กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๗ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนตุลาคม ๒๕๖๗

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 23-10-2024, 19:47
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,946
ได้ให้อนุโมทนา: 225,209
ได้รับอนุโมทนา 800,461 ครั้ง ใน 39,365 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๕๖๗

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๕๖๗


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 42 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 24-10-2024, 00:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๒๓ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ เป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่งของประชาชนชาวไทย ก็คือ วันปิยมหาราช วันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในหลวงรัชกาลที่ ๕ แห่งราชวงศ์จักรี ซึ่งเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ ๒๓ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๔๕๓

รุ่นของพวกท่านโดนตัดหลักสูตรภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ออก ก็เลยไม่ค่อยจะได้จดได้จำเรื่องสำคัญ ๆ ของประเทศชาติหรือของโลกเอาไว้ ต้องบอกว่าเรียนน้อยไป เป็นที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่าประวัติศาสตร์นั้นจะบ่งบอกอย่างชัดเจนว่าประเทศของเรามีที่มาที่ไปอย่างไร ไม่ใช่เอะอะก็ต้องไปดูที่ผนังนครวัด..! อะไรที่ไม่มีกูก็แกะเพิ่มเข้าไป เอาจนมี แล้วทุกวันนี้ก็โดนชาวประชาเขาตั้งชื่อว่า "ประเทศเคลมโบเดีย"

นั่นคือลักษณะของบุคคลที่ขาดประวัติศาสตร์ของตน ต่อให้คิดว่ายิ่งใหญ่ขนาดไหนก็ตาม แต่ถ้าไม่คิดที่จะชำระประวัติศาสตร์ให้ชัดเจน ไม่ให้ลูกหลานศึกษาเอาไว้ ย่อมขาดความภาคภูมิใจในความเป็นเชื้อชาติของตน ในเมื่อขาดความภาคภูมิใจในความเป็นเชื้อชาติของตนยังไม่พอ ยังไปเอาแนวการศึกษาของทางตะวันตกเข้ามา แล้วก็เรียกร้องสิทธิมนุษยชนส่งเดช จะให้ต่างด้าวที่อพยพเข้าเมืองมาโดยผิดกฎหมาย มีสิทธิในการเลือกตั้งเหมือนกับประชาชนคนไทย ไอ้นั่นมันบ้า..!

ถามหน่อยว่าประชากรที่อพยพเข้ามา ไม่ว่าจะถูกกฎหมายหรือไม่ถูกกฎหมาย มีประเทศใดบ้างที่ไม่ต้องผ่านขั้นตอนต่าง ๆ นับ ๑๐ ปีหรือหลาย ๑๐ ปี กว่าที่จะได้รับการยอมรับว่าเป็นส่วนหนึ่งของประเทศนั้น ? แล้วค่อย ๆ มีสิทธิ์มีเสียงขึ้นมาทีละน้อย แต่ว่าอันนี้ปุบปับให้เขามีสิทธิเท่ากับคนไทยโดยกำเนิดเลย ฟังดูอย่างไรก็ไม่ใช่ แล้วแนวคิดแบบนี้จะโดนแพร่กระจายออกไปเรื่อย ๆ ที่บรรดานักคิดเขาใช้คำว่า "ผลไม้พิษ" ก็คือแพร่กระจายออกไปแล้วก็สร้างโทษให้กับทั้งตนเอง ครอบครัว และประเทศชาติ เป็นเรื่องที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่งว่าไปเรียนถึงเมืองนอกมา

แต่เราท่านทั้งหลายก็จะเห็นว่าในการล้มล้างระบอบพระมหากษัตริย์ เพื่อสถาปนาระบอบประชาธิปไตยของบ้านเรา คือการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๔๗๕ นั้น ก็ดำเนินการโดย "นักเรียนนอก" มาถึงปัจจุบัน
ที่ประเทศชาติยุ่งฉิบหายวายป่วงส่วนหนึ่งก็เพราะแนวคิดแบบ "นักเรียนนอก" ที่ดูถูกประเทศชาติของตนเองว่าล้าหลัง ไม่ทันสมัยเหมือนนานาอารยประเทศ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-10-2024 เมื่อ 02:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 24-10-2024, 00:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อยากจะให้ท่านทั้งหลายเหล่านั้นไปเบิ่งตาตี่ ๆ ดูใหม่ว่า ตอนนี้ยุโรปอเมริกายุ่งฉิบหายวายป่วงขนาดไหน..!? จะได้รู้ว่าลัทธิหรือตลอดจนกระทั่งแนวทางการเมืองที่เขายกย่องหนักหนานั้น ไม่ได้มีความเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริงเลย โดยเฉพาะอเมริกา เจ้าพ่อประชาธิปไตย ขายสิทธิและเสรีภาพ กลับเป็นบุคคลที่ยึดถือว่ากำปั้นใครใหญ่กว่าคนนั้นได้เปรียบ..! ประชาธิปไตยบ้านไหนของมันก็ไม่รู้ ?

หลักการปกครองนั้นสำคัญที่สุดก็คือทำให้ชาวบ้านอยู่ดีกินดี อย่างที่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ พระราชทานแนวคิดให้กับประธานาธิบดีวลาดีมีร์ ปูติน บอกว่า "ถ้าคุณทำให้ชาวบ้านอิ่มท้องได้ ประชาชนจะสนับสนุนคุณเอง" แล้วท้ายที่สุดประเทศรัสเซียก็ได้รับการพัฒนา จนกระทั่งประชาชนพอมีพอกิน ชาติตะวันตกอื่นเห็นว่าจะเป็นอันตรายแก่ตนเอง เพราะว่าเข้มแข็งขึ้นเรื่อย ก็หาทางยุให้ยูเครนไปรบด้วย..!

แล้วตอนนี้ทางตะวันตกก็เห็นว่าทางเอเชียของเราสงบสุขจนเกินไป จึงหาเรื่องตั้งแต่ให้จีนกับไต้หวันทะเลาะเบาะแว้งกัน ให้ญี่ปุ่นกับเกาหลีทะเลาะเบาะแว้งกัน ให้เกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้ทะเลาะเบาะแว้งกัน แล้วท้ายที่สุดก็ยุให้ประชากรไทยทะเลาะเบาะแว้งกัน แล้วก็เป็นเรื่องแปลกมากว่าคนพวกนี้สารพัดเรื่องฉลาดหมด แต่เรื่องแค่นี้กลับมักจะโง่ไปถนัดใจ..! ไม่รู้จักคิด ไม่รู้จักพิจารณาว่า สิ่งที่ตนเองทำไปนั้นใครได้ประโยชน์ ? โดนเขาจูงจมูกใช้งานไปนับครั้งไม่ถ้วนก็ยังไม่เข็ดอีก..!

เราจะเห็นว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ของเรานั้นทรงค่อย ๆ ปล่อยพระราชอำนาจออกมาทีละเล็กทีละน้อย ไม่ว่าจะเป็นอำนาจในการบริหาร อำนาจตุลาการ เพื่อที่ให้ประชาชนค่อย ๆ ใช้อำนาจนี้ได้อย่างถูกต้อง ถ้าปล่อยออกมาทีเดียวก็จะมีการ "เหลิง" แล้วท้ายที่สุดก็จะ "หลง" ก็คือใช้เสรีภาพแบบไม่มีขอบเขต แล้วไปล่วงสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่น แต่ก็มักจะมีไอ้พวกที่อ้างว่าหัวก้าวหน้า ต่างประเทศเขาทำกันแบบนี้ ทั้ง ๆ ที่โคตรพ่อโคตรแม่ของมันก็อยู่ประเทศไทยนี่เอง..! แต่จะเอาต่างประเทศเป็นตัวอย่าง ถ้าวันไหนไม่มีประเทศจะอยู่แล้วถึงจะซาบซึ้ง..!

ที่วันนี้ต้องมากล่าวเรื่องนี้ก็เพราะว่าความเสรีเริ่มปรากฏในสมัยรัชกาลที่ ๔ รัชกาลที่ ๕ มาเรื่อย ถึงขนาดในหลวงรัชกาลที่ ๓ ปรารภว่า "ศึกข้างพม่า ตลอดจนกระทั่งรอบบ้านของเราไม่เป็นที่หนักใจแล้ว จะมีแต่ข้างตะวันตกเท่านั้น ถ้าเราได้ศึกษาเรียนรู้วิธีการของเขา ก็จะได้เอามาปรับแก้ไข เพื่อให้บ้านเราเมืองเรามีความทันสมัย ตลอดจนกระทั่งรู้เท่าทันอีกฝ่ายได้"

แม้กระทั่งองค์ในหลวงรัชกาลที่ ๕ ส่งบรรดาพระราชโอรสไปศึกษาเล่าเรียนต่างประเทศ ก็ย้ำชัดเจนว่า "อย่าได้นับถือเลื่อมใสไปทั้งหมดเสียทีเดียว" นำเอาสิ่งที่ดีกลับบ้านกลับเมืองของเรามาพัฒนาประเทศชาติ นั่นคือสายพระเนตรที่ยาวไกลมาก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-10-2024 เมื่อ 02:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 24-10-2024, 00:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

และในช่วงที่สงครามโลกเกิดขึ้น เรามีในหลวงรัชกาลที่ ๘ และรัชกาลที่ ๙ ซึ่งศึกษาเล่าเรียนแบบตะวันตก แต่ว่ายึดมั่นในความเป็นไทย ในความเป็นตะวันออก นำประเทศชาติของเราหลุดพ้นจากปากเหยี่ยวปากกามาได้ พวกเราจะเห็นว่ารอบบ้านของเรา ไม่มีประเทศไหนที่ไม่โดนฝรั่งเศสหรือว่าอังกฤษยึดครอง แต่ประเทศไทยของเรารอดพ้นมาได้ด้วยพระราชกุศโลบาย ในการผูกสัมพันธ์กับนานาอารยประเทศจนเขาเกรงใจ ประเทศที่ตกต่ำหลังสงครามจึงได้รับการยอมรับจากทางยุโรปและอเมริกา ยอมปล่อยเงินให้กู้ ทำให้เราค่อย ๆ พลิกฟื้นเศรษฐกิจขึ้นมาได้

แต่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ก็มองเห็นว่า ถ้าปล่อยให้เรื่องของอุตสาหกรรมนำประเทศชาติ มีแต่จะล่มจม เนื่องเพราะว่าเติบโตรวดเร็วเท่าไร ก็ล้างผลาญทรัพยากรมากเท่านั้น ท้ายที่สุดก็ทรงมอบ "ทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง" ออกมา ที่ปัจจุบันนี้ทั่วโลกล้วนแล้วแต่เคารพเลื่อมใส ว่าพระองค์ท่านคิดออกมาได้อย่างไร ? แต่คนไทยไม่ค่อยทำกัน

ดังนั้น..การที่สถาบันพระมหากษัตริย์ยืนหยัดมา ผ่านร้อนผ่านหนาวทุกยุคทุกสมัยจนถึงปัจจุบัน ย่อมมีคุณค่าและความสำคัญอยู่ในตัวอยู่แล้ว ประชาชนคนไทยที่มีจิตสำนึกในการรักสถาบัน จึงไม่ยอมให้อะไรมากระทบกระทั่ง ไม่ใช่ไปลดความสำคัญลงมาให้เท่ากับคนทั่วไป เพราะว่าองค์ประมุขของประเทศก็ดี ผู้นำของประเทศก็ตาม ไม่ว่าประเทศไหนก็มีกฎหมายคุ้มครองเป็นการเฉพาะอยู่แล้ว ไม่ใช่แค่สถาบันพระมหากษัตริย์ไทยเท่านั้น

"ถ้าไม่ใช่มันเรียนจนโง่ ก็แปลว่ามันตั้งใจแกล้งโง่..!" จึงเป็นเรื่องที่เราท่านต้องตระหนักว่าในเรื่องของสถาบันหลัก ไม่ว่าจะเป็นชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์นั้น ยังจำเป็นที่จะต้องยืนหยัดคู่กับสังคมไทยไปชั่วกาลนาน

ท่านทั้งหลายจะเห็นว่าปัจจุบันประเทศชาติของเรา ไม่ว่าจะขยับทำอะไรขึ้นมาก็เป็นเงินเป็นทองไปหมด คนอื่นเขาอิจฉาที่บ้านเราเมืองเราสุขสงบมากกว่า พยายามที่จะมาก่อกวน แล้วก็มี
"ไอ้พวกโง่แล้วอวดฉลาด" ไปช่วยเขาก่อกวนให้บ้านเมืองของตนเองเละเทะวุ่นวาย ถ้าเป็นไปในลักษณะอย่างนี้ก็ต้องบอกว่า "เหนื่อยกันอีกนาน..!"

แต่ก็ถือเป็นภาระ ถือเป็นหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ ทหาร ข้าราชการ มีหน้าที่ในการค้ำจุนสถาบันชาติและกษัตริย์พร้อมกับประชาชน พระภิกษุ สามเณร แม่ชี ฆราวาส มีหน้าที่ในการค้ำจุนพระพุทธศาสนาพร้อมกับประชาชน ถ้าทุกคนตระหนักในหน้าที่ของตนเองอย่างแท้จริง บ้านเราเมืองเราก็จะไม่วุ่นวายเดือดร้อนมากมายในสถานการณ์โลกปัจจุบันนี้ แต่ถ้าหากว่ายังคงเป็นอยู่ในลักษณะกลัวว่าบ้านเมืองจะไม่วุ่นวาย ลักษณะเช่นนั้นก็ต้องบอกว่าเป็นเวรเป็นกรรมของประเทศและพวกเราเอง..!

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพุธที่ ๒๓ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-10-2024 เมื่อ 02:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 23:04



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว