กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๗ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนธันวาคม ๒๕๖๗

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 23-12-2024, 17:18
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,946
ได้ให้อนุโมทนา: 225,209
ได้รับอนุโมทนา 800,461 ครั้ง ใน 39,365 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๖๗

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๖๗


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 23-12-2024, 23:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๒๓ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ กระผม/อาตมภาพฝ่าความหนาวไปถึงอาคารเฉลิมพระเกียรติ ๘๔ พรรษามหาราช วัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) ตั้งแต่ ๖ โมงครึ่ง ตั้งใจว่าจะไปนอนต่อสัก ๑ ชั่วโมง แล้วค่อยลงไปกราบผู้บังคับบัญชา ตลอดจนกระทั่งเจ้าคณะปกครองและทักทายเพื่อนฝูง

ปรากฏว่าพระเดชพระคุณพระธรรมวชิรานุวัตร, ดร. (แย้ม กิตฺตินฺธโร) เจ้าคณะภาค ๑๔ ซึ่งวันนี้มาในตำแหน่งรองแม่กองธรรมสนามหลวงประจำหนกลาง ถือไมค์ลอยมายืนเรียกให้ไปฉันเช้า พร้อมกับให้คนขับรถไปกินอาหารให้เรียบร้อยด้วย กระผม/อาตมภาพจึงต้องควักกระเป๋านำเอาเงินสด ๑๐๐,๐๐๐ บาท ไปถวายเป็นค่าข้าวต้ม ๑ ชาม เพื่อสนับสนุนงานตรวจข้อสอบนักธรรมและธรรมศึกษาชั้นโทสนามหลวง ประจำปี ๒๕๖๗ ทำเอาบุคคลที่เห็นฮือฮาไปตาม ๆ กัน ว่า "ทำไมข้าวต้มวัดไร่ขิงถึงได้แพงขนาดนี้..!"

วันนี้เป็นวันรวมบรรดาพระสังฆาธิการ โดยเฉพาะท่านที่เป็นคณะกรรมการตรวจข้อสอบธรรมสนามหลวง ในเขตปกครองคณะสงฆ์หนกลางทั้ง ๒๓ จังหวัด ซึ่งมาตรวจข้อสอบที่อาคารเฉลิมพระเกียรติ ๘๔ พรรษามหาราช วัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) โดยที่วันนี้ตรวจข้อสอบนักธรรมชั้นโท พรุ่งนี้จะเป็นการตรวจข้อสอบธรรมศึกษาชั้นโท

เหตุก็เพราะว่าพระเดชพระคุณพระธรรมวชิรานุวัตร, ดร. (แย้ม กิตฺตินฺธโร) เจ้าคณะภาค ๑๔ นั้น ท่านเป็นรองแม่กองธรรมสนามหลวงประจำหนกลาง จึงได้รับการแบ่งสันปันส่วนงานมาให้ช่วยตรวจข้อสอบในครั้งนี้ด้วย ซึ่งกระผม/อาตมภาพยังคิดว่า "มีคนเอาเปรียบเจ้านายของเรา" เนื่องเพราะว่านักธรรมเอกที่มีคนสอบน้อยกลับไม่ส่งมาให้เราตรวจ แต่นักธรรมโทปีนี้ คนสอบเป็นแสนกลับส่งมาให้เราตรวจ..! ได้ยินจำนวนข้อสอบที่ต้องตรวจแล้วก็ออกอาการ "น้ำตาจิไหล"

เมื่อกราบทักทายพระเถรานุเถระ โดยเฉพาะเจ้าคณะจังหวัด รองเจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำเภอ รองเจ้าคณะอำเภอทั้ง ๒๓ จังหวัดที่ทยอยกันมาก ก็อย่างที่บอกเอาไว้ว่า ถ้าหากว่าไม่ใช่เจ้าคณะปกครอง ก็เป็นเพื่อนร่วมรุ่นในการอบรมบ้าง เป็นเพื่อนร่วมรุ่นนักเทศน์บ้าง เพื่อนร่วมรุ่นพระอุปัชฌาย์บ้าง เพื่อนร่วมรุ่นในการเรียนบ้าง ดังนั้น..แทบทุกรูปจึงรู้จักมักคุ้นกันหมด..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-12-2024 เมื่อ 23:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 23-12-2024, 23:24
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ยังไม่ทันจะทักทายกันทั่วถึง พระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (สุชิน อคฺคชิโน) กรรมการมหาเถรสมาคม แม่กองธรรมสนามหลวง องค์เลขานุการในสมเด็จพระสังฆราชก็เดินทางมาถึง ด้วยความที่ยืนรอรับอยู่ตรงทางผ่านพอดี ท่านจึงเมตตาทักทายว่า "หลวงพ่อวัดท่าขนุน" แต่ก็ได้แต่เพียงแค่นั้น เพราะว่าท่านเองยังมีงานต่อ จึงไปนำบูชาพระรัตนตรัย รับการถวายสักการะจากบรรดาตัวแทนเจ้าคณะปกครอง ตลอดจนกระทั่งทางด้านส่วนราชการ ตั้งแต่ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐมลงมา แล้วก็เมตตาให้โอวาท โดยเฉพาะกล่าวถึงความก้าวหน้าของทางด้านกองธรรมสนามหลวง ตั้งแต่ท่านรับหน้าที่แม่กองธรรมมา

ในปัจจุบันนี้สำนักศาสนศึกษาของแต่ละวัดที่เปิดการสอนแผนกธรรมก็ดี แผนกบาลีก็ตาม ตลอดจนกระทั่งแผนกปริยัติสามัญ เราได้มี พ.ร.บ. การศึกษาคณะสงฆ์เพิ่มเติมขึ้นมา จึงต้องมีตำแหน่งเจ้าสำนักศาสนศึกษา มีตำแหน่งอาจารย์ใหญ่ มีตำแหน่งรองอาจารย์ใหญ่ มีตำแหน่งอาจารย์ผู้สอน และมีตำแหน่งเลขานุการสำนักศาสนศึกษานั้น ๆ อย่างเช่นของวัดท่าขนุนก็ตั้งเป็นรูปเป็นร่างและทำงานมาหลายปีแล้ว

ปรากฏว่าทางคณะสงฆ์สามารถผลักดันจนกระทั่งได้งบประมาณสนับสนุนจากทางด้านรัฐบาลมาส่วนหนึ่ง ปีที่แล้วมอบให้เฉพาะอาจารย์ใหญ่ของสำนักศาสนศึกษาแต่ละแห่ง มาปีนี้ได้เพิ่มเติมเป็นของเจ้าสำนักศาสนศึกษา และเลขานุการสำนักศาสนศึกษา คาดว่าปีต่อ ๆ ไปคงของบประมาณเพิ่มขึ้นให้กับครูสอนประจำสำนักศาสนศึกษานั้น ๆ ไปตามลำดับ

เรื่องพวกนี้แต่เดิมมา แต่ละสำนักศาสนศึกษาก็เกิดจากความเสียสละของเจ้าสำนัก ตลอดจนกระทั่งบรรดาอาจารย์และครูสอนต่าง ๆ ที่นอกจากจะต้องเปลืองเรี่ยวแรงในการสั่งสอนบรรดานักเรียนแล้ว ยังต้องควักงบประมาณหนุนเสริมในการศึกษาด้านต่าง ๆ อีกด้วย อย่างของสำนักศาสนศึกษาวัดท่าขนุน ไม่ว่าจะเป็นแผนกบาลีหรือว่าแผนกธรรมก็ตาม แต่ละปีก็หมดไปนับเป็นแสน ๆ บาท..! แต่ว่าทันทีที่ได้รับงบประมาณสนับสนุนมาจากทางรัฐบาล ก็เริ่มเกิดข้อครหานินทามา ที่ได้ยินแว่ว ๆ มาตอนนี้ก็คือ "เป็นพระรับเงินเดือนได้ด้วยหรือ ?"

ทั้ง ๆ ที่ทางคณะสงฆ์ของเรา ก็ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทุกรัชกาล มีการถวายนิตยภัต ซึ่งความจริงหมายถึงค่าอาหาร ให้แก่พระสังฆาธิการตลอดจนกระทั่งพระราชาคณะและพระครูสัญญาบัตรต่าง ๆ ซึ่งถวายการรับภารธุระในพระพุทธศาสนา ช่วยดูแลอบรมสั่งสอนกุลบุตรต่าง ๆ ที่เข้าไปบรรพชาอุปสมบท แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเล็งเห็นความสำคัญ จึงได้ถวายกำลังใจเป็นปัจจัยสนับสนุนในลักษณะของนิตยภัต ก็คือค่าอาหารที่ถวายให้เป็นประจำ ตั้งแต่สมัยที่ยังรับกันเป็นตำลึง เป็นบาท เป็นสลึง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-12-2024 เมื่อ 23:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 23-12-2024, 23:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

มาจนถึงปัจจุบัน อย่างกระผม/อาตมภาพรับในฐานะของพระครูสัญญาบัตรเทียบผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวงชั้นเอก ก็อยู่ที่ ๓,๑๐๐ บาทต่อเดือน ก่อนหน้านี้รับในตำแหน่งเจ้าอาวาสตั้งแต่ ๕๐๐ บาท เพิ่มขึ้นมาเป็น ๑,๕๐๐ บาท เพิ่มขึ้นมาเป็น ๑,๘๐๐ บาท ปัจจุบันนี้ ถ้าหากว่าญาติโยมท่านใดรับเงินเดือน ๓,๑๐๐ บาทแล้วสามารถอยู่ได้ ช่วยยกมือบอกกระผม/อาตมภาพด้วย อยากจะไปขอศึกษาว่า "ท่านทำอย่างไรถึงอยู่รอดมาได้โดยไม่อดตายเสียก่อน..!"

โดยเฉพาะของทางวัดท่าขนุนนั้น เฉพาะค่าไฟฟ้าก็ตกเดือนหนึ่ง ๕๐,๐๐๐ กว่า ๖๐,๐๐๐ บาทอยู่แล้ว แล้วคิดดูว่านิตยภัตที่ท่านทั้งหลายเรียกแบบไม่ดูว่า "เงินเดือนพระ" จำนวน ๓,๑๐๐ บาท จะเพียงพอไปยาขี้ฟันอะไร ?!

แต่ก็ยังมีบุคคลพยายามที่จะกล่าวถึงว่า เป็นพระภิกษุสามเณรไม่ควรที่จะรับเงิน ถ้าหากว่าไปอยู่ป่าอยู่เขาก็ไม่จำเป็นที่จะต้องมีค่าใช้จ่ายส่วนอื่น โดยไม่ได้นึกถึงบริบทสังคมในปัจจุบันของเราว่า ยังมีป่าเขาที่ไหนให้อยู่อาศัยอีก ? แล้วถ้าไปอยู่อาศัยในลักษณะอย่างนั้น เป็นการตัดตัวเองออกจากสังคม แล้วจะไปสร้างประโยชน์แก่ชนหมู่มาก สร้างความสุขแก่ชนหมู่มาก อนุเคราะห์แก่โลกตามที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสั่งเอาไว้ได้อย่างไร ?

อีกส่วนหนึ่งก็ที่พระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ แม่กองธรรมสนามหลวงได้ปรารภในวันนี้ ก็คือท่านบอกว่า พระเดชพระคุณพระธรรมวชิรเจติยาจารย์ (ชัยวัฒน์ ปญฺญาสิริ ป.ธ. ๙) ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค ๑๔ ที่พวกกระผม/อาตมภาพเรียกกันด้วยความเคารพเป็นการส่วนตัวว่า "หลวงพ่อเจ้าคุณชัยวัฒน์" ซึ่งตั้งแต่ท่านเรียนจบเปรียญธรรม ๙ ประโยคแล้ว ก็ได้เข้าไปช่วยงานในกองธรรมสนามหลวงตลอดมา เมื่อเริ่มมีการผลักดันให้มีงบประมาณมา เพื่อที่จะมอบให้เป็นกำลังใจแก่บรรดาครูผู้สอนต่าง ๆ

พระเดชพระคุณหลวงพ่อเจ้าคุณชัยวัฒน์ ท่านปรารภกับสมเด็จฯ แม่กองธรรมว่า "เหมือนกับพวกเราเป็นลูกจ้างฆราวาส" ซึ่งตรงนี้สมเด็จฯ แม่กองธรรมท่านบอกว่า "กระทบใจ" ท่านอย่างมาก เนื่องเพราะว่า
เหตุเสื่อมเสียที่เกิดขึ้นในพระพุทธศาสนานั้น ความเสียหายเรื่องเงินเป็นเรื่องที่เสียง่ายที่สุด..!

อย่างเช่นว่าถ้าสำนักศาสนศึกษาหนึ่ง ส่งรายชื่อครูพระสอนทั้งนักธรรมและบาลีไป อย่างเช่นของวัดท่าขนุน แม้ว่าจะมีครูพระนับ ๑๐ รูป แต่กระผม/อาตมภาพก็ส่งไปแค่อย่างละ ๕ รูปเท่านั้น ก็คือครูพระสอนแผนกธรรม ๕ รูป ครูพระสอนแผนกบาลี ๕ รูป ทั้ง ๆ ที่ผู้ที่ทำงานมีมากกว่านั้น แล้วกระผม/อาตมภาพถึงเวลาก็ควักปัจจัยสนับสนุน ตลอดจนกระทั่งมอบวัตถุมงคลรุ่นเก่าหายาก ให้เป็นกำลังใจแก่ทุกท่านในทุกปี แต่ว่าจุดที่จะเสียหาย ซึ่งสมเด็จฯ แม่กองธรรมท่านได้ปรารภเอาไว้ก็คือ
ถ้าหากว่าไม่มีครูสอนตามนั้น แต่เราส่งรายชื่อไปเบิกเงินเดือน แล้วความเป็นพระของเราจะเหลือหรือไม่ ?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-12-2024 เมื่อ 23:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 23-12-2024, 23:29
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ท่านปรารภว่าปีนี้ท่านเองเซ็นรับรองงบประมาณไป ๕๑ ล้านบาท เพื่อมอบให้กับครูพระทั่วประเทศ ท่านเองเซ็นแล้วยังคิดว่า "นี่ตัวเราเองยังจะอยู่ได้อีกกี่วัน ?" เนื่องเพราะว่าถ้ามีความเสียหายขึ้นมา ท่านในฐานะแม่กองธรรมก็ต้องรับไปเต็ม ๆ จึงเป็นเรื่องที่ท่านต้องเตือนพวกเราทั้งหลายให้คำนึงถึงความเป็นพระของเรา เนื่องเพราะว่าพระภิกษุของเรานั้นมีศีลเป็นกฎหมายพิเศษ ซึ่งโทษประหารชีวิตของศีลนั้น ในสายตาชาวบ้านแล้วก็เบาเหลือเกิน

อย่างเช่นว่าลักทรัพย์ได้ ๕ มาสก ซึ่งตีราคาเท่ากับ ๑ บาทไทย ก็ต้องอาบัติปาราชิก ขาดความเป็นพระไปทันที โดยเฉพาะปิดมรรคปิดผล ไม่มีโอกาสที่จะเจริญต่อไปในพระพุทธศาสนา ถึงขนาดใช้คำเปรียบเทียบว่า "เหมือนกับตาลยอดด้วน" ที่ไม่สามารถจะเติบโตต่อไปได้
ถ้าเราไม่รู้จักระมัดระวัง ไม่รักศีลของตนเอง ความเสียหายใหญ่จะเกิดขึ้นกับพระพุทธศาสนาทันที เนื่องเพราะว่าท่านทั้งหลายเกิดความโลภขึ้นมาในใจ แล้วก็ส่งรายงานเท็จขอเบิกเงินไปนั้น

อย่าลืมว่าการผิดศีลนั้นเกิดขึ้นทันทีที่การกระทำนั้นสำเร็จลง ไม่ต้องรอให้ใครมาตัดสิน ท่านขาดความเป็นพระไปทันทีที่หลอกลวงเพื่อเอาเงินเกิน ๑ บาท ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ขอให้ทุกท่านตระหนักเอาไว้ให้มาก ไม่เช่นนั้นแล้วเราจะเหลือพระให้ชาวบ้านไหว้ได้แค่ไม่กี่รูปเท่านั้น..!

เมื่อท่านให้โอวาทจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ลงมาทักทายให้กำลังใจแก่บรรดาพระเถรานุเถระ และครูผู้ตรวจข้อสอบธรรมสนามหลวง พร้อมกับมอบตราตั้งให้แก่ครูผู้ได้รับการแต่งตั้งใหม่ จากนั้นก็ขอตัวเดินทางกลับ เพราะว่าท่านต้องไปศาสนกิจที่จังหวัดขอนแก่นต่อไป

กระผม/อาตมภาพเองก็ยังเห็นว่า สิ่งที่พระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ แม่กองธรรมปรารภไว้นั้น เป็นเรื่องที่อันตรายเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่าทำให้พระภิกษุของเราขาดความเป็นพระได้ง่ายเหลือเกิน จึงเป็นเรื่องที่เราท่านทั้งหลายต้องเอาหลักธรรมในเบื้องต้น คือ หิริ -โอตตัปปะ มาประจำใจเอาไว้ ก็คือ รู้จักละอาย ไม่กล้าทำชั่ว และเกรงกลัวผลชั่วนั้นจะส่งผลร้ายแก่ตนเอง ถ้าเรามีหลักธรรมประจำใจเช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นพระภิกษุสามเณร ตลอดจนกระทั่งฆราวาสญาติโยมที่รับราชการต่าง ๆ อยู่ ก็จะไม่มีการคอรัปชั่นหรือว่าโกงกิน เพราะว่ารู้จักละอายชั่วกลัวบาปนั่นเอง

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันจันทร์ที่ ๒๓ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-12-2024 เมื่อ 23:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 44 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 23:03



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว