่กล่าวมาถึงตรงนี้ก็เพราะว่าในเรื่องของการเรียนบาลีนั้น ต่างจากเรื่องทางโลกมาก ใครที่สอบได้ถือเป็นความภาคภูมิใจในชีวิตของตนเองได้เลย กระผม/อาตมภาพเองเรียนจบปริญญาเอก แม้จะรู้สึกว่ายาก แต่พอมาเรียนบาลีเข้าจริง ๆ ความรู้สึกก็คือ "ใครจบบาลีประโยค ๙ ได้ มีสิทธิ์เรียนด็อกเตอร์จบได้ ๓ ใบเลย..!" ความยากต่างกันจนขนาดนั้น..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-02-2025 เมื่อ 02:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 25-02-2025, 00:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แล้วมีคำถามว่าเรียนบาลีไปแล้วได้อะไร ? ปาลิภาสา ปาเลตีติ ภาษาบาลีเป็นภาษารักษาไว้ซึ่งพุทธพจน์ แค่คุณมาเรียนได้ คุณก็กำลังรักษาพระพุทธศาสนาไว้แล้ว เพราะอะไร ? เพราะว่าการบวชของท่านทั้งหลายเขาใช้ภาษาบาลีทั้งหมด ไม่มีบาลีบวชได้ไหม ? ไม่ได้..ขนาดที่พวกเราเรียกชื่อภาษาบาลี หรือที่เขาใช้คำว่า "ฉายา" ก็ยังจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนเป็นภาษาบาลี หรือภาษามคธ ก็แปลว่าต่อให้ยังไม่ทันจะเรียน เราเป็นพระเป็นเณรขึ้นมาได้ก็ด้วยภาษาบาลี

พอ ๆ กับที่มีคนถามว่า "ทำบุญแล้วได้อะไร ?" ไอ้พวกปัญญานิ่ม..! เอ็งเกิดมาทำบุญได้นั่นแหละบุญแล้ว
ถ้าไม่อาศัยบุญ เอ็งจะเกิดมาทำบุญได้ไหม ? แล้วยังไม่มีอารมณ์ที่จะทำบุญต่อ ถึงเวลาบุญหมด แล้วก็จะรู้ว่านรกเป็นอย่างไร ?!

ดังนั้น..เรื่องพวกนี้ที่กระผม/อาตมภาพบ่นให้พวกเราฟังกันอยู่ ก็เพื่อที่จะบอกพวกเราว่า แม้องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ให้ความสำคัญกับการเรียนบาลีเป็นอย่างยิ่ง นอกจากพระองค์ท่านจะพระราชทานพระราชทรัพย์ปีละมาก ๆ สนับสนุนแล้ว ไม่ต้องอะไรหรอก แค่มหาวิทยาลัยบาลีเถรวาทที่กำแพงแสน พระองค์พระราชทานพระราชทรัพย์เป็นร้อยล้านบาท ให้เขาไปจัดตั้งเป็นมหาวิทยาลัย

แล้วไหนจะเรียนเอง และชักชวนบุคคลรอบข้างเรียนด้วย บางท่านก็เห็นว่าท่านเจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณี เขียนคำอวยพรเป็นภาษาบาลี ถ้าหากว่าเราใช้สำนวนชาวบ้านก็คือ "หัวต้องส่าย หางถึงจะกระดิก" พระองค์ท่านเล็งเห็นตรงจุดนี้ถึงได้เรียนเป็นตัวอย่าง

แล้วก่อนหน้านี้เขาไม่อนุญาตให้พระราชาคณะ ก็คือผู้ที่ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ตั้งแต่เจ้าคุณชั้นสามัญขึ้นไปเรียนบาลี เพราะถือว่า เป็นเจ้าคุณสอบตกแล้วอายเขา..! แต่ว่าปัจจุบันนี้ถึงขนาดอนุญาตให้แม้สมเด็จพระราชาคณะ ถ้าต้องการเรียนบาลีเพิ่มความรู้ ก็อนุญาตให้เรียนได้

วัดท่าขนุนของเราปีที่แล้ว มีผู้สอบประโยคบาลีได้มากกว่าสำนักเรียนใหญ่อย่างวัดใต้เสียอีก ก็แปลว่าที่ท่านทั้งหลายเพียรพยายามมา ๓ วัน จะรู้ผลภายในเดือนหน้านี้ คราวนี้ก็ลุ้นกันไป เพราะว่าพวกท่านไม่ได้มีความสามารถเหมือนกระผม/อาตมภาพ กระผม/อาตมภาพสอบอะไรสามารถให้คะแนนตัวเองได้ ดังนั้น..พอสอบไปแล้วจะรู้เลยว่าตัวเองได้หรือไม่ได้ ถ้าอยากจะทำแบบนี้ได้ก็คงต้องฝึกฝนกันอีกมาก..!

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันจันทร์ที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 26-02-2025 เมื่อ 00:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 23:09



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว