กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๗ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกันยายน ๒๕๖๗

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 08-09-2024, 18:25
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 500
ได้ให้อนุโมทนา: 3,308
ได้รับอนุโมทนา 24,997 ครั้ง ใน 988 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๘ กันยายน ๒๕๖๗

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๘ กันยายน ๒๕๖๗


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 09-09-2024, 00:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๘ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ ทั้งที่พักผ่อนไม่พอแต่ก็ต้องปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ ช่วงเช้ากระผม/อาตมภาพพาพระวัดท่าขนุนฝ่าสายฝนออกไปรับบาตรตามปกติ เห็นญาติโยมที่ฝ่าฝนออกมาใส่บาตรแล้วยังรู้สึกสะท้อนใจว่า ถ้าหากพระภิกษุสามเณรของเราไม่ยอมออกบิณฑบาต ทั้ง ๆ ที่ญาติโยมรอใส่บาตรอยู่ ก็คงจะไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะเป็นศากยบุตรพุทธชิโนรส..!

วัดท่าขนุนของเรานั้น จะฝนตกแดดออก ฟ้าถล่มดินทลายอย่างไร ก็ออกบิณฑบาตเป็นปกติ จนกระทั่งญาติโยมทุกคนทราบทั่วกันแล้วว่า ไม่ว่าสภาพอากาศแบบไหน ทางวัดท่าขนุนก็ให้พระภิกษุสามเณรออกบิณฑบาตกันทั้งนั้น จึงทำให้คนแถวนี้น้อยคนที่จะให้ลูกไปบวชที่วัดท่าขนุน เนื่องเพราะกลัวว่าลูกของตนจะต้องลำบาก..!

ต้องตื่นตั้งแต่ตี ๓ ครึ่ง เจริญกรรมฐาน ทำวัตรเช้าแล้วออกบิณฑบาต ฉันเช้าเสร็จแล้วก็ร่วมกันทำความสะอาดวัด จากนั้นใครที่เรียนนักธรรม เรียนบาลีก็ต้องไปเรียนจนกว่าจะเพล ฉันเพลเวลา ๑๑ โมงครึ่ง มีเวลาให้ประมาณ ๑๕ นาทีเท่านั้น อิ่มไม่อิ่มก็ต้องเลิก พูดง่าย ๆ ว่าต่อให้ไม่พิจารณาอาหาเรปฏิกูลสัญญา ท่านเองก็ไม่มีเวลามานั่งละเลียดด้วยความอร่อยอยู่ดี เนื่องเพราะว่าถ้าขืนช้าก็จะฉันไม่อิ่ม..!

จากนั้นก็ฟังเสียงธรรมจากหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ซึ่งเปิดเสียงตามสายไปทั่ววัดตั้งแต่เที่ยงตรงจนถึงเที่ยงครึ่ง แล้วช่วงบ่ายใครที่เรียนนักธรรม เรียนบาลี ก็เข้าสู่โหมดการเรียนตามปกติ ตอน ๔ โมงเย็นเลิกเรียน ฟังเสียงตามสายรอบเย็น ซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็คือพระวินัยของพระภิกษุของเรานั่นเอง แปลว่าทางวัดเปิดศีลพระกรอกหูอยู่ทุกวัน..!

จบจากเสียงตามสายรอบเย็นก็เป็นการทำความสะอาดวัดร่วมกัน เสร็จแล้วก็ไปสรงน้ำแต่งตัว มาทำวัตรค่ำรอบแรก ต่อด้วยการฟังเสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ถ้ากระผม/อาตมภาพไม่อยู่ ก็จะไม่มีเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนสอดแทรกตรงกลาง หากแต่ต่อด้วยการทำวัตรค่ำรอบสองไปเลย แล้วเวลา ๒ ทุ่ม ก็จะเป็นเสียงตามสายรอบค่ำ ตั้งใจให้ฟังแล้วภาวนาจนหลับไป เพื่อที่จะตื่นขึ้นมาตอนตี ๓ ครึ่ง เริ่มเข้าสู่วงจรเดิม ๆ กันอีก..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-09-2024 เมื่อ 05:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 09-09-2024, 00:26
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สำหรับวันนี้มีโครงการ "หิ้วตะกร้า นุ่งผ้าไทย นั่งแคร่ไม้ ใส่บาตรพระทุกวันอาทิตย์" ซึ่งแม้ว่าฝนฟ้าจะตกกระหน่ำแบบไม่ดูดำดูดี แต่ญาติโยมก็ไม่ย่อท้อ นักท่องเที่ยวมาใส่บาตรกันหนาแน่น น่าชื่นใจมาก เมื่อกลับถึงวัด ระหว่างฉันเช้า บรรดาแม่ชีก็ได้นำเอายาแก้ไข้มาถวายพระภิกษุของพวกเรา ใครที่เกรงว่าจะเจ็บไข้ได้ป่วยจากการตากฝน ก็เร่งฉันยาลงไปสกัดไข้เอาไว้ก่อน

กระผม/อาตมภาพเองนั้น ยังต้องไปซักผ้าซักผ่อนจนเรียบร้อยแล้ว ค่อยแต่งตัว ให้น้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) พาวิ่งไปยังวัดอู่ล่อง เพื่อถวายมุทิตาสักการะพระครูพิสุทธิ์กาญจนาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดอู่ลอง เจ้าคณะตำบลท่าขนุนเขต ๑ ที่ท่านจัดงานฉลองสมณศักดิ์พัดยศ ซึ่งได้รับพระราชทานเลื่อนเป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าคณะตำบลชั้นเอก พร้อมกับฉลองอายุวัฒนมงคล ๖๑ ปี ซึ่งกระผม/อาตมภาพกับหลวงพ่อพระครูวรกาญจนโชติ เจ้าคณะตำบลทองผาภูมิ ไปร่วมแสดงความยินดีในงานด้วย

เมื่อถวายมุทิตาสักการะแล้ว กระผม/อาตมภาพต้องรีบกลับวัดท่าขนุน เพื่อเตรียมสถานที่ในการประชุมคณะกรรมการสภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิ เมื่อฉันเพลแล้ว ก็รีบแต่งตัวออกมารอการประชุม ซึ่ง
แม้ว่าจะเป็นวันอาทิตย์ วันหยุดของตนเอง ท่านชาคริต ตันพิรุฬห์ นายอำเภอทองผาภูมิ ก็มาร่วมประชุมด้วยความเต็มอกเต็มใจ

ดำเนินการประชุมไปจนเสร็จสิ้น ปิดการประชุมลงภายในบ่าย ๓ โมง เพราะกระผม/อาตมภาพได้บอกกับคณะกรรมการทุกท่านว่า วันนี้จะต้องวิ่งไปดูแลพรรคพวกเพื่อนฝูงคณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ หนกลาง ซึ่งจะมาพักที่เรือนธารา อาคารที่พักภายในเขื่อนศรีนครินทร์ รอการเดินทางไปตรวจประเมินหมู่บ้านน้ำมุด เพื่อยกขึ้นเป็นหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ต้นแบบในวันพรุ่งนี้ จึงไม่มีเวลาการประชุมให้ยืดเยื้อ ทุกอย่างจะต้องจบลงภายในบ่าย ๓ โมง ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือด้วยดี

เสร็จแล้วก็วิ่งฝ่าฝนจากทองผาภูมิลงมาไทรโยค เลี้ยวซ้ายตรงสามแยกทับศิลา แล้วมาเลี้ยวซ้ายอีกทีตรงสามแยกวัดเขื่อนท่าทุ่งนา วิ่งผ่านเขื่อนท่าทุ่งนา ตรงขึ้นไปยังเขื่อนศรีนครินทร์ ไปถึงปรากฏว่ามีหลวงพ่อน้ำฝน (พระครูปลัดสิทธิวัฒน์) เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม หัวหน้าพระวินยาธิการคณะสงฆ์ภาค ๑๔ เพิ่งมาถึงรายเดียว เจ้าหน้าที่บอกว่าต้องรอผู้ติดต่อประสานงานมาทำการเบิกกุญแจก่อน จึงจ่ายห้องพักให้ได้ พวกกระผม/อาตมภาพจึงเดินดูข้าวของ และถ่ายรูปสถานที่ส่งไปให้พรรคพวกเพื่อนฝูงที่จะตามมา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 04-03-2025 เมื่อ 20:15
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 09-09-2024, 00:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อีกพักใหญ่ พระครูศรีธรรมวราภรณ์, ดร. (จีรพันธ์ ธมฺมปสฏฺโฐ ป.ธ. ๖) เลขานุการรองเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรีก็วิ่งมาถึง ทำการเบิกบ้านพักให้ กระผม/อาตมภาพได้พักที่เรือนโกเมนหมายเลข ๑ ซึ่งอยู่สุดทางของเขื่อนพอดี แม้ว่าวิวจะไม่สวยงามเท่ากับที่อื่น แต่ว่าเงียบสงบดีมาก จึงมาทำการบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนอยู่ในขณะนี้

ส่วนที่อยากจะพูดถึงก็คือ "ควันหลง" จากงานเป่ายันต์เกราะเพชรที่วัดท่าขนุนเมื่อวาน เหตุที่บอกว่า "ควันหลง" ก็เพราะว่า เห็นการกระทำผิดพลาดใหญ่ ๆ หลายต่อหลายอย่างด้วยกัน

โดยเฉพาะ
เครื่องบูชาที่ใช้ในขณะรับยันต์เกราะเพชร ซึ่งปกติแล้วมีแค่ธูป ๓ ดอก เทียน ๑ เล่ม เทียนก็ไม่จำกัดว่าเป็นสีอะไร แต่จำกัดว่าต้องมีน้ำหนัก ๑ บาท ซึ่งเทียนหนัก ๑ บาทนั้นจะมีขนาดเกือบเท่านิ้วชี้ผู้ใหญ่ ยาวประมาณ ๑ คืบ แต่ว่าเห็นหลายท่านนำเอาเครื่องบูชาครูรับยันต์เกราะเพชรมาแล้วก็รู้สึกว่า go so big ชักจะไปกันใหญ่แล้ว..!

เนื่องเพราะว่าหลายท่านได้หอบเอาพานกรวยดอกไม้มา บางท่านก็หอบเอาพานดอกไม้ธูปเทียนแพมา บางท่านก็หอบบายศรีปากชามมา มีอยู่ท่านหนึ่งหอบเอาพานพุ่มขนาดใหญ่โตมาคู่หนึ่งเลย บางคนก็มีดอกบัวทองมา ๙ ดอก บางท่านยิ่งเข้าป่าเข้าดงไปใหญ่ ก็คือมีดอกไม้ ๓ สี ๓ ดอก เทียน ๑ คู่ ธูป ๓ ดอก เป็นต้น

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าหากว่าปล่อยไปโดยไม่พูดถึง บุคคลที่เข้าใจผิดเพราะว่าได้รับการแนะนำมาผิด ๆ ก็จะเตลิดเปิดเปิงไปยกใหญ่ จนกระทั่งท้ายสุดก็จะไม่เหลือของแท้เอาไว้เลย เพราะว่าจำผิด ๆ ตามกันไปหมดแล้ว..!

เครื่องมือในการรับยันต์เกราะเพชรนั้นมีแค่ธูป ๓ ดอก เทียน ๑ เล่ม ยกเว้นผู้หญิงคนใดที่มีลูกติดท้องมาก็จัดเผื่อให้กับลูกด้วยอีก ๑ ชุด ก็แปลว่าบุคคลนั้นต้องใช้ธูป ๓ ดอก เทียน ๑ เล่ม จำนวน ๒ ชุดด้วยกัน ถ้าสแกนดูด้วยอัลตร้าซาวด์แล้วรู้ว่ามีลูกแฝด ก็เตรียมเผื่อลูกอีกคนหนึ่ง อย่างเก่งก็น่าจะ ๓ ชุดเท่านั้น แต่มีการแนะนำผิด ๆ จากผู้ที่อ้างว่าเป็นผู้รู้ แล้วทำให้เรื่องเหล่านี้ผิดเพี้ยนผิดพลาดไปหมด

แม้กระทั่งเรื่องของบายศรีก็ตาม บายศรีบวงสรวงไหว้ครูนั้นเป็นบายศรี ๙ ชั้น คำว่า ๙ ชั้นในที่นี้ก็คือมี "นิ้วบายศรี" ซ้อนกันตัวละ ๙ ชั้น ไม่ใช่บายศรีสูง ๙ ชั้น ขอให้จัดเป็นบายศรี ๙ ชั้นในลักษณะอย่างนี้มา จะเป็น "บายศรีพาน" ก็ได้ "บายศรีต้น" ก็ได้

ส่วนบายศรีปากชามทั้ง ๔ ทิศนั้นจำกัดแค่สี ไม่ได้จำกัดที่ขนาด คำว่าจำกัดสีก็คือทางด้านเหนือต้องเป็นดอกไม้สีแดง ทางด้านใต้เป็นดอกไม้สีม่วง ทางด้านตะวันออกเป็นดอกไม้สีเหลือง ทางด้านตะวันตกเป็นดอกไม้สีขาว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-09-2024 เมื่อ 05:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 09-09-2024, 00:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ส่วนบายศรีต้นตรงกลางนั้น พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านบอกว่าจะชอบสีอะไรก็ตาม แต่ให้มีดอกไม้สีแดงติดอยู่สักเล็กน้อย เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของท้าวมหาราชท่าน เพราะว่าท่านขอมาว่าถ้าทำบายศรีแล้วมีสีแดงอยู่ ท่านจะให้การสงเคราะห์อย่างเต็มที่

ส่วนเครื่องประกอบอื่น ๆ นั้น ในส่วนที่เห็นเกินมามากในปัจจุบันนั้น อันดับแรกเลยก็คือทองหยิบฝอยทอง ทองหยิบฝอยทองนั้นมีเอาไว้สำหรับแก้บนเสด็จในกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ไม่ใช่เครื่องประกอบเครื่องบวงสรวง

อย่างต่อไปก็คือในส่วนของถั่วลาชมาศ ซึ่งก็คือถั่วเขียวแกะเปลือกคั่ว เอาไว้ใช้ในการตั้งศาลพระภูมิ ไม่ใช่เอามาขึ้นโต๊ะบวงสรวงไหว้ครู บางที่นอกจากทองหยิบฝอยทองแล้ว ยังแถมขนมจีนน้ำพริกมาอีกด้วย นั่นก็เป็นสิ่งที่เอาไว้แก้บนเสด็จในกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ เช่นกัน

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ความผิดเพี้ยนเหล่านี้ก็จะมีมากขึ้น ผลไม้บนโต๊ะบวงสรวงนั้นจะประกอบไปด้วยกล้วยน้ำว้า มะพร้าวอ่อนและส้มโอ อย่างละ ๑ ก็คือมะพร้าวอ่อน ๑ ผล ส้มโอ ๑ ผล กล้วยน้ำว้า ๑ หวี กล้วยน้ำว้าต้องเป็นกล้วยสุกเท่านั้น แต่ปัจจุบันนี้เห็นหลายที่จัดผลไม้ ๙ อย่างมาบ้าง ๕ อย่างมาบ้าง ซึ่งเป็นการผิดเพี้ยนไปตามการบวงสรวงของบรรดาพราหมณ์ต่าง ๆ ตลอดจนกระทั่งการไหว้เจ้าจีน ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันเลย

อีกอย่างหนึ่งซึ่งไม่จำเป็นต้องขึ้นโต๊ะก็ได้ก็คือปลาช่อนแป๊ะซะ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการไหว้เจ้าที่ในสถานที่นั้น ถ้ามีศาลเจ้าที่อยู่ เอาไปไหว้ที่ศาลเจ้าที่เลย ไม่ต้องเอามาขึ้นโต๊ะก็ได้

ดังนั้น..ท่านทั้งหลายถ้าหากเห็นว่ามีอะไรมากมายเกินไป นอกเหนือจากที่ครูบาอาจารย์สอนมา ก็ช่วยบอกช่วยกล่าว ช่วยตักเตือนกันด้วย ไม่เช่นนั้นถ้าทิ้งไว้นานไป ความผิดเพี้ยนมีมากขึ้นจนกลายเป็นถูก แล้วท้ายที่สุดของถูกที่แท้จริงก็จะกลายเป็นผิดไป จากที่เมื่อวานเห็นท่านทั้งหลายนำเอาเครื่องบูชารับยันต์เกราะเพชรมาแล้วผิดเพี้ยนไปได้ขนาดนั้น จึงทำให้กระผม/อาตมภาพต้องมาบอกกล่าวไปยันเครื่องบายศรีบูชาครูเสียด้วย

เครื่องบายศรีนั้น ท่านพระมหานันทวัฒน์ เขมธมฺโม ป.ธ. ๖ วัดปากน้ำภาษีเจริญ ท่านศึกษามาด้วยตนเองแล้ว เมื่อกระผม/อาตมภาพตอกย้ำเข้าไปอีกก็กลายเป็นว่าท่านทำถูกตั้งแต่ต้น และโดยเฉพาะท่านรับเป็นเจ้าภาพเครื่องบวงสรวงให้กระผม/อาตมภาพมาหลายปีแล้ว ทั้ง ๆ ที่เครื่องบวงสรวงบายศรีแต่ละชุดนั้นราคาไม่ใช่ถูก ๆ ปัจจุบันนี้เห็นที่เขาจัดกันทั่วไป ต่ำสุดก็อยู่ที่ ๓๕,๐๐๐ บาท แล้วก็เป็นชุดเล็ก ไม่ใช่ใหญ่เต็มที่อย่างที่ท่านพระมหานันทวัฒน์จัดให้กระผม/อาตมภาพอีกด้วย

โดยเฉพาะท่านเองก็เจ็บไข้ได้ป่วย ร่างกายไม่ดีมาก ๆ ก็ยังอุตส่าห์มาตามดูงานจนเสร็จเรียบร้อย และลงมาจุดธูปจุดเทียนไหว้พระในช่วงทำการเป่ายันต์เกราะเพชรอีกต่างหาก จึงต้องขอบพระคุณในน้ำใจของท่านที่มีต่อวัดท่าขนุนด้วยดีตลอดมา

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอาทิตย์ที่ ๘ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-09-2024 เมื่อ 05:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 42 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 22:44



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว