กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๗ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๗

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 20-11-2024, 19:59
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,920
ได้ให้อนุโมทนา: 225,197
ได้รับอนุโมทนา 800,080 ครั้ง ใน 39,337 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๗

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๗


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 21-11-2024, 01:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,377
ได้ให้อนุโมทนา: 157,932
ได้รับอนุโมทนา 4,479,218 ครั้ง ใน 35,986 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๒๐ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ งานใหญ่ของทางคณะสงฆ์ก็คือ การสอบนักธรรมชั้นโท - ชั้นเอก (สนามหลวง) ประจำปี ๒๕๖๗ เพิ่งจะผ่านพ้นไป พรุ่งนี้ต้องประชุมเพื่อเตรียมการสอบธรรมศึกษา แล้วมะรืนนี้ก็เป็นวันสอบ

แม้ว่าทางพระเดชพระคุณพระเทพปริยัติโสภณ, ดร. (ปัญญา วิสุทฺธิปญฺโญ ป.ธ. ๙) เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี จะมีหนังสือคำสั่งให้กระผม/อาตมภาพ ไปถวายการต้อนรับพระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (สุชิน อคฺคชิโน) กรรมการมหาเถรสมาคม แม่กองธรรมสนามหลวง ซึ่งท่านจะมาเปิดการสอบธรรมศึกษาที่โรงเรียนวิสุทธรังษี แต่กระผม/อาตมภาพก็คงจะไปไม่ได้

เนื่องเพราะว่าการสอบธรรมศึกษานั้น ทั้งรอบเช้าและรอบบ่ายมีปัญหาให้ต้องแก้ไขกันทุกปี แม้กระทั่งบางปีไม่สามารถที่จะโหลดข้อสอบได้ ก็ต้องอาศัยเส้นสายขอข้อสอบจากอำเภออื่น หรือว่าสนามอื่น ไม่อย่างนั้นเด็กของเราก็จะสอบไม่ทัน โดยเฉพาะวิชาในภาคบ่าย ไม่ว่าจะเป็น ธรรมะ พุทธะ หรือว่า เบญจศีล - เบญจธรรม เป็นต้น เขาให้เวลาแค่ ๕๐ นาทีต่อข้อสอบ ๕๐ ข้อ..!

ความจริงจะว่าไปแล้ว ทางคณะสงฆ์ธรรมยุตนั้น พระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณพระธรรมวชิรานุวัตร, ดร. (แย้ม กิตฺตินฺธโร) เจ้าคณะภาค ๑๔ ท่านจะคุ้นเคยมาก ถัดจากนั้นก็คงจะมีแต่กระผม/อาตมภาพเท่านั้น เนื่องเพราะว่าท่านอื่น ๆ ส่วนใหญ่แล้วไม่ค่อยปฏิสัมพันธ์กับพระธรรมยุต กระผม/อาตมภาพเอง "ได้" มากก็ในช่วงที่ไปช่วยดูแลหลวงปู่มหาอำพัน - ท่านเจ้าคุณพระภาวนาปัญญาวิสุทธิ์ (อำพัน อาภรโณ บุญ-หลง) ที่วัดเทพศิรินทราวาส

มีสิ่งหนึ่งที่พระธรรมยุตมีแต่พระมหานิกายของเรายังขาดอยู่มากก็คือ สายสัมพันธ์และความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ พระธรรมยุตท่านจะถึงกันหมดทุกวัด ไม่ว่าวัดนั้นจะใหญ่จะเล็ก อยู่ใกล้ไกลแค่ไหนก็ตาม ถึงเวลาก็ไปมาหาสู่ กราบรายงานตัว ทำความรู้จักมักคุ้นกับพระธรรมยุตด้วยกันรูปอื่น ๆ จนสามารถกล่าวได้ว่า ถ้าบวชในสายธรรมยุตแล้วจะรู้จักกันทั้งประเทศ..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-11-2024 เมื่อ 02:16
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 21-11-2024, 01:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,377
ได้ให้อนุโมทนา: 157,932
ได้รับอนุโมทนา 4,479,218 ครั้ง ใน 35,986 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

โดยเฉพาะความเอื้อเฟื้อของพระเถระที่มีต่อพระผู้น้อย ในสายธรรมยุตนั้น พระผู้ใหญ่จะเป็นผู้แนะนำบุคคลที่มีความสำคัญหรือว่ามีฐานะดี ให้ช่วยไปอุปถัมภ์ค้ำจุดวัดโน้น สำนักนี้ และโดยเฉพาะเป็นผู้ทูลเชิญพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินี หรือว่าพระบรมวงศานุวงศ์ ไม่ว่าจะพระองค์ใดพระองค์หนึ่งก็ตาม ให้เสด็จไปยังวัดนั้น สำนักสงฆ์นั้น หรือว่าที่พักสงฆ์นั้น

โดยที่พระเถระผู้ใหญ่ที่มีความคุ้นเคยกับราชวงศ์ จะไปเป็นประธานในงาน ช่วยในการต้อนรับให้สมกับพระเกียรติยศที่เสด็จไป จนกระทั่งเขากล่าวกันได้ว่า วัดสายธรรมยุต ไม่ว่าจะวัดเล็กวัดใหญ่ อยู่ใกล้อยู่ไกลขนาดไหน จะต้องมีร่องรอยการเสด็จของพระญาติพระวงศ์ทั้งหมด ตรงจุดนี้ทางด้านมหานิกายของเราสู้ไม่ได้

กระผม/อาตมภาพเองเจอพระเถระรูปหนึ่ง พูดให้ได้ยินกับหู เนื่องเพราะว่าตอนนั้นมีวัดหนึ่งที่ทูลเชิญพระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ (พระยศในขณะนั้น) เสด็จไปเป็นประธานในงานของวัด พระเถระรูปนั้นพูดเข้าหูกระผม/อาตมภาพว่า "ทูลเชิญมาทำไม ? ทำให้เรื่องยากเสียเปล่า ๆ..!"

เราจะเห็นว่าพระเถระที่กระผม/อาตมภาพกล่าวถึง กับพระเถระฝ่ายธรรมยุตนั้น มีการกระทำที่ต่างกันมาก ฝ่ายหนึ่งตั้งใจที่จะสร้างภาพพจน์ที่ดีงามให้กับคณะสงฆ์ธรรมยุต ก็คือทำให้ญาติโยมที่อุปถัมภ์ค้ำชูต่อวัดวาอารามสายธรรมยุตได้เห็นว่า ทุกวัดได้รับเกียรติยศจากในรั้วในวังที่เสด็จไปถึง ไม่ว่าจะใกล้ไกลแค่ไหนก็ตาม เท่ากับเป็นตราประทับช่วยรับรองว่า สถานที่นั้นเป็นสถานที่ที่ดี ควรแก่การเป็นเนื้อนาบุญไปในตัว

ในเมื่อเป็นเช่นนี้จึงไม่ต้องแปลกใจว่า ถ้าหากกล่าวถึงในเรื่องคณะสงฆ์ธรรมยุตและมหานิกาย ในปัจจุบันนี้ต่อให้มีคณะสงฆ์ธรรมยุตบางส่วนสร้างเรื่องอื้อฉาวขึ้นมา แต่เรื่องเหล่านั้นก็จะโดนตัดตอนให้สงบลงในระยะเวลาอันรวดเร็ว คงจะถือหลักตามพุทธภาษิตที่ว่า จงสละทรัพย์เพื่อรักษาอวัยวะ จงสละอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต และจงสละทั้งทรัพย์ อวัยวะ และชีวิต เพื่อรักษาธรรม
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-11-2024 เมื่อ 02:19
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 21-11-2024, 01:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,377
ได้ให้อนุโมทนา: 157,932
ได้รับอนุโมทนา 4,479,218 ครั้ง ใน 35,986 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เพราะฉะนั้น..ถ้าหากว่าเป็นนักบวชฝ่ายธรรมยุต ทำผิดทำพลาดขึ้นมา แล้วจะก่อให้เกิดความเสียหาย เราจะเห็นว่าจะโดนตัดตอน แล้วเรื่องจบลงอย่างรวดเร็วทุกครั้ง มีครั้งเดียวที่ไม่สามารถจะทำได้ก็คือ เรื่องของท่านอาจารย์ยันตระ เพราะว่าท่านไม่ได้มีตำแหน่งแห่งที่ในทางการปกครอง

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ต่อให้คุณสำคัญขนาดไหน ถ้าสร้างความเสียหายให้กับส่วนรวม คุณก็ต้องสละตัวเอง คณะสงฆ์ธรรมยุตจึงสามารถคงความน่าเชื่อถืออยู่ได้ในสายตาของพุทธศาสนิกชน และในสายตาพุทธศาสนิกชน คณะสงฆ์ธรรมยุตก็คือ "พระของพระราชา"

พวกท่านทั้งหลายควรจะเอาบทเรียนตรงนี้ไปว่า ถ้าหากเราก้าวขึ้นไปอยู่ในระดับที่เริ่มให้คุณให้โทษต่อคนได้ ก็ต้องเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กับพวกเรากันเอง อย่างที่กระผม/อาตมภาพทำอยู่ โดยเฉพาะกฐินปลดหนี้ เนื่องเพราะว่าถ้าเราไปวัดเดียว มองมาข้างหลังอาจจะไม่เจอใครเลย แล้วพระพุทธศาสนาก็จะอยู่ไม่ได้ แต่ถ้าเราช่วยกันประคับประคองคนอื่น ถึงเวลาก็มีพวก มีความเป็นปึกแผ่น ช่วยให้พุทธศาสนาของเรามั่นคง ก็จะสามารถที่จะยืนยงจนกระทั่งครบ ๕,๐๐๐ ปีได้

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เราต้องตระหนักถึงภาพรวมของพระพุทธศาสนาเป็นสำคัญ แต่อย่าลืมว่าภาพรวมหรือมหภาคนั้น ก็เกิดจากจุลภาคจำนวนมากด้วยกันประกอบกันขึ้นมา ภาพรวมก็คือคณะสงฆ์มหานิกายหรือว่าคณะสงฆ์ไทย ส่วนภาพเฉพาะก็คือแต่ละวัด เรามีขอบเขตอำนาจที่สุดก็คือในวัดของเรา ก็ต้องบริหารจัดการวัดของเราให้ดี ให้พระภิกษุสามเณรของเราอยู่ในกรอบของพระธรรมวินัย อยู่ในกรอบของศีลของธรรม จะได้สร้างความเลื่อมใสให้กับญาติโยมได้มาก

อย่างของวัดท่าขนุนของเราในปัจจุบัน ในสายตาเจ้าคณะปกครองท่านก็จะว่า "วัดท่าขนุนเข้มแข็ง พระภิกษุสามเณรมีความรู้ความสามารถ ได้รับการสนับสนุนจากเจ้าอาวาสทุกทาง" แล้วแต่ละท่านก็มีจิตสำนึกว่า ตนเองบวชเข้ามาด้วยความตั้งใจจะปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์ ก็พยายามที่จะรักษาวัตรปฏิบัติตามแนวครูบาอาจารย์เอาไว้ จนกลายเป็นภาพพจน์ที่ดีในสายตาของผู้บังคับบัญชา แล้วภาพพจน์ที่ดีเหล่านี้ก็อยู่ในสายตาของชาวบ้านอีกด้วย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-11-2024 เมื่อ 02:21
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 21-11-2024, 01:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,377
ได้ให้อนุโมทนา: 157,932
ได้รับอนุโมทนา 4,479,218 ครั้ง ใน 35,986 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เราจึงต้องมีความตระหนักว่า สิ่งที่เราทำ คำที่เราพูด หรือแม้กระทั่งความคิด อย่างน้อยต้องอยู่ในกรอบของพระธรรมวินัย ถ้ารู้ตัวว่าไม่สามารถที่จะรักษาพระธรรมวินัยเอาไว้ได้ เราต้องตัดตอนตัวเองเลย ก็คือถ้าอยู่ไปแล้วจะทำความเสียหาย เราต้องไปด้วยตนเอง เมื่อเราเสียสละตนเอง วัดวาอารามก็ไม่เสียหาย พระพุทธศาสนาก็ไม่เสียหาย ศรัทธาของญาติโยมก็ไม่เสียหาย

จึงเป็นเรื่องที่เราท่านทั้งหลายต้องร่วมแรงร่วมใจกัน เพราะว่าในปัจจุบันภาพพจน์คณะสงฆ์ของเราย่ำแย่มาก อย่างที่กระผม/อาตมภาพพูดไปในวันก่อน แล้วเราท่านแค่ไม่กี่คนถ้าไปช่วยกันแบก ก็เหมือนอย่างกับมดไม่กี่ตัวไปแบกภูเขาทั้งลูก..! แต่เราจะท้อก็ไม่ได้ จะถอยก็ไม่ได้ จำเป็นต้องช่วยกันแบกต่อไป จนกว่าจะมีบุคคลที่เห็นด้วยแล้วเข้ามาช่วยกันแบกเพิ่มขึ้น ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะง่ายขึ้นแล้วก็เบาลง คณะสงฆ์ของเราก็จะมั่นคง ภาพพจน์ก็จะดีขึ้น ศรัทธาของญาติโยมก็จะแน่นแฟ้นขึ้น และท้ายที่สุดทำให้พระพุทธศาสนาของเราตั้งมั่นได้จนครบ ๕,๐๐๐ ปี

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพุธที่ ๒๐ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-11-2024 เมื่อ 02:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 18:11



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว