กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๗ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๗

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 23-11-2024, 16:41
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 500
ได้ให้อนุโมทนา: 3,308
ได้รับอนุโมทนา 24,997 ครั้ง ใน 988 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๗

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๗


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 23-11-2024, 23:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,274 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๒๓ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ ทุกวันเสาร์อาทิตย์จะมีนักท่องเที่ยวไปเที่ยวที่ทองผาภูมิเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะช่วงนี้ทะเลหมอกงดงามสุด ๆ แต่ก็เป็นทุกอาทิตย์ที่สร้างปัญหาให้กับพระภิกษุสงฆ์ผู้ออกบิณฑบาต เนื่องเพราะว่าบรรดานักท่องเที่ยวของเรานั้น ส่วนใหญ่แล้วมีศรัทธาที่จะใส่บาตร แต่มักจะทำตัวไม่ถูก..?!

อย่างวันนี้ ขนาดเด็กวัดตักเตือนอยู่ ๒ รอบว่า "ช่วยถอดรองเท้าด้วยครับ" ก็ยังทำไม่รู้ไม่ชี้ เมื่อกระผม/อาตมภาพเดินเลยไปยังทักท้วงกันว่า "อ้าว ..พระอาจารย์ไม่เห็นพวกเรา" กระผม/อาตมภาพอยากจะบอกว่า "กูเห็นชัดเต็มสองลูกตาเลยว่ามึงใส่รองเท้าอยู่..!" แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เนื่องเพราะว่าเมื่อเด็กวัดได้ตักเตือนซ้ำอีกรอบหนึ่ง ท่านก็คงรู้ตัวว่าทำไมพระอาจารย์ถึงมองไม่เห็นพวกท่าน..!?

เรื่องแบบนี้จะมีอยู่ทุกอาทิตย์ เป็นที่น่าหนักใจมาก โดยเฉพาะมีพระสงฆ์นักวิชาการบางรูปไปให้คำอธิบายว่า "พระพุทธเจ้าไม่ได้ห้ามใส่รองเท้าในขณะที่ใส่บาตร" กระผม/อาตมภาพอยากจะบอกว่า "ท่านก็เถรตรงจนเกินไป" เนื่องเพราะว่าถ้าสิ่งหนึ่งประการใดต้องรอพระพุทธเจ้าท่านมาตรัส มาบอก มากล่าวไปเสียทุกอย่าง พระพุทธศาสนาของเราก็น่าจะไปไม่รอดอย่างแน่นอน..!

พระองค์ได้ตรัสเอาไว้ว่า เมื่อเข้าไปในสถานที่พึงเคารพ อย่างเช่นว่า โบสถ์ วิหาร ลานเจดีย์ เป็นต้น ให้ถอดรองเท้า ลดร่ม ห่มผ้าเฉวียงบ่า ซึ่งเป็นการแสดงออกซึ่งความเคารพ ก็แปลว่าการถอดรองเท้านั้น เป็นการแสดงออกซึ่งความเคารพอย่างหนึ่ง การเปลี่ยนจากการห่มคลุมมาเป็นห่มผ้าเฉวียงบ่า เป็นการแสดงออกซึ่งความเคารพอย่างหนึ่ง การกั้นร่มหรือว่ากางร่มอยู่แล้วลดร่มลง ถือว่าเป็นการแสดงออกซึ่งความเคารพอย่างหนึ่ง

แล้วก็ไปโยงกับเรื่องที่พระเจ้าพิมพิสารโดนพระเจ้าอชาตศัตรูผู้เป็นลูกจับไปกักขังเอาไว้ เพราะว่าต้องการราชสมบัติ แต่ว่าขังเท่าไรก็ไม่ตายอย่างใจเสียที ตอนแรกเป็นเพราะว่าพระราชเทวีได้นำเอาอาหารซ่อนเข้าไปให้ มาภายหลังเมื่อจับได้ จึงห้ามพระราชเทวีซึ่งก็คือแม่คือตนเอง ไม่ให้เข้าไปเยี่ยมพ่ออีก

พระเจ้าพิมพิสารท่านก็ใช้วิธีเดินจงกรม เพ่งมองไปยังกุฏิองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบนเขาคิชฌกูฏ อยู่ด้วยธรรมปีติ ก็ไม่สวรรคตสมดังใจของพระเจ้าอชาตศัตรู เมื่อทราบว่าเป็นเพราะอยู่ได้ด้วยการเดินจงกรม พระเจ้าอชาตศัตรูจึงสั่งให้ช่างกัลบก นำเอามีดโกนไปกรีดฝ่าพระบาทพระเจ้าพิมพิสารจนเดินจงกรมไม่ได้ แล้วท้ายที่สุดก็สวรรคตสมดังใจของลูกชายตนเอง..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-11-2024 เมื่อ 02:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 23-11-2024, 23:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,274 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสถึงบุรพกรรมของพระเจ้าพิมพิสารว่า ในอดีตเคยใส่รองเท้าเข้าไปในลานเจดีย์ โทษของการปรามาสพระรัตนตรัยที่เป็นเศษกรรม ตามทันมาในชาติปัจจุบันนี้ จึงทำให้โดนลูกชายลงโทษด้วยการใช้มีดโกนกรีดฝ่าเท้า..!

โบราณาจารย์และบรรพบุรุษของเรา เมื่อนำเอาเรื่องสองเรื่องนี้มาโยงกันเข้า ครั้นมาทำสิ่งที่ควรเคารพต่อพระสงฆ์ก็คือการใส่บาตร จึงได้มีการถอดรองเท้า แสดงออกซึ่งความเคารพและความเกรงโทษการปรามาสพระรัตนตรัย ดังนั้น..บรรดานักวิชาการที่สภาพจิตไม่ทราบว่ามืดบอด หรือว่าเถรตรงกันแน่ ? จึงได้ออกมายืนยันว่า "พระพุทธเจ้าไม่ได้ห้ามสวมรองเท้าในขณะใส่บาตร"

ขณะเดียวกัน ญาติโยมทั้งหลายที่เป็นพุทธศาสนิกชน มีจิตศรัทธาจะใส่บาตรสร้างกุศลให้กับตัวเอง แต่กลับจิตหยาบจนเกินไป สวมรองเท้าในขณะที่ใส่บาตร ซึ่งกระผม/อาตมภาพจะปิดบาตรและเดินเลยไปทุกครั้ง ยกเว้นอยู่เฉพาะแม่ค้าปลาสดเท่านั้น เนื่องเพราะว่าเขาทั้งหลายเหล่านี้ต้องใส่รองเท้าบูตสูงถึงหัวเข่า เพื่อป้องกันไม่ให้เท้าเปื่อยจากการที่ต้องเปียกน้ำอยู่ทั้งวัน ครั้นจะไปเสียเวลาถอดก็จะนานมาก จึงได้ให้ท่านทั้งหลายเหล่านั้นสวมบูต หรือว่าสวมรองเท้าในขณะที่ใส่บาตรได้ แต่ก็มีบางท่านที่บางวันลูกหลานเป็นคนขาย ตนเองก็สวมรองเท้าออกมาตามปกติเพื่อใส่บาตร ถ้าแบบนั้น ท่านก็ยังถอดรองเท้ากันด้วยตนเอง

เท่าที่สังเกตมา พุทธศาสนิกชนที่เป็นชาวมอญชาวพม่า ไม่ต้องเสียเวลาเตือน ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต่างก็ถอดรองเท้ากันทุกคน เพราะว่ากระทำกันเป็นปกติ แต่พุทธศาสนิกชนชาวไทย
โดยเฉพาะท่านทั้งหลายที่อยู่ในสถานที่เจริญแล้วด้วยวัตถุ แต่ความเจริญด้านจิตใจน่าจะเข้าไม่ถึง จึงมองข้ามแบบธรรมเนียมต่าง ๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีที่งาม แสดงออกซึ่งความละเอียดลึกซึ้งของคนรุ่นก่อน

ท่านทั้งหลายมองข้ามไปยังไม่พอ ยังจะกระทำในสิ่งที่จะเป็นโทษแก่ตนเองภายหลังอีกด้วย
กระผม/อาตมภาพไม่อยากให้โทษเกิดกับท่านทั้งหลาย ก็เลยต้องทำเมินเดินเลยไปเสียเฉย ๆ ยกเว้นว่าท่านใดที่เด็กวัดเตือนแล้วรู้จักถอดรองเท้า ก็จะหยุดรับบาตรจากท่านตรงนั้น

เรื่องพวกนี้ก็คงจะมีให้บ่นให้ว่ากันไปได้ทุกอาทิตย์ เนื่องเพราะว่าช่วงนี้เริ่มเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว ที่นักท่องเที่ยวมีแต่จะมากขึ้นไปเรื่อย ๆ เนื่องเพราะว่าทองผาภูมิอากาศเย็นสบาย ทิวทัศน์งดงาม ผู้คนเป็นมิตร สถานที่เที่ยวใกล้เคียงมีเป็นจำนวนมาก สามารถที่จะไปแล้วคุ้มกับการเดินทางของตนเอง

แต่เมื่อท่านทั้งหลายมาแล้วกรุณาเถิด..สิ่งหนึ่งประการใดที่จะกระทำ ถ้าเป็นวัฒนธรรมประเพณีแล้ว โปรดศึกษาเสียหน่อย อย่าได้ประมาทว่าความชั่วเพียงเล็กน้อยแล้วไปกระทำ ในขณะเดียวกัน ก็อย่าไปประมาทว่าความดีเพียงเล็กน้อยแล้วไม่กระทำ เพราะว่าผลดีและชั่วทั้งหลาย ต่างก็จะส่งผลต่อท่านในระยะเวลาอันไม่นาน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-11-2024 เมื่อ 02:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 23-11-2024, 23:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,274 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สำหรับเรื่องต่อไปที่อยากจะกล่าวถึงก็คือการที่ "ท่านปีนเสา" ไปออกรายการทีวี ออกมาถึงหน้าสถานีก็โดนบุคคลถีบคว่ำอยู่หน้าสถานีนั่นเอง..! เป็นเรื่องที่น่าสลดใจมาก เนื่องเพราะว่าต่อให้เป็นปุถุชนหรือว่าฆราวาสด้วยกัน ถึงท่านจะชิงชังกันขนาดไหน ก็ไม่สามารถที่จะไปทำร้ายร่างกายกันแบบนั้นได้ เนื่องเพราะว่ามีกฎหมายคุ้มครอง

แล้วนี่
"ท่านปีนเสา" ยังนุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์อยู่ ท่านเองสภาพจิตสามารถล่วงเกินต่อธงชัยพระอรหันต์ได้โดยไม่มีความหวั่นเกรง เป็นเรื่องที่น่าหนักใจเหลือเกินว่า พุทธศาสนิกชนของเราในปัจจุบันเป็นอะไรกันไปหมดแล้ว ?

เนื่องเพราะว่าพระพุทธศาสนาของเรานั้น ไม่ได้สนับสนุนความรุนแรงประเภทนี้ นี่เป็นประการที่ ๑ ประการที่ ๒ ก็คือ ไม่ว่าอย่างไร
"ท่านปีนเสา" ก็เป็นพระภิกษุสงฆ์ในพระพุทธศาสนา ไม่ว่าจะเป็นสมมติสงฆ์หรือไม่ก็ตาม ตัวอย่างในธรรมบทที่กล่าวถึงฆราวาส ไปด่าว่าตำหนิพระที่ต้องอาบัติปาราชิก แล้วฆราวาสท่านนั้นก็ตกนรกเสียเอง เนื่องเพราะว่าสภาพจิตของตนมืดมัวด้วยโทสะ ถึงขนาดไปด่าว่าผู้อื่นซึ่งท่านยังนุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์อยู่ ดังนั้น..การที่ท่านไปทำร้ายร่างกายของ "ท่านปีนเสา" ในระดับนั้น เชื่อว่าถ้าเป็นชาวพุทธที่แท้จริงก็จะสลดใจด้วยกันทุกคน

อีกส่วนหนึ่งก็คือ
"ท่านปีนเสา" เพิ่งจะไปออกรายการทีวีมา กระผม/อาตมภาพก็หนักใจว่า บรรดารายการทีวีหรือผู้สื่อข่าวในปัจจุบันนี้เป็นอะไรกันไปหมดแล้ว ? ในเมื่อรู้อยู่แล้วว่าท่านอยู่ในลักษณะที่โบราณกล่าวว่า "ไม่เต็มเต็ง" ก็ยังอุตส่าห์นำไปออกรายการ เพื่อที่จะเรียกเรตติ้ง เรียกคนดู ถ้าลักษณะนั้น จะกล่าวว่าท่านมีเจตนาดีต่อพระพุทธศาสนาไม่ได้เลย..! แล้วเชื่อเถอะ..เดี๋ยวก็จะมีไอ้พวกหิวแสง หิวยอดวิว นำเอาคำพูดของกระผม/อาตมภาพไปลงเพื่อชนกับคนอื่นอีกจนได้..!

ปัจจุบันนี้มีหลายต่อหลายคนที่ออกคลิปมาถี่ ๆ โดยที่บางทีเนื้อหาไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับกระผม/อาตมภาพเลย แต่ก็จะพาดหัวคลิปด้วย #หลวงปู่ฤๅษีฯ ลิงดำ #วัดท่าซุง #หลวงพ่อเล็ก #วัดท่าขนุน อยู่ในลักษณะที่ต้องการจะ "ตกควาย" กระผม/อาตมภาพได้เตือนลูกศิษย์ไปแล้วว่า "อย่าไปเป็นควายให้เขาตก..!" ใครที่ต้องการยอดวิวแล้วทำเรื่องเหล่านั้น ก็ปล่อยเขาลงนรกกันไปเอง เราอย่าไปมีอารมณ์ร่วมเพื่อลงนรกไปกับเขาด้วย..!

เช่นเดียวกับ
"ท่านปีนเสา" ในเมื่อท่านแสวงหาทางต่ำ ญาติโยมก็อย่าได้ไปตำหนิด่าว่าหรือทำร้ายท่าน เนื่องเพราะว่าจะกลายเป็นเรากระโดดลงนรกไปล่วงหน้าท่านเสียแล้ว..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-11-2024 เมื่อ 02:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 23-11-2024, 23:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,274 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ท่านทั้งหลายที่ไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ ก็จะว่ากระผม/อาตมภาพ "เอานรกสวรรค์มาขายอีกแล้ว..!" เรื่องพวกนี้ท่านจะรู้ก็หลังจากที่เสียชีวิต เนื่องเพราะว่าส่วนใหญ่ไม่ได้มีทิพจักขุญาณ ไม่ได้มีอภิญญาสมาบัติที่จะรู้เห็นได้ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ ถ้าเป็นเช่นนั้นก็แปลว่าท่านรู้เห็นแล้ว แต่ว่าแก้ไขกลับกลายอะไรไม่ทัน ก็ต้องไปทนทุกข์ยากลำบากกันเป็นกัปกัลป์อนันตชาติ..!

เป็นเรื่องที่น่าสงสารอย่างยิ่งสำหรับบุคคลที่มีสภาพจิตอันหยาบ ไม่สามารถเข้าถึง ศีล สมาธิ ปัญญา ซึ่งเป็นส่วนละเอียด จนนำพาจิตของตนให้เจริญขึ้นไปสู่ภพภูมิที่ดี จนกระทั่งหลุดพ้นเข้าสู่พระนิพานได้

แต่ว่าบุคคลที่เป็นสาวกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่แท้จริงก็หาได้ท้อถอยไม่ เนื่องเพราะว่าถ้าตนเองฝึกฝนขัดเกลาไปจนถึงระดับหนึ่งแล้ว ก็ยังคงพากเพียรเผยแผ่พระพุทธศาสนาต่อไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ เรียกง่าย ๆ ว่าต่างคนต่างทำหน้าที่ของตนเอง


ท่านต้องการจะทำลายพระพุทธศาสนาก็แล้วแต่ท่านเถิด กระผม/อาตมภาพมั่นใจว่าพระพุทธศาสนาเป็นของจริง เป็นของแท้ ต่อให้ตั้งใจทำลายขนาดไหนก็ไม่สามารถที่จะทำลายได้ ยกเว้นพุทธบริษัททั้ง ๔ ที่จะทำตนเป็น "สนิมเหล็กกัดกินเนื้อเหล็ก" เสียเองเท่านั้น


สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๒๓ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-11-2024 เมื่อ 02:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 42 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 04:15



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว