กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ในวาระสำคัญต่าง ๆ

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 06-08-2024, 00:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default ปกิณกธรรมช่วงบวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรม ก่อนทำวัตรเย็น วันอาทิตย์ที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗


ปกิณกธรรมช่วงบวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรม วันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ๒๕๖๗
ก่อนทำวัตรเย็น วันอาทิตย์ที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗


อาตมาตอนเด็ก ๆ ตีกบแทงปลาเป็นเรื่องปกติ แต่กว่าที่ผู้ใหญ่เขาจะสอน ก็มีประสบการณ์ด้วยตัวเอง ก็คือการใช้มีดฟันลงไปในน้ำ ถ้าเป็นน้ำลึกมีดจะแฉลบ เพราะว่าน้ำมีแรงต้าน ถ้าแฉลบพลาดก็โดนตัวเอง จะว่าไปแล้วอาตมาก็แก่มาก ก็เลยแปลกใจว่า ถ้านับตอนเด็ก ๆ ที่ยิงนกตกปลาอยู่เป็นอายุสัก ๕ - ๖ ขวบ ก็แปลว่าผ่านมาแค่ ๖๐ ปีเท่านั้น สัตว์น้ำที่มีจำนวนมากมายมหาศาล ไม่รู้ว่าหายไปไหนหมด..?!

สมัยเด็กไปบ้านป้าที่สวนแตง ปลาว่ายไปมาเต็มท่าน้ำไปหมด อย่างกับวังมัจฉาหน้าวัดสมัยนี้ พอถึงเวลาหน้าปลาสร้อยขึ้น ปลาสร้อยเป็นปลาเกล็ด หน้าตาคล้าย ๆ ปลาตะเพียน แต่ตัวเล็กกว่า ขึ้นมาทีเต็มแม่น้ำเลย ไม่รู้ว่าเป็นแสนเป็นล้านตัวหรือเปล่า ? แล้วก็ไม่ต้องใช้อะไรเลย เอาเข่งไปตักเอา ไม่ต้องใช้เครื่องมือดักปลา แล้วก็เลือกแต่ปลาสร้อยด้วยนะ ปลาอื่นไม่เอา เอามาหมักน้ำปลา ถึงเวลาก็ผ่าอ้อย ๖ ซีก ๘ ซีก รองก้นโอ่งก้นไห เอาปลาสร้อยอัดลงไป สลับกับเกลือ แล้วก็สานไม้ไผ่ปิดปากไว้ ผ่านไป ๑ ปีก็จะได้น้ำปลาน้ำหนึ่ง

ฟังดูแล้วน่ากินมาก แต่ขอโทษ..น้องชายพูดทีเดียวเท่านั้นแหละ อาตมาเลิกกินน้ำปลาไปเลย รู้ไหมว่าเขาพูดว่าอะไร ? เขาบอกว่า "น้ำเหลืองปลา" ของเราก็คนจินตนาการล้ำเลิศ นึกภาพออกเลย ก็คือปลาที่เน่า เลือด น้ำเหลือง อะไรทุกอย่างผสมกัน เสร็จแล้วเราก็เอามาคลุกข้าวกิน..!

ไปนึกถึงลุงมีสัปเหร่อ สมัยก่อนคนไม่ค่อยมีฐานะ พอถึงเวลาตายก็จะเอาศพไปฝากไว้ใน "โรงทึม" สมัยนี้ยังมีคำนี้หรือเปล่า ? เป็นอาคารใหญ่ ๆ ที่เขามุงสังกะสีปิดทึบรอบด้าน มีประตูเข้าด้านเดียว ถึงเวลาก็จะให้โยมเอาโลงศพไปฝากไว้ รอให้มีเงินก่อนแล้วค่อยทำพิธีเผา

คราวนี้บางทีคนเขาก็ทนไม่ได้ กับเรื่องกลิ่นเรื่องอะไร ก็ต้องจ้างสัปเหร่อให้รูดเอาเนื้อศพออก ให้เหลือแต่กระดูก ลุงมีแกก็ทำอาชีพนี้ เจ้าประคุณรุนช่องเถอะ..เสื้อผ้าแกกี่ชุดนี่ จะซักขนาดไหนก็ตาม กลิ่นน้ำเหลืองผีออกไม่หมด พอเปียก ๆ ชื้น ๆ หรือโดนเหงื่อหน่อย ก็จะเหม็นตลบขึ้นมาทันทีเลย..!

พอ ๆ กับจีวรพระสมัยนั้น เพราะว่าพระก็ต้องไปชักผ้าบังสุกุลจากศพ เขาจะทำเป็นเก้าอี้เอน ๆ ลักษณะเหมือนเหมือนกับ "เก้าอี้ฮ่องเต้" สมัยนี้ แล้วก็เอาศพนอนอยู่บนเก้าอี้ มีผ้าไตรพาดอยู่บนมือ แล้วส่วนใหญ่เขาก็ให้พระใหม่ไปชักผ้าบังสุกุลจากศพ เพื่อที่จะได้มีผ้าจีวรใช้ ต้องไปเหยียบตรงด้านหน้าเก้าอี้ เพื่อให้เก้าอี้กระดกขึ้นมา แล้วศพก็ลุกพรวด ยื่นผ้าไตรมาให้..!

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย พิชวัฒน์ : 28-08-2024 เมื่อ 07:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 15 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 06-08-2024, 00:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เพราะฉะนั้น..พระใหม่ที่เข้าไปจะต้องไปตัดไม้ค้ำมาหนึ่งอัน ก็คือเป็นไม้ง่ามที่ถือได้ถนัดมือ พอศพพรวดขึ้นมา ก็เอาไม้ง่ามค้ำคอศพไว้ เสร็จแล้วก็ "อนิจจา วต สังขาราฯ" ชักผ้ามา คราวนี้ผ้าพาดอยู่กับศพ บางทีก็ตายหลายวัน ศพก็เน่าก็เปื่อย น้ำเหลืองซึมเข้าไปในผ้า ถึงเวลาซักขนาดไหน ตากขนาดไหนก็ตาม กลิ่นหมดแค่ตอนนั้น พอเปียกเหงื่อหรือว่าชื้น ๆ หน่อย กลิ่นผีตายจะออกมาชัดมากเลย..!

สมัยโบราณเขาถึงได้บอกว่า ของที่เหม็นที่สุดในโลกมีสองอย่าง อย่างแรกคือขี้อีแร้ง อย่างที่สองคือจีวรพระ อีแร้งกินแต่ซากสัตว์ คุณค่าทางอาหารก็คงจะมีน้อยอยู่แล้ว ถึงเวลาถ่ายออกมาก็เหม็นมาก เหม็นอย่างชนิดไม่มีใครอยากเข้าใกล้ไปแถวรังอีแร้ง ส่วนจีวรพระเหม็นเพราะน้ำเหลืองผี อาตมาทุกวันนี้ได้กลิ่นเมื่อไร จะจำได้ทันทีว่านี่กลิ่นศพแน่นอน..!

ย้อนกลับไปที่สัปเหร่อลุงมี แกจะมีมีดหมอติดตัวอยู่ เป็นมีดซุย ลักษณะเหมือนอย่างกับมีดใช้งานธรรมดานี่แหละ แต่ว่าด้ามโค้ง ๆ ลงมาเหมือนด้ามปืน แกก็ใช้ของแกทุกวัน ลับเสียขาววับเลย เวลาจะสะกดผีจะอะไรแกก็ใช้มีดเล่มนั้น ถึงเวลาไปรูดเนื้อออกจากกระดูกแกก็เอามีดเล่มนั้นนั่นแหละ เลาะเนื้อเลาะกระดูก ทำความสะอาดเสร็จสรรพเรียบร้อยก็เอามาใช้หั่นหมู หั่นปลา ทำกับข้าว..!

เด็ก ๆ อย่างพวกเรา กลัวก็กลัว แต่ก็เมียงมองเข้าไป แกก็เป็นคนใจดี ปอกมะม่วงเสร็จ "เอ้า..ไอ้หนู ลุงแบ่งให้" กูวิ่งหนีเลย..! แกก็ใช้ไอ้มีดเล่มนั้นแหละ..! ล้างสะอาดขนาดไหนเราก็รู้สึก บรื๋ออว์..เพิ่งจะใช้ลอกเนื้อผีมาไม่นาน..ใช่ไหม..?!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-08-2024 เมื่อ 02:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 17 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 06-08-2024, 00:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ชีวิตสมัยก่อนนี่เงินติดบ้านแทบจะไม่มี เพราะส่วนใหญ่หาอยู่หากินกับหัวไร่ชายนาตัวเอง ไม่ว่าจะพืช จะผัก จะสัตว์ จะอะไร นาน ๆ ทีก็จะมีบ้านโน้นฆ่าหมู บ้านนี้ล้มวัว มีงานใหญ่ ก็จะมีคนเข้าไปขอซื้อ

ขอซื้อสมัยก่อนไม่ได้มีการชั่งน้ำหนัก เขาเรียกเป็น "พูด" เคยได้ยินไหม ? คำว่าพูดก็คือไปพูดว่า "กูจะเอา" เนื้อพูดหนึ่งดูจากด้วยสายตาของเรา กะ ๆ ก็ประมาณกิโลกว่าถึงสองกิโล บางทีก็ประเภทติดหนี้กันยันลูกบวช ก็ยังไม่ได้ใช้ค่าเนื้อให้เขาเลย เพราะว่าไม่ค่อยมีสะตุ้งสตางค์กัน

สมัยนั้นบ้านใครมีเงินถึงหนึ่งชั่งนี่โคตรรวยเลย..! หนึ่งชั่งเท่ากับแค่ ๘๐ บาทสมัยนั้น เป็นเหรียญบาทใหญ่ ๆ เพราะฉะนั้น..คนไหนเป็น "สาวน้อยร้อยชั่ง" ก็ขึ้นคานไปเถอะ..หาคนแต่งไม่ได้หรอก..แพงฉิบหายเลย..! รู้หรือยังว่าเป็นสาวน้อยร้อยชั่งนี่ไม่ใช่ว่าสวยเลือกได้นะ..เลือกไม่ได้ ต้องคนฐานะดีพอถึงจะมาขอแต่งงานได้

ส่วนสมัยนี้สาวน้อยร้อยชั่งมีเยอะมาก ลองไปชั่งดูเถอะ เกินร้อยด้วย..! ข้าวปลาอาหารดีเกินหรืออย่างไร ? ไปทางด้านโน้นก็สาวน้อยร้อยชั่ง มาทางด้านนี้ก็สาวน้อยร้อยชั่ง ดูแล้วสบายตาดีมาก..!

พกบทสวดเอาไว้ด้วยนะ จักกิวังสะทะสะมะปะระเมนทะมะหาราชาภิถุติคาถา เดี๋ยวจะได้สวดต่อจากทำวัตรเย็น ซึ่งปกติแล้วเขาให้สวดทุกวันจันทร์ แต่วัดท่าขนุนสวดถวายเป็นพระราชกุศลทุกวัน สวดจนอาตมาที่อยู่บ้างไม่อยู่บ้าง ฟังบ้างไม่ฟังบ้าง ยังสวดจะได้หมดอยู่แล้ว

คราวนี้ที่พูดถึงคือว่า หกสิบปีผ่านไปบ้านเมืองเปลี่ยนแปลงไปไกลมาก ถามว่าไกลขนาดไหน ? ตอนอาตมาอายุประมาณ ๖ - ๗ ขวบ มีรถยนต์คันแรกเข้ามาในหมู่บ้าน ก็ถอยหลังไปราว ๆ ๖๐ ปี เชื่อไหมว่าเด็กทั้งหมู่บ้านวิ่งตามรถยนต์ไปดมควันท่อไอเสีย ? กลิ่นหอมดี..ตลกมากเลย..! แล้วตอนนั้นรู้สึกว่าหอมมากด้วย เพราะว่าเขาใช้น้ำมันเบนซิน..!

รถเมล์ก็มีวิ่งวันละหนึ่งเที่ยว จากบ้านที่กำแพงแสน ระยะทาง ๓๖ กิโลเมตรจะถึงตัวเมืองนครปฐม รถใช้เวลาวิ่งหนึ่งวัน..! เดินอาจจะเร็วกว่ากระมัง ? ระยะทาง ๓๖ กิโลเมตรนี่..อาตมาเดินอย่างสบาย ๆ ใช้เวลาห้าชั่วโมงก็ถึงแล้ว

ด้วยความที่เป็นคนสองโลก ก็คือโลกโบราณกับโลกปัจจุบัน ได้เห็นอะไรมามาก คนประเภทนี้ถ้าหากว่าทำใจไม่ได้ จะเกิดอาการที่ฝรั่งเรียกว่า future shock ก็คือเจอความเจริญแล้วก็ตกใจสลบเหมือด..รับไม่ได้..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-08-2024 เมื่อ 02:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 15 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 06-08-2024, 00:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ไม่ต้องเอาอะไรหรอก ประมาณปี ๒๕๒๑ อาตมาเข้าไปทำงานในกรุงเทพฯ ตอนนั้นโทรศัพท์บ้านหายากมาก ใครต้องการต้องไปวางมัดจำ ๓,๐๐๐ บาท แล้วก็รอไป ๗ ชั่วโคตร..! ว่าเมื่อไรจะถึงคิวของเราที่จะได้เบอร์ ? พอกระทรวงคมนาคมมาขยายโทรศัพท์บ้าน ๑ ล้านหมายเลข ขยายได้ไม่เท่าไร ก็มีโทรศัพท์มือถือออกมา น่าสงสารโทรศัพท์บ้านมากเลย..!

ชาวบ้านทั่ว ๆ ไปเริ่มจะมีโทรศัพท์พื้นฐานใช้ ปรากฏว่ามือถือมา เป็นอะไรที่รู้สึกว่าย้อนแย้งประชดชีวิตมาก องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยก่อนหน้านี้เป็น "เสือนอนกิน" เก็บคนละ ๓,๐๐๐ บาท เอาไปออกดอกได้เท่าไรก็ไม่รู้ ? แล้วก็หาเบอร์โทรศัพท์ให้ชาวบ้านแต่ละปีได้ไม่เท่าไร พอโครงการเบอร์โทรศัพท์ ๑ ล้านหมายเลขมาถึง องค์การโทรศัพท์แทบจะเจ๊ง เพราะว่าชาวบ้านหันไปซื้อโทรศัพท์มือถือกันหมดแล้ว..!

มือถือเครื่องแรกที่เข้ามามีขนาดใหญ่ราว ๆ กระเป๋าเอกสาร แล้วก็มีตัวโทรศัพท์ห้อยอยู่ด้านข้าง ยี่ห้อ Ericsson ราคา ๘๐,๐๐๐ บาท ต้องไปตั้งเสาอากาศก่อนถึงจะใช้งานได้ ลูกศิษย์เขาสั่งซื้อมาถวายหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง

ตอนเจ้าหน้าที่มาติดตั้งหลวงพ่อท่านไม่อยู่ ท่านไปรับสังฆทานที่บ้านสายลม เจ้าหน้าที่เขาบอกว่า "ต้องมีคนมาศึกษาระบบครับ ถึงเวลาจะได้เรียนถวายหลวงพ่อท่านได้" พระทั้งวัดท่าซุงก็ผลักอาตมาออกหน้าไป อาตมาต้องศึกษาการใช้จนเสร็จสรรพเรียบร้อย พอหลวงพ่อกลับมาจากบ้านสายลม

วันรุ่งขึ้นก่อนเพลก็เข้าไปถวายรายงานว่า "ช่างเขามาติดตั้งโทรศัพท์ให้แล้ว มีวิธีใช้แบบนี้ ขออนุญาตเรียนถวายหลวงพ่อครับ" แล้วก็บอกท่านว่าต้องกดอย่างไร ? โทรออกอย่างไร ? ตอนรับเข้ารับอย่างไร ? บันทึกเสียงอย่างไร ? พอบอกเสร็จเรียบร้อยหลวงพ่อก็ "เออ..ขอบใจมาก เมื่อวานช่างไปบอกข้าที่กรุงเทพฯ แล้ว" ถ้าตูจำผิดนี่ตายแน่เลย..! เอ้า..แค่นี้นะ..ทำวัตรกันก่อน

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
ปกิณกธรรมช่วงบวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรม วันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ๒๕๖๗ ณ วัดท่าขนุน
ก่อนทำวัตรเย็น วันอาทิตย์ที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย ทะเล และ นาทาม)

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-08-2024 เมื่อ 02:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 17 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 22:53



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว