กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๗ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๗

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 27-11-2024, 19:39
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,936
ได้ให้อนุโมทนา: 225,200
ได้รับอนุโมทนา 800,228 ครั้ง ใน 39,355 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๗

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๗


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 27-11-2024, 22:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,271 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๒๗ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ มีพระหลายรูปขออนุญาตไปศึกษาเรื่องอักขระเลขยันต์ ซึ่งกระผม/อาตมภาพก็ได้อนุญาตให้ไป แต่สงสัยอยู่ว่าท่านทั้งหลายมั่นใจแล้วหรือว่า สิ่งที่ตนเองศึกษามาเพียงพอที่จะรักษาตัวคุ้มครองตัวได้แล้ว ? สิ่งที่กระผม/อาตมภาพพูดมานี่ไม่ได้หมายถึงวิชาการภายนอก แต่ก็คือศีลหรือว่าวินัยของพระเองเลย..!

สมัยที่กระผม/อาตมภาพบวชใหม่ ๆ ๔ พรรษาแรก จับนวโกวาทจนเปื่อยไปทั้งเล่ม ก็คือทบทวนอยู่ทุกวัน ชนิดที่เรียกว่า
ขยับตัวเมื่อไรจะรู้ตัวเองทันทีว่าศีลขาดหรือเปล่า ? จากนั้นก็ไปศึกษาในส่วนของอภิสมาจาร ซึ่งความจริงก็ศึกษาไปตั้งแต่ตอนเรียนนักธรรมชั้นโทแล้ว แต่ก็ต้องทบทวนเพื่อที่จะได้เข้าใจ หรือว่าจดจำได้มั่นคงยิ่งขึ้น

พ้นจากพรรษา ๔ แล้ว ถึงไปศึกษาเรื่องของอักขระเลขยันต์ต่าง ๆ ซึ่งแรก ๆ ก็ฝึกหัดเอง เขียนเอง จนกระทั่งท้ายสุด พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านได้เมตตาบอกให้ว่า "การเขียนอักขระเลขยันต์นั้น ขั้นตอนต่าง ๆ นั้นยังไม่สำคัญเท่ากับว่า
ตอนที่เขียนเราทรงสมาธิระดับไหน และคิดถึงใคร เนื่องเพราะว่าในเรื่องของเครื่องรางประเภทตะกรุด ผ้ายันต์อะไรต่าง ๆ นั้น ส่วนใหญ่ก็คือเขียนเสร็จต้องใช้งานได้เลย ไม่ได้มีการมีจัดงานปลุกเสกกันอีกรอบหนึ่งแบบที่ทำกันอยู่ทุกวันนี้"

จึงเป็นเรื่องที่พวกเรา ถ้าหากว่ายังศึกษาในเรื่องของพระธรรมวินัยไม่แน่ชัด ไม่สามารถที่จะจดจำได้หมด หรือว่าไม่สามารถที่จะบอกกล่าวต่อให้กับรุ่นน้องได้อย่างถูกต้อง ก็ควรที่จะศึกษาเรื่องของพระธรรมวินัยเพื่อรักษาตัวเองให้รอดก่อนจะดีกว่า

ไม่ใช่ไอ้โน่นก็ขอไปเรียนหมอดู ไอ้นี่ก็ขอไปเรียนอักขระเลขยันต์
สิ่งสำคัญที่จะทำให้เราเป็นพระหรือไม่เป็นพระ เรากลับไม่คิดที่จะศึกษาให้ดี ก็กลายเป็นว่าบวชเข้ามาแล้วน่าจะผิดวัตถุประสงค์ไปหน่อย..! เนื่องเพราะว่าถ้าเราศึกษาไม่ดี ตนเองจดจำไม่ถูกต้อง อาจจะทำผิดพลาดยังไม่พอ ถึงเวลาไปบอกกล่าวสั่งสอน ก็จะทำให้รุ่นน้อง ๆ จดจำผิดพลาดไปด้วย

อย่างที่สมัยจำพรรษาแรก ๆ มีรุ่นพี่เขาบอกว่า "ถ้าเราขอสัตตาหะฯ ไปในระหว่างพรรษาแล้วกลับมา ถ้าก่อนสว่างเข้าวัดไม่ได้ ให้ถอดจีวรโยนเข้าไป พรรษาจะได้ไม่ขาด" กระผม/อาตมภาพก็ยังท้วงบอกว่า "ถ้าแบบนั้นตัวก็ขาดพรรษา ผ้าก็ขาดครอง ถ้าเชื่อคุณผมก็บ้าแล้ว..!" นั่นก็คือลักษณะของการจดจำแล้วบอกกล่าวต่อกันไปผิด ๆ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-11-2024 เมื่อ 02:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 28 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 27-11-2024, 23:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,271 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าวัดท่าซุงมีการปิดประตูแน่นหนา มีเวรยาม ถ้าไม่ได้อรุณเขาไม่เปิดประตูให้ แล้วถ้าพวกท่านไปเจอรุ่นพี่เขาสอนแบบนั้น ขาดความมั่นใจในสิ่งที่ตนเองศึกษามา ก็จะจดจำผิด ๆ แล้วก็ไปสั่งสอนต่อกันผิด ๆ เพราะว่าผ้าห่างตัวก่อนได้อรุณก็แปลว่าเราขาดครอง ครบ ๗ วันได้อรุณแต่กลับเข้าวัดไม่ทันก็ขาดพรรษา โดนทั้งขึ้นทั้งล่อง แต่เชื่อว่าท่านทั้งหลายก็คงไม่กล้าทักท้วงรุ่นพี่เหมือนกระผม/อาตมภาพ เพราะคิดว่าท่านบอกถูก

แบบเดียวกับที่กระผม/อาตมภาพบอกกับพวกท่านทั้งหลายว่า ถ้าญาติโยมลืมสิ่งของเอาไว้ พระเรามีหน้าที่ต้องเก็บรักษาเอาไว้จนกว่าโยมจะมาขอรับคืน แต่คราวนี้การที่โยมเขามาขอรับคืนก็คือต้องได้คืนไปในสภาพเดิม ไม่ใช่เอาไปทิ้งตากแดดตากฝน ปล่อยให้ผุให้ซีดให้เก่า หรือโดนหมาเอาไปแทะ ถ้าทำอย่างนั้นเขาเรียกว่าศึกษามาแบบโง่ ๆ..!

หรือไม่ก็จีวรที่ซักตากอยู่
กระผม/อาตมภาพเห็นมา ๓ วันแล้ว ไม่ยอมเก็บเสียที ฝีมือใครตากไว้รีบไปเก็บซะ เพราะรู้อยู่ไอ้ทิดนั่นสึกไปแล้ว เพราะฉะนั้น..จึงเป็นภาระหน้าที่ของคนที่ทำ จะต้องรีบเก็บรีบงำ ไม่อย่างนั้นทิ้งเอาไว้ยิ่งนานเท่าไร โอกาสที่จะเปื่อยจะผุจะขึ้นราก็มีมากขึ้น

พระพุทธเจ้าท่านสอนเราทุกอย่าง ไม่ว่าจะกิน จะนอน แม้กระทั่งการนุ่งห่ม หรือว่าเข้าห้องน้ำห้องส้วม คาดว่าคงไม่มีพ่อคนไหนที่สอนลูกละเอียดขนาดนี้ แม้แต่การตากผ้าก็ให้ตากเข้าหาตัว ไม่ใช่เหวี่ยงออกส่งเดช เพราะถ้าหากว่าเหวี่ยงออกไป อาจจะเกี่ยวอะไรขาดได้ แล้วการตากผ้าไม่ให้ตากครึ่ง อย่างน้อยก็ต้องเหลื่อมกันสักคืบสักศอกหนึ่ง เพราะว่าถ้าตากครึ่งซ้ำแล้วซ้ำเล่า บริเวณนั้นก็จะเปื่อยขาดง่าย แต่พวกเราไม่ค่อยจะศึกษา แล้วก็ไม่ค่อยที่จะสนใจ ถึงเวลากูก็ตากไปเรื่อย..!

ดังนั้น..จะศึกษาวิชาการอะไรก็ตาม กระผม/อาตมภาพไม่เคยขัด ถือว่า "รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม" แต่ส่วนที่ท่านทั้งหลายต้องศึกษาให้ชัดเจนและปรุโปร่งเลยก็คือ เรื่องของพระธรรมวินัยที่จะรักษาตัวรักษาใจของเรา โดยเฉพาะจะช่วยในการขัดเกลากิเลสของเรา เพื่อความเป็นพระสงฆ์ของเราที่ดียิ่งขึ้น เจริญยิ่งขึ้น ไม่ใช่ไอ้โน่นก็ดี ไอ้นี่กูก็จะเรียน แล้วลืมเรื่องสำคัญที่สุดไปเลย..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-11-2024 เมื่อ 02:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 27 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 27-11-2024, 23:05
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,271 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเรื่องของการศึกษาคณะสงฆ์ ถ้าหากว่าตามที่กระผม/อาตมภาพมีความเห็น จบสักนักธรรมชั้นเอก เปรียญธรรม ๓ หรือ ๔ ประโยค มีพุทธศาสตรบัณฑิตห้อยท้ายก็น่าจะพอแล้ว ที่เหลือก็ตั้งตาตั้งตาปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้นของเรา ซึ่งควรที่จะมาแข่งกันตรงนี้มากกว่า

พวกท่านทั้งหลายก็เห็นแล้วว่า ปัจจุบันนี้พระพุทธศาสนาของเราโดนรุกรานหนักมาก แล้วถ้าหากว่าเราไม่สามารถที่จะบอกจะกล่าว หรือกระทำสิ่งที่ถูกต้องได้ เดี๋ยวถึงเวลาไปออกทีวี ก็จะเหมือนกับ "ท่านปีนเสา" ที่โดนเขาต้อนจนไปไม่เป็น เพราะว่า
สักแต่บวชเข้ามาแต่ศึกษาไม่ดี ไอ้โน่นก็แค่ลักจำเขามา ไอ้นี่ก็แค่ลักจำเขามา..!

อีกส่วนหนึ่งที่อยากจะกล่าวถึงในวันนี้ก็คือการบิณฑบาตเมื่อเช้า ส.ท.จูน (นางสาวกฤติกา มาโนช) อ้างถึงบ่อยไปหน่อย ใส่บาตรแล้วก็เรียนถวายว่า "พายจาวตาลกับคอฟฟี่เค้กเจ้าค่ะ" กระผม/อาตมภาพก็ถอนหายใจเฮือก เพราะว่าประการแรก การเอ่ยชื่ออาหาร ทำให้พระฉันได้ไม่เกิน ๓ รูป ไม่อย่างนั้นก็จะกลายเป็นโทษฉันคณะโภชนา เพียงแต่ว่าช่วงนี้ เราได้อานิสงส์กฐิน ยังสามารถที่จะฉันได้อยู่จนกระทั่งไปถึงกลางเดือน ๔ ไม่อย่างนั้น กระผม/อาตมภาพจะต้องแยกเอาอาหารชุดนี้ออกมาแล้ว

อีกประการหนึ่งที่ต้องถอนใจเลยก็คือ กระผม/อาตมภาพไม่เคยเห็นดีเห็นงามกับไอ้เรื่องของพวกนี้เลย อาหารใครว่าอร่อย วิเศษเลิศเลอ แพงขนาดไหน ไม่เคยอยากฉันซ้ำเป็นครั้งที่ ๒ มีความรู้สึกว่า
"เราเพิ่งจะสลัดหลุดจากบ่วงอันหนึ่งมา เอ็งก็จะเอาบ่วงอันใหม่มาคล้องให้ใหม่อีกแล้ว" ลองไปนึกถึงวัวควายหรือหมาที่โดนล่ามเชือกล่ามโซ่อยู่ สลัดหลุดออกมาได้ แล้วคนเขาถือเชือกถือบ่วงมาใหม่ ก็มีแต่อยากจะเผ่นไปให้ไกลจากตรงนั้น..!!!

ดังนั้น ในเรื่องของข้าวปลาอาหาร กระผม/อาตมภาพจึงไม่ได้สนใจเลย อะไรก็ได้..แค่ฉันกันตายไปวันหนึ่ง จนกระทั่งคุณนวลจันทร์ เพียรธรรม ประธานคณะกรรมการบริหารบริษัทเอ็นซีทัวร์ ยังออกปากว่า "หลวงพ่อเล็กเป็นพระที่ฉันง่ายที่สุดในโลก" เดินทางไปด้วยกันกับคณะ ทางบริษัทเขาขนอาหารจากเมืองไทยไป ๔๐ กิโลกรัม ก็เหลือกลับมาเกือบ ๔๐ กิโลกรัม วันท้าย ๆ ต้องมาไล่ขอร้องในคณะว่า "ช่วยกันกินหน่อยค่ะ..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-11-2024 เมื่อ 03:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 27 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 27-11-2024, 23:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,271 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น..เรื่องของบ่วงมาร เขาอาศัยแค่ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ธรรมารมณ์ ๖ ประการนี้เท่านั้น ที่จะร้อยรัดเราให้ติดอยู่กับวัฏสงสารได้ อะไรที่พอสลัดทิ้งได้ต้องสลัดทิ้งไปเลย ถ้าเป็นเรื่องของพระธรรมวินัย เราต้องสู้กันด้วยชีวิต ถ้าหากว่าอยากกินแล้วทนไม่ได้จะขาดใจตาย ก็ปล่อยให้ตายลงไปเลย..!

พวกท่านเองถ้าหากว่าใครยังติดบุหรี่อยู่ กรุณาอย่าไปสูบให้คนอินเดียหรือคนลังกาเขาเห็น เขาจะตำหนิด่าว่าชนิดที่หนักกว่าพระโดนอาบัติปาราชิกอย่างของบ้านเราเสียอีก..! เขาถือว่า
"เป็นนักบวชแล้วของแค่นี้ยังเลิกไม่ได้" ที่โน่นไม่ใช่แต่พุทธศาสนิกชนที่จะตำหนิ แต่ศาสนาอื่นเขาตำหนิด้วย เพราะว่าเราถือเพศนักบวช เป็นผู้ตั้งใจละกิเลส

ดังนั้น..ในส่วนของ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ธรรมารมณ์ อะไรก็ตาม ถ้าละได้ให้รีบละ ทิ้งได้ให้รีบทิ้ง เลิกได้ให้รีบเลิก ไม่ใช่ลงทุนมามากแล้วไม่อยากจะเลิก ตัวเราจะเป็นพระเป็นเณรได้เต็มที่หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับว่าเราปฏิบัติในสิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนได้มากน้อยแค่ไหน ไม่ใช่เรียนจนจบประโยค ๙ ปริญญาเอกแล้ว ก็ยัง "ไม่เป็นโล้เป็นพาย" ได้แต่ความรู้ทางโลกไปเต็มหัว แค่ "ธรรมะคืออะไร ?" ยังต้องไปไล่ถามคนอื่น แบบนั้นก็น่าจะตบให้หัวทิ่มเหมือนกัน..!

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพุธที่ ๒๗ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-11-2024 เมื่อ 03:05
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 02:24



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว