กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ในวาระสำคัญต่าง ๆ

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 27-11-2024, 19:48
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,946
ได้ให้อนุโมทนา: 225,209
ได้รับอนุโมทนา 800,461 ครั้ง ใน 39,365 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default บรรยายธรรมแก่ชมรมผู้สูงอายุ เทศบาลตำบลเกาะช้าง จังหวัดตราด



บรรยายธรรมแก่ชมรมผู้สูงอายุเทศบาลตำบลเกาะช้าง จังหวัดตราด

วันพุธที่ ๒๗ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ เวลา ๑๐.๓๐ น.
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เจ้าอาวาสวัดท่าขนุน รองเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ (๒) ประธานชุมชนคุณธรรมวัดท่าขนุน ประธานหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบลท่าขนุน ประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิ บรรยายธรรมแก่ชมรมผู้สูงอายุเทศบาลตำบลเกาะช้าง จังหวัดตราด
ณ ศาลา ๑๐๐ ปีหลวงปู่สาย วัดท่าขนุน หมู่ที่ ๑ ตำบลท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 22 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 28-11-2024, 08:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๒๗ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ ยินดีต้อนรับชาวชมรมผู้สูงอายุ เทศบาลตำบลเกาะช้าง จังหวัดตราดทุกคนนะจ๊ะ

อาตมภาพเพิ่งจะไปตรวจยกหมู่บ้านศีล ๕ ต้นแบบที่จังหวัดตราดมา แล้วก็ชื่นชมกันมากว่า จังหวัดตราดจัดโครงการหมู่บ้านศีล ๕ ได้กระชับ ไม่สิ้นเปลืองและตอบโจทย์ได้ทั้งหมด แล้วท้ายที่สุด จังหวัดตราดก็ได้ที่ ๑ ของภาค ๑๓ จริง ๆ แสดงว่าคนตราดอยู่ในศีลกินในธรรมกันเป็นปกติ

สถานที่นี้ก็คือวัดท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี เป็นเมืองเก่าเมืองโบราณมาแต่ดั้งแต่เดิม ก่อนหน้านี้ชื่อเมืองท่าขนุน ปี ๒๔๘๒ กระทรวงมหาดไทยเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นอำเภอทองผาภูมิ เพราะว่ามีภูเขาเยอะ แล้วก็มีคนเจอทองด้วย เขาไปขุดทองกันบริเวณห้วยปากคอกที่ตำบลห้วยเขย่ง ปัจจุบันนี้ก็ยังมีชาวบ้านร่อนทองกันอยู่เรื่อย ๆ

คราวนี้วัดท่าขนุนแห่งนี้น่าจะมีมาตั้งแต่สมัยตั้งเมืองท่าขนุนแล้ว เพราะว่าธรรมเนียมคนไทยของเรา "มีบ้านที่ไหนมีวัดที่นั่น" แต่ด้วยความที่ว่าไม่มีประวัติที่ชัดเจน ประวัติมาปรากฏในสมัยปี ๒๔๗๒ สมัยรัชกาลที่ ๗ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอรประพันธรำไพ กับพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอดิศัยสุริยาภา พระราชธิดาในรัชกาลที่ ๕ แต่ท่านอยู่มาถึงรัชกาลที่ ๗ สองท่านนี้ชอบเที่ยวป่า มาประพาสป่าทองผาภูมิ ๒ ครั้ง เกิดความเลื่อมใสในหลวงปู่พุก อุตฺตมปาโล อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน ก็เลยไปขอพระราชทานธรรมาสน์ทรงบุษบกฝีมือช่างหลวง แล้วก็พระพุทธรูปสมัยรัตนโกสินทร์อีก ๒ องค์จากในหลวงรัชกาลที่ ๗ มาถวายให้กับหลวงปู่พุกในยุคนั้น

ในยุคนั้นการเดินทางลำบากมาก เพราะว่าจะสุดทางรถไฟตรงวังโพ ซึ่งเลยเขตอำเภอเมืองมานิดเดียว แล้วต้องลงเรือ ก็ต้องขนของขึ้นเรือมา แล้วถึงจะมาขึ้นที่ท่าขนุนที่นี่ คำว่า "ท่าขนุน" ก็คือ "ท่าน้ำที่มีต้นขนุน" ถ้าหากเป็นทางบ้านโยมอาจจะเป็นท่าทุเรียน หรือไม่ก็อาจจะเป็นท่าสละ ท่าลองกอง แต่ที่นี่เป็นท่าขนุน

เมื่อปรากฏประวัติศาสตร์ขึ้นมาในช่วงนั้น เขาก็เลยนับหลวงปู่พุกเป็นเจ้าอาวาสรูปแรก ซึ่งเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว..ใช่ไหม ? อยู่ ๆ วัดจะงอกมาจากไหน ? หลวงปู่พุกจะงอกมาจากไหน ? ต้องมีมาก่อนนั้นแล้ว แต่ในเมื่อมีประวัติชัดเจนตรงนั้น เขาก็เริ่มนับหลวงปู่พุกเป็นเจ้าอาวาสรูปที่ ๑ ท่านเป็นพระมอญ เป็นชาวมอญโพธาราม จังหวัดราชบุรี
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-11-2024 เมื่อ 10:19
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 21 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 28-11-2024, 08:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พอหลวงปู่พุกมรณภาพไป ชาวบ้านก็นิมนต์หลวงปู่เต๊อะเน็ง โอภาโส ท่านเป็นชาวกะเหรี่ยง ธุดงค์ข้ามมาจากฝั่งพม่า มาเป็นเจ้าอาวาสบริหารวัดอยู่ ๕ ปี แล้วท่านก็ธุดงค์กลับประเทศพม่าไป

วัดท่าขนุนก็ร้างอยู่หลายปี จนปี ๒๔๙๕ หลวงปู่สาย อคฺควํโส อดีตเจ้าอาวาส สังขารท่านอยู่ทางโน้น มรณภาพมา ๓๐ กว่าปีแล้ว ยังไม่เน่าไม่เปื่อย ท่านเป็นลูกศิษย์หลวงปู่เดิม วัดหนองโพธิ์ ท่านธุดงค์มาถึงที่นี่ เห็นว่า "เออ..เป็นวัดร้าง เงียบสงบดี ไม่มีใครรบกวน" ท่านก็เลยมาปักกลด ปฏิบัติภาวนาอยู่ ชาวบ้านเห็นวัตรปฏิบัติแล้วก็ชอบใจ นิมนต์ให้ท่านเป็นเจ้าอาวาส ท่านไม่รับปาก ท่านบอกว่าจะไปไหว้พระเจดีย์ชเวดากองที่ทางฝั่งพม่าโน้น

สมัยนั้นไปยากมาก สมัยอาตมานี่ยังไปยากเลย เพราะว่าทางจากช่วงด่านเจดีย์สามองค์ วิ่งไปถึงเมืองแรกของพม่า ชื่อเมืองตันบวยเซียด ถ้าออกเสียงช้า ๆ ออกเสียงว่าตันบูซายัด ซึ่งเป็นที่สุดทางรถไฟสายมรณะ ทางรถไฟสายมรณะสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ สร้างจากบ้านหนองปลาดุกที่ราชบุรี ขึ้นมาผ่านเมืองกาญจน์ ไทรโยค ทองผาภูมิ สังขละบุรี ทะลุไปถึงเมืองตันบวยเซียดของพม่า

จากด่านเจดีย์สามองค์ไปถึงตันบวยเซียดเป็นระยะทาง ๑๐๗ กิโลเมตร โยมลองเดาดูสิว่า สมัยอาตมาใช้เวลานั่งรถกี่วันกว่าจะถึง ? ถ้าหากว่าถนนแห้ง รถดี ระยะทาง ๑๐๗ กิโลเมตรต้องค้างกลางทาง ๑ คืน ระยะทาง ๑๐๗ กิโลเมตรถ้าค้าง ๑ คืน อาตมาเดินยังถึงเลย แต่ของทางฝั่งพม่านี่เขาต้องทั้งขุดทั้งเข็นไปเรื่อย พม่าไม่ยอมให้ทำถนน เขากลัวว่าถ้าถนนดี ๆ แล้วชาวบ้านมาเห็นความเจริญฝั่งไทย แล้วจะไปประท้วงรัฐบาล เขาก็เลยไม่ยอมให้ทำถนน ดังนั้น..สมัยอาตมายังลำบากขนาดนี้ สมัยหลวงปู่สายไม่ต้องห่วง ป่าเสือป่าช้างทั้งนั้นเลย..!

พอมาปี ๒๔๙๖ ท่านกลับมาปักกลดที่นีอีกครั้งหนึ่ง ก็คือกลับจากฝั่งพม่ามา ชาวบ้านก็นิมนต์ท่านเป็นเจ้าอาวาสอีกครั้ง ท่านบอกว่า "ครูบาอาจารย์ยังอยู่" ก็คือหลวงปู่น้อย เตชปุญฺโญ (พระครูนิพันธ์ธรรมคุต) วัดหนองโพธิ์ ท่านเป็นอาจารย์คู่สวด และเป็นเจ้าอาวาส ท่านบอกว่า "ต้องไปขอกับท่านอาจารย์ ถ้าพระอาจารย์อนุญาตถึงจะมา"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-11-2024 เมื่อ 10:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 20 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 28-11-2024, 08:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แต่ด้วยความที่ว่าสมัยก่อนนั่งรถลำบากมาก นั่งเรือลำบากมาก จนกระทั่งปี ๒๔๙๗ กำนันบุญธรรม นกเล็ก ถึงได้พาชาวบ้านลงเรือ ไปขึ้นรถไฟที่วังโพ เข้าไปต่อรถที่หัวลำโพง ขึ้นไปนครสวรรค์ ไปจนกระทั่งถึงวัดหนองโพธิ์ที่ตาคลี นครสวรรค์ แล้วก็ไปขอกับหลวงปู่น้อย หลวงปู่น้อยก็อนุญาต หลวงปู่สายถึงมาเป็นเจ้าอาวาสที่นี่ เขาก็เลยนับหลวงปู่พุกเป็นเจ้าอาวาสรูปที่ ๑ หลวงปู่เต๊อะเน็งเป็นเจ้าอาวาสรูปที่ ๒ หลวงปู่สายเป็นเจ้าอาวาสรูปที่ ๓

หลวงปู่สายท่านอยู่มาเป็นเจ้าอาวาส เป็นเจ้าคณะตำบล เป็นเจ้าคณะอำเภอ เจริญรุ่งเรืองมาเรื่อย ๆ ได้รับพระราชทานพระครูสัญญาบัตรจากในหลวงรัชกาลที่ ๙ ปี ๒๕๑๑ ที่พระครูสุวรรณเสลาภรณ์ พระครูสมัยนั้นด้ามพัดยังเป็นงาอยู่เลย สมัยนี้ต่อให้เป็นเจ้าคุณใหญ่แค่ไหนก็ด้ามพลาสติก..! แล้วท่านมรณภาพปี ๒๕๓๕ ผ่านมา ๓๒ ปีแล้ว สังขารยังไม่เน่าไม่เปื่อย ยังอยู่ให้ลูกหลานได้กราบ เดี๋ยวญาติโยมก็จะได้ไปกราบกัน

คราวนี้มาพูดถึงเรื่องมรณภาพ เรื่องของความตาย ถัดจากหลวงปู่สายมา เจ้าอาวาสสองรูป ก็คือพระอธิการสมเด็จ วราสโย กับาพระสมุห์สมพงษ์ เขมจิตฺโต ด้วยความที่ท่านยังหนุ่มอยู่ ท่านจึงสึกไป แล้วก็มาถึงอาตมภาพที่เขาถือว่าเป็นเจ้าอาวาสรูปที่ ๖ เป็นเจ้าอาวาสมาตั้งแต่ปี ๒๕๕๑ จนป่านนี้ ก็ราว ๆ ๑๖ ปีแล้ว

พวกเราทั้งหมดส่วนใหญ่อายุมาก เดินทางไกลก็ลำบาก ทำอะไรก็ไม่คล่องตัวเหมือนสมัยหนุ่ม ๆ สาว ๆ แล้ว เราทั้งหลายก็เดินทางหาประสบการณ์ หาความรู้เพิ่มเติม เพราะว่าคนแก่มีดีที่คนอื่นไม่มี ก็คือเห็นโลกมาเยอะ เราสามารถเป็นแบบอย่างที่ดีให้ลูกให้หลานได้ แต่ว่าการที่เราจะเป็นแบบอย่างที่ดีให้ลูกให้หลานได้ เราต้องเป็นตัวอย่างในด้านดี ก็คือในด้านของศีลของธรรม ยิ่งอายุมาก ยิ่งต้องให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนาให้มากไว้ ส่วนอื่นเราทำเพื่อโลกมาเยอะแล้ว ทำเพื่อครอบครัวมาเยอะแล้ว ทำเพื่อสังคมมาเยอะแล้ว ท้าย ๆ นี่ต้องทำเพื่อตัวเองบ้าง คนเราเกิดมาเท่าไรตายหมด อาตมภาพก็เหลืออีกไม่กี่วันก็น่าจะไปเหมือนกัน..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-11-2024 เมื่อ 10:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 23 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 28-11-2024, 18:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

คราวนี้คนที่พร้อมจะตายนั้นหายากมาก ถามว่าทำไมถึงหายาก ? "ไม่มีความมั่นใจว่าตายแล้วจะไปไหน" บางคนบอกว่า "ไม่มั่นใจว่าตัวเองมีเสบียงบุญเท่าไร" การทำบุญนั้นมีอยู่ด้วยกัน ๑๐ วิธี พระพุทธเจ้าท่านบอกหลัก ๆ เอาไว้ ๓ วิธีก็คือให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา

การให้ทาน ท่านบอกว่าถ้าเกิดชาติใหม่ จะมีฐานะมั่นคง พูดง่าย ๆ ก็คือไม่ลำบากยากจน รักษาศีล เกิดมาจะเป็นคนมีรูปสวย มีจิตใจดีงาม เจริญภาวนา จะเป็นคนมีสติปัญญามาก มีปัญหาทางโลกเราก็แก้ไขได้หมด มีปัญหาทางธรรมเราก็แก้ไขได้ สามารถที่จะยกกำลังใจของตนเองให้เจริญขึ้นไปเรื่อย ๆ

จากคนที่โลภมาก โกรธมาก หลงมากก็ค่อย ๆ คลายไป..คลายไป กลายเป็นคนโลภน้อย ไม่เห็นแก่ตัว ทำเพื่อสังคม เป็นคนขี้โกรธก็มีสติ ต่อให้โกรธก็ไม่พูด ต่อให้โกรธก็ไม่ด่า เพราะรู้ดีว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ทำให้เกิดความแตกแยก เราก็ระงับเอาไว้ กลายเป็นคนแก่มีคุณภาพ ลูกหลานเห็นก็รักก็เคารพ

คนแก่ที่ไม่ได้เรื่องคือคนแก่ที่อารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ เป็นกราฟหัวใจเลย..! แต่ถ้าเป็นคนแก่ที่อารมณ์มั่นคง ใคร ๆ ก็อยากอยู่ใกล้ ถามว่าทำไมอยากอยู่ใกล้ ? คนแก่เห็นโลกมามาก เจอปัญหามามาก ฝ่าฟันมาได้หมดแล้ว เราถามอะไรนี่สามารถที่จะได้ประสบการณ์ไปแก้ไขปัญหาชีวิตได้ง่าย ๆ เลย

ดังนั้น..ในฐานะที่พวกเราอยู่ในชมรมผู้สูงอายุ อาตมภาพก็ดีใจว่าเทศบาลตำบลเกาะช้างเห็นความสำคัญของผู้ชราของพวกเรา ครอบครัวต้องมีคนแก่เป็นหลัก มีคนหนุ่มคนสาวเป็นกำลัง มีเด็ก ๆ ให้เราต้องคอยส่งเสริมให้เขาเป็นคนดีต่อไปในภายหน้า ในเมื่อครอบครัวของเราถ้ามีคนครบ ๓ รุ่น เขาถือว่าเป็นครอบครัวที่ดีที่มั่นคง

ญาติโยมทั้งหลายอุตส่าห์เดินทางมาไกล ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย ถ้าวิ่งตรงจากจังหวัดตราดมาถึงที่นี่โดยไม่พักเลยนะ ใช้เวลา ๘ ชั่วโมง แต่ถ้าหากว่าต้องพัก ต้องเข้าห้องน้ำอะไรด้วย ก็เป็นวันพอดี เมื่อเดินทางมาถึงแล้ว ก็เลยอยากจะบอกพวกเราทั้งหลายว่า เราเป็นผู้ชราแล้ว แต่ไม่ใช่ชราแบบแก่กะโหลกกะลา เราเป็นคนแก่แบบมีคุณภาพ ทางด้านทองผาภูมิของเราก็มีโรงเรียนผู้สูงอายุ มีชมรมผู้สูงอายุ มีสารพัดงานให้คนแก่ได้ช่วยกันทำ ทางด้านเทศบาลตำบลเกาะช้างเห็นความสำคัญของคนแก่ จึงได้พาพวกเรามาถึงนี่
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-11-2024 เมื่อ 19:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 16 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 28-11-2024, 18:29
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เดี๋ยวอีกสักครู่ยังต้องเดินทางอีกไกลมาก เพื่อที่จะไปสังขละบุรี น่าเสียดายเพราะว่าเรามีตลาดชุมชน มีตลาดริมแคว ญาติโยมต้องเดินข้ามสะพานแขวนไป คนอายุมากแล้วไม่รู้ว่าเดินถนัดหรือเปล่า ? เพราะว่าถ้าเดินกันเยอะ ๆ สะพานจะแกว่ง ๆ เหมือนกัน คราวนี้เวลาของเรามีน้อย โอกาสที่จะข้ามไปมีหรือเปล่าไม่รู้ ?

ในศาลาแห่งนี้ อาตมายุบศาลาไม้หลังเก่าหลังใหญ่ หอฉันทางด้านหลัง แล้วก็หอระฆังด้านข้าง สามหลังรวมเป็นหลังเดียว สร้างใหม่ขึ้นมาเป็นศาลาหลังนี้ แล้วที่โยมเห็นด้านโน้น ตรงกลางก็คือหลวงพ่อทองคำ หล่อจากทองคำแท้ ๆ เลย ๙๗.๕๗๕ กิโลกรัม เกือบ ๙๘ กิโลกรัม ทางด้านซ้ายมือเป็นหลวงพ่อเงิน น้ำหนัก ๑๕๐ กิโลกรัม ทางด้านขวามือเป็นหลวงพ่อนาก จะมีเงิน มีทองคำแล้วก็ทองแดงรวมกัน ๑๖๐ กิโลกรัม เฉพาะทองคำอย่างเดียว ๓๗ กิโลกรัมครึ่ง รวมแล้วตรงนี้ก็มูลค่าหลายร้อยล้านบาท

ทำขึ้นมาเพราะว่าทองผาภูมิยังไม่มีพระสำคัญที่คนรู้จักทั้งประเทศ อาตมาก็เลยสร้างขึ้นมา แล้วก็จะเริ่มทำการแห่เพื่อให้นักท่องเที่ยวเขาได้รู้กันในทุกวันที่ ๑๕ เมษายน ก็คือให้เขามาสรงน้ำ

ส่วนทางด้านโน้นเป็นสังขารหลวงปู่สาย อดีตเจ้าอาวาสรูปที่ ๓ ท่านมรณภาพวันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๓๕ ก็ ๓๒ ปีมาแล้ว ยังอยู่ พวกเราก็ดูว่าหลวงปู่ท่านก็คืออดีตคนแก่ แต่ท่านเป็นคนแก่มีคุณภาพ คนเคารพนับถือกันทั้งบ้านทั้งเมือง ขอให้พวกเราดูตัวอย่างดี ๆ ตรงนี้ แล้วก็นำไปตั้งใจปฏิบัติใน ศีล สมาธิ ปัญญาให้มากขึ้น เพื่อที่เราจะได้มั่นใจในส่วนความดีของเรา จะได้พร้อมที่จะตายอย่างมีคุณค่า มีชีวิตอยู่เป็นแบบอย่างที่ดี ตายไปก็ไปแต่ที่ดี ๆ

ท้ายสุดนี้ อาตมภาพขอตั้งสัตยาธิษฐานอ้างคุณพระศรีรัตนตรัย คือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ตลอดจนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ทุกท่านเคารพนับถือ จงมารวมกันเป็นตบะเดชะ พลวปัจจัย ดลบันดาลให้ญาติโยมทุกท่านประสบแต่ความสุขความเจริญ ไม่ว่าจะเดินทางไปในที่แห่งหนใดก็ขอให้อยู่รอดปลอดภัย มีแต่โชคใหญ่กลับมา แล้วก็ทำในสิ่งหนึ่งประการใดที่เป็นไปโดยชอบประกอบด้วยธรรม ก็ขอให้สิ่งที่ท่านทั้งหลายตั้งใจทำจงสำเร็จสัมฤทธิ์ผลจงทุกประการด้วยเทอญ ขอเจริญพร

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
บรรยายธรรมแก่ชมรมผู้สูงอายุ เทศบาลตำบลเกาะช้าง จังหวัดตราด
วันพุธที่ ๒๗ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-11-2024 เมื่อ 19:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 12 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 22:51



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว