กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๗ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๗

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 26-11-2024, 19:52
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,936
ได้ให้อนุโมทนา: 225,200
ได้รับอนุโมทนา 800,228 ครั้ง ใน 39,355 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๗

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๗


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 26-11-2024, 23:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,271 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๒๖ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ ภารกิจสำคัญของกระผม/อาตมภาพในวันนี้ก็คือ การเข้าร่วมประชุมพระสังฆาธิการในระดับเจ้าคณะอำเภอ รองเจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะตำบล และเลขานุการ ในเขตปกครองคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิ และร่วมงานติดตามตรวจเยี่ยมเพื่อประเมินผลโครงการวัด ประชา รัฐ สร้างสุข ในระดับหน ที่วัดปรังกาสี หมู่ที่ ๓ ตำบลท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี

แต่ปรากฏว่าไปถึงแล้ว การประชุมกลายเป็นการจับกลุ่มสนทนากันเท่านั้น เพราะว่าทางด้านเจ้าหน้าที่ตรวจประเมินโครงการ วัด ประชา รัฐ สร้างสุขมาเร็วกว่าที่คิด เนื่องเพราะว่าอำเภอทองผาภูมิของเรานั้นไกลมาก สำหรับบุคคลอื่น จึงต้องเผื่อเวลาในการเดินทาง แม้แต่พระเดชพระคุณพระเทพปริยัติโสภณ, ดร. (ปัญญา วิสุทฺธิปญฺโญ ป.ธ. ๙) เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ก็ยังมาถึงกันแต่เช้า แล้วคณะกรรมการตรวจประเมินในระดับหนก็ทยอยติดตามกันมา และมีการโทรศัพท์สอบถามเส้นทางกันเป็นระยะ

คราวที่แล้วในการตรวจประเมินในระดับภาค ปรากฏว่าวัดปรังกาสีนั้นได้ที่ ๑ ในการตรวจประเมินของภาค ๑๔ รอบนี้จึงเป็นการแข่งขันกันใน ๖ ภาคของหนกลางว่า การตรวจประเมินรอบนี้คะแนนของใครจะสูงสุด ก็จะได้ที่ ๑ ของหนไปโดยปริยาย ซึ่งตรงนี้ต่างกับโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ที่กระผม/อาตมภาพไปทำการตรวจประเมิน

ไม่ทราบเหมือนกันว่าข้อมูลในการให้คะแนนของโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ละเอียดกว่ากันหรือเปล่า ? จึงทำให้การตรวจประเมินนั้น เราสามารถที่จะยกเอาคะแนนของแต่ละแห่งที่ไป มาจัดเรียงกันตามลำดับมากน้อยของคะแนนที่ได้ ใครได้สูงสุด ถ้าหากว่าอยู่ในจังหวัดก็จะได้ที่ ๑ ระดับจังหวัดไป ใครได้สูงสุดในระดับภาค ก็จะได้ที่ ๑ ของภาคไป ใครได้สูงสุดในระดับหน ก็จะได้ที่ ๑ ของหนไป ไม่ต้องใช้เวลาในการตรวจประเมิน ๒ รอบ ๓ รอบ แบบโครงการวัด ประชา รัฐ สร้างสุขนี้

คราวนี้โครงการวัด ประชา รัฐ สร้างสุขนั้น ต้องบอกว่าพระเถระเจ้าคณะปกครองท่านมองเห็นว่า วัดวาอารามหลายแห่งเข้า "เกียร์ว่าง" เพราะว่าการสร้างสุขตามหลัก ๕ ส. ก็คือ สะอาด สะสาง สร้างสุขนิสัย สร้างวินัย เหล่านี้เป็นต้น เท่ากับว่าให้พวกเราบริหารจัดการวัดให้สมกับที่เป็นวัดนั่นเอง พูดง่าย ๆ ว่า "ถ้าเจ้าอาวาสทุกรูปทำหน้าที่ของตนอย่างเต็มที่ ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องมีโครงการนี้ก็ได้..!"

โดยเฉพาะท่านทั้งหลายต้องตีความคำว่า วัด ประชา รัฐ ซึ่งถ้าหากว่ากันแบบคร่าว ๆ ก็คือหน่วยงาน ๓ หน่วยงานด้วยกัน หลักสำคัญที่สุดก็คือประชา หรือว่าชาวบ้าน พูดง่าย ๆ ว่าถ้าสามารถทำให้ชาวบ้านเข้าวัดได้ วัดจะอยู่ได้ ถ้าไม่สามารถทำให้ชาวบ้านเข้าวัดได้ วัดก็จะอยู่ไม่ได้ กระผม/อาตมภาพเคยปรารภในการประชุมใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นระดับจังหวัด หรือว่าระดับภาคของพระสังฆาธิการแล้ว หลายวาระด้วยกันว่า "ให้หาทางแก้ไขในเวลาจัดงานของวัดแต่ละแห่งว่า ทำอย่างไรจะให้มีญาติโยมมามากกว่าพระ ?"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-11-2024 เมื่อ 02:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 26-11-2024, 23:12
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,271 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ตรงนี้เป็นปัญหาใหญ่มาก เนื่องเพราะว่าถ้าหากว่ามีญาติโยมน้อย แล้วมีแต่พระของเราเดินทางมาสนับสนุนกันเอง ให้กำลังใจกันเอง วัดก็ไม่น่าจะอยู่ได้ อย่างที่มีการปรารภกันเมื่อไม่กี่วันนี้ว่า ขนาดเป็นวัดอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร ยังไม่มีค่าไฟที่จะจ่ายให้กับการไฟฟ้า เนื่องเพราะว่าไม่ได้บอกบุญ ไม่ได้เรี่ยไรโยม แล้ววัดก็มีแต่ช่วยชาวบ้านอย่างเดียว..!

ปัญหาพวกนี้ ถ้าหากว่าพระภิกษุสามเณรของเราอยู่ในกรอบของพระธรรมวินัย ปฏิบัติอยู่ใน ศีล สมาธิ ปัญญา ให้ญาติโยมทั้งหลายได้เห็นเป็นปกติ ก็จะสร้างศรัทธาให้ญาติโยมอยากจะเข้าวัด แต่ถ้าหากว่า "ฉันเช้าแล้วเอน ฉันเพลแล้วนอน ตอนบ่ายพักผ่อน ตอนค่ำจำวัด" จะให้โยมเข้าวัด ย่อมเป็นไปไม่ได้

ถ้าหากว่าเป็นอย่างที่พระเถระรุ่นเก่า ๆ ท่านปรารภเอาไว้ ก็คือ "บริหารวัดให้ สะอาด สว่าง สงบ คนก็จะเข้าวัดเอง" แต่ว่าในสมัยนี้ ญาติโยมมีข้อเรียกร้องต่อวัดมากกว่านั้นหลายเท่า
โดยเฉพาะญาติโยมจำนวนมากเข้าวัดไปเพื่อหาชุดเช็คอิน ถ่ายรูป แล้วก็ไปเลย..! พูดง่าย ๆ ว่าไม่มีจุดเช็คอินให้ก็ไม่เข้าวัด มีให้ก็แค่เข้าวัดไปถ่ายรูปเท่านั้น ไม่ได้คิดที่จะไปเอาศีลเอาธรรม เอาบุญอะไรจากในวัดติดตัวไปเลย กระทั่งบุญกุศลต่าง ๆ ที่จะพึงทำก็ไม่ได้คิดที่จะทำ ขอให้มีรูปเป็นที่ระลึกเท่านั้น..!

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ปัญหาใหญ่ของคณะสงฆ์ของเรา แล้วพระเถระระดับเจ้าคณะปกครองท่านมองเห็น เราถึงต้องมีโครงการหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบล โครงการสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัด โครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ โครงการ วัด ประชา รัฐ สร้างสุข ด้วยหลัก ๕ ส. พูดง่าย ๆ ว่าอยู่ยากขึ้นไปทุกวัน..!

เนื่องเพราะว่าญาติโยมในปัจจุบันนั้นมักจะแยกไม่ออก ไม่ทราบเหมือนกันว่าปัญญาน้อย หรือว่าตั้งใจแกล้งโง่..! ก็คือ
แยกไม่ออกว่าระหว่างพระภิกษุสามเณรที่เป็นปุถุชน กับพระภิกษุสามเณรที่เป็นพระอริยเจ้านั้นเป็นอย่างไร ? ก็เลยมักจะเรียกร้องให้พระภิกษุสามเณรปุถุชนของเรา เป็นพระอรหันต์กันเสียหมด..!

พูดง่าย ๆ ก็คือทำอะไรจะผิดเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม กูด่าเอาไว้ก่อน แบบเดียวกับที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อเจ้าคุณแย้ม - พระธรรมวชิรานุวัตร, ดร. (แย้ม กิตฺตินฺธโร) เจ้าคณะภาค ๑๔ ท่านปรารภกับ
กระผม/อาตมภาพในวันก่อนว่า "แกมีเหตุผลดีแค่ไหน พูดไปมันก็ไม่ฟังหรอก มันด่าเอาไว้ก่อน..!"

ถ้าเราแยกออกก็จะรู้ว่า ภิกษุปุถุชนหรือว่าสามเณรปุถุชนของเรา ต้องมีการทำผิดทำพลาดเป็นปกติ ส่วนท่านที่ตั้งใจประพฤติปฏิบัติขัดเกลาตนเองจริง ๆ เพื่อที่จะเข้าถึงความหลุดพ้น ปัจจุบันนี้ก็มีน้อยมาก เพราะว่าญาติโยมตั้งข้อเรียกร้องกับพระภิกษุสามเณรมากเกินไป ก็คือต้องคุยภาษาเดียวกัน ต้องรู้เรื่องทางโลกให้เหมือน ๆ กัน ไม่อย่างนั้นแล้วคุยกันไม่รู้เรื่อง แต่พอศึกษาทางโลกมากเกินไป พระภิกษุสามเณรของเราที่เป็นปุถุชนเสียส่วนมาก ก็มักจะรั้งตัวเองไม่อยู่ ถ้าไม่เตลิดเปิดเปิงตามกระแสโลก จนเสียผู้เสียคน ขาดสมณสารูปของนักบวช ก็มักจะสึกหาลาเพศไปเลย..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-11-2024 เมื่อ 02:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 26-11-2024, 23:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,271 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

นี่เป็นข้อสังเกตที่กระผม/อาตมภาพมีต่อสังคมพุทธในปัจจุบันของเรา ก็คือพุทธศาสนิกชนหรือว่าประชาชน แยกไม่ออกว่าพระภิกษุสามเณรปุถุชนกับพระอริยเจ้าต่างกันอย่างไร ? มักจะต้องการความเคร่งครัด บางทีก็สุดโต่งไปเลย อย่างชนิดที่เรียกว่านั่งนิ่ง ๆ เป็นตอไม้ได้ก็ยิ่งดี เอามาเรียกร้องกับพระภิกษุสามเณรของเรา ต้องบอกว่าญาติโยมรู้มากขึ้นทุกวัน แต่ความรู้นั้นไม่ใช่ความรู้ที่แท้จริง รู้แล้วไม่ได้ช่วยให้กิเลสน้อยลง หากแต่เอากิเลสในใจของตนเองไปเรียกร้องจากพระภิกษุสามเณรมากขึ้น..!

จึงเป็นเรื่องที่เราท่านทั้งหลายต้องพยายามฝึกหัดขัดเกลาตัวเองให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ พูดง่าย ๆ ว่าไม่ได้เต็มที่อย่างที่เขาเรียกร้องก็ต้องให้ได้มากที่สุด ไม่อย่างนั้นแล้วในสังคมปัจจุบันของเราจะมีแต่คนหันหลังเข้าวัด ที่หันหน้าเข้าวัดจะมีน้อยลงไปทุกที..!

แบบเดียวกับที่พวกท่านทั้งหลายเห็นว่า ทุกคนอยากจะมีพระภิกษุสามเณรที่เคร่งครัดต่อพระธรรมวินัย แล้วญาติโยมของอำเภอทองผาภูมิเป็นอย่างไร ? ทุกคนรักและเคารพหลวงปู่สาย อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าขนุนเป็นที่สุด แต่ถึงเวลาแห่ลูกมากราบขอขมาหลวงปู่แล้วแห่ไปบวชวัดอื่น..! โดยที่บอกว่า
"วัดท่าขนุนเคร่งครัดเกินไป เดี๋ยวลูกหลานจะลำบาก..!"

ความประพฤติของญาติโยมถือว่าย้อนแย้งกันเอง ต้องการพระภิกษุสามเณรที่เคร่งครัดต่อพระธรรมวินัย สวดมนต์ ทำวัตร บิณฑบาต เจริญกรรมฐาน แต่ไม่ยอมให้ลูกตัวเองบวชที่วัดท่าขนุน เพราะว่ากลัวลูกจะลำบาก..! พูดง่าย ๆ ว่าพวกท่านทั้งหลายที่มาอยู่กันจนกระทั่งเบื่อหน้ากันแล้ว เพราะว่ารู้สึกว่าจะอยู่กันมากเกินไป มีสักกี่คนที่เป็นคนทองผาภูมิ ? ถ้าจะนับกันจริง ๆ นี่แทบจะหาไม่ได้เลย แม้กระทั่งเจ้าอาวาสก็ยังไม่ใช่..!

จึงเป็นเรื่องที่พวกเราเอง อย่างไรเสียก็ต้องพยายามที่จะรักษาตัวเอง รักษาชื่อเสียงของครูบาอาจารย์ รักษาชื่อเสียงของวัดวาอาราม และท้ายที่สุดรักษาพระพุทธศาสนาของเราเอาไว้ให้ได้ ด้วยการเคร่งครัดและเข้มงวดต่อตนเอง ต่อให้ทำได้ไม่ถึงที่สุด ก็ต้องทำให้ได้มากที่สุด จะได้ช่วยกันค้ำจุนพระพุทธศาสนา ให้อยู่รอดกันต่อไปในโลกยุคปัจจุบันนี้..!

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอังคารที่ ๒๖ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-11-2024 เมื่อ 02:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 03:21



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว